แบกเป้เที่ยว 61 ประเทศ กับครูจิน ตอนที่ 4 เซี่ยงไฮ้

เซี่ยงไฮ้ (Shanghai)

หลังจากซื้อความฉลาดให้ตัวเองแล้ว ในที่สุดก็ได้บิน แหะ ๆ บิน กรุงเทพ – เซี่ยงไฮ้ ถึงเซี่ยงไฮ้ประมาณทุ่มกว่า (เวลาของที่นู่น) และต้องรอไฟล์ต่อ จากเซี่ยงไฮ้ไปโรม ตอน 8 โมงเช้าของวันถัดไป มีเวลาตั้ง 1 คืน จะให้รอที่แอร์พอร์ตก็คงจะน่าเบื่อเกินไป เลยตัดสินใจฝากกระเป๋าที่สนามบิน อันนี้จะมีป้ายบอกว่า Bag Deposit (อ่ะ แทรกความรู้ภาษาอังกฤษให้แย้วนะ อิอิ) จำได้ว่าฝาก 8 ชั่วโมง จ่ายไป 15 หยวน หนึ่งหยวน ก็ประมาณ ห้าบาทไทย แล้วก็ออกไปหารถเข้าเมืองทันที

จากอากาศที่กรุงเทพฯ ประมาณ 40 องศา พอเดินออกสนามบินที่เซี่ยงไฮ้ คืนนี้อากาศที่ 0 องศา เกือบปรับตัวไม่ทัน หนาวมั่ก ๆ คนที่นั่นพอพูดอังกฤษได้บ้าง แต่เป็นปกติของคนจีนส่วนใหญ่ ที่มักจะพูดไม่ได้เลย แถมไม่ค่อยมีป้ายเป็นอังกฤษด้วย มีแต่จีน ๆๆๆ ซึ่งก็อ่านไม่ออก ดังนั้นกว่าจะหารถเข้าเมืองได้ ก็ใช้เวลาพอสมควร เพราะไม่มีป้ายบอกเป็นภาษาอังกฤษ และถามคนแถวนั้นก็พูดกันไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่สุดท้ายก็ได้ไป ไปไหน ยังไงก็ไม่รู้ ที่รู้คือขอให้ได้ไป ><”

ก็พยายามบอกคนขับว่าจอดกลางใจเมืองให้หน่อย แต่คิดว่าเค้าไม่เข้าใจ สรุปคือ เค้าเอาไปลงไหนไม่รู้ แต่คิดว่าไม่ใช่กลางใจเมืองแน่ ๆ ><”
ยังไงก็ตาม ก็ไม่ได้มีจุดหมายอะไรอยู่แล้ว แค่อยากจะฆ่าเวลา ก็เลยเดินเตร็ดเตร่ไปเรื่อย ๆ แวะดูของในห้างแห่งหนึ่ง (อยู่ข้างนอกมันหนาว เลยเข้าห้างไปงั้น ๆ ) จนประมาณ ห้าทุ่มห้างนั้นก็ปิด ก็เดินไปเรื่อย ๆ จนไปเจอร้านบะหมี่ ก็เลยคิดว่าแวะร้านนี้แหล่ะ นั่งกินและนั่งเล่นไปชิว ๆ ที่ร้านบะหมี่นี่แหล่ะ ที่ทำให้ได้เห็นชีวิตอีกแบบหนึ่งของคนแถวนั้น มันเป็นร้านที่เปิด 24 ชั่วโมงอ่า

เซี่ยงไฮ้ เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของจีน อารมณ์คล้าย ๆ กรุงเทพฯ บ้านเรา ถึงจะไม่ใช่กลางใจเมือง และอากาศหนาว แต่ก็ยังเห็นผู้คนเดินไปมาตามถนน ตลอดทั้งคืน

ที่ร้านบะหมี่เอง ที่จริงก็กะฆ่าเวลาโดยการสั่งของมากินเรื่อย ๆ แต่ก็เห็นมีคนเดินเข้ามา สั่งน้ำ 1 แก้ว แล้วก็นอนในร้านเลย ไม่ได้มีแค่คนเดียว แต่หลาย ๆ คน และทางร้านก็เหมือนจะชิน เค้าก็ไม่ได้ไล่คนที่นอนในร้านออกไป การได้เห็นอะไรแบบนั้น ก็ถือเป็นเรื่องแปลก เพราะคนที่เข้ามานอนในร้าน เค้าไม่ได้แค่นั่งงีบนะ เค้านอนจริง ๆ ตามที่เห็นในภาพ แล้วก็ไม่ได้มีคนเดียว มีหลาย ๆ คน แต่ถ่ายรูปมาได้แค่นี้ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า คนพวกนั้น เป็นคนเร่ร่อน (ที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Homeless people) หรือว่าแค่มาทำธุระในเมือง หรืออะไรยังไง แต่ที่แน่ ๆ ก็มีตัวเรานี่แหล่ะ ที่ไปนั่งรอในร้านบะหมี่ร้านนั้น ให้ถึงเช้า เพื่อรอไปสนามบิน ก็นั่งเล่นในร้านนั้น และสั่งบะหมี่ (ที่รสชาติแย่ ๆ) มากิน 2 ชาม น้ำ 2 แก้ว หมดไปประมาณ 65 หยวน ตอนตีสี่ครึ่งก็เดินออกจากร้าน และพยายามหาคนที่พูดอังกฤษได้ เพื่อถามทางไปสถานีรถไฟใต้ดิน หนาวมากกก แต่โชคดี ที่สถานีรถไฟไปสนามบิน อยู่ไม่ไกลจากร้านบะหมี่มากนัก

หนึ่งคืน ในร้านบะหมี่ ที่เซี่ยงไฮ้ ก็ทำให้คิดได้ ว่าที่จริงแล้ว ชีวิตเราก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย ที่จะทำให้เรามีความสุข แค่มีที่นอนนุ่ม ๆ ในห้องนอนอุ่น ๆ เมื่อหนาว หรือห้องนอนที่เย็นสบายเมื่อร้อน ก็ทำให้เรามีความสุขได้มากกว่าคนจำนวนไม่น้อย

ชีวิตที่ไม่รู้ว่า “คืนนี้จะนอนที่ไหน” สำหรับ นักเดินทาง ก็ถือเป็นเรื่องของการผจญภัย และก็เป็นแค่ช่วงเวลาหนึ่ง ที่พวกเขาเลือกที่ใช้ชีวิตแบบนั้น (เหมือนครูจิน ตอนไปเที่ยว) แต่ชีวิตที่ไม่รู้ว่า “คืนนี้จะนอนที่ไหน” สำหรับ homeless people ก็คงเป็นชีวิตที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่

ดังนั้น ช่วงนี้ ถ้าไม่มีเงินซื้อมือถือใหม่ รถใหม่ มีปัญหานั่นนี่นู่นมากมาย ก็อย่าไปคิดว่าชีวิตตัวเองลำบาก ถ้ายังมีห้องนอนของตัวเอง ที่นอนที่คุ้นเคย มีอาหารเมื่อหิว เท่านี้ ชีวิตคุณก็ดีพอแล้ว

A student once asked his teacher:
«Master, what is enlightenment?»

The master replied:
«When hungry, eat. When tired, sleep.

~ Zen Story


-ครูจิน-
GEE English Academy

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่