เมนูนี้ถือว่าไม่ใช่อาหารเหนือโดยทั่วไป เป็นอาหารท้องถิ่นเสียมากกว่า พวกเราผู้ชายที่ผ่านยุค
ผ่านวัย มาตั้งแต่วัยรุ่นไปจนถึงวัยไหนก็ตาม มักจะเรียกเมนูจิ๊นคั่วนี้ว่า "เมนูคืนสู่เหย้า" ใครก็ตาม
ที่ออกจากถิ่นไปทำงานที่อื่น หรือคนที่อื่นก็ตามที่เคยมาอยู่แล้วย้ายออกไป เมื่อมีโอกาสกลับมา
ยังถิ่นเดิม มักจะเรียกหา "จิ๊นคั่ว" เป็นอันดับหนึ่ง การกินจิ๊นคั่วไม่ได้หมายถึงแค่ได้กินกับข้าว
สักอย่างหนึ่งแค่นั้น มันมีอะไรหลายอย่างแฝงอยู่ทำให้รำลึกถึงตลอดเวลา
ถ้าทางเชียงใหม่ ลำพูนมีลาบเดิก ส้าเดิก ทางบ้านสล่าปู่ก็มีจิ๊นคั่วเดิกเหมือนกัน จะไปไหน ทำอะไร
เป็นกลุ่ม เป็นหมู่สุดท้ายมักจะไปลงท้ายที่โรงวัว ได้เนื้อไปแล้วก็ใช่ว่าจะได้หลับได้นอน ต้องเอาไป
ทำกินกันต่อ บางทีถึงกับสว่างคาตา (หมายถึงช่วงวัยหนึ่งนะ)
วันนี้สล่าปู่พูดยาวหน่อย สงกรานต์นี้ได้รับออร์เดอร์จากลูกหลานที่กลับมาเยี่ยมบ้าน เป็นจิ๊นคั่วที่กำลัง
จะนำเสนอนี่แหละ
เนื้อวัว ณ พ.ศ.นี้ ราคาไม่ใช่ย่อยเหมือนกัน 2 ก.ก. ใช้วิธีสั่งทางโทรศัพท์
บอกไม่ถูกว่าเขาใช้เนื้อส่วนใดบ้าง เพราะเขาจะหั่นสำเร็จจัดเป็นชุดมาเลย
เป็นเมนูที่ทำง่ายมาก ไม่ค่อยมีพิธีรีตรองอะไร เอาเนื้อลงกระทะ ใส่เกลือเม็ด ขมิ้นผง
ผงมะสะหล่า พริกขี้หนูแห้ง น้ำมันพืช ทั้งหมดคลุกเคล้าให้เข้ากัน
เปิดไฟกลาง คั่วให้น้ำในเนื้อออก ใส่หอมแดงแกะเปลือกลงไปตอนนี้
คั่วจนน้ำแห้ง แตกมัน ถ้าเป็นจิ๊นคั่วด่วนที่ทำกินกันตอนตี 2 ตี 3 ถึงขั้นตอนนี้พรรคพวก
จะเตรียมจานมารอตัก ถือว่ากินได้แล้ว เหนียวหน่อยไม่ว่ากัน
แต่นี่เป็นการทำกลางวัน ทำเป็นกับข้าว ไม่ใช่กับแกล้ม ต้องเคี่ยวให้เปื่อยถึงจะอร่อย
เติมน้ำ เปิดไฟอ่อนเคี่ยวต่อไป
เติมหอมแดงลงไปอีกชุดหนึ่งก่อนน้ำจะงวด จนในที่สุด
เรื่องกลิ่นจากมะสะหล่า รับรองว่าตลบอบอวลไป 3 บ้าน 8 บ้าน ยั่วน้ำลายดีนักแล
บันทึกไว้เล่าสู่กันฟัง ถ้าใครได้ชิมรับรองมีติดใจแน่นอนละครับ ข้าวนึ่งก็ได้ ข้าวสวยก็ดี
ดึก ๆ อย่างนี้ชวนหิวไม่น้อยเลยทีเดียว
สวัสดีครับ
"จิ๊นคั่ว" ไม่พูดถึงเมนูนี้จะถือว่าตกยุค ตกเทศกาลหรือเปล่า?
ผ่านวัย มาตั้งแต่วัยรุ่นไปจนถึงวัยไหนก็ตาม มักจะเรียกเมนูจิ๊นคั่วนี้ว่า "เมนูคืนสู่เหย้า" ใครก็ตาม
ที่ออกจากถิ่นไปทำงานที่อื่น หรือคนที่อื่นก็ตามที่เคยมาอยู่แล้วย้ายออกไป เมื่อมีโอกาสกลับมา
ยังถิ่นเดิม มักจะเรียกหา "จิ๊นคั่ว" เป็นอันดับหนึ่ง การกินจิ๊นคั่วไม่ได้หมายถึงแค่ได้กินกับข้าว
สักอย่างหนึ่งแค่นั้น มันมีอะไรหลายอย่างแฝงอยู่ทำให้รำลึกถึงตลอดเวลา
ถ้าทางเชียงใหม่ ลำพูนมีลาบเดิก ส้าเดิก ทางบ้านสล่าปู่ก็มีจิ๊นคั่วเดิกเหมือนกัน จะไปไหน ทำอะไร
เป็นกลุ่ม เป็นหมู่สุดท้ายมักจะไปลงท้ายที่โรงวัว ได้เนื้อไปแล้วก็ใช่ว่าจะได้หลับได้นอน ต้องเอาไป
ทำกินกันต่อ บางทีถึงกับสว่างคาตา (หมายถึงช่วงวัยหนึ่งนะ)
วันนี้สล่าปู่พูดยาวหน่อย สงกรานต์นี้ได้รับออร์เดอร์จากลูกหลานที่กลับมาเยี่ยมบ้าน เป็นจิ๊นคั่วที่กำลัง
จะนำเสนอนี่แหละ
เนื้อวัว ณ พ.ศ.นี้ ราคาไม่ใช่ย่อยเหมือนกัน 2 ก.ก. ใช้วิธีสั่งทางโทรศัพท์
บอกไม่ถูกว่าเขาใช้เนื้อส่วนใดบ้าง เพราะเขาจะหั่นสำเร็จจัดเป็นชุดมาเลย
เป็นเมนูที่ทำง่ายมาก ไม่ค่อยมีพิธีรีตรองอะไร เอาเนื้อลงกระทะ ใส่เกลือเม็ด ขมิ้นผง
ผงมะสะหล่า พริกขี้หนูแห้ง น้ำมันพืช ทั้งหมดคลุกเคล้าให้เข้ากัน
เปิดไฟกลาง คั่วให้น้ำในเนื้อออก ใส่หอมแดงแกะเปลือกลงไปตอนนี้
คั่วจนน้ำแห้ง แตกมัน ถ้าเป็นจิ๊นคั่วด่วนที่ทำกินกันตอนตี 2 ตี 3 ถึงขั้นตอนนี้พรรคพวก
จะเตรียมจานมารอตัก ถือว่ากินได้แล้ว เหนียวหน่อยไม่ว่ากัน
แต่นี่เป็นการทำกลางวัน ทำเป็นกับข้าว ไม่ใช่กับแกล้ม ต้องเคี่ยวให้เปื่อยถึงจะอร่อย
เติมน้ำ เปิดไฟอ่อนเคี่ยวต่อไป
เติมหอมแดงลงไปอีกชุดหนึ่งก่อนน้ำจะงวด จนในที่สุด
เรื่องกลิ่นจากมะสะหล่า รับรองว่าตลบอบอวลไป 3 บ้าน 8 บ้าน ยั่วน้ำลายดีนักแล
บันทึกไว้เล่าสู่กันฟัง ถ้าใครได้ชิมรับรองมีติดใจแน่นอนละครับ ข้าวนึ่งก็ได้ ข้าวสวยก็ดี
ดึก ๆ อย่างนี้ชวนหิวไม่น้อยเลยทีเดียว
สวัสดีครับ