ข่าวแบบนี้หมายถึงผู้หญิงเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องข่มขื่นเหรอคะ?

แปะห้องแป้ง แท๊กไม่เกี่ยวข้อง แต่อยากให้สาวๆ มาแสดงความเห็นกันเยอะๆ ค่ะ ยิ้ม
*************************************************
http://www.dailynews.co.th/Content/Article/232278/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B8%82%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%99%3F%3F%E2%80%98%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%82%E0%B8%B7%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E2%80%99%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B9%88-%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B9%87+%E2%80%98%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%87!!%E2%80%99

**************************************************

เมื่อวานนี้ได้อ่านโพสต์ของเพื่อนใน Facebook ด้วยความรู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูก เพราะเป็นช่วงที่มีข่าวคนท้องถูกทำร้าย โดยถูกถีบรถมอเจอร์ไซต์ล้มจนขาหัก แล้วก็โดนแฝดนรกรุมโทรมก่อนจะชิงทรัพย์หนีไปที่ภูเก็ตพอดี แล้วก็ได้มาอ่านบทความ”สังคมไทยเกิดอะไรขึ้น?? ข่มขืนไม่เลือก เมื่อไหร่-ที่ไหนก็เสี่ยง”ในเดลินิวส์พอดี

บทความนี้เริ่มด้วยการบอกว่าไม่ว่าที่ไหน เมื่อ่ไหร่ คนทุกเพศทุกวัยก็มีสิทธิตกเป็นเหยื่อการข่มขืนด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งส่วนตัวมองว่าเป็นการเริ่มต้นที่มาได้ถูกทาง เพราะเด็ก 2-3 ขวบหรือคนแก่อายุ 60-70 ก็ถูกข่มขืนเป็นข่าวที่ได้เห็นได้อ่านกันอยู่บ่อยๆ พออ่านถึงบทสัมภาษณ์ของครูหยุยก็เริ่มรู้สึกตะงิดใจแปลกๆ แต่ในส่วนของเรื่องคดีความตามด้านล่างนี้ก็ยังเห็นด้วยกับครูหยุยอยู่

’สังคมไทยละเลยเรื่องนี้มานาน โทษในคดีข่มขืนก็ยอมความได้ ส่วนตัวผู้เสียหาย บางคนเกิดเรื่องแล้วก็คิดว่าช่างมัน ที่ขี้อายก็ไม่กล้าแจ้งความ โดยมีส่วนน้อยมากที่กล้าเผชิญหน้า และกล้าที่จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ขณะที่สื่อก็มักจะไม่ได้ติดตามรายงานข่าวจนถึงที่สุดว่า ผู้กระทำผิดถูกลงโทษไปถึงไหน ซึ่งพอนานไปคนก็ลืม“...ครูหยุย กล่าว

แต่พออ่านบทความจบกลับรู้สึกตรงกันข้าม โดยเฉพาะช่วงที่ดร.จิตรา ดุษฎีเมธา ประธานโครงการศูนย์พัฒนาความสุขมนุษย์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) สะท้อนแง่มุมเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ โดยบอกว่าการข่มขืนเพิ่มขึ้นเพราะเรื่องเพศถูกเปิดเผยมากขึ้น มีสิ่งยั่วยุทางเพศเกลื่อนกลาดจนเรื่องเพศเป็นเรื่องธรรมดา เพราะผู้หญิงระวังตัวน้อยลง กล้าใช้ชีวิตอยู่คนเดียวหรืออยู่กับแฟนมากขึ้น และเพราะผู้หญิงมองเรื่องเพศเป็นเรื่องธรรมดา เห็นได้จากการแต่งกายและการใช้ชีวิต ทำให้ผู้ชายมองว่าผู้หญิงไม่แคร์ในเรื่องนี้

อ่านแล้วงี่เง่าสุดๆ ที่พูดถึงแต่ว่าผู้หญิงต้องรับผิดชอบตัวเองอย่างไร โดยไม่พูดถึงบ้างว่าผู้ก่อคดีข่มขืนต้องรับผิดชอบอะไรบ้าง อย่างนี้เท่ากับผลักภาระทุกอย่างไปให้ผู้หญิง แล้วพอมาลองคิดทีละข้อถึงสิ่งที่ดร.จิตรา อ้างว่าเป็นตัวกระตุ้นที่ส่งเสริมทำให้การข่มขืนเกิดได้ง่ายขึ้นก็ยิ่งรู้สึกกระอักกระอ่วน

“ประการแรก ปัจจุบันเรื่องเพศถูกเปิดเผยมากขึ้น และมีสิ่งกระตุ้นทางเพศเกลื่อนกลาดมากมาย รวมทั้งยังสามารถเข้าถึงได้ง่าย ยกตัวอย่างเช่น ตามร้านหนังสือทั่วไป, ในอินเทอร์เน็ต กระทั่งโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟนติดตัว สิ่งเหล่านี้จึงทำให้เพศกลายเป็นเรื่องธรรมดา”

    อยากจะถามกลับว่าเรื่องเพศมันเป็นเรื่องที่พิเศษ มหัศจรรย์ ลึกลับหรือเรื่องต่ำสกปรกยังไง ทำไมถึงไม่ควรทำให้เป็นเรื่องธรรมดา ในสังคมไทยที่มีแม่วัยรุ่นสูงติดอันดับ ประชาชนมีความรู้เรื่องเพศศึกษาไปจนถึงการคุมกำเนิดที่ผิดๆ ก็พราะเราทำให้เรื่องเพศเป็นเรื่องจับต้องไม่ได้ มีแต่เอาไปแอบคุยกันส่งต่อความรู้ผิดๆ ถูกๆ ไม่ใช่เหรอ ทุกๆปีก็จะมีข่าวทำนองนี้มาให้อ่านอยู่เรื่อยๆ

ในเมื่อเรื่องเพศคือส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์ แล้วทำไมไม่เลือกที่จะให้ความรู้ที่ถูกต้องให้รู้จักจัดการกับความต้องการทางเพศโดยไม่ไปเดือดร้อนใคร ดูอย่างประเทศญี่ปุ่นที่มีการ์ตูนทุกเรต หนังโป๊ถูกกฎหมาย นักแสดงหนังAV ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย มีร้าน sex shop อยู่ทั่วหัวระแหง แต่กลับมีคดีอาชญากรรมทางเพศต่ำมาก แค่ตัวอย่างประเทศเดียวก็เห็นแล้วว่าการทำให้เรื่องเพศกลายเป็นเรื่องธรรมดาไม่เกี่ยวกับการข่มขืนที่ง่ายหรือมากขึ้นแต่อย่างใด

“ประการต่อมา เป็นเรื่องที่เกิดจาก “ผู้หญิงระมัดระวังตัวน้อยลง” สังเกตจากการที่ผู้หญิงกล้าที่จะพักอาศัยหรืออยู่คนเดียวเพิ่มขึ้น รวมถึงกล้าที่จะพักอาศัยในหอพัก ในบ้าน หรือในคอนโดมิเนียมรวมกับเพื่อนชาย”

บอกตามตรงว่ารู้สึกว่านี่เป็นปัจจัยที่ไร้เหตุผลมากสุดๆ ตั้งแต่อ่านมา ดร.จิตราอ้างเหมือนว่าการพักอาศัยคนเดียวเป็นเรื่องกล้าบ้าบิ่นจนผู้หญิงปกติไม่สมควรทำ?! การที่ผู้หญิงสักคนย้ายมาเรียนหนังสือ มาทำงานที่ต่างบ้านต่างเมืองนี่เป็นการระวังตัวน้อยลงเหรอ ไม่ใช่ทุกคนซักหน่อยที่จะอยู่กับครอบครัวได้ตลอดเวลา ทุกคนมีเหตุผลมีที่มาที่ไปในการกระทำของตัวเองกันทั้งนั้น บางคนโสด บางคนไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนแล้ว บางคนย้ายตามหน้าที่การงาน แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ทำไมเมื่อต้องเลือกอยู่อาศัยคนเดียวแล้วถึงต้องมีความปลอดภัยน้อยลง มันเป็นการระวังตัวน้อยลงยังไง?? แล้วการอยู่อาศัยรวมกับเพื่อนชายนี่ถือเป็นการระวังตัวน้อยลงอย่างไร ส่วนตัวไม่สนับสนุนให้เด็กนักเรียนนักศึกษามาอยู่กินกันเพราะยังรับผิดชอบตัวเองไม่ได้ แต่ถ้าเรียนจบมีการมีงานทำรับผิดชอบตัวเองได้แล้ว ใครจะตัดสินใจอยู่กับใครย่อมเป็นเป็นสิทธิ์ของคนๆ นั้น ไม่ใช่เรื่องที่เราจะไปวิพากษ์วิจารณ์ว่าอยู่กับแฟนนี่แปลว่าระวังตัวน้อยลง ถ้าโดนข่มขืนขึ้นมานี่คือไม่ระวังเอง พูดถึงการระวังตัวที่น้อยลงก็อยากจะถามดร.จิตราเหมือนกันว่า ควรจะบอกเด็กสามขวบ บอกยายเจ็ดสิบหรือผู้หญิงที่ท้องแต่ถูกถีบมอเตอร์ไซค์ล้มแล้วรุมโทรมว่าให้ระวังตัวอย่างไรดี

“ประการสุดท้าย คือทัศนคติที่ “ผู้หญิงมองเรื่องเพศเป็นเรื่องธรรมดา” สังเกตได้จากการแสดงออกผ่านทางเครื่องแต่งกาย, การใช้ชีวิต ทำให้ผู้ชายมองว่าผู้หญิงไม่แคร์ในเรื่องนี้”

ผู้หญิงจะแต่งตัวยังไง ใช้ชีวิตอย่างไรก็เป็นสิทธิของผู้หญิงคนนั้น การเลือกแต่งตัวหรือใช้ชีวิตไม่ใช้เหตุผลที่ใครจะไปอ้างความชอบธรรมในการละเมิดสิทธิ์ในร่างกายเค้าได้ อย่ามาแบ่งว่าเที่ยวกลางคืน แต่งตัวโป๊ข่มขืนได้ เพราะนี่คือการตัดสินคนที่ผิวเผินที่สุด ไม่นับว่าเป็นการแบ่งผู้หญิงเป็น Good girls กับ Bad girls ให้เลือกปฏิบัติและทับถมกันเองอีก เชื่อว่าผู้หญิงทุกคนได้รับการสอนมาให้แต่งตัวเรียบร้อย อย่าแต่งตัวโป๊ แต่จะมีผู้ชายกี่คนในสังคมนี้ที่ได้รับการสอนมาให้ให้เกียรติผู้หญิง มองผู้หญิงเป็นมนุษย์เหมือนๆกัน ไม่ใช่สิ่งที่ต่ำต้อยกว่าที่เมื่อมีโอกาสก็พร้อมจะฉวยได้ทุกเมื่อ มีพ่อแม่กี่คนที่สอนลูกชายว่าเซ็กส์คือเรื่องของการยินยอมพร้อมใจ ไม่ยินยอมคือข่มขืน ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้ หรือผู้หญิงไทยควรจะไปซื้อชุดอวกาศนาซ่าถอดยากๆมาใส่ตลอดเวลาเลยดีมั๊ย จะได้ไม่โดนตัดสินว่าไม่แคร์กับการถูกข่มขืนเพราะมองเรื่องเพศเป็นเรื่องธรรมดา        

บอกตรงๆว่ารู้สึกใจเสียและเสียใจที่ได้อ่านบทความนี้มาก ใจเสียแทนคนทุกคนในสังคมนี้ เพราะทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องอยู่ด้วยกัน แต่เพศหญิงในสังคมนี้กลับไม่มีความปลอดภัยในชีวิต เมื่อถูกกระทำก็ไม่พอ ยังถูกซ้ำเติมอีกว่าการถูกข่มขืนเป็นเรื่องที่เหยื่อนั้นต้องรับผิดชอบในความผิดนั้นด้วย และรู้สึกเสียใจแทนทุกๆคนที่เคยเป็นเหยื่ออาชญากรรมทางเพศแล้วต้องมาอ่านบทความแบบนี้ เจอบทความแบบนี้ที่ให้ท้ายผู้กระทำผิดด้วยการชี้หน้าว่าผู้ถูกกระทำ ชี้นำว่าการข่มขืนล้วนมีสาเหตุจากผู้หญิง แล้วคนที่ก่อคดี คนผิดตัวจริงไปอยู่ที่ไหน ทำไมไม่พูดถึง ไม่ถูกว่ากล่าวบ้าง ?? สาเหตุอย่างการไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ขาดความยับยั้งชั่งใจ ศีลธรรมตกต่ำ มองผู้หญิงเป็นวัตถุทางเพศ หรือเครื่องระบายอารมณ์ให้ผู้ชายที่เป็นlosers ในสังคมข่มเหงเพื่อให้รู้สึกว่าตัวเองแม้จะตกต่ำแต่ก็ยังเหนือกว่าผู้หญิงก็กลับไม่มีใครเอ่ยถึงเลย แล้วใครจะไปกล้าแจ้งความฟ้องร้องอย่างที่ครูหยุยว่า ในเมื่อพูดออกไปก็มีคนพร้อมจะประนามหยามเหยียดว่าหาเรื่องใส่ตัวเองแท้ๆที่ไม่ระวังตัว ที่มองเพศเป็นเรื่องธรรมดา หรือกล้าอยู่คนเดียวเองทำไม ใครก็พร้อมจะตั้งคำถามว่าที่โดนข่มขืนเป็นเพราะแต่งตัวโป๊รึเปล่า ไปข้างนอกดึกๆดื่นๆทำไม ทุกคนพร้อมจ้องจับผิดเหยื่อที่ถูกกระทำแทนที่จะเป็นคนที่กระทำความผิด แล้วใครจะอยากพูดออกไป ใครจะอยากเรียกร้องความยุติธรรมถ้าต้องแลกมาด้วยการซ้ำเติมที่ไม่รู้จบแบบที่เป็นอยู่

การคิดโทษแต่เหยื่อผู้ถูกกระทำไม่ได้ยกระดับความปลอดภัยในการใช้ชีวิตของคนในสังคมนี้เลย สังคมนี้ก็จะไม่พัฒนาไปไหน ไม่ใช่แค่คนที่ตกเป็นเหยื่อ แต่ยังมีคนรอบตัว และคนทุกคนที่อาจเป็นเหยื่อได้ทุกเมื่อ และเหยื่อก็เป็นได้ทุกเพศทุกวัย การมองว่าผู้หญิงเป็นได้แค่ผู้ถูกกระทำจึงไม่ครอบคลุม ยังมีผู้ชายอีกมากที่ตกเป็นเหยื่อเช่นเดียวกัน แต่กลับถูกมองเป็นเรื่องตลกให้ปล่อยผ่านๆไป ยิ่งถูกกระทำจากสังคมยิ่งกว่าเหยื่อเพศหญิงด้วยซ้ำ

ตอนนี้ถึงเวลาแล้วหรือยังที่สังคมไทยจะทบทวนตรรกะใหม่ ใครผิดก็ว่าไปตามผิด ใครถูกก็ว่าไปตามถูก ไม่ใช่บิดเบี้ยวกันไปหมดทั้งสังคม ทั้งอาจารย์ที่คนในสังคมนับถือว่ามีความรู้ ทั้งสื่ออย่างเดลินิวส์ที่อยู่คู่สังคมไทยมานาน ทำข่าวอาชญากรรมทางเพศมาเป็นร้อยเป็นพันเรื่อง แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าควรแยกผิดถูกอย่างไร แล้วชี้นำสั่งสมความบิดเบี้ยวต่อไปให้สังคมแก้แต่ที่ปลายเหตุ ขาดจรรยาบรรณ แล้วเมื่อไหร่สังคมนี้จะมีการข่มขืนลดลง ถ้าไม่มองข้ามการเหยียดเพศโทษแต่ผู้หญิงให้เห็นถึงสาเหตุที่มาที่ไปที่แท้จริง หากไม่แก้ที่ต้นเหตุ ถึงอย่างไรปัญหานี้ก็คงไม่มีวันแก้ไขได้

**************************************

เราเห็นด้วยกับน้องทุกอย่างเลยค่ะ คือว่า เรื่องระวังตัวของผู้หญิงก็เรื่องหนึ่ง แต่การโยนทุกอย่างให้เป็นภาระของเพศหญิงมันงี่เง่ามาก

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่