เที่ยว London > Lake District > Cotswolds [ตอนที่ 1] นั่งเครื่องบิน Jet-lag เที่ยว London ดูMusical Play

คราวนี้จะเรียบเรียงไม่เหมือนตอนที่แล้วนะครับ เพราะคนเขียนเนื้อหาหลักๆเป็นภรรยาผมเอง 555 ส่วนผมจะคอยแทรกเรื่องราวในบางจุดที่น่าสนใจหรือตกหล่นไปแทน เลยจะเหมือนมี 2แนวเขียนนะครับ อาจงงๆหน่อย หัวเราะ ชอบไม่ชอบยังไง comment มาได้ครับ จะได้ปรับในตอนต่อๆไป


ก่อนหน้าแต่งงานก็คุยกันเรื่องฮันนีมูนกันหลายครั้ง ตัวเราเองอยากไปโรมาเนีย เพราะดูดิบๆเดิมๆ ไม่ค่อยปรุงแต่ง ที่สำคัญค่าครองชีพพอๆกับไทยเลย ส่วนคุณผู้ชายกลัวว่าจะลำบากในเรื่องของภาษากับวัฒนธรรม เนื่องจากประเทศเขายังเปิดไม่นาน ไม่แน่ใจว่าคุ้นเคยกับคนต่างชาติดีแค่ไหน สุดท้ายจึงสรุปมาลงว่า UK แล้วกัน เพราะคุณผู้ชายเคยเรียนอยู่อังกฤษ ถ้าเที่ยวกันเองสามารถพาเที่ยวและเอาตัวรอดได้สบาย......พอมาลงรายละเอียดกันจริงๆ คุณผู้ชายถึงกับปวดขมับ เพราะสถานที่ๆนุชจิ้ม อยู่ไกลกันเหลือเกิน (เค้าไม่รู้นี่นา ดูจากรีวิวต่างๆแล้วมาปะติดปะต่อกันเอง) สุดท้าย UK อะไม่ได้ไปแหล่ะ อยู่แค่อังกฤษเท่านั้นเอง

"จริงๆต้องขอเรียกว่าได้ไปแค่ส่วนนึงของ UK ดีกว่าครับ จากการที่หาข้อมูลมา มีหลายๆคนสงสัยว่า England, Great Britain, United Kingdom นั้นต่างกันอย่างไร? ผมขออธิบายตามที่ได้ข้อมูลมานะครับว่าต่างกันอย่างไร United Kingdom นั้นจะประกอบด้วยประเทศ England, Scotland, Wales และ North Ireland ครับ ซึ่งจะมีประมุของค์เดียวกันคือ Queen Elizabeth ที่2 ครับ ส่วน Great Britain นั้นจะหมายถึงประเทศที่อยู่บนเกาะ บริเตนใหญ่ นั้นก็คือ England, Scotland และ Wales ครับ ส่วน England นั้นเป็นชื่อประเทศ 1 ในกลุ่ม United Kingdom ครับ"

นุชไม่เคยไปอังกฤษหรือยุโรปเลยสักครั้งค่ะ แต่ขอไปที่ๆทัวร์จะไม่พาไป เพราะในอนาคตยังมีโอกาสอีก ขอไปเที่ยวที่ๆมีโอกาสไปก็ต่อเมื่อไปกันแค่สองคน


วันที่ 1 ออกเดินทาง (10/04/14)
8:30 น. เตรียมตัวพร้อมออกจากบ้าน ใบขวาของนุชเองขนาด 30” ใส่ไม่เต็มนะค่ะ เผื่อช้อปปิ้ง นน.15 กก. ส่วนใบซ้ายของคุณผู้ชาย นน.14 ก.ก. ....แต่สลับกันถือ >.<



10: 00 น.  ถึงสนามบินสุวรรณภูมิเดินทางด้วย EVA Air คิวเช็คอินกำลังยาวได้ที่เลย โชคดี ที่มีเจ้าหน้าที่อาวุโสท่านนึง เชิญให้ลองใช้บริการ Check in อัตโนมัติ และพาเข้าช่องโหลดกระเป๋า VIP สบายตัวเลย ประทับใจมากค่ะ
12: 50 น. ขึ้นเครื่อง ใช้ระยะเวลาทั้งหมด 12ชม. ตอนอยู่บนเครื่องก็นอนไม่ค่อยหลับ เพราะมีผู้หญิงฝรั่งคนข้างหลังคอยถีบเบาะ และเอาเท้ามาวางไปช่องวางแขนระหว่างเบาะของเรากับสามีอยู่เรื่อยๆ เข้าใจว่าเมื่อย แต่เรื่องมารยาทก็ต้องมีกันบ้าง หงุดหงิดมากค่ะ แต่ภาษาไม่แข็งแรง ด่าไม่ออก ถ้าเป็นคนไทยด้วยกันจัดเต็มไปแล้วหล่ะ (เอาหล่ะสิ แค่เริ่มฮันนีมูนก็เจอเรื่องให้หงุดหงิดซะแล้วสิเรา)

"สุดท้ายมารู้เอาว่าเขาไม่ได้ถีบเบาะนะครับ แต่เขาจิ้มจอ Touch Screen ที่หลังเบาะเราแบบรุนแรงเท่านั้นเอง ทำให้เวลานั่งเหมือนมีใครมาพลักเบาะหลังเราเป็นจังหวะตลอดเวลา แต่ส่วนเรื่องการเอาเท้าสอดเข้ามาที่ช่องระหว่าเบาะนี่ ผมเจอมาสองสามรอบแล้วครับ คราวนี้ยังดีผมหันไปมองแล้วเขาคงรู้สึกตัวเลยเอาลงให้ ถ้าเจอพวกที่หันไปแล้วหลับยาวนี่หนักเลยครับ"

19:15 น. ถึง Heathrow รอกระเป๋านานมากกก จนหลายคนปักหลักนั่งกับพื้นรอกันเลย
เมื่อรับกระเป๋าเสร็จเรียบร้อย ตามแผนของเราก็คือ เรียกบริการของ Uber (“เตรียม Promotion มาจากเมืองไทยเรียบร้อย คุ้มๆๆ” คิดในใจ) ปรากฏว่าติดปัญหา SMS Verified ไม่เข้า คิดว่าเป็นเพราะหมายเลขโทรศัพท์เมืองไทย เปลี่ยนเป็นซิมของอังกฤษ ก็ไม่ได้อยู่ดี (เซ็งเลย....เพื่อนๆคนไหนคิดจะใช้บริการ Uber ให้ใช้บริการที่ไทยครั้งหนึ่งก่อนนะค่ะ เพราะ Verify แค่ครั้งเดียว)
สุดท้ายจึงเดินทางไปโรงแรมด้วยบริการรถไฟใต้ดิน...คุณผู้ชายเตรียม Oyster Card เอาไว้ให้ตั้งแต่ที่เมืองไทยแล้ว...นั่งรถไฟชิวๆประมาณ 1 ชม. ก็ถึงโรงแรมค่ะ

"Oyster Card นั้นสามารถสั่งให้ส่งมาที่ไทยได้ก่อนนะครับ แต่จะเสียค่าส่งนิดหน่อย ซึ่งตอนนั้นเผื่อไว้ว่าลง flight ดึกๆแล้วจำเป็นต้องนั่ง tube จะหาซื้อ Oyster ลำบากน่ะครับ เข้าไปดูได้ที่ http://visitorshop.tfl.gov.uk/oystercard/product/oyster-card.html ซึ่งจะได้มาเป็นแบบ Oyster Visitor นะครับ ต่างกับ Oyster ปกติตรงลวดลายบนบัตรที่แบบ Visitor นั้นจะสวยงามกว่า และแบบ Visitor นั้นไม่มี Deposit ค่าการ์ดครับ เหมาจ่ายซื้อไปสำหรับสะสมเป็นที่ระลึกเลย 3pounds แต่ถ้าเป็น Oyster แบบบัตรฟ้าธรรมดานั้นจะมี Deposit ค่าการ์ด 5pounds แต่เอาเงิน Deposit คืนได้เมื่อคืนการ์ดครับ สามารถขอ Refund ค่าบัตรคืนได้ที่ Tube Station ครับ ... ส่วนใน London นั้นสามารถลากกระเป๋าเดินทางได้สบายๆครับ เพราะ footpath นั้นมีทางลาดขึ้นลงตลอดทุกแยกและทางม้าลาย ขอบฟุตบาทไม่สูงแบบของบ้านเราครับ เพราะเขาไว้ให้คนนั่ง Wheelchair สามารถขึ้นลงได้เองครับ"

22:00 น. ถึงโรงแรม, ที่พักสองคืนแรกเป็น Budget Hotel “Travelodge” เช็คอินเสร็จเรียบร้อย สลบกันทันที เพราะตอนอยู่บนเครื่องแทบไม่ได้นอนเลย

Travelodge (CoventGarden) ที่พักสองคืนแรก


วันที่ 2 Look Around London (11/04/14)
6:00 น. ตื่นแต่เช้า ตามเสียงท้องร้องจ๊อกๆ...เราไม่ได้เลือกทานอาหารของโรงแรม เพราะอยากลองไปเดินหาอาหาร Local ทานค่ะ

8:30 น. เดินออกจากโรงแรม เป้าหมายคือ
    1.หาอาหารเช้า
    2.หาซิม O2 นั่นสิทำไมต้อง O2 เพราะรีวิวเขาบอกว่า Cover Area เยอะสุด และตอนที่คุณผู้ชายอยู่ที่นี่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ก็เป็นเครือข่ายที่ดีกที่สุด แต่เอ...กระจายความเสี่ยงกันหน่อยไหม แต่สุดท้ายก้อใช้ O2 ทั้งหมด 2 ซิม (โทรศัพท์ 1+Tablet อีก 1)

"สำหรับเรื่อง sim card ขอแนะนำอีกระบบนะครับ นั้นคือ giffgaff เจ้านี้มีดีที่ tariff ราคาถูกและใช้เครือข่ายเดียวกับ O2 ครับ ลองเข้าไปดูได้ที่ http://giffgaff.com/ เขามี tariff แบบ data unlimited ด้วยครับ แต่เจ้านี้ไม่มีหน้าร้านต้องสั่ง sim มาจากใน net ซึ่งผมได้สั่งไว้ให้ส่งมาที่โรงแรมก่อนล่วงหน้าประมาณ 4วันก่อนเดินทางครับ ซึ่งทาง Travelodge ก็เก็บไว้ให้ตอนผมเช็คอิน การ Activate นั้นจะต้องใช้ internet และบัตรเครดิตนะครับ ใครที่ใช้บัตรของไทยอาจต้องระวังเรื่องเวลาจ่ายเงินแล้วทางระบบส่ง One Time Password มาให้ทาง SMS นะครับ ไม่งั้นจะต้องเปลี่ยนซิมไปมางงแย่เลย โชคดีที่ผมมีเครื่องของภรรยาเลยสลับ sim ผมไปใส่อีกเครื่อง"

เดินวนไปวนมาหาร้านขายซิมกับอาหารเช้าแถวๆ Oxford Street ยัน China Town หารัยกินไม่ได้ ร้านต่างๆที่เดินไป เปิด 11 โมงแทบจะทั้งนั้นเลย รวมถึงร้านขายซิมโทรศัพท์ด้วย
10:30 น. ได้ทานอาหารเช้าเป็นร้าน Fish and Chip แถว Oxford Circus ใกล้ๆโรงแรมที่เปิดตั้งแต่ 7:30น. ที่เราเดินผ่านไปเพราะไม่น่ากิน พอได้กินจริงๆก็ไม่อร่อยๆจริงๆอ่ะ อมน้ำมันมาก ไม่อร่อยเลย

11:00 น. ซื้อซิมเรียบร้อย และมุ่งหน้ากลับโรงแรมไปนั่งอ่านคู่มือ และ Setting Service wifi (ซึ่งแทบไม่มีสัญญาณให้ใช้เลย)
12:00 น. หลังจากศึกษาวิธีการใช้ และโปรโมชั่นต่างๆของซิม เรียบร้อยแล้วก็ลุยต่อ…
จุดหมายต่อมาของวันนี้คือ Portobello Road Market ที่ Nothing Hill ที่ตลาดนี้จะคึกคักที่สุดวันเสาร์ค่ะ แต่ตามโปรแกรมเราต้องไป Lake District กันแล้ว เลยรีบมาวันนี้เลย
เป็นตลาดส่วนมากจะขายของเก่า, เสื้อกันหนาวมือสอง ขนม และก็ของจุกจิกที่สามารถหาได้ที่บ้านเราตามประสำเพ็งกับประตูน้ำค่ะ



และแล้วเราสองคนก็สะดุดตากับร้านนี้ค่ะ “The Duke of Wellington” ด้วยคำโฆษณาหน้าร้าน “Best Fish & Chips in Nothing Hill”

Fish and Chips อีกแล้ว!!!...ถูกต้องค่ะ แหม๋..โฆษณาซะขนาดนี้ก็ต้องลองสักหน่อย ในฐานะเป็น Fish and Chips Lover…..ผลปรากฏว่า “คุณหลอกดาว...ฮือๆ”  รสชาติไม่ต่างจากร้านเมื่อเช้านี้เลยค่ะ อมน้ำมันมาก เลยต้องดื่มเบียร์แก้เลี่ยนกันสักหน่อย 555

ระหว่างทางเดินเจอร้าน Pizza ข้างทางน่ากินมาก...รู้งี้เก็บท้องกิน Pizza ดีก่า T^T

"การซื้อตั๋ว Musical Play นั้นสามารถหาได้ไม่ยากครับ เดินดูได้ตรง Leicester Square เลยจะมีให้เลือกหลายจุดมาก แต่เช็คราคาดีๆนะครับ บางเรื่องราคาถูก บางเรื่องราคาแพง ถ้าเทียบกับไปซื้อที่ Ticket Booth หน้าโรงเลย ซึ่งเรื่อง Wicked นั้นไปซื้อที่หน้าโรงถูกกว่าซื้อที่ Agent ครับ และเรื่องนี้จองผ่าน web เลยมีค่า fee อีก 3pounds ด้วย สรุปยอมเดินไปซื้อหน้าโรงถูกสุด อิอิ"

17:30 น. ไปซื้อตั๋ว Musical เรื่อง Wicked ที่หน้าโรงค่ะ....เดิมทีไม่ได้ตั้งใจว่าจะมาดู Musical ที่นี่ เพราะไม่มีเรื่องที่อยากดู ระหว่างทางไปรถไฟใต้ดิน เจอป้ายโฆษณา Wicked แทบกรี๊ด เพราะชอบเพลง Defying Gravity ของเรื่องนี้มาก ถึงแม้ว่า Elphaba (ตัวละครหลักในเรื่อง Wicked) จะไม่ใช่ Idina Menzel ก็ตาม
ระหว่างรอละครเริ่มอีก  2 ชม. ก็เดินเล่นหามื้อเย็นทานแถวโรงละคร ซึ่งนั่นก้อคือ ไก่ย่าง ร้าน Nando’s คุณผู้ชายสั่งแบบเผ็ดสุด เพราะ he จำได้ว่ามันไม่ค่อยเผ็ด แต่พอเอาเข้าจริงๆ เผ็ดมากกก แต่ก็อร่อยดีค่ะ ยกเว้นข้าวผัดพริกที่เป็นเครื่องเคียง...เข้าปากคำแรกนึกว่าอาหารไก่ (เคยกินเร๊อะ!!) ทั้งแห้ง แข็ง สาก -*-

"หลังจากกินNandoเสร็จยังพอมีเวลาเหลือนิดหน่อย เลยรีบๆเดินพาไปดู Buckingham Palace กัน ซึ่งระยะเดินจากโรงละครตรง Victoria ไป Buckingham นั้นไม่ไกลมา แต่ก็สุดท้าย รีบจ้ำกลับมาดูไม่ทัน โรงละครที่นี่ ไม่จำเป็นอย่ามาเลทครับ เพราะเวลานั่งนั้นหัวเข่าเราแทบจะชนพนักพิงคนข้างหน้า ถ้าเข้าโรงละครช้านี่ คนนั่งจะหลบทางให้เข้ายากมากครับ โหดกว่าโรงหนังบ้านเราเยอะ"

19:30 น. ถึงเวลาที่รอคอย คือ Wicked นั่นเอง เกือบเข้าโรงละครไม่ทันเพราะแถวต่อคิวเข้าห้องน้ำยาวมาก พอออกมาจากห้องน้ำงงเลย คนหายไปไหนกันหมด แถวที่ยาวๆต่อจากเราไปเมื่อสักครู่กลายเป็นภาพลวงตา...เข้าช้ากว่าขาวบ้านเขาแล้วอยู่ตรงกลาง เกรงใจมากอ่ะ เพราะทางเดินแคบมาก เดินแทบไม่ได้เลย ทุกคนต้องช่วยกันหลบสุดชีวิต พอได้นั่งก็มองไปรอบๆ คนเต็มโรงค่ะ ดูแล้วจะเป็นคน Local มากกว่าเป็นนักท่องเที่ยว เนื่องจากละครเรื่องนี้เพิ่งจะเล่นที่ London

หลังดูจบประทับใจมากค่ะ ดีใจได้ไม่พลาดโอกาสได้มาดู เพลงเพราะ โรงละคร Slope ที่นั่งดีกว่ารัชดาลัยบ้านเราเยอะ(เพราะที่นั่งแคบมาก) ถึงจะอยู่ชั้น 2 แถวหลังๆ (มี 3 ชั้น) แต่ก็ไม่รู้สึกว่าอยู่ไกล เห็นเวที และสีหน้านักแสดงชัดเจนดีค่ะ แต่ที่นั่งเล็ก ไม่สบายเหมือนบ้านเรา ถึงแม้ว่าหลังสามทุ่มไปแล้ว จะดูรู้เรื่องบางไม่รู้เรื่องบ้าง เพราะเริ่มมีอาการหลับใน (ถ้าเป็นเมืองไทยก็ตีสามเข้าไปแล้ววววว)
กว่าจะถึงโรงแรมประมาณ 5 ทุ่ม ลากสังขารอาบน้ำได้ก็สลบเลยค่ะ...เตรียมเก็บแรงตื่นเช้าไว้ออกเดินทางไป Lake District วันพรุ่งนี้ ตื่นเต้นๆๆ

ขอจบตอนแรกเที่ยว London แต่เพียงเท่านี้นะครับ สามารถ comment แนะนำหรือ พูดคุยกันได้นะครับ แล้วจะต่อตอนที่ 2 เที่ยว Lake District เร็วๆนี้ ขอปั่นงานเขียนก่อนนะคร้าบ ร้องไห้

By
ChattO+Nuzz - http://www.groovykidsshop.com


ตอนก่อนหน้านี้
http://pantip.com/topic/31963382
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่