เราแต่งงานมาได้สี่ปีแล้วค่ะ กับทหารจนๆคนนึง มีหนี้ติดตัวเกือบล้านช่วงแรกมีปัญหามากเรื่องเงิน
อาศัยทำใจค่ะ เราพอทำงานได้เงินเดือนเยอะนิดหน่อย พอเลี้ยงตัวมีเก็บค่ะ ดิ้นรนขวนขวายซื้อรถมือสอง
สร้างบ้านหลังเล็กๆราคาไม่กี่แสน โชคดีย่าให้ที่ดินไว้นิดนึงเพื่ออยู่อาศัยแหละค่ะ ที่พยายามทำก็หวังจะสร้าง
ครอบครัวให้สมบูรณ์ เพราะเราเป็นคนที่ขาด ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยายเลยล่ะค่ะ เลยหวังจะลบปมชีวิต
ชีวิตคู่ก็กระท่อนกระแท่นมาเรื่อย เลยตั้งใจไว้เลยว่าจะไม่มีลูก เพราะคิดว่ารับภาระไม่ไหวแน่ๆ
แฟนก็ได้แต่พูดกรอกหูว่าที่ทำไว้จะให้ใคร เราก็เคยย้อนกลับไปว่ามีลูกไม่ใช่เล่นขายของนะ ภาระมันเยอะ
จนสุดท้ายเราก็ยอมปล่อยค่ะ ได้ลูกชายน่ารักมาคนนึง เรารักมาก ไม่คิดว่าจะรักใครได้เท่านี้อีกแล้ว
ตั้งแต่มีลูกชีวิตเปลี่ยนเลยค่ะ เมื่อก่อนพ่อมันยังช่วยทำงานบ้านบ้างไรบ้าง ทุกวันนี้เราต้องทำทุกอย่างเอง
ตั้งแต่ธุระลูก ล้างขวดนม ซักผ้าลูก เลี้ยงลูก อาบน้ำ ป้อนนม ซื้อของใช้ลูก พาไปฉีดวัคซีน ทุกอย่างนั่นแหละค่ะ
งานบ้านตั้งแต่ซักผ้า ล้างจาน ทำความสะอาดบ้าน ซื้อของใช้ในบ้าน ซื้ออาหาร ขนมนมเนยมาแช่ตู้เย็นไว้
เพราะถ้าไม่มีก็ต้องกินมาม่าอะค่ะ พ่อมันไม่เคยหาอะไรมาให้กิน
โดยที่ค่าใช้จ่ายทั้งหมด ย้ำทั้งหมดนะคะ เราต้องจ่ายเอง ทั้งนี้รวมค่าเอาลูกไปฝากเนอสเซอรี่ด้วยค่ะ
พ่อมันมีหน้าที่ขับรถไปส่ง ไปรับลูกที่เนอสเซอรี่ที่เป็นทางผ่านไปที่ทำงานค่ะ
เราเตรียมทุกอย่างให้ลูกหมดจนอุ้มลูกนั่งคาร์ซีท แล้วพ่อมันขับรถออกไป
เราจึงขับรถ(รถบริษัท)ไปทำงาน เราเป็นเซลล์วิ่ง ตจว ค่ะ แต่เขตตะวันออก
กับภาคกลางก็เลยไม่ไกลเท่าไหร่รีบไปทำงานให้เสร็จแล้วกลับมาให้ทันลูกกลับ
ลูกจะกลับมาถึงประมาณสี่โมงเย็น บางวันเราไม่กินข้าวเลยค่ะกลัวเสียเวลา
พอลูกกลับมาเราก็เริ่มปฏิบัติการทุกอย่างเกี่ยวกับลูก ใครมีลูกเล็กจะรู้ว่ารายละเอียด
เยอะขนาดไหน ตอนนี้ลูกเราก็เพิ่งหกเดือนครึ่งเองค่ะ เราเหนื่อยมากแต่ก็มีความสุขเพราะลูก
เสาร์อาทิตย์แฟนเราเค้าจะขยันมากตื่นตีสี่ตีห้าออกจากบ้านไปหายไปครึ่งวัน แล้วจึงกลับมา
ถามว่าไปไหนก็บอกไปที่ทำงาน (ข้าราชการทหารนะคะ) เป็นอย่างนี้ทุกเสาร์อาทิตย์
เซ้าซี้มากก็ไม่ได้ โดนด่าค่ะ
บางครั้งเราก็ต้องทำธุระส่วนตัวบ้าง เช่นกินข้าว เข้าห้องน้ำ อาบน้ำ ต้องรอให้เค้าว่างค่ะ
ถึงจะฝากลูกได้แล้วค่อยไปทำธุระ ทำงานบ้าน ตอนนี้อาศัยทำใจว่าเหมือนจ้างพี่เลี้ยง
มาช่วยดูลูกเล็กๆน้อยๆอะค่ะ แต่บางทีคิดไปคิดมาก็เหนื่อยและท้อมาก คงไม่มีใครที่เจอเหมือนเรา
บางทีเราย้ายออกไปอยู่สองคนกับลูกเราก็ว่าเราก็น่าจะอยู่กันได้
เราอยากย้ายไปอยู่ตะวันออกจะได้วิ่งทำงานได้ง่ายไม่ต้องขับรถไปกลับกรุงเทพทุกวันอย่าางนี้
บางครั้งกลัวเป็นอะไรไปค่ะ กลัวไม่ได้กลับมาหาลูก แล้วลูกจะอยู่ยังไง
เพื่อนๆช่วยคิดหน่อยสิคะว่าเราควรจะทน หรือออกมาดี ห่วงลูกที่สุดกลัวเค้ารู้สึกขาด
แต่เราก็เริ่มทำใจไม่ไหวแล้ว
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำแนะนำนะคะ
เราควรทำยังไงกีบชีวิตดี
อาศัยทำใจค่ะ เราพอทำงานได้เงินเดือนเยอะนิดหน่อย พอเลี้ยงตัวมีเก็บค่ะ ดิ้นรนขวนขวายซื้อรถมือสอง
สร้างบ้านหลังเล็กๆราคาไม่กี่แสน โชคดีย่าให้ที่ดินไว้นิดนึงเพื่ออยู่อาศัยแหละค่ะ ที่พยายามทำก็หวังจะสร้าง
ครอบครัวให้สมบูรณ์ เพราะเราเป็นคนที่ขาด ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยายเลยล่ะค่ะ เลยหวังจะลบปมชีวิต
ชีวิตคู่ก็กระท่อนกระแท่นมาเรื่อย เลยตั้งใจไว้เลยว่าจะไม่มีลูก เพราะคิดว่ารับภาระไม่ไหวแน่ๆ
แฟนก็ได้แต่พูดกรอกหูว่าที่ทำไว้จะให้ใคร เราก็เคยย้อนกลับไปว่ามีลูกไม่ใช่เล่นขายของนะ ภาระมันเยอะ
จนสุดท้ายเราก็ยอมปล่อยค่ะ ได้ลูกชายน่ารักมาคนนึง เรารักมาก ไม่คิดว่าจะรักใครได้เท่านี้อีกแล้ว
ตั้งแต่มีลูกชีวิตเปลี่ยนเลยค่ะ เมื่อก่อนพ่อมันยังช่วยทำงานบ้านบ้างไรบ้าง ทุกวันนี้เราต้องทำทุกอย่างเอง
ตั้งแต่ธุระลูก ล้างขวดนม ซักผ้าลูก เลี้ยงลูก อาบน้ำ ป้อนนม ซื้อของใช้ลูก พาไปฉีดวัคซีน ทุกอย่างนั่นแหละค่ะ
งานบ้านตั้งแต่ซักผ้า ล้างจาน ทำความสะอาดบ้าน ซื้อของใช้ในบ้าน ซื้ออาหาร ขนมนมเนยมาแช่ตู้เย็นไว้
เพราะถ้าไม่มีก็ต้องกินมาม่าอะค่ะ พ่อมันไม่เคยหาอะไรมาให้กิน
โดยที่ค่าใช้จ่ายทั้งหมด ย้ำทั้งหมดนะคะ เราต้องจ่ายเอง ทั้งนี้รวมค่าเอาลูกไปฝากเนอสเซอรี่ด้วยค่ะ
พ่อมันมีหน้าที่ขับรถไปส่ง ไปรับลูกที่เนอสเซอรี่ที่เป็นทางผ่านไปที่ทำงานค่ะ
เราเตรียมทุกอย่างให้ลูกหมดจนอุ้มลูกนั่งคาร์ซีท แล้วพ่อมันขับรถออกไป
เราจึงขับรถ(รถบริษัท)ไปทำงาน เราเป็นเซลล์วิ่ง ตจว ค่ะ แต่เขตตะวันออก
กับภาคกลางก็เลยไม่ไกลเท่าไหร่รีบไปทำงานให้เสร็จแล้วกลับมาให้ทันลูกกลับ
ลูกจะกลับมาถึงประมาณสี่โมงเย็น บางวันเราไม่กินข้าวเลยค่ะกลัวเสียเวลา
พอลูกกลับมาเราก็เริ่มปฏิบัติการทุกอย่างเกี่ยวกับลูก ใครมีลูกเล็กจะรู้ว่ารายละเอียด
เยอะขนาดไหน ตอนนี้ลูกเราก็เพิ่งหกเดือนครึ่งเองค่ะ เราเหนื่อยมากแต่ก็มีความสุขเพราะลูก
เสาร์อาทิตย์แฟนเราเค้าจะขยันมากตื่นตีสี่ตีห้าออกจากบ้านไปหายไปครึ่งวัน แล้วจึงกลับมา
ถามว่าไปไหนก็บอกไปที่ทำงาน (ข้าราชการทหารนะคะ) เป็นอย่างนี้ทุกเสาร์อาทิตย์
เซ้าซี้มากก็ไม่ได้ โดนด่าค่ะ
บางครั้งเราก็ต้องทำธุระส่วนตัวบ้าง เช่นกินข้าว เข้าห้องน้ำ อาบน้ำ ต้องรอให้เค้าว่างค่ะ
ถึงจะฝากลูกได้แล้วค่อยไปทำธุระ ทำงานบ้าน ตอนนี้อาศัยทำใจว่าเหมือนจ้างพี่เลี้ยง
มาช่วยดูลูกเล็กๆน้อยๆอะค่ะ แต่บางทีคิดไปคิดมาก็เหนื่อยและท้อมาก คงไม่มีใครที่เจอเหมือนเรา
บางทีเราย้ายออกไปอยู่สองคนกับลูกเราก็ว่าเราก็น่าจะอยู่กันได้
เราอยากย้ายไปอยู่ตะวันออกจะได้วิ่งทำงานได้ง่ายไม่ต้องขับรถไปกลับกรุงเทพทุกวันอย่าางนี้
บางครั้งกลัวเป็นอะไรไปค่ะ กลัวไม่ได้กลับมาหาลูก แล้วลูกจะอยู่ยังไง
เพื่อนๆช่วยคิดหน่อยสิคะว่าเราควรจะทน หรือออกมาดี ห่วงลูกที่สุดกลัวเค้ารู้สึกขาด
แต่เราก็เริ่มทำใจไม่ไหวแล้ว
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำแนะนำนะคะ