เรื่องราวของผม อาจจะเป็นเรื่องปกติของใครหลายคน และใครหลายคนอาจจะเป็นเหมือนผมก็เป็นได้ กรุณาอ่านเรื่องราวให้จบก่อนนะครับ อย่าเพิ่งด่า ^^
.
.
เรื่องมันผ่านมา 1 ปี พอดี ตั้งแต่ที่ผมเลิกกับแฟนเก่าคนนี้ไป เธอมีชื่อย่อ ป. เป็นรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัยรัฐชื่อดังแห่งหนึ่ง แถวจ.เพชรบุรี สมัยก่อนเธอใส่แว่นเหมือนเด็กเนิร์ดๆทั่วไป แต่พอเธอคบกับผมเธอก็ถอดแว่นและเปลี่ยนตัวเองสะใหม่สวยวิ๊ง ผมรักกันมากจนคนอิจฉา แอบเม้าท์ต่างๆนานา ผมก็ไม่สนใจ ผมบอกตามตรงนะครับว่า ผมก็ไม่ได้หน้าตาดีอะไร ไม่ได้ร่ำรวย พ่อไม่ใหญ่ นามสกุลไม่โต ผมแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง และคบกันมาได้ประมาณ 2 ปี 6 เดือน ตั้งแต่สมัยเรียนจนเรียนจบมหาวิทยาลัย...
เหตุที่ต้องมีอันต้องจากลา เนื่องด้วยจากที่ตัวผมเป็นรุ่นพี่และจบมาก่อน ทำงานที่ต้องเดินทางอยู่บ่อยๆ ไม่ค่อยมีเวลาให้เธอมากสักเท่าไหร่ คุยกันแค่ทางโทรศัพท์และนัดเจอกันบ้าง กินข้าวตามปะสาคนเป็นแฟนกันอะนะครับ และเธอเองก็อยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลงของชีวิตช่วงที่กำลังฝึกงานจะจบ และเจอสิ่งแวดล้อมใหม่ๆสังคมใหม่ๆ และคนใหม่ ช่วงที่ผมไม่ค่อยมีเวลานั้น+เธอก็สนุกกับการทำงานในช่วงฝึกงานไป ความรู้สึกตอนนั้นผมยอมรับว่าผมนอยส์ๆๆ ต่างคนต่างเงียบนิ่งเฉย (อ่อ...ต่างคนต่างอยู่นะครับ ไม่ได้อยู่ด้วยกัน) นานๆเดือนนึงผมจะนัดเจอกันตามโรงภาพยนตร์ หรือห้างสรรพสินค้า ทานข้าว แถวๆอนุสาวรีย์ ปกติเธอจะเป็นคนที่ชอบเอาแต่ใจ ชอบดื้อ ชอบหงุดหงิด แต่ผมก็รักเธอนะ เพราะเธอดีกับผมและรักผมมากเช่นกัน แต่มาช่วงหลังๆที่เจอกัน เธอเปลี่ยนไป เธอบึ้งตึง เย็นชา และหงุดหงิดมากขึ้น (ไม่ได้เป็นวันแดงเดือดนะครับ) จนผมเริ่มสงสัยในพฤติกรรมเธอว่าเกิดอะไรขึ้น
ต่อมาเดือนแห่งความรักที่ใครๆหลายคนเฝ้ารอวัน แต่มันคือBad Valentineของผม เพราะผมต้องเดินทางไปต่างประเทศ และก่อนเหตุการณ์ที่จะเลิกกันนั้น ผมได้ยินข่าวมาว่าพี่ที่ทำงานของเธอมารับมาส่งเธอกับเพื่อน เอาขนมเอาของมาฝากตลอด พูดว่าเช้าถึงเย็นถึงก็ว่าได้ ผมเคยคุยแล้ว "ถ้ามีคนที่ดีกว่าผม ก็ไปอยู่กับเขาเถอะ ผมไม่ใช่คนดีอะไร ไม่สามารถเลี้ยงเธอได้หรอก ผมรักเธอนะ แต่ผมยังไม่พร้อมจะรับผิดชอบใครตอนนี้ ขอเวลาหน่อยนะ" ผมยอมรับครับว่าผมเป็นคนใจร้อน และหึงมาก ผมเลยเผลอพูดบอกเลิกเธอไป อย่างขาดสติ ตอนที่ผมทราบข่าวนั้นมา ผมเคยบอกเลิกเธอหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังกลับมาคบกัน จนครั้งนี้เป็นคำพูดสุดท้ายที่ได้พูด และเธอก็ตกลง ถ้าคิดดีแล้วเธอจะยอมเลิก ผมอึ้งกับคำตอบ คืนนั้นก่อนเดินทางไปต่างประเทศ ผมนอนไม่หลับ เฝ้าคิดทั้งคืน และโทรไปหาเธออีก เธอไม่รับสายเลย จนวันที่ผมเดินทาง ผมก็โทรไปอีก จนเธอยอมรับสาย เธอตะคอกกลับมาว่า "มีอะไร จะโทรมาทำไมหนักหนา" ผมได้แต่พูดขอโทษๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ กลับมาคืนดีกันนะ จะเอาอะไรไหม ของฝาก นัดเจอต่างๆนานา สารพัดจะพูด แต่เธอปฏิเสธทุกกรณี ผมเลยได้แต่ทำใจ และเดินทางไปทำงาน หงอยๆตลอดการเดินทาง จนผมกลับมาเมืองไทย ผมรีบโทรหาและอยากไปหาเธอมาก สิ่งที่ผมเจอคือกลุ่มเพื่อนสนิทของเธอมาปลอบเธอ และบอกกับเธอว่าเลิกกันอะดีแล้ว คนเฮียๆแบบนี้ อะสวย หาใหม่ที่ดีกว่า

ได้ไม่ยากหรอก รุ่นน้องที่เคยยิ้ม เที่ยว ยกมือไหว้เรา

ทำกันงี้เหรอวะ???
หลังจากผมเจอแบบนั้น ผมก็ไม่ได้โทษใครนอกจากโทษตัวเองที่เป็นคนนิสัยเสียแบบนี้ ผมจึงตัดสินใจลบทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอ เพื่อที่ผมจะได้ไม่ต้องมานึกถึงเธออีก มันเหมือนจะหักดิบไปหน่อย แต่มันต้องได้ผลน่ะ แต่แล้วเหมือนสวรรค์กลั้นแกล้ง ผ่านมาได้เดือนนึง เธอไปคบกับรุ่นพี่ที่เธอไปฝึกงานและเธอก็จบมหาวิทยาลัยพอดี ผมบอกเลยผมเสียคนไปช่วงเวลาหนึ่ง กินเหล้า เที่ยว เมา อ้วก นอน ทำแบบนี้หลังเลิกงานทุกวัน ผมพยายามทักเฟสบุ๊คไป เธอเงียบไม่ตอบ ผมพิมพ์ระบายกับเธอว่าคิดถึงๆๆ อยากเจอ ขอคืนดี แต่เธอเงียบไม่ตอบ ผมเลยคิดว่าเธอคงไม่อยากจะรู้จักเราแล้ว เราคงเป็นได้แค่คนรู้จัก ผมเลยลบเธอออก ผ่านไป3วันเธอส่งข้อความมาว่า นึกจะลบก็ลบ ได้ถ้าต้องการแบบนั้น ผมเสียใจหนักมาก เพราะทำใจไม่ได้ที่เธอมีแฟนใหม่แล้ว มันเร็วมากเลยนะ ผมไม่ได้คุยกับใครมาจนผมเริ่มทำใจได้ใช้เวลาพอสมควร 6 เดือน ผมเริ่มเปิดใจคบคนใหม่ๆ แต่ก็คบไม่ได้นาน เพราะผมยังคิดถึง น้องป. อยู่ทุกครั้งที่ไปที่ไหนแล้วมีแต่เธออยู่เต็มไปหมด ผมก็โสดมา จนถึงวันที่เธอต้องรับปริญญา ที่นครปฐม ผมก็ไปนะ กับพ้องเพื่อนก้วนผมอะครับ ผมอยากจะให้ของและพูดคุยกับเธอ แต่เธอกลับไม่แม้แต่จะชายตามอง และเดินหนีหลบผม คงจะโกรธผมมาก ผมก็เข้าใจล่ะ...
เมื่อเธอไม่ต้องการอยากจะคุยกับเราแล้ว เราก็เดินตามทางของผมเองดีกว่ามาเฝ้าตามคิดถึงเธออยู่ตลอดๆ จนผมมีโอกาสได้ทำงานที่ดีขึ้น เงินเดือนมากขึ้น ผมจึงว่าผมพร้อมละ!!! ที่จะขอคืนดีกับเธอ ก็ผ่านมาคบ1ปีพอดี ผมเข้าไปดูเฟสบุ๊คเธอล่าสุด เธอกำลังจะหมั้นกัน พรหมลิขิตคงไม่ได้จับเรามาคู่กัน ผมไม่รู้น้ำอะไรไหลออกมาจากตา ผมก็ได้แต่จมปักกับอดีตที่ไม่สามารถแก้ไขได้ และผมต้องอดทนรอวันที่เธอจะยอมคุยกับผมสักวัน... อาจจะเป็นวันที่เธอแต่งงานมีลูกแล้วก็เป็นได้...
ใครหลายคนอาจจะนึกสมน้ำหน้าผม และคงคิดว่าสมควรล่ะ แต่ถ้าคุณรักใครสักคนจริงๆ รักด้วยใจ ไม่ใช่ลุ่มหลงในกามหรือทางกาย คุณจะรู้สึกเองว่าการ ได้เจอ ได้รักใครสักคน มันเหมือนกำลังใจในชีวิต มาเติมเต็มล่อเลี้ยงชีวิตได้เลยล่ะ สำหรับใครที่มีเรื่องราวลักษณะคล้ายๆผม รบกวนมาแชร์กันหน่อยครับ ขอบคุณครับ
ปล. ผมจะทำไงดีกับน้อง ป. ถึงจะได้คุยกับเธอและเธอยอมคุยดีกับผม ผมอยากคุยกับเธอสักครั้ง ครั้งเดียวก็พอ จริงๆนะ
ปล2. พวกกลุ่มเพื่อนน้อง ป. นี่ผมควรจะจัดการยังไงกับพวกนี้ดีครับ
ปล3. ได้มีโอกาสดูละคร อย่าลืมฉัน ผมเลยมีแรงบรรดาลใจเรื่องนี้ครับ บ่องตง 5555
ทำไงดี เธอถึงจะคุยด้วย T^T
.
.
เรื่องมันผ่านมา 1 ปี พอดี ตั้งแต่ที่ผมเลิกกับแฟนเก่าคนนี้ไป เธอมีชื่อย่อ ป. เป็นรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัยรัฐชื่อดังแห่งหนึ่ง แถวจ.เพชรบุรี สมัยก่อนเธอใส่แว่นเหมือนเด็กเนิร์ดๆทั่วไป แต่พอเธอคบกับผมเธอก็ถอดแว่นและเปลี่ยนตัวเองสะใหม่สวยวิ๊ง ผมรักกันมากจนคนอิจฉา แอบเม้าท์ต่างๆนานา ผมก็ไม่สนใจ ผมบอกตามตรงนะครับว่า ผมก็ไม่ได้หน้าตาดีอะไร ไม่ได้ร่ำรวย พ่อไม่ใหญ่ นามสกุลไม่โต ผมแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง และคบกันมาได้ประมาณ 2 ปี 6 เดือน ตั้งแต่สมัยเรียนจนเรียนจบมหาวิทยาลัย...
เหตุที่ต้องมีอันต้องจากลา เนื่องด้วยจากที่ตัวผมเป็นรุ่นพี่และจบมาก่อน ทำงานที่ต้องเดินทางอยู่บ่อยๆ ไม่ค่อยมีเวลาให้เธอมากสักเท่าไหร่ คุยกันแค่ทางโทรศัพท์และนัดเจอกันบ้าง กินข้าวตามปะสาคนเป็นแฟนกันอะนะครับ และเธอเองก็อยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลงของชีวิตช่วงที่กำลังฝึกงานจะจบ และเจอสิ่งแวดล้อมใหม่ๆสังคมใหม่ๆ และคนใหม่ ช่วงที่ผมไม่ค่อยมีเวลานั้น+เธอก็สนุกกับการทำงานในช่วงฝึกงานไป ความรู้สึกตอนนั้นผมยอมรับว่าผมนอยส์ๆๆ ต่างคนต่างเงียบนิ่งเฉย (อ่อ...ต่างคนต่างอยู่นะครับ ไม่ได้อยู่ด้วยกัน) นานๆเดือนนึงผมจะนัดเจอกันตามโรงภาพยนตร์ หรือห้างสรรพสินค้า ทานข้าว แถวๆอนุสาวรีย์ ปกติเธอจะเป็นคนที่ชอบเอาแต่ใจ ชอบดื้อ ชอบหงุดหงิด แต่ผมก็รักเธอนะ เพราะเธอดีกับผมและรักผมมากเช่นกัน แต่มาช่วงหลังๆที่เจอกัน เธอเปลี่ยนไป เธอบึ้งตึง เย็นชา และหงุดหงิดมากขึ้น (ไม่ได้เป็นวันแดงเดือดนะครับ) จนผมเริ่มสงสัยในพฤติกรรมเธอว่าเกิดอะไรขึ้น
ต่อมาเดือนแห่งความรักที่ใครๆหลายคนเฝ้ารอวัน แต่มันคือBad Valentineของผม เพราะผมต้องเดินทางไปต่างประเทศ และก่อนเหตุการณ์ที่จะเลิกกันนั้น ผมได้ยินข่าวมาว่าพี่ที่ทำงานของเธอมารับมาส่งเธอกับเพื่อน เอาขนมเอาของมาฝากตลอด พูดว่าเช้าถึงเย็นถึงก็ว่าได้ ผมเคยคุยแล้ว "ถ้ามีคนที่ดีกว่าผม ก็ไปอยู่กับเขาเถอะ ผมไม่ใช่คนดีอะไร ไม่สามารถเลี้ยงเธอได้หรอก ผมรักเธอนะ แต่ผมยังไม่พร้อมจะรับผิดชอบใครตอนนี้ ขอเวลาหน่อยนะ" ผมยอมรับครับว่าผมเป็นคนใจร้อน และหึงมาก ผมเลยเผลอพูดบอกเลิกเธอไป อย่างขาดสติ ตอนที่ผมทราบข่าวนั้นมา ผมเคยบอกเลิกเธอหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังกลับมาคบกัน จนครั้งนี้เป็นคำพูดสุดท้ายที่ได้พูด และเธอก็ตกลง ถ้าคิดดีแล้วเธอจะยอมเลิก ผมอึ้งกับคำตอบ คืนนั้นก่อนเดินทางไปต่างประเทศ ผมนอนไม่หลับ เฝ้าคิดทั้งคืน และโทรไปหาเธออีก เธอไม่รับสายเลย จนวันที่ผมเดินทาง ผมก็โทรไปอีก จนเธอยอมรับสาย เธอตะคอกกลับมาว่า "มีอะไร จะโทรมาทำไมหนักหนา" ผมได้แต่พูดขอโทษๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ กลับมาคืนดีกันนะ จะเอาอะไรไหม ของฝาก นัดเจอต่างๆนานา สารพัดจะพูด แต่เธอปฏิเสธทุกกรณี ผมเลยได้แต่ทำใจ และเดินทางไปทำงาน หงอยๆตลอดการเดินทาง จนผมกลับมาเมืองไทย ผมรีบโทรหาและอยากไปหาเธอมาก สิ่งที่ผมเจอคือกลุ่มเพื่อนสนิทของเธอมาปลอบเธอ และบอกกับเธอว่าเลิกกันอะดีแล้ว คนเฮียๆแบบนี้ อะสวย หาใหม่ที่ดีกว่า
หลังจากผมเจอแบบนั้น ผมก็ไม่ได้โทษใครนอกจากโทษตัวเองที่เป็นคนนิสัยเสียแบบนี้ ผมจึงตัดสินใจลบทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอ เพื่อที่ผมจะได้ไม่ต้องมานึกถึงเธออีก มันเหมือนจะหักดิบไปหน่อย แต่มันต้องได้ผลน่ะ แต่แล้วเหมือนสวรรค์กลั้นแกล้ง ผ่านมาได้เดือนนึง เธอไปคบกับรุ่นพี่ที่เธอไปฝึกงานและเธอก็จบมหาวิทยาลัยพอดี ผมบอกเลยผมเสียคนไปช่วงเวลาหนึ่ง กินเหล้า เที่ยว เมา อ้วก นอน ทำแบบนี้หลังเลิกงานทุกวัน ผมพยายามทักเฟสบุ๊คไป เธอเงียบไม่ตอบ ผมพิมพ์ระบายกับเธอว่าคิดถึงๆๆ อยากเจอ ขอคืนดี แต่เธอเงียบไม่ตอบ ผมเลยคิดว่าเธอคงไม่อยากจะรู้จักเราแล้ว เราคงเป็นได้แค่คนรู้จัก ผมเลยลบเธอออก ผ่านไป3วันเธอส่งข้อความมาว่า นึกจะลบก็ลบ ได้ถ้าต้องการแบบนั้น ผมเสียใจหนักมาก เพราะทำใจไม่ได้ที่เธอมีแฟนใหม่แล้ว มันเร็วมากเลยนะ ผมไม่ได้คุยกับใครมาจนผมเริ่มทำใจได้ใช้เวลาพอสมควร 6 เดือน ผมเริ่มเปิดใจคบคนใหม่ๆ แต่ก็คบไม่ได้นาน เพราะผมยังคิดถึง น้องป. อยู่ทุกครั้งที่ไปที่ไหนแล้วมีแต่เธออยู่เต็มไปหมด ผมก็โสดมา จนถึงวันที่เธอต้องรับปริญญา ที่นครปฐม ผมก็ไปนะ กับพ้องเพื่อนก้วนผมอะครับ ผมอยากจะให้ของและพูดคุยกับเธอ แต่เธอกลับไม่แม้แต่จะชายตามอง และเดินหนีหลบผม คงจะโกรธผมมาก ผมก็เข้าใจล่ะ...
เมื่อเธอไม่ต้องการอยากจะคุยกับเราแล้ว เราก็เดินตามทางของผมเองดีกว่ามาเฝ้าตามคิดถึงเธออยู่ตลอดๆ จนผมมีโอกาสได้ทำงานที่ดีขึ้น เงินเดือนมากขึ้น ผมจึงว่าผมพร้อมละ!!! ที่จะขอคืนดีกับเธอ ก็ผ่านมาคบ1ปีพอดี ผมเข้าไปดูเฟสบุ๊คเธอล่าสุด เธอกำลังจะหมั้นกัน พรหมลิขิตคงไม่ได้จับเรามาคู่กัน ผมไม่รู้น้ำอะไรไหลออกมาจากตา ผมก็ได้แต่จมปักกับอดีตที่ไม่สามารถแก้ไขได้ และผมต้องอดทนรอวันที่เธอจะยอมคุยกับผมสักวัน... อาจจะเป็นวันที่เธอแต่งงานมีลูกแล้วก็เป็นได้...
ใครหลายคนอาจจะนึกสมน้ำหน้าผม และคงคิดว่าสมควรล่ะ แต่ถ้าคุณรักใครสักคนจริงๆ รักด้วยใจ ไม่ใช่ลุ่มหลงในกามหรือทางกาย คุณจะรู้สึกเองว่าการ ได้เจอ ได้รักใครสักคน มันเหมือนกำลังใจในชีวิต มาเติมเต็มล่อเลี้ยงชีวิตได้เลยล่ะ สำหรับใครที่มีเรื่องราวลักษณะคล้ายๆผม รบกวนมาแชร์กันหน่อยครับ ขอบคุณครับ
ปล. ผมจะทำไงดีกับน้อง ป. ถึงจะได้คุยกับเธอและเธอยอมคุยดีกับผม ผมอยากคุยกับเธอสักครั้ง ครั้งเดียวก็พอ จริงๆนะ
ปล2. พวกกลุ่มเพื่อนน้อง ป. นี่ผมควรจะจัดการยังไงกับพวกนี้ดีครับ
ปล3. ได้มีโอกาสดูละคร อย่าลืมฉัน ผมเลยมีแรงบรรดาลใจเรื่องนี้ครับ บ่องตง 5555