เคยมีนักทฤษฏีรัฐศาสตร์กล่าวไว้ว่า คำสัญญาของนักการเมือง ก็คือ สัญญาประชาคม
พูดแล้วทำ คนจึงจะเชื่อว่า ...เขา/เธอ ทำสิ่งที่สัญญาไว้จริง สัญญาประชาคมในอดีต คนไทยไม่รู้จัก เราอาจเคยได้ยินคำพูดที่สวยหรูว่า" ผมไม่สามารถทำให้คนไทยทุกคนรวยเท่ากันได้ แต่ผมสัญญาว่าจะให้ทุกคนอยู่ภายใต้กฏหมายเดียวกัน (ฮา) " แหม..อดคิดถึงลูกพรรคแกไม่ได้ ...ยิงคนกลางปั้ม นอกจากจะไม่มอบตัวแล้ว ยังส่งทนายหน้าหอ (ภาษิตไทย) ออกมาบอกว่า "ไม่ทราบว่าตำรวจเรียก" (ทั้ง ๆ ที่ แมว ทั่วประเทศก็รู้ เพราะสื่อออกทีวี ทุก ๆ ข่าวต้นชั่วโมง) เอาเถอะ ความเท่าเทียมกันแบบทร้วยส์ ๆ ผมขี้เกียจกล่าวถึง สำหรับโมฆะแมนจากจังหวัดตรัง เพราะผมยกให้เขาอยู่ในนักการเมืองพัน เด....ไปนานแล้ว..(อยู่ในไฟร์ลั่ม หรือ สปีชี่ย์ เดียวกันกับตัวกินซาก ที่ชอบลากไก่ลงไปกินในน้ำ)
นับแต่เคียดแค้นชิงชังประชาชน จนถึงขนาดสาปแช่งประชาชนในภาคอื่น(ที่ไม่เลือกพรรค ตัวเอง) ที่ประสบภัยธรรมชาติ
เขียนมาถึงตรงนี้ ดีแต่พูด คงไม่ได้เริ่มต้นที่ หัวหน้าพรรคปัจจุบัน แต่มันมาตั้งแต่ อดีต
นายอภิสิทธิ ก็เช่นกัน...ยังคงรักษา "กฏิมากรรมน้ำลาย" (ที่สื่อพร้อมใจกันขนานนาม) ไว้อย่างเหนียวแน่น
แต่ที่มันน่าเศร้าใจมาก ๆ ก็คือ การทำงานด้วยน้ำลาย ชาติยังไม่วายวอดเท่ากับ พูดอย่างแต่ทำอีกอย่าง
นายอภิสิทธิ บอกซ้าย นั่นหมายถึงขวา บอกขวา นั่นคือไปซ้าย บอกหยุดคือ ทำต่อ บอกสนับสนุน แต่ที่ทำคือการต่อต้าน
นายอภิสิทธิ เคยประกาศว่า ประชานิยมคือขนม อาบยาพิษ มันคือขนมที่รัฐฆ่าประชาชน ถึงขนาดเดินเหยียบลงบันได แต่พอเผลอไปนิดเดียว นายอภิสิทธิ "ล่อประชานิยมกว่า" ซะแล้ว (ฮา)
ล่าสุด ก็เรื่อง เลือกตั้ง ซึ่งเด่นชัดที่สุดกับตัวอย่างที่ยกมา.....อย่าให้สาธยายเลย วันนี้ในปี ๒๕๕๗ กับวันโน้นเมื่อปี ๒๕๔๘ เหมือนดูเทปออกอากาศย้อนหลัง ผิดกันแต่วันนั้นเป็นพันธมิตร แต่วันนี้คือ กปปปส.
วันนี้...คำพูดของนายอภิสิทธิ จึงเบาหวิว ราวปุยนุ่น เหมือนกับ กลิ่นผายลม ที่ออกมาทางปาก
ผมอยากบอกว่า ผมก็อยากจะคิดในทางดี คิดในทางบวก คิดว่า ครั้งนี้
อาจจะเป็น New อภิสิทธิ
แต่มันทำใจยากเหลือเกิน เนื่องจากนายอภิสิทธิ ตระโกนบอกให้คนไทยไปช่วย ไล่หมาป่า (จะมากินแกะ) เป็นครั้งที่พันแล้วมั้ง
คนไทยส่วนมากฟังแล้ว จึงมีรู้สึกเหมือน ๆ กันว่า "อะไรของเมิง"
จะเล่นละคร ปาหี่ อะไรอีก
แค่นั้น
แค่นั้นจริง ๆ ครับ
ความน่าเชื่อถือ เกิดจากการกระทำ จะผิดบ้าง ถูกบ้าง สำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้าง เป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่พิสูจน์ก็คือ ได้ลงมือทำมันหรือยัง ต่างหาก
อันไหนดี ทำต่อ อันไหนไม่ดี ยกเลิก คนทำงานให้อภัย เพราะดีกว่าไม่ได้พิสูจน์เลยว่า ทำแล้วจะดีหรือไม่ดี
นั่นเป็นสิ่งที่พรรคคู่แข่งของประชาธิปัตย์ "มี" แต่พรรคประชาธิปัตย์ "ไม่เคยมี" ทั้ง ๆ ที่ ก่อตั้งพรรคมาเป็นเวลา ๗๐ ปี
อย่าไปโทษใคร อย่าไปกล่าวหาใคร ว่าใส่ความ เพราะที่เขียนมาแต่ละบรรทัด มันเป็นสิ่งที่ประชาชนเห็นมาหมดแล้ว
ผมจึงไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไรเลยครับ บอกกันตรง ๆ และก็ทำใจไว้ล่วงหน้าแล้วว่า ก็ไอ้แค่ รำลิเกบทเดิม ๆ แล้วก็ออกมาพูด เอาดีเข้าตัว ชั่วให้คนอื่น
ไม่มีอะไรใหม่ แค่นั้น แค่นั้นจริง ๆ
"เมื่อท่านพูดเราจะฟัง แต่เมื่อท่านลงมือทำ เราจึงจะเชื่อ" ว่าแต่ว่า..ในชีวิตนี้เคยทำตามที่พูดบ้างหรือยัง ? คุลมาร์ค
พูดแล้วทำ คนจึงจะเชื่อว่า ...เขา/เธอ ทำสิ่งที่สัญญาไว้จริง สัญญาประชาคมในอดีต คนไทยไม่รู้จัก เราอาจเคยได้ยินคำพูดที่สวยหรูว่า" ผมไม่สามารถทำให้คนไทยทุกคนรวยเท่ากันได้ แต่ผมสัญญาว่าจะให้ทุกคนอยู่ภายใต้กฏหมายเดียวกัน (ฮา) " แหม..อดคิดถึงลูกพรรคแกไม่ได้ ...ยิงคนกลางปั้ม นอกจากจะไม่มอบตัวแล้ว ยังส่งทนายหน้าหอ (ภาษิตไทย) ออกมาบอกว่า "ไม่ทราบว่าตำรวจเรียก" (ทั้ง ๆ ที่ แมว ทั่วประเทศก็รู้ เพราะสื่อออกทีวี ทุก ๆ ข่าวต้นชั่วโมง) เอาเถอะ ความเท่าเทียมกันแบบทร้วยส์ ๆ ผมขี้เกียจกล่าวถึง สำหรับโมฆะแมนจากจังหวัดตรัง เพราะผมยกให้เขาอยู่ในนักการเมืองพัน เด....ไปนานแล้ว..(อยู่ในไฟร์ลั่ม หรือ สปีชี่ย์ เดียวกันกับตัวกินซาก ที่ชอบลากไก่ลงไปกินในน้ำ)
นับแต่เคียดแค้นชิงชังประชาชน จนถึงขนาดสาปแช่งประชาชนในภาคอื่น(ที่ไม่เลือกพรรค ตัวเอง) ที่ประสบภัยธรรมชาติ
เขียนมาถึงตรงนี้ ดีแต่พูด คงไม่ได้เริ่มต้นที่ หัวหน้าพรรคปัจจุบัน แต่มันมาตั้งแต่ อดีต
นายอภิสิทธิ ก็เช่นกัน...ยังคงรักษา "กฏิมากรรมน้ำลาย" (ที่สื่อพร้อมใจกันขนานนาม) ไว้อย่างเหนียวแน่น
แต่ที่มันน่าเศร้าใจมาก ๆ ก็คือ การทำงานด้วยน้ำลาย ชาติยังไม่วายวอดเท่ากับ พูดอย่างแต่ทำอีกอย่าง
นายอภิสิทธิ บอกซ้าย นั่นหมายถึงขวา บอกขวา นั่นคือไปซ้าย บอกหยุดคือ ทำต่อ บอกสนับสนุน แต่ที่ทำคือการต่อต้าน
นายอภิสิทธิ เคยประกาศว่า ประชานิยมคือขนม อาบยาพิษ มันคือขนมที่รัฐฆ่าประชาชน ถึงขนาดเดินเหยียบลงบันได แต่พอเผลอไปนิดเดียว นายอภิสิทธิ "ล่อประชานิยมกว่า" ซะแล้ว (ฮา)
ล่าสุด ก็เรื่อง เลือกตั้ง ซึ่งเด่นชัดที่สุดกับตัวอย่างที่ยกมา.....อย่าให้สาธยายเลย วันนี้ในปี ๒๕๕๗ กับวันโน้นเมื่อปี ๒๕๔๘ เหมือนดูเทปออกอากาศย้อนหลัง ผิดกันแต่วันนั้นเป็นพันธมิตร แต่วันนี้คือ กปปปส.
วันนี้...คำพูดของนายอภิสิทธิ จึงเบาหวิว ราวปุยนุ่น เหมือนกับ กลิ่นผายลม ที่ออกมาทางปาก
ผมอยากบอกว่า ผมก็อยากจะคิดในทางดี คิดในทางบวก คิดว่า ครั้งนี้
อาจจะเป็น New อภิสิทธิ
แต่มันทำใจยากเหลือเกิน เนื่องจากนายอภิสิทธิ ตระโกนบอกให้คนไทยไปช่วย ไล่หมาป่า (จะมากินแกะ) เป็นครั้งที่พันแล้วมั้ง
คนไทยส่วนมากฟังแล้ว จึงมีรู้สึกเหมือน ๆ กันว่า "อะไรของเมิง"
จะเล่นละคร ปาหี่ อะไรอีก
แค่นั้น
แค่นั้นจริง ๆ ครับ
ความน่าเชื่อถือ เกิดจากการกระทำ จะผิดบ้าง ถูกบ้าง สำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้าง เป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่พิสูจน์ก็คือ ได้ลงมือทำมันหรือยัง ต่างหาก
อันไหนดี ทำต่อ อันไหนไม่ดี ยกเลิก คนทำงานให้อภัย เพราะดีกว่าไม่ได้พิสูจน์เลยว่า ทำแล้วจะดีหรือไม่ดี
นั่นเป็นสิ่งที่พรรคคู่แข่งของประชาธิปัตย์ "มี" แต่พรรคประชาธิปัตย์ "ไม่เคยมี" ทั้ง ๆ ที่ ก่อตั้งพรรคมาเป็นเวลา ๗๐ ปี
อย่าไปโทษใคร อย่าไปกล่าวหาใคร ว่าใส่ความ เพราะที่เขียนมาแต่ละบรรทัด มันเป็นสิ่งที่ประชาชนเห็นมาหมดแล้ว
ผมจึงไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไรเลยครับ บอกกันตรง ๆ และก็ทำใจไว้ล่วงหน้าแล้วว่า ก็ไอ้แค่ รำลิเกบทเดิม ๆ แล้วก็ออกมาพูด เอาดีเข้าตัว ชั่วให้คนอื่น
ไม่มีอะไรใหม่ แค่นั้น แค่นั้นจริง ๆ