ความรู้สึกที่ "บอกไม่ได้" กับ "ไม่ได้บอก" ประโยคเดียวกันสลับที่กันก็มีอิทธิพลต่อความหมายของประโยคนั้นเหมือนกัน
ผมขอเล่าเรื่องในกาารใช้ชีวิตในรั้ว รร. มัธยมของผมให้อ่านกัน อันที่จริงก็ระบายนั้นแหละครับ ความรู้สึกมันอัดอั้นมาก จนอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง
เรื่องมันเริ่มต้นที่ผมกับเพื่อนคนนึง ที่สนิทกัยมากตัวติดกัน มีกูต้องมี อะไรประมานนี้ จนเพื่อนในห้องต่างจับผมเป็นคู่จิ้นกัน ตอนแรกก็ไม่ชินหรอกครับ แต่ด้วยการที่มันล้อบ่อยๆ เดี๋ยวก็เลิกล้อไปเอง ผมไม่แคร์พวกมันหรอกครับผมแคร์แค่ความรู้สึกของเพื่อนผมคนนี้คนเดียว และการที่ผมรู้สึกสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้นมาก มันทำให้ผมต้องระบายออกมา ผมไม่รู้นะว่าผมชอบมันข้างเดียวรึป่าว แต่การที่มันทำกับผมแบบนี้ทำให้ผมคิดไปไกล
1.กินข้าวเช้าด้วยกันทุกเช้าก่อนเข้าแถว อารามณ์แบบ ต้องรอกู กูต้องรอ ถ้ามาสายก็ต้องแบ่ง 15 นาที คาบแรก พากันไปกินข้าว
2.ใช้หลอดเดียวกัน คือบางวันซื้อน้ำเปล่าแค่ขวดเดียว แบ่งกันจ่าย พอเอามา 2 หลอด มันก็บอกว่ารังเกียจกูเหรอ ผมก็ตอบว่า เออ แล้วมันก็ลุกไปซื้อขวดใหม่มา แล้วก็ไม่คุยกับผมทั้งวัน เป็นเพื่อนที่เข้าใจยากมาก ก็ปกติผมไม่ชอบใช้หลอดกับใคร เพราะชอบกัดหลอดเล่น(โรคจิต) มีใช้กับมันคนเดียวแหละ เพื่อนในกลุ่มเดียวกันไม่กล้าใช้ด้วยเลยมันไม่กล้าใช้กับผมหรอก ฮ่าๆ
5.มันชอบมาดมเสื้อผมทุกเช้า มันบอกว่าเสื้อผมหอม ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มยี่ห้ออะไร แล้วก็ชวนเพื่อนมาดม
4.มันเล่นบาสมา เหงื่อโชก ผ้าเช็ดหน้าไม่พก แต่เอาหน้ามาเช็ดเสื้อผม ทั้งๆที่ผมไม่ได้เล่นเพราะกลัวเพื่อนในห้องเรียนเหม็นเหงื่อ ร้อน เรียนไม่รู้เรื่อง แต่ผมต้องมาแชร์กลิ่นเหงื่อมัน มันบอกนั่งข้างกันจะได้กลิ่นเหมือนกัน
5.คาบศิลปะ ต้องนั่งพื้น ครูไม่อยู่ สั่งงานไว้ รู้ๆกันอยู่น่ะครับ ต้องใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ นอนสิครับ แต่ผมไม่ได้นอนหรอกมันมานอนหนุนตักผม มันบอกว่านอนท่านั่งไป (เลวจริง)
6.เล่นฮอนที่ร้าน มันยืนซ้อนอยู่ข้างหลัง ผมนั่งเล่นอยู่ข้างหน้า เอาหน้ามาตรงไหล่คอยสั่งผม เหมือนในละคร ที่พระเอกยื่นหน้ามา นางเอกต้องหันหน้าไปแล้วสบตากัน ผมไม่ได้ทำแบบนั้นครับ นั่งตัวเกร็งอยู่ หลายความรู้สึก ทั้งกลัวแข่งแพ้ ทั้งกลัวมัน เลยบอยว่ามาเล่นเอง แทนที่จะให้ผมลุกขึ้นไปนั่งที่อื่น มันเอาคางมาเกยหัวแล้ว เล่นหน้าตาเฉย
7.วันกีฬาสี ไม่ได้ไปเชียร์มันแข่งบาส เพราะรุ่นพี่บอกผมไปลองชุด มันบอกว่าแข่งเกือบเพราะผมไม่ไปเตรียมน้ำให้นักกีฬา นักกีฬาไม่ได้น้ำ เพราะสวัสดิการหายหัวไปเที่ยวห้าง เที่ยวห้างผิดจริง แต่เรื่องน้ำบอกให้เพื่อนคนอื่นไปทำแทนแล้ว
8.ต้นเหตุเลย อันนี้ ปิดเทอมใหญ่จะขึ้น ม.6 กลุ่มนัดกันมากินดื่มกันอยู่บ้าน เพื่อนในกลุ่มที่เหลือกลับกัยหมดแล้ว เพราะไม่เมามาก แต่มันนี้สิ มันเลยต้องนอนกับผม มันอาบน้ำเสร็จก็มาขอยืม กกน. อันนี้ไม่ได้ให้ครับของใช้ส่วนตัว เลยบอกมันใส่ตัวเก่าไป เรื่องนี้ก็จบไป คือตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกสับสนมาก การกระทำที่ผ่านมาที่มันทำกับผม ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือมันทำให้คิด ผมเลยลองใจตัวเองตอนนอนเลยไปจับมือมัน มันก็จับตอบ นอนจับมือกันทั้งคืน พอตื่นเช้ามา มันก็กลับบ้าน มันกลับไปแต่ทิ้งความรู้สึกผิดให้กับตัวผมว่าผมไม่น่าคิดกับมันแบบนี้ ผมกลัวพ่อแม่เสียใจมาก เลยพยายามตัดใจ โดยไม่ติดต่อกับมันเลย แล้วก็หนีไปนอนอยู่ร้าน จนกระทั่งเปิดเทอม ผมก็ขอเพื่อนย้ายกลุ่มไปอยู่กลุ่มใหม่ที่ผมค่อนข้างสนิท ผมพยายามห่างมัน เพื่อนกลุ่มใหม่ก็คงจะสงสัยอยู่หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่คงไม่อยากถาม แต่ก็คงอยากรู้ ตลอดเวลาคุยกับมันแค่เรื่องงานอย่างเดียว ช่วงนั้นไม่ค่อยได้คิดอะไรมากมาย รร.ก็ไม่ค่อยได้ไป (แอบไปเรียนพิเศษ) แถมต้องตระเวนสอบทั่วราชอาณาจักรสยาม ปัจฉิมนิเทศก็ไม่ได้ให้ของอะไรมันเป็นพิเศษ แต่ผมก็เตรียมให้มันไว้แล้วเป็นรูปภาพที่ถ่ายคู่กับมัน แต่ก็ไม่ได้ให้มันหรอก วันงานราตรีก็ได้คุยกันไม่กี่ประโยค ได้ชิดมันครั้งสุดท้ายก็ตอนได้ถ่ายรูปรวม โดนบังคับให้ไปอยู่ข้างหลังกับมันเพราะตัวสูง บังเพื่อน และก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย
จนกระทั่งไลน์ผมดัง คือตกใจนิดๆว่ามันส่งไลน์มา เปิดอ่านแล้วเป็นคุ้กกี้รัน ส่งกันไปกันมา แต่ไม่ได้คุยกันมีแต่ส่งหัวใจ แล้วมาเจอมันวันสงกรานต์แบบบังเอิญ คือผมโดนพี่เค้ารุมประแป้งอยู่ ไม่ใช่แป้งธรรมดาน่ะ แป้งเย็นจ้า แสบตามากเลยเดินออกมา แล้วก็มีคนเอาน้ำราดหัวล้างแป้งให้ แล้วก็ได้เจอมัน ต่างคนต่างตกใจ แบบร้องเฮ้ยมาได้ไง ประมาณนี้ เลยถามไถ่กัน ประแป้งกัน คุยกันอยู่กลางถนนนั้นแหละครับ จนมันถามผมว่าไปมหาลัยมีแฟนรึยัง ในใจเริ่มสั่นอีกแล้วมาถามกูแบบนี้ ก็บอกมันไปว่า ไม่เคยมี เลยขอตัวแยกย้ายออกมาเพราะต้องไปเดินไปหาน้อง ตลอดทางเดิน ไม่ให้ใครประแป้งเลย เด๋วแป้งมันทาให้ลอก ฮ่าๆๆ ตอนนั้นไม่คิดอะไรหรอก มาถึงบ้าน อารมณ์แบบว่าสับสน กลัวใจตัวเอง จนกระทั้งมันกลายมาเป็นความอึดอัด หาที่ระบายไม่ได้ พูดกับเพื่อนก็ไม่ได้ กับใครก็ไม่ได้ มีแต่พื้นที่เล็กๆบนโลกโซเชียลนี่แหละ
ตอนนี้รู้ใจตัวเองแล้วล่ะว่าชอบมันเข้าแล้ว พยายามกั้นความรู้สึกนี้ไว้ตั้งนาน แต่ผมเลือกที่จะไม่บอกกับมันไปตรงๆหรอก เพราะบอกไปผมก็คบกับมันไม่ได้ พ่อแม่ผมอาจไม่ว่าหรอก แต่ผมเกรงใจท่านมากกว่า กลัวท่านจะเสียใจ และอีกอย่าง ผมอาจคิดไปเองว่ามันก็ชอบผม ซึ่งมันอาจจะออกหัวรึก้อยก็ไม่รู้ มันอาจจะไปการที่เป็นเพื่อนสนิทมันก็ได้เลยเป็นแบบนี้ ผมขอเลือกที่เก็บความรู้สึกดีๆแบบนี้ไว้ตลอดไป ให้รู้ว่าครั้งนึงผมเคยมีความสุขมากกับเพื่อนคนนี้
*****************************สำหรับ กูคิดว่าคงมีโอกาสได้อ่านและรู้เรื่องราวที่กูบรรยายมาว่าเป็นเรื่องของกับกู และรับรู้ความรู้สึกดีๆของกูไว้ กูขอโทษที่ต้องทำแบบนี้ กูขอคุณทุกๆครั้งที่ทำให้กูมาตลอด ดูแลกูมาตลอด กูดีใจมากที่เกิดมาแล้วได้เจอเรื่องราวดีๆที่ทำให้กู กูจะไม่ลืมเลย ปล.ของปัจฉิมที่กูเก็บไว้ให้ยังอยู่ แต่กูไม่ให้แล้ว มันมีรูปเดียว โอเคน่ะ***********************************************
ขอแสดงความคิดเห็นส่วนตัวสำหรับเพื่อนๆสาววายที่ชอบจิ้น ผมเห็นเพื่อนบางคนต้องห่างกันเพราะเรื่องนี้ อย่าแซวเค้าบ่อย เค้าอาจไม่หน้าทนแบบพวกผม ที่จะรอให้หยุดแซวไปเอง ยังไงก็ต้องขอบคุณเพื่อนที่จิ้นกันนั้นแหละ ทำให้ผมรู้ว่าผมรู้สึกยังไงกับมัน
ขอบคุณที่ทนอ่านเรื่องไร้สาระแบบนี้ ขอบคุณครับ
ขอระบายความรู้สึกดีๆที่มีต่อเพื่อนคนนึง ที่ไม่เคยได้บอก
ผมขอเล่าเรื่องในกาารใช้ชีวิตในรั้ว รร. มัธยมของผมให้อ่านกัน อันที่จริงก็ระบายนั้นแหละครับ ความรู้สึกมันอัดอั้นมาก จนอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง
เรื่องมันเริ่มต้นที่ผมกับเพื่อนคนนึง ที่สนิทกัยมากตัวติดกัน มีกูต้องมี อะไรประมานนี้ จนเพื่อนในห้องต่างจับผมเป็นคู่จิ้นกัน ตอนแรกก็ไม่ชินหรอกครับ แต่ด้วยการที่มันล้อบ่อยๆ เดี๋ยวก็เลิกล้อไปเอง ผมไม่แคร์พวกมันหรอกครับผมแคร์แค่ความรู้สึกของเพื่อนผมคนนี้คนเดียว และการที่ผมรู้สึกสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้นมาก มันทำให้ผมต้องระบายออกมา ผมไม่รู้นะว่าผมชอบมันข้างเดียวรึป่าว แต่การที่มันทำกับผมแบบนี้ทำให้ผมคิดไปไกล
1.กินข้าวเช้าด้วยกันทุกเช้าก่อนเข้าแถว อารามณ์แบบ ต้องรอกู กูต้องรอ ถ้ามาสายก็ต้องแบ่ง 15 นาที คาบแรก พากันไปกินข้าว
2.ใช้หลอดเดียวกัน คือบางวันซื้อน้ำเปล่าแค่ขวดเดียว แบ่งกันจ่าย พอเอามา 2 หลอด มันก็บอกว่ารังเกียจกูเหรอ ผมก็ตอบว่า เออ แล้วมันก็ลุกไปซื้อขวดใหม่มา แล้วก็ไม่คุยกับผมทั้งวัน เป็นเพื่อนที่เข้าใจยากมาก ก็ปกติผมไม่ชอบใช้หลอดกับใคร เพราะชอบกัดหลอดเล่น(โรคจิต) มีใช้กับมันคนเดียวแหละ เพื่อนในกลุ่มเดียวกันไม่กล้าใช้ด้วยเลยมันไม่กล้าใช้กับผมหรอก ฮ่าๆ
5.มันชอบมาดมเสื้อผมทุกเช้า มันบอกว่าเสื้อผมหอม ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มยี่ห้ออะไร แล้วก็ชวนเพื่อนมาดม
4.มันเล่นบาสมา เหงื่อโชก ผ้าเช็ดหน้าไม่พก แต่เอาหน้ามาเช็ดเสื้อผม ทั้งๆที่ผมไม่ได้เล่นเพราะกลัวเพื่อนในห้องเรียนเหม็นเหงื่อ ร้อน เรียนไม่รู้เรื่อง แต่ผมต้องมาแชร์กลิ่นเหงื่อมัน มันบอกนั่งข้างกันจะได้กลิ่นเหมือนกัน
5.คาบศิลปะ ต้องนั่งพื้น ครูไม่อยู่ สั่งงานไว้ รู้ๆกันอยู่น่ะครับ ต้องใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ นอนสิครับ แต่ผมไม่ได้นอนหรอกมันมานอนหนุนตักผม มันบอกว่านอนท่านั่งไป (เลวจริง)
6.เล่นฮอนที่ร้าน มันยืนซ้อนอยู่ข้างหลัง ผมนั่งเล่นอยู่ข้างหน้า เอาหน้ามาตรงไหล่คอยสั่งผม เหมือนในละคร ที่พระเอกยื่นหน้ามา นางเอกต้องหันหน้าไปแล้วสบตากัน ผมไม่ได้ทำแบบนั้นครับ นั่งตัวเกร็งอยู่ หลายความรู้สึก ทั้งกลัวแข่งแพ้ ทั้งกลัวมัน เลยบอยว่ามาเล่นเอง แทนที่จะให้ผมลุกขึ้นไปนั่งที่อื่น มันเอาคางมาเกยหัวแล้ว เล่นหน้าตาเฉย
7.วันกีฬาสี ไม่ได้ไปเชียร์มันแข่งบาส เพราะรุ่นพี่บอกผมไปลองชุด มันบอกว่าแข่งเกือบเพราะผมไม่ไปเตรียมน้ำให้นักกีฬา นักกีฬาไม่ได้น้ำ เพราะสวัสดิการหายหัวไปเที่ยวห้าง เที่ยวห้างผิดจริง แต่เรื่องน้ำบอกให้เพื่อนคนอื่นไปทำแทนแล้ว
8.ต้นเหตุเลย อันนี้ ปิดเทอมใหญ่จะขึ้น ม.6 กลุ่มนัดกันมากินดื่มกันอยู่บ้าน เพื่อนในกลุ่มที่เหลือกลับกัยหมดแล้ว เพราะไม่เมามาก แต่มันนี้สิ มันเลยต้องนอนกับผม มันอาบน้ำเสร็จก็มาขอยืม กกน. อันนี้ไม่ได้ให้ครับของใช้ส่วนตัว เลยบอกมันใส่ตัวเก่าไป เรื่องนี้ก็จบไป คือตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกสับสนมาก การกระทำที่ผ่านมาที่มันทำกับผม ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือมันทำให้คิด ผมเลยลองใจตัวเองตอนนอนเลยไปจับมือมัน มันก็จับตอบ นอนจับมือกันทั้งคืน พอตื่นเช้ามา มันก็กลับบ้าน มันกลับไปแต่ทิ้งความรู้สึกผิดให้กับตัวผมว่าผมไม่น่าคิดกับมันแบบนี้ ผมกลัวพ่อแม่เสียใจมาก เลยพยายามตัดใจ โดยไม่ติดต่อกับมันเลย แล้วก็หนีไปนอนอยู่ร้าน จนกระทั่งเปิดเทอม ผมก็ขอเพื่อนย้ายกลุ่มไปอยู่กลุ่มใหม่ที่ผมค่อนข้างสนิท ผมพยายามห่างมัน เพื่อนกลุ่มใหม่ก็คงจะสงสัยอยู่หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่คงไม่อยากถาม แต่ก็คงอยากรู้ ตลอดเวลาคุยกับมันแค่เรื่องงานอย่างเดียว ช่วงนั้นไม่ค่อยได้คิดอะไรมากมาย รร.ก็ไม่ค่อยได้ไป (แอบไปเรียนพิเศษ) แถมต้องตระเวนสอบทั่วราชอาณาจักรสยาม ปัจฉิมนิเทศก็ไม่ได้ให้ของอะไรมันเป็นพิเศษ แต่ผมก็เตรียมให้มันไว้แล้วเป็นรูปภาพที่ถ่ายคู่กับมัน แต่ก็ไม่ได้ให้มันหรอก วันงานราตรีก็ได้คุยกันไม่กี่ประโยค ได้ชิดมันครั้งสุดท้ายก็ตอนได้ถ่ายรูปรวม โดนบังคับให้ไปอยู่ข้างหลังกับมันเพราะตัวสูง บังเพื่อน และก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย
จนกระทั่งไลน์ผมดัง คือตกใจนิดๆว่ามันส่งไลน์มา เปิดอ่านแล้วเป็นคุ้กกี้รัน ส่งกันไปกันมา แต่ไม่ได้คุยกันมีแต่ส่งหัวใจ แล้วมาเจอมันวันสงกรานต์แบบบังเอิญ คือผมโดนพี่เค้ารุมประแป้งอยู่ ไม่ใช่แป้งธรรมดาน่ะ แป้งเย็นจ้า แสบตามากเลยเดินออกมา แล้วก็มีคนเอาน้ำราดหัวล้างแป้งให้ แล้วก็ได้เจอมัน ต่างคนต่างตกใจ แบบร้องเฮ้ยมาได้ไง ประมาณนี้ เลยถามไถ่กัน ประแป้งกัน คุยกันอยู่กลางถนนนั้นแหละครับ จนมันถามผมว่าไปมหาลัยมีแฟนรึยัง ในใจเริ่มสั่นอีกแล้วมาถามกูแบบนี้ ก็บอกมันไปว่า ไม่เคยมี เลยขอตัวแยกย้ายออกมาเพราะต้องไปเดินไปหาน้อง ตลอดทางเดิน ไม่ให้ใครประแป้งเลย เด๋วแป้งมันทาให้ลอก ฮ่าๆๆ ตอนนั้นไม่คิดอะไรหรอก มาถึงบ้าน อารมณ์แบบว่าสับสน กลัวใจตัวเอง จนกระทั้งมันกลายมาเป็นความอึดอัด หาที่ระบายไม่ได้ พูดกับเพื่อนก็ไม่ได้ กับใครก็ไม่ได้ มีแต่พื้นที่เล็กๆบนโลกโซเชียลนี่แหละ
ตอนนี้รู้ใจตัวเองแล้วล่ะว่าชอบมันเข้าแล้ว พยายามกั้นความรู้สึกนี้ไว้ตั้งนาน แต่ผมเลือกที่จะไม่บอกกับมันไปตรงๆหรอก เพราะบอกไปผมก็คบกับมันไม่ได้ พ่อแม่ผมอาจไม่ว่าหรอก แต่ผมเกรงใจท่านมากกว่า กลัวท่านจะเสียใจ และอีกอย่าง ผมอาจคิดไปเองว่ามันก็ชอบผม ซึ่งมันอาจจะออกหัวรึก้อยก็ไม่รู้ มันอาจจะไปการที่เป็นเพื่อนสนิทมันก็ได้เลยเป็นแบบนี้ ผมขอเลือกที่เก็บความรู้สึกดีๆแบบนี้ไว้ตลอดไป ให้รู้ว่าครั้งนึงผมเคยมีความสุขมากกับเพื่อนคนนี้
*****************************สำหรับ กูคิดว่าคงมีโอกาสได้อ่านและรู้เรื่องราวที่กูบรรยายมาว่าเป็นเรื่องของกับกู และรับรู้ความรู้สึกดีๆของกูไว้ กูขอโทษที่ต้องทำแบบนี้ กูขอคุณทุกๆครั้งที่ทำให้กูมาตลอด ดูแลกูมาตลอด กูดีใจมากที่เกิดมาแล้วได้เจอเรื่องราวดีๆที่ทำให้กู กูจะไม่ลืมเลย ปล.ของปัจฉิมที่กูเก็บไว้ให้ยังอยู่ แต่กูไม่ให้แล้ว มันมีรูปเดียว โอเคน่ะ***********************************************
ขอแสดงความคิดเห็นส่วนตัวสำหรับเพื่อนๆสาววายที่ชอบจิ้น ผมเห็นเพื่อนบางคนต้องห่างกันเพราะเรื่องนี้ อย่าแซวเค้าบ่อย เค้าอาจไม่หน้าทนแบบพวกผม ที่จะรอให้หยุดแซวไปเอง ยังไงก็ต้องขอบคุณเพื่อนที่จิ้นกันนั้นแหละ ทำให้ผมรู้ว่าผมรู้สึกยังไงกับมัน
ขอบคุณที่ทนอ่านเรื่องไร้สาระแบบนี้ ขอบคุณครับ