ไม่คิดฝันว่า กงล้อของประวัติศาสตร์ จะกลับมาสู่สยามประเทศอีกครั้ง
จากการตามเก็บ แกนนำ นักศึกษา กรรมกร ในอดีต มาถึงยุคตามกำจัด ฝ่ายความเห็นต่างทางการเมือง..ในปี ๒๕๕๗
การต่อสู้ในยุคนั้น จบลงด้วยการ จัดงานเผาศพกันที่วัดพระศรีมหาธาตบางเขน ปีละ ๑ ครั้ง ครั้งนึงก็เป็นร้อยศพ
สงครามที่ไม่มีใครแพ้ ใครชนะ รู้แต่ว่าผลัดกันฆ่า มีมาตลอด ระยะเวลาหลายปี
กว่าจะจบสงครามเฮงซวยนี้ได้ คนไทยฆ่ากันไปไม่รู้เท่าไหร่
ปีนี้ไม่มีภัยความมั่นคงเรื่องคอมมิวนิสต์ มีแต่ภัยความมั่นคงจากประชาชน ที่อยากยืนอยู่บนตีนตัวเองอย่างแท้จริง
ซึ่งก็ยังไม่เข้าใจว่า การได้อิ่มเอมในเสรีภาพ ของตน โดยไม่ไปเบียดเบียนเสรีภาพของผู้อื่น (เคารพความเห็นของคนอื่น และอยากให้ทุกฝ่ายยอมรับในกติกาของสิทธิที่พึงมี) ก็มีความผิดมหันต์ ถึงกับต้อง "เข่นฆ่า" กันได้เชียวหรือ
อย่าเอาไปเทียบกับปาหี่ เอ็ม 79 รุ่น หัวด้าน (หน้าจะด้านทั้งล๊อต) เลยครับ เราดูกันออก
ดูกันจะ ๆ เลยดีกว่า ว่า ความต้องการฆ่านั้น ใครเป็นคนทำให้เกิด
ขวัญชัย โชคดีที่ ยังไม่ตาย (และคดีความ ก็คงไม่ต้องไปหวังผลอะไร)
ส่วนไม้หนึ่ง นั้น น่าเศร้าใจอย่างยิ่ง
การต่อสู้ ทางความคิด ไม่ว่า จะเป็นบุคคลกลุ่มใด สีใด ก็ตาม
ไม่ใช่ความผิดที่เราสามารถจะตัดสินให้เขาต้องรับโทษ ประหาร เพราะเราไม่มีสิทธิจะไปสั่งฆ่า คนที่มีความคิดเห็นต่างกับเราอย่างสิ้นเชิง
หากเราจะเรียกร้องให้คนอื่น เคารพความคิดเห็นของเรา เราก็ควรจะเริ่มต้นที่เข้าใจในความรู้สึกของเขาด้วยเช่นกัน
โลกเปลี่ยนไป หลาย ๆ ประเทศที่เคยก่อสงครามกลางเมือง ไม่ว่าเวียตนามเหนือ เวียตนามใต้ กัมพูชา หรือ ประเทศอื่น ๆ
ประเทศอื่น ๆ เขาก้าวข้ามความขัดแย้งนี้ ไปสู่ความอารยะ (แปลว่าเจริญทั้งวัตถุ และจิตใจกันแล้ว)
แต่สยามประเทศ...น่าเศร้าใจมาก ๆ ครับ....
ยังคงมีความคิดล้าหลัง ไม่ต่างอะไรกับเมื่อ ๔๐ ปีที่แล้ว
๔๐ ปี ความเจ็บปวดในประวัติศาสตร์ ไม่เคยสอนให้คนไทยจดจำบทเรียนเหล่านี้ ไว้สั่งสอนลูกหลานเลย
สงครามครั้งนี้ คงไม่ยืดเยื้อเหมือนเมื่อก่อน
แต่หากเกิดขึ้นจริง จะสร้างความวิบัติได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ มากกว่าครั้งไหน ๆ ในอดีต
เตรียมตัวเตรียมใจกันไว้ครับ
กงล้อประวัติศาสตร์ ๖ ตุลา ๑๙ ถึง ๒๔ เมษา ๕๗ จากขวัญชัย มาถึง ไม้หนึ่ง
จากการตามเก็บ แกนนำ นักศึกษา กรรมกร ในอดีต มาถึงยุคตามกำจัด ฝ่ายความเห็นต่างทางการเมือง..ในปี ๒๕๕๗
การต่อสู้ในยุคนั้น จบลงด้วยการ จัดงานเผาศพกันที่วัดพระศรีมหาธาตบางเขน ปีละ ๑ ครั้ง ครั้งนึงก็เป็นร้อยศพ
สงครามที่ไม่มีใครแพ้ ใครชนะ รู้แต่ว่าผลัดกันฆ่า มีมาตลอด ระยะเวลาหลายปี
กว่าจะจบสงครามเฮงซวยนี้ได้ คนไทยฆ่ากันไปไม่รู้เท่าไหร่
ปีนี้ไม่มีภัยความมั่นคงเรื่องคอมมิวนิสต์ มีแต่ภัยความมั่นคงจากประชาชน ที่อยากยืนอยู่บนตีนตัวเองอย่างแท้จริง
ซึ่งก็ยังไม่เข้าใจว่า การได้อิ่มเอมในเสรีภาพ ของตน โดยไม่ไปเบียดเบียนเสรีภาพของผู้อื่น (เคารพความเห็นของคนอื่น และอยากให้ทุกฝ่ายยอมรับในกติกาของสิทธิที่พึงมี) ก็มีความผิดมหันต์ ถึงกับต้อง "เข่นฆ่า" กันได้เชียวหรือ
อย่าเอาไปเทียบกับปาหี่ เอ็ม 79 รุ่น หัวด้าน (หน้าจะด้านทั้งล๊อต) เลยครับ เราดูกันออก
ดูกันจะ ๆ เลยดีกว่า ว่า ความต้องการฆ่านั้น ใครเป็นคนทำให้เกิด
ขวัญชัย โชคดีที่ ยังไม่ตาย (และคดีความ ก็คงไม่ต้องไปหวังผลอะไร)
ส่วนไม้หนึ่ง นั้น น่าเศร้าใจอย่างยิ่ง
การต่อสู้ ทางความคิด ไม่ว่า จะเป็นบุคคลกลุ่มใด สีใด ก็ตาม
ไม่ใช่ความผิดที่เราสามารถจะตัดสินให้เขาต้องรับโทษ ประหาร เพราะเราไม่มีสิทธิจะไปสั่งฆ่า คนที่มีความคิดเห็นต่างกับเราอย่างสิ้นเชิง
หากเราจะเรียกร้องให้คนอื่น เคารพความคิดเห็นของเรา เราก็ควรจะเริ่มต้นที่เข้าใจในความรู้สึกของเขาด้วยเช่นกัน
โลกเปลี่ยนไป หลาย ๆ ประเทศที่เคยก่อสงครามกลางเมือง ไม่ว่าเวียตนามเหนือ เวียตนามใต้ กัมพูชา หรือ ประเทศอื่น ๆ
ประเทศอื่น ๆ เขาก้าวข้ามความขัดแย้งนี้ ไปสู่ความอารยะ (แปลว่าเจริญทั้งวัตถุ และจิตใจกันแล้ว)
แต่สยามประเทศ...น่าเศร้าใจมาก ๆ ครับ....
ยังคงมีความคิดล้าหลัง ไม่ต่างอะไรกับเมื่อ ๔๐ ปีที่แล้ว
๔๐ ปี ความเจ็บปวดในประวัติศาสตร์ ไม่เคยสอนให้คนไทยจดจำบทเรียนเหล่านี้ ไว้สั่งสอนลูกหลานเลย
สงครามครั้งนี้ คงไม่ยืดเยื้อเหมือนเมื่อก่อน
แต่หากเกิดขึ้นจริง จะสร้างความวิบัติได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ มากกว่าครั้งไหน ๆ ในอดีต
เตรียมตัวเตรียมใจกันไว้ครับ