* เปิดเผยเนื้อหาเล็กน้อย *
Brick Mansions
จากต้นฉบับความมันส์ สู่รีเมกครั้งใหม่ที่น่าจับตามอง
ขึ้นชื่อว่าผลงานเรื่องสุดท้ายที่
พอล วอล์คเกอร์ ถ่ายทำไว้จนครบ ต้องทำให้
Brick Mansions เป็นผลงานที่น่าสนใจมากๆแน่ และด้วยเหตุผลนี้เองที่ผมเลือกมาดูหนังเรื่องนี้ โดยที่ไม่เคยได้ผ่านตาผลงาน 2 เรื่องก่อนหน้ามาก่อน แต่ก็พอจะรู้คร่าวๆจากเพื่อนฝูง และการอ่านบทวิจารณ์จากเมืองนอกว่าหนังเป็นอย่างไร ถ้าใครยังไม่รู้ หนังเรื่องนี้เป็นรีเมกจากหนังฝรั่งเศส
District B13 ในปี 2004 ซึ่งมีภาคต่อตามมาในปี 2009 ชื่อว่า
District 13: Ultimatum หนังทั้งสองเรื่องเป็นหนังฝรั่งเศส โดยผู้กำกับฝรั่งเศส
ปิแอร์ โมเรล และมือเขียนบทชาวฝรั่งเศส
ลุค เบซง กับ
บิบิ นาเซริ ก่อนที่จะภาคแรกหรือ
District B13 จะถูกนำมารีเมกเป็น
Brick Mansions ที่กำลังจะกล่าวถึงต่อไปนี้
พล็อตหนังที่ถูกนำมารีเมกใหม่ ยังใช้โครงเรื่องเดิมจากต้นฉบับ โดยปรับเปลี่ยนสถานที่และกลุ่มนักแสดงให้มีความเป็นอเมริกันมากขึ้น แต่ตัวละครต้นฉบับที่ถือว่าเป็นจุดเด่นของหนังอย่าง ลีโต้ ที่รับบทโดย
เดวิด เบลล์ ทีมงานได้ดึงนักแสดงคนเดิมเข้ามาเล่นบทเดิม แต่เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ลีโน่ ซึ่งการมาเล่นใหม่อีกครั้ง ก็ถือเป็นการรับบทเดิมครั้งที่ 3 แล้ว โดยที่ภาครีเมกนี้น่าสนใจตรงที่ ผู้ที่จะมาต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ของ
เดวิด เบลล์ คือนักแสดงที่เคลื่อนไหวได้รวดเร็ว และเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีจากแฟรนไชส์หนังแข่งรถชื่อก้องอย่าง
Fast and Furious ซึ่งกำลังจะมีภาค 7 ตามมาในปีหน้า เขาคือ
พอล วอล์คเกอร์
Brick Mansions เป็นผลงานเรื่องสุดท้ายที่
พอล วอล์คเกอร์ ถ่ายทำไว้จนจบเรื่อง ก่อนที่เขาเสียชีวิตในอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้หนังเรื่องนี้น่าสนใจเพิ่มขึ้นทันที นอกจากความน่าสนใจที่มีอยู่แล้วเดิม ซึ่งก็คือการรีเมกหนังแอ๊กชั่นฟรีรันนิ่งจากฝรั่งเศสที่เป็นที่กล่าวขานถึงการดำเนินเรื่องที่รวดเร็ว และฉากต่อสู้ที่ทะมัดทะแมงเป็นเอกลักษณ์ความสนุกที่มีสไตล์ในตัว ดังนั้นการได้ดูหนังเรื่องนี้ จึงเป็นเสมือนความบันเทิงที่อบอวลไปด้วยอารมณ์เศร้า เพราะเราจะได้เห็น
พอล วอล์คเกอร์ แบบตัวเป็นๆ เต็มๆเรื่อง จากผลงานเรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้น ส่วนใน
Fast and Furious 7 ที่กำลังจะตามมาในกลางปีหน้า เราจะได้เห็นเขาเพียงบางส่วน ที่เหลือจะเป็นเอฟเฟกต์ และน้องชายของเขา 2 คน คือ
คาเล็บและโคดี้ วอล์คเกอร์ ที่มาแสดงแทนพี่ชาย เพราะเขาเสียชีวิตก่อนที่จะถ่ายทำฉากที่เหลือให้จบ
Brick Mansions เล่าเรื่องราวในเมืองดีทรอยต์ ที่ในความเป็นจริงเมืองนี้เป็นเมืองที่มีสถิติอาชญากรรมสูงที่สุดจนติดอันดับต้นๆในสหรัฐเสมอ โดยประเด็นหนังที่กล่าวไว้คือ เขตหนึ่งของเมืองถูกล้อมกำแพงสูง เพราะมีอาชญากรรมเกิดขึ้นบ่อย จนทางการต้องจำกัดขอบเขตเพื่อควบคุมไม่ให้พื้นที่ส่วนอื่นมีปัญหาตามไปด้วย พื้นที่ที่อยู่ในเขตกำแพงสูงนี้ถูกเรียกว่า บริค แมนชั่นส์
ทำไม บริค แมนชั่นส์ ถึงขึ้นชื่อว่ามีอาชญากรรมหรือการกระทำผิดกฏหมายสูง เพราะว่าผู้คนที่อาศัยอยู่ในนั้นประกอบอาชีพที่ผิดกฏหมาย ทั้งค้ายา ปล้น จี้ และอื่นๆอีกมากมาย โดยมีขาใหญ่ประจำพื้นที่อย่าง เทรเมน (
รีซ่า) เป็นคนควบคุมหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเป็นเจ้าพ่อมาเฟียของ บริค แมนชั่นส์ ส่วนนักการเมืองที่อยู่ในเมืองก็พยายามที่จะกำจัดเขตพื้นที่นี้ให้หมดไป โดยพยายามทำนู่นทำนี้มากมายเพื่อหาทางเปลี่ยนพื้นที่นี้ใหม่ให้ขาวสะอาด แต่อิทธิพลและอำนาจของเทรเมนก็ยังปกป้องเขตนี้ และไม่มีใครหน้าไหนทวงอำนาจคืนไปได้ จนต้องมีภารกิจหนึ่งที่ส่งสายสืบฝีมือดี เดเมียน (
พอล วอล์คเกอร์) ที่เขาเชื่อว่าพ่อแท้ๆของตัวเองถูกฆ่าตายด้วยน้ำมือของเทรเมน ทำให้เมื่อนายกเทศมนตรีอย่าง เรโน่ (
ริชาร์ด ซีแมน) ร้องขอ เขาจึงตอบตกลงทำภารกิจนี้ทันที
การดำเนินเรื่องของหนังรวดเร็วตั้งแต่เริ่มต้น จากฉากโชว์สเต็ปเทพของ
เดวิด เบลล์ ในบท ลีโน่ ที่กระโดดโลดเต้นได้พลิ้วไหว ไต่บันไดอย่างฉับไว และวิ่งข้ามตึกได้อย่างไม่ทุลักทุเล นับว่าสร้างความตื่นเต้นให้คนดูอย่างต่อเนื่อง ไปจนถึงการโชว์บทบู๊ที่เยี่ยมไม่แพ้กันของ
พอล วอล์คเกอร์ ที่ถึงแม้จะดูออกว่าหนังพยายามกดความสามารถของตัวละครของ
พอล วอล์คเกอร์ ไม่ให้เด่นเกินกว่าตัวละครของ
เดวิด เบลล์ แต่เมื่อทั้งคู่ต้องมาต่อสู้กันเอง ก็นับว่ากินกันไม่ลง และสนุกคูณสองตามที่คาดหมายไว้จริงๆ
การตัดต่อภาพด้วยความฉับไวก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ฉากต่อสู้ทั้งหลายของเรื่องดูโดดเด่นขึ้นมา อย่างในฉากวิ่งโหนตึก ไต่ตึกไปนู่นมานี่ ก็ใช้การเปลี่ยนมุมกล้องที่ทำให้คนดูเห็นภาพหลายด้านและเสริมความตื่นเต้นเข้ามาอีกที ในขณะเดียวกันการหยุดภาพในช่วงระยะเวลาสั้นๆเพื่อจับความเคลื่อนไหวให้หยุดนิ่ง อย่างในฉาก กระโดดตีลังกาถอยหลังของทั้งวอล์คเกอร์และเบลล์ ก็ทำให้ภาพดูมีเสน่ห์ ซึ่งการใช้เทคนิคนี้ก็ทำได้ผลมาแล้วจากหนังหลายเรื่อง
สิ่งที่โดดเด่นในหนังเรื่องนี้ นอกจากฉากต่อสู้ที่ออกแบบมาได้อย่างดี นักแสดงที่เล่นบทบู๊ได้ลื่นไหล ตัวละครบางตัวก็สร้างเสน่ห์และเพิ่มความสนุกเข้าไปอีก ตัวละครที่ว่าคือ เรย์ซ่าห์ (
อายิชา อิสซ่า) ถ้านึกไม่ออกว่าตัวละครนี้คือใคร ดูง่ายๆ หญิงผิวสีที่ชอบเดินไขว้ขา นมใหญ่ๆ และมีลักษณะชอบเพศเดียวกันนั่นแหละ นอกจากจะโดดเด่นด้วยการแสดงออก การใส่ตัวละครผู้หญิงเข้ามา ก็เบรกความเข้มแข็งของการต่อสู้ ให้เรื่องราวมีสีสันและเผ็ดดุในแบบผู้หญิงเพิ่มขึ้น
แต่สิ่งหนึ่งที่ถือว่าหนังยังทำได้ไม่ดีพอ คือการเล่าเรื่องที่เจ็บแสบไม่พอ ต้นฉบับที่ใช้โครงเรื่องแบบเดียวกันนี้จะทำได้ดีกว่า แต่ก็ไม่ใช่ว่าความแสบของ
Brick Mansions ยังไม่มี เพราะประเด็นเสียดสีสังคม ที่พลิกล็อคให้คนผิดกลายเป็นคนธรรมดา และคนที่ดูเหมือนใสซื่อ กลายเป็นอสรพิษร้าย ก็ยังคงมีเสน่ห์ในแบบของมัน
ในท้ายที่สุด เรื่องราวที่เล่าเรื่องและลงเอยแบบนี้ ทำให้เกิดความคิดที่ว่า การเหมารวมว่าสิ่งที่อยู่รวมกันจะต้องเป็นเหมือนกัน คนที่อยู่ในพื้นที่สลัมจะต้องใช้ชีวิตเหลวแหลกและเป็นคนชั่วเลวทรามทั้งหมด ส่วนคนที่อยู่ในเมืองใหญ่จะต้องใสสะอาดและดีเลิศประเสริฐศรีทั้งหมด ความจริงแล้วมันไม่ใช่ ถ้าคนในตระกูลเคยติดคุก ก็แสดงว่าคนอื่นที่เหลือในตระกูลจะต้องเป็นคนคุกกันหมดหรือ?
โดยรวมแล้ว
Brick Mansions นำเสนอความบันเทิง, ความสนุก, ความตื่นเต้น ได้ตามที่คาดหมายไว้ แต่ในขณะเดียวกันประเด็นปัญหาที่ตีไม่แตก ก็ทำให้เนื้อเรื่องยังไม่เจ็บแสบมากพอ อย่างไรก็ตาม การได้ชมผลงานเรื่องสุดท้ายที่
พอล วอล์คเกอร์ มุมานะอุตสาหะให้คนดูอย่างเราๆสนุกสนานและบันเทิงใจ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาดแล้ว
ปล. ขอให้
พอล วอล์คเกอร์ หลับอย่างสบาย ผลงานเรื่องนี้เป็นหนึ่งผลงานที่ทำให้เห็นว่า คุณเป็นนักแสดงที่มีความสามารถทั้งกายและใจ
ระดับคะแนน C+
* แก้ไขคะแนน ลงผิด *
รีวิว Brick Mansions ผลงานเต็มรูปแบบเรื่องสุดท้ายของ พอล วอล์คเกอร์
Brick Mansions
จากต้นฉบับความมันส์ สู่รีเมกครั้งใหม่ที่น่าจับตามอง
ขึ้นชื่อว่าผลงานเรื่องสุดท้ายที่ พอล วอล์คเกอร์ ถ่ายทำไว้จนครบ ต้องทำให้ Brick Mansions เป็นผลงานที่น่าสนใจมากๆแน่ และด้วยเหตุผลนี้เองที่ผมเลือกมาดูหนังเรื่องนี้ โดยที่ไม่เคยได้ผ่านตาผลงาน 2 เรื่องก่อนหน้ามาก่อน แต่ก็พอจะรู้คร่าวๆจากเพื่อนฝูง และการอ่านบทวิจารณ์จากเมืองนอกว่าหนังเป็นอย่างไร ถ้าใครยังไม่รู้ หนังเรื่องนี้เป็นรีเมกจากหนังฝรั่งเศส District B13 ในปี 2004 ซึ่งมีภาคต่อตามมาในปี 2009 ชื่อว่า District 13: Ultimatum หนังทั้งสองเรื่องเป็นหนังฝรั่งเศส โดยผู้กำกับฝรั่งเศส ปิแอร์ โมเรล และมือเขียนบทชาวฝรั่งเศส ลุค เบซง กับบิบิ นาเซริ ก่อนที่จะภาคแรกหรือ District B13 จะถูกนำมารีเมกเป็น Brick Mansions ที่กำลังจะกล่าวถึงต่อไปนี้
พล็อตหนังที่ถูกนำมารีเมกใหม่ ยังใช้โครงเรื่องเดิมจากต้นฉบับ โดยปรับเปลี่ยนสถานที่และกลุ่มนักแสดงให้มีความเป็นอเมริกันมากขึ้น แต่ตัวละครต้นฉบับที่ถือว่าเป็นจุดเด่นของหนังอย่าง ลีโต้ ที่รับบทโดย เดวิด เบลล์ ทีมงานได้ดึงนักแสดงคนเดิมเข้ามาเล่นบทเดิม แต่เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ลีโน่ ซึ่งการมาเล่นใหม่อีกครั้ง ก็ถือเป็นการรับบทเดิมครั้งที่ 3 แล้ว โดยที่ภาครีเมกนี้น่าสนใจตรงที่ ผู้ที่จะมาต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ของเดวิด เบลล์ คือนักแสดงที่เคลื่อนไหวได้รวดเร็ว และเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีจากแฟรนไชส์หนังแข่งรถชื่อก้องอย่าง Fast and Furious ซึ่งกำลังจะมีภาค 7 ตามมาในปีหน้า เขาคือ พอล วอล์คเกอร์
Brick Mansions เป็นผลงานเรื่องสุดท้ายที่ พอล วอล์คเกอร์ ถ่ายทำไว้จนจบเรื่อง ก่อนที่เขาเสียชีวิตในอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้หนังเรื่องนี้น่าสนใจเพิ่มขึ้นทันที นอกจากความน่าสนใจที่มีอยู่แล้วเดิม ซึ่งก็คือการรีเมกหนังแอ๊กชั่นฟรีรันนิ่งจากฝรั่งเศสที่เป็นที่กล่าวขานถึงการดำเนินเรื่องที่รวดเร็ว และฉากต่อสู้ที่ทะมัดทะแมงเป็นเอกลักษณ์ความสนุกที่มีสไตล์ในตัว ดังนั้นการได้ดูหนังเรื่องนี้ จึงเป็นเสมือนความบันเทิงที่อบอวลไปด้วยอารมณ์เศร้า เพราะเราจะได้เห็น พอล วอล์คเกอร์ แบบตัวเป็นๆ เต็มๆเรื่อง จากผลงานเรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้น ส่วนใน Fast and Furious 7 ที่กำลังจะตามมาในกลางปีหน้า เราจะได้เห็นเขาเพียงบางส่วน ที่เหลือจะเป็นเอฟเฟกต์ และน้องชายของเขา 2 คน คือ คาเล็บและโคดี้ วอล์คเกอร์ ที่มาแสดงแทนพี่ชาย เพราะเขาเสียชีวิตก่อนที่จะถ่ายทำฉากที่เหลือให้จบ
Brick Mansions เล่าเรื่องราวในเมืองดีทรอยต์ ที่ในความเป็นจริงเมืองนี้เป็นเมืองที่มีสถิติอาชญากรรมสูงที่สุดจนติดอันดับต้นๆในสหรัฐเสมอ โดยประเด็นหนังที่กล่าวไว้คือ เขตหนึ่งของเมืองถูกล้อมกำแพงสูง เพราะมีอาชญากรรมเกิดขึ้นบ่อย จนทางการต้องจำกัดขอบเขตเพื่อควบคุมไม่ให้พื้นที่ส่วนอื่นมีปัญหาตามไปด้วย พื้นที่ที่อยู่ในเขตกำแพงสูงนี้ถูกเรียกว่า บริค แมนชั่นส์
ทำไม บริค แมนชั่นส์ ถึงขึ้นชื่อว่ามีอาชญากรรมหรือการกระทำผิดกฏหมายสูง เพราะว่าผู้คนที่อาศัยอยู่ในนั้นประกอบอาชีพที่ผิดกฏหมาย ทั้งค้ายา ปล้น จี้ และอื่นๆอีกมากมาย โดยมีขาใหญ่ประจำพื้นที่อย่าง เทรเมน (รีซ่า) เป็นคนควบคุมหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเป็นเจ้าพ่อมาเฟียของ บริค แมนชั่นส์ ส่วนนักการเมืองที่อยู่ในเมืองก็พยายามที่จะกำจัดเขตพื้นที่นี้ให้หมดไป โดยพยายามทำนู่นทำนี้มากมายเพื่อหาทางเปลี่ยนพื้นที่นี้ใหม่ให้ขาวสะอาด แต่อิทธิพลและอำนาจของเทรเมนก็ยังปกป้องเขตนี้ และไม่มีใครหน้าไหนทวงอำนาจคืนไปได้ จนต้องมีภารกิจหนึ่งที่ส่งสายสืบฝีมือดี เดเมียน (พอล วอล์คเกอร์) ที่เขาเชื่อว่าพ่อแท้ๆของตัวเองถูกฆ่าตายด้วยน้ำมือของเทรเมน ทำให้เมื่อนายกเทศมนตรีอย่าง เรโน่ (ริชาร์ด ซีแมน) ร้องขอ เขาจึงตอบตกลงทำภารกิจนี้ทันที
การดำเนินเรื่องของหนังรวดเร็วตั้งแต่เริ่มต้น จากฉากโชว์สเต็ปเทพของ เดวิด เบลล์ ในบท ลีโน่ ที่กระโดดโลดเต้นได้พลิ้วไหว ไต่บันไดอย่างฉับไว และวิ่งข้ามตึกได้อย่างไม่ทุลักทุเล นับว่าสร้างความตื่นเต้นให้คนดูอย่างต่อเนื่อง ไปจนถึงการโชว์บทบู๊ที่เยี่ยมไม่แพ้กันของ พอล วอล์คเกอร์ ที่ถึงแม้จะดูออกว่าหนังพยายามกดความสามารถของตัวละครของพอล วอล์คเกอร์ ไม่ให้เด่นเกินกว่าตัวละครของเดวิด เบลล์ แต่เมื่อทั้งคู่ต้องมาต่อสู้กันเอง ก็นับว่ากินกันไม่ลง และสนุกคูณสองตามที่คาดหมายไว้จริงๆ
การตัดต่อภาพด้วยความฉับไวก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ฉากต่อสู้ทั้งหลายของเรื่องดูโดดเด่นขึ้นมา อย่างในฉากวิ่งโหนตึก ไต่ตึกไปนู่นมานี่ ก็ใช้การเปลี่ยนมุมกล้องที่ทำให้คนดูเห็นภาพหลายด้านและเสริมความตื่นเต้นเข้ามาอีกที ในขณะเดียวกันการหยุดภาพในช่วงระยะเวลาสั้นๆเพื่อจับความเคลื่อนไหวให้หยุดนิ่ง อย่างในฉาก กระโดดตีลังกาถอยหลังของทั้งวอล์คเกอร์และเบลล์ ก็ทำให้ภาพดูมีเสน่ห์ ซึ่งการใช้เทคนิคนี้ก็ทำได้ผลมาแล้วจากหนังหลายเรื่อง
สิ่งที่โดดเด่นในหนังเรื่องนี้ นอกจากฉากต่อสู้ที่ออกแบบมาได้อย่างดี นักแสดงที่เล่นบทบู๊ได้ลื่นไหล ตัวละครบางตัวก็สร้างเสน่ห์และเพิ่มความสนุกเข้าไปอีก ตัวละครที่ว่าคือ เรย์ซ่าห์ (อายิชา อิสซ่า) ถ้านึกไม่ออกว่าตัวละครนี้คือใคร ดูง่ายๆ หญิงผิวสีที่ชอบเดินไขว้ขา นมใหญ่ๆ และมีลักษณะชอบเพศเดียวกันนั่นแหละ นอกจากจะโดดเด่นด้วยการแสดงออก การใส่ตัวละครผู้หญิงเข้ามา ก็เบรกความเข้มแข็งของการต่อสู้ ให้เรื่องราวมีสีสันและเผ็ดดุในแบบผู้หญิงเพิ่มขึ้น
แต่สิ่งหนึ่งที่ถือว่าหนังยังทำได้ไม่ดีพอ คือการเล่าเรื่องที่เจ็บแสบไม่พอ ต้นฉบับที่ใช้โครงเรื่องแบบเดียวกันนี้จะทำได้ดีกว่า แต่ก็ไม่ใช่ว่าความแสบของ Brick Mansions ยังไม่มี เพราะประเด็นเสียดสีสังคม ที่พลิกล็อคให้คนผิดกลายเป็นคนธรรมดา และคนที่ดูเหมือนใสซื่อ กลายเป็นอสรพิษร้าย ก็ยังคงมีเสน่ห์ในแบบของมัน
ในท้ายที่สุด เรื่องราวที่เล่าเรื่องและลงเอยแบบนี้ ทำให้เกิดความคิดที่ว่า การเหมารวมว่าสิ่งที่อยู่รวมกันจะต้องเป็นเหมือนกัน คนที่อยู่ในพื้นที่สลัมจะต้องใช้ชีวิตเหลวแหลกและเป็นคนชั่วเลวทรามทั้งหมด ส่วนคนที่อยู่ในเมืองใหญ่จะต้องใสสะอาดและดีเลิศประเสริฐศรีทั้งหมด ความจริงแล้วมันไม่ใช่ ถ้าคนในตระกูลเคยติดคุก ก็แสดงว่าคนอื่นที่เหลือในตระกูลจะต้องเป็นคนคุกกันหมดหรือ?
โดยรวมแล้ว Brick Mansions นำเสนอความบันเทิง, ความสนุก, ความตื่นเต้น ได้ตามที่คาดหมายไว้ แต่ในขณะเดียวกันประเด็นปัญหาที่ตีไม่แตก ก็ทำให้เนื้อเรื่องยังไม่เจ็บแสบมากพอ อย่างไรก็ตาม การได้ชมผลงานเรื่องสุดท้ายที่ พอล วอล์คเกอร์ มุมานะอุตสาหะให้คนดูอย่างเราๆสนุกสนานและบันเทิงใจ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาดแล้ว
ปล. ขอให้ พอล วอล์คเกอร์ หลับอย่างสบาย ผลงานเรื่องนี้เป็นหนึ่งผลงานที่ทำให้เห็นว่า คุณเป็นนักแสดงที่มีความสามารถทั้งกายและใจ
* แก้ไขคะแนน ลงผิด *