ภูผาอาถรรพ์ ตอนที่ ๗ ผู้ร่วมชะตากรรม
http://pantip.com/topic/31927931
หลังจากที่ได้ยินคำตอบนั้น สายแพรก็เงียบไปนาน หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่น พลางจ้องมองใบหน้าซูบตอบของอีกฝ่าย ผู้หญิงคนนี้ก็ตกลงมาจากผาเวิ้งเหวเหมือนกับเธออย่างนั้นเหรอ ?
“ขอโทษนะคะ...คุณตกลงมาจากหน้าผาได้ยังไง ?” หญิงสาวเอ่ยถามเบาๆ แต่กลับได้รับความเงียบเป็นคำตอบแทน อีกฝ่ายผล็อยหลับไปแล้ว เธอจึงขยับกายออกห่าง เอนหลังซุกกับซอกหิน เอาสองแขนกอดเข่าไว้ อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ การนอนพักในป่าคืนนี้ของเธอ แม้จะหวาดระแวงด้วยความกลัว แต่อย่างน้อยก็มีเพื่อนร่วมทาง เธอไม่ได้โดดเดี่ยว สายแพรพยายามทำใจให้เข้มแข็ง และข่มตาหลับลง
จวบจนใกล้รุ่งสาง สายแพรก็รู้สึกตัวตื่นขึ้น เธอมองไปข้างกาย ไร้ร่องรอยของหญิงแปลกหน้าคนนั้น... เธอหายไปไหน ?
หญิงสาวเอามือขยี้ตาไล่ความง่วง ทั่วผืนป่าเป็นสีเทาจางๆ จากไอหมอก พระอาทิตย์กำลังโผล่พ้นขอบฟ้าทีละนิด สายแพรตัดสินใจเดินออกมาจากชะง่อนหิน กวาดสายตามองรอบกายเพื่อหาสหายสาว แต่ก็กลับไม่พบ
เสียงนกป่ากรีดร้องเสียงดังก้อง พร้อมกับกระโจนโผบินออกจากรังไปหากิน เธอเห็นเก้งสองตัววิ่งผ่านหน้าไปทางดงไม้ใกล้ๆ อีกสองตัวที่กำลังก้มกินน้ำที่ลำธารหันมาจ้องเธอตาโต ก่อนวิ่งหายไปพร้อมกับเพื่อน
“ตื่นแล้วเหรอคะ...” น้ำเสียงคุ้นหูดังขึ้น สายแพรเอี้ยวตัวมาทางซ้าย พบเธอยืนเด่นอยู่พร้อมรอยยิ้ม ในอ้อมกอดมีผลไม้สามสี่อย่าง อีกฝ่ายรีบตรงมา ก่อนยื่นกล้วยน้ำว้าส่งให้หญิงสาวครึ่งหวี
“รีบกินเร็วค่ะ” เธอบอกเสียงใส สายแพรมองกล้วยที่รับมาด้วยอาการงุนงง
“คุณไปเอามันมาจากไหน” อีกฝ่ายพอได้ยินดังนั้นก็ยิ้มน้อยๆ
“ช่างมันเถอะค่ะ ฉันไปเจอมันเข้าโดยบังเอิญ” เธอบอกก่อนทรุดนั่งลง และปลอกกล้วยกินด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย
สายแพรกลืนน้ำลายลงคอ ไม่มีประโยชน์ที่จะสงสัยในเรื่องไม่เป็นเรื่อง ขอแค่ได้มีของกินประทังชีวิตก็เพียงพอแล้ว หญิงสาวปลอกเปลือกกล้วยออกและกินจนหมดทุกลูก เสร็จแล้วจึงเดินไปที่ลำธาร กินน้ำให้ชื่นใจและกวักน้ำล้างหน้าล้างตา
“คุณออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วทำไมไม่ชวนฉันไปด้วยคะ” สายแพรเอ่ยถาม อีกฝ่ายพออิ่มแล้วก็รีบมากินน้ำข้างกายเธอ เมื่อแสงอาทิตย์ทาบทอทั่วท้องฟ้า สายแพรจึงได้เห็นใบหน้าเธอได้ถนัด
“ก็ย่ำรุ่งค่ะ ฉันเห็นคุณหลับอยู่เลยไม่อยากปลุก แถวนี้ฉันคุ้นเคยดี คุณไม่ต้องห่วง” รอยยิ้มบนเรือนหน้าอันทรุดโทรมทำให้สายแพรอดนึกขอบคุณอีกฝ่ายไม่ได้
“แล้วเราจะไปไหนกันต่อคะ คุณบอกว่าคุ้นเคยที่นี่ดี เราเดินไปตามลำธารจะดีมั้ยคะ มันต้องไปสิ้นสุดที่แม่น้ำหรือไม่ก็น้ำตกที่ไหนสักแห่งในเขตอุทยานแน่” สายแพรเสนอขึ้น อีกฝ่ายมีสีหน้าหม่นลงน้อยๆ
“ก็...แล้วแต่คุณเถอะ เดินตามลำธารไปก็น่าจะเจอทางออก” เธอพูดด้วยท่าทีเลื่อนลอย
“คุณพูดเหมือนกับว่าเคยเดินไปตามทางนี้แล้ว...อย่างนั้นใช่มั้ยคะ” สายแพรร้องถาม สีหน้าจริงจัง
อีกฝ่ายนิ่งไปชั่วอึดใจ ก่อนเงยหน้าขึ้นประสานสายตากับสายแพร “ใช่ค่ะ...” ในแววตานั้นช่างดูเศร้าสลดและสิ้นหวังจนหญิงสาวรู้สึกหดหู่ตามไปด้วย มันจะเป็นไปได้เหรอ ? ถ้าเดินตามลำธารไปแล้วก็ยังไม่พบกับใครอีกเลย
“แต่ฉันไปได้ไม่ไกลหรอกนะคะ ฉันกลัว...กลัวว่ามันจะตามหาฉันเจอ”
“กลัวใครคะ...มันที่คุณว่า...คือใคร ?” สายแพรขยับกายเข้าไปใกล้ เอ่ยถามสีหน้าคาดคั้น
“บางอย่างในป่านี้ค่ะ ฉันเองก็ตอบไม่ได้ว่าคืออะไร แต่มันพอใจที่เห็นฉันติดอยู่ในนี้...และเมื่อคุณเข้ามา มันก็ยิ่งสนุกที่ได้เฝ้ามองคุณหาทางเอาชีวิตรอด ยิ่งคุณกลัว มันยิ่งพอใจ...” สาบานได้ว่าสายแพรไม่เคยได้ยินคำพูดจากปากของใครที่ทำให้เธอขนลุกซู่ได้ถึงขนาดนี้ หญิงสาวพยายามข่มใจไม่ให้กลัว แหงนหน้าขึ้นมองต้นไม้ที่แผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมผืนป่า บางต้นใหญ่โตราวกับเสาวิหารขนาดยักษ์ สายลมเย็นยามเช้าพัดมาเบาๆ กิ่งไม้พัดไหวไปตามลม... ฤามีใครบางคนกำลังเฝ้ามองเธออยู่เงียบๆ อย่างนั้นหรือ ?
ภูผาอาถรรพ์ ตอนที่ ๘ อุบัติเหตุที่เหวนรก
http://pantip.com/topic/31927931
หลังจากที่ได้ยินคำตอบนั้น สายแพรก็เงียบไปนาน หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่น พลางจ้องมองใบหน้าซูบตอบของอีกฝ่าย ผู้หญิงคนนี้ก็ตกลงมาจากผาเวิ้งเหวเหมือนกับเธออย่างนั้นเหรอ ?
“ขอโทษนะคะ...คุณตกลงมาจากหน้าผาได้ยังไง ?” หญิงสาวเอ่ยถามเบาๆ แต่กลับได้รับความเงียบเป็นคำตอบแทน อีกฝ่ายผล็อยหลับไปแล้ว เธอจึงขยับกายออกห่าง เอนหลังซุกกับซอกหิน เอาสองแขนกอดเข่าไว้ อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ การนอนพักในป่าคืนนี้ของเธอ แม้จะหวาดระแวงด้วยความกลัว แต่อย่างน้อยก็มีเพื่อนร่วมทาง เธอไม่ได้โดดเดี่ยว สายแพรพยายามทำใจให้เข้มแข็ง และข่มตาหลับลง
จวบจนใกล้รุ่งสาง สายแพรก็รู้สึกตัวตื่นขึ้น เธอมองไปข้างกาย ไร้ร่องรอยของหญิงแปลกหน้าคนนั้น... เธอหายไปไหน ?
หญิงสาวเอามือขยี้ตาไล่ความง่วง ทั่วผืนป่าเป็นสีเทาจางๆ จากไอหมอก พระอาทิตย์กำลังโผล่พ้นขอบฟ้าทีละนิด สายแพรตัดสินใจเดินออกมาจากชะง่อนหิน กวาดสายตามองรอบกายเพื่อหาสหายสาว แต่ก็กลับไม่พบ
เสียงนกป่ากรีดร้องเสียงดังก้อง พร้อมกับกระโจนโผบินออกจากรังไปหากิน เธอเห็นเก้งสองตัววิ่งผ่านหน้าไปทางดงไม้ใกล้ๆ อีกสองตัวที่กำลังก้มกินน้ำที่ลำธารหันมาจ้องเธอตาโต ก่อนวิ่งหายไปพร้อมกับเพื่อน
“ตื่นแล้วเหรอคะ...” น้ำเสียงคุ้นหูดังขึ้น สายแพรเอี้ยวตัวมาทางซ้าย พบเธอยืนเด่นอยู่พร้อมรอยยิ้ม ในอ้อมกอดมีผลไม้สามสี่อย่าง อีกฝ่ายรีบตรงมา ก่อนยื่นกล้วยน้ำว้าส่งให้หญิงสาวครึ่งหวี
“รีบกินเร็วค่ะ” เธอบอกเสียงใส สายแพรมองกล้วยที่รับมาด้วยอาการงุนงง
“คุณไปเอามันมาจากไหน” อีกฝ่ายพอได้ยินดังนั้นก็ยิ้มน้อยๆ
“ช่างมันเถอะค่ะ ฉันไปเจอมันเข้าโดยบังเอิญ” เธอบอกก่อนทรุดนั่งลง และปลอกกล้วยกินด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย
สายแพรกลืนน้ำลายลงคอ ไม่มีประโยชน์ที่จะสงสัยในเรื่องไม่เป็นเรื่อง ขอแค่ได้มีของกินประทังชีวิตก็เพียงพอแล้ว หญิงสาวปลอกเปลือกกล้วยออกและกินจนหมดทุกลูก เสร็จแล้วจึงเดินไปที่ลำธาร กินน้ำให้ชื่นใจและกวักน้ำล้างหน้าล้างตา
“คุณออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วทำไมไม่ชวนฉันไปด้วยคะ” สายแพรเอ่ยถาม อีกฝ่ายพออิ่มแล้วก็รีบมากินน้ำข้างกายเธอ เมื่อแสงอาทิตย์ทาบทอทั่วท้องฟ้า สายแพรจึงได้เห็นใบหน้าเธอได้ถนัด
“ก็ย่ำรุ่งค่ะ ฉันเห็นคุณหลับอยู่เลยไม่อยากปลุก แถวนี้ฉันคุ้นเคยดี คุณไม่ต้องห่วง” รอยยิ้มบนเรือนหน้าอันทรุดโทรมทำให้สายแพรอดนึกขอบคุณอีกฝ่ายไม่ได้
“แล้วเราจะไปไหนกันต่อคะ คุณบอกว่าคุ้นเคยที่นี่ดี เราเดินไปตามลำธารจะดีมั้ยคะ มันต้องไปสิ้นสุดที่แม่น้ำหรือไม่ก็น้ำตกที่ไหนสักแห่งในเขตอุทยานแน่” สายแพรเสนอขึ้น อีกฝ่ายมีสีหน้าหม่นลงน้อยๆ
“ก็...แล้วแต่คุณเถอะ เดินตามลำธารไปก็น่าจะเจอทางออก” เธอพูดด้วยท่าทีเลื่อนลอย
“คุณพูดเหมือนกับว่าเคยเดินไปตามทางนี้แล้ว...อย่างนั้นใช่มั้ยคะ” สายแพรร้องถาม สีหน้าจริงจัง
อีกฝ่ายนิ่งไปชั่วอึดใจ ก่อนเงยหน้าขึ้นประสานสายตากับสายแพร “ใช่ค่ะ...” ในแววตานั้นช่างดูเศร้าสลดและสิ้นหวังจนหญิงสาวรู้สึกหดหู่ตามไปด้วย มันจะเป็นไปได้เหรอ ? ถ้าเดินตามลำธารไปแล้วก็ยังไม่พบกับใครอีกเลย
“แต่ฉันไปได้ไม่ไกลหรอกนะคะ ฉันกลัว...กลัวว่ามันจะตามหาฉันเจอ”
“กลัวใครคะ...มันที่คุณว่า...คือใคร ?” สายแพรขยับกายเข้าไปใกล้ เอ่ยถามสีหน้าคาดคั้น
“บางอย่างในป่านี้ค่ะ ฉันเองก็ตอบไม่ได้ว่าคืออะไร แต่มันพอใจที่เห็นฉันติดอยู่ในนี้...และเมื่อคุณเข้ามา มันก็ยิ่งสนุกที่ได้เฝ้ามองคุณหาทางเอาชีวิตรอด ยิ่งคุณกลัว มันยิ่งพอใจ...” สาบานได้ว่าสายแพรไม่เคยได้ยินคำพูดจากปากของใครที่ทำให้เธอขนลุกซู่ได้ถึงขนาดนี้ หญิงสาวพยายามข่มใจไม่ให้กลัว แหงนหน้าขึ้นมองต้นไม้ที่แผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมผืนป่า บางต้นใหญ่โตราวกับเสาวิหารขนาดยักษ์ สายลมเย็นยามเช้าพัดมาเบาๆ กิ่งไม้พัดไหวไปตามลม... ฤามีใครบางคนกำลังเฝ้ามองเธออยู่เงียบๆ อย่างนั้นหรือ ?