คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
service ... ขาย "บริการ" ชัดๆ 
ก็...วิศวกรบริการ (ด้านเทคนิค)
ก็อย่างงานบริการ เช่น maintain ระบบหรือตัวอุปกรณ์ ซ่อมระบบไฟฟ้า ซ่อมมือถือ ดูแลระบบโรงงานฯลฯ
แต่ก็อาจมีทีม technician ช่วยงานอีกขั้นเป็นลูกทีม ต้องหัดวิเคราะห์เก่งกว่า technician สมน้ำหน้า...เฮ๊ย...มะช่าย ต้องสมหน้าที่ engineer
ถ้าเป็นบริษัทรายละเอียดอย่างข้างบน ก็คือซ่อมบำรุง-รักษาระบบ หรือ System maintenance
ปกติ เขาแบ่งเป็นการ Maintenance 2 แบบใหญ่ๆ
- Preventive Maintenance แปลว่าบำรุงรักษา ป้องกันไม่ให้มันพังก่อนวัยอันควร ด้วยวิธีเช็คสภาพตามรอบ
อย่างคุณ TwoTop1 คคห.2 บอก ต้องทำแผนงาน ทำ schedule ว่าเครื่องจักรเครื่องกลตัวไหน ต้องเช็ค ต้องวัดค่าทุกระยะเท่าไหร่ แล้วอ่านค่าเทียบกับมาตรฐาน คอยดูทุกระยะ ว่ามันบอกเหตุออกอาการเป๋ไปหรือไม่ ขนาดไหน
และต้องคอยดู ชิ้นส่วนไหนต้องเปลี่ยนนานทุกระยะเท่าไหร่ ก็วางแผนสั่งเปลี่ยน
(ในบางอุตสาหกรรม อุปกรณ์บางชิ้นแม้จะไม่พัง เขาไม่ให้ใช้ต่อ เพราะถือว่าใช้คุ้มแล้ว แต่เอาไว้อาจพังวินาทีไหนไม่รู้ แล้วก่อให้เกิดความเสียหายมากกว่า)
เครื่องมือ เครื่องวัด ต้องคอยส่ง calibrate ทุกกี่ปี
ถ้าจะเอาให้คุ้น เหมือนเอารถเข้าอู่ตามระยะกิโล
- Corrective Maintenance แปลว่าบำรุงรักษา ซ่อมเพราะมันพังขึ้นมาระหว่างใช้งาน
เครื่องจักร มีอาการรวน เกเร ก็ต้องซ่อมให้ใช้งานทันการ, run เครื่องสำรองฉุกเฉิน, แก้ปัญหาหาหน้างาน, ...
ธรรมดาของโลก ทำงานมานานร่างกายย่อมมีเหนื่อยล้า อ่อนแอ
ก็เหมือนรถยนต์ ขับไปต้องเข้าอู่
วิศวกรนอกจากมีหน้าที่ซ่อม ต้องเรียนรู้ว่าซ่อมแบบไหน กู้ให้เครื่องจักรกลับมาทำงานให้เร็วที่สุด วางแผนทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆ
การทำหน้าที่ถ้าแค่ technician อาจเป็นคน request ของ สั่งเปลี่ยนสั่งของอย่างไม่บันยะบันยัง เพราะงานจะเบา สบายตัว
แต่การเป็น engineer ต้องรู้จักวิเคราะห์วางแผนว่าจะใช้เครื่องมืออะไรบ้าง ใช้ชื้นส่วนไหน ทีละเท่าไหร่ เป็น inventory ด้าน technical operations ที่สำคัญไม่แพ้ inventory ของวัตถุดิบ
สั่งมามากเกิน ก็สิ้นเปลืองงบประมาณ เอามากองพะเนิน ...แต่สั่งมาน้อยเกิน ก็ทำเครื่องจักรที่ใช้ทำมาหาเงินให้บริษัทสู่ภาวะ failure บ่อยๆ
แล้วต้องคอยสังเกต อะไรมันพัง มันพังตามปกติรอบอายุใช้งานของมัน หรือมันมาก มันบ่อยผิดปกติ
ถ้าทำให้อาการพังลดลงได้ และระยะเวลาซ่อมลดลง ถือเป็นผลงาน เอาไว้เขียน profile ได้ในอนาคต
เพราะระยะเวลาที่เครื่องจักรหยุด เป็นความสูญเสียของบริษัท การซ่อมได้รวดเร็วลดช่วงเวลาที่เครื่องต้องไร้ประโยชน์ไปเปล่าๆ ได้
ส่วนตรงข้าม ถ้าสามารถก้าวไปถึงขั้นปรับปรุงกระบวนการ หาวิธี ติดตามเทคโนโลยีหรือหาเทคนิควิธีการ และเครื่องมือใหม่ๆ มาช่วยทำให้ใช้เครื่องจักรน้อยลง ลดการใช้พลังงานลง แต่ทำงานได้มากขึ้น เร็วขึ้น เป็นการเพิ่มประสิทธิภผล (productivity) ช่วยเจ้าของเงินลดการลงทุนได้ ยิ่งจะเป็นผลงานของคนทำหน้าที่วิศวกรได้ เป็นมือขวาของผู้จัดการโรงงาน/ผู้จัดการฝ่ายได้ อนาคต supervisor หรือ assistant manager ว่าที่ผู้สืบทอดตำแหน่ง manager (แล้วแต่องค์กร)

ก็...วิศวกรบริการ (ด้านเทคนิค)
ก็อย่างงานบริการ เช่น maintain ระบบหรือตัวอุปกรณ์ ซ่อมระบบไฟฟ้า ซ่อมมือถือ ดูแลระบบโรงงานฯลฯ
แต่ก็อาจมีทีม technician ช่วยงานอีกขั้นเป็นลูกทีม ต้องหัดวิเคราะห์เก่งกว่า technician สมน้ำหน้า...เฮ๊ย...มะช่าย ต้องสมหน้าที่ engineer
ถ้าเป็นบริษัทรายละเอียดอย่างข้างบน ก็คือซ่อมบำรุง-รักษาระบบ หรือ System maintenance
ปกติ เขาแบ่งเป็นการ Maintenance 2 แบบใหญ่ๆ
- Preventive Maintenance แปลว่าบำรุงรักษา ป้องกันไม่ให้มันพังก่อนวัยอันควร ด้วยวิธีเช็คสภาพตามรอบ
อย่างคุณ TwoTop1 คคห.2 บอก ต้องทำแผนงาน ทำ schedule ว่าเครื่องจักรเครื่องกลตัวไหน ต้องเช็ค ต้องวัดค่าทุกระยะเท่าไหร่ แล้วอ่านค่าเทียบกับมาตรฐาน คอยดูทุกระยะ ว่ามันบอกเหตุออกอาการเป๋ไปหรือไม่ ขนาดไหน
และต้องคอยดู ชิ้นส่วนไหนต้องเปลี่ยนนานทุกระยะเท่าไหร่ ก็วางแผนสั่งเปลี่ยน
(ในบางอุตสาหกรรม อุปกรณ์บางชิ้นแม้จะไม่พัง เขาไม่ให้ใช้ต่อ เพราะถือว่าใช้คุ้มแล้ว แต่เอาไว้อาจพังวินาทีไหนไม่รู้ แล้วก่อให้เกิดความเสียหายมากกว่า)
เครื่องมือ เครื่องวัด ต้องคอยส่ง calibrate ทุกกี่ปี
ถ้าจะเอาให้คุ้น เหมือนเอารถเข้าอู่ตามระยะกิโล
- Corrective Maintenance แปลว่าบำรุงรักษา ซ่อมเพราะมันพังขึ้นมาระหว่างใช้งาน
เครื่องจักร มีอาการรวน เกเร ก็ต้องซ่อมให้ใช้งานทันการ, run เครื่องสำรองฉุกเฉิน, แก้ปัญหาหาหน้างาน, ...
ธรรมดาของโลก ทำงานมานานร่างกายย่อมมีเหนื่อยล้า อ่อนแอ
ก็เหมือนรถยนต์ ขับไปต้องเข้าอู่
วิศวกรนอกจากมีหน้าที่ซ่อม ต้องเรียนรู้ว่าซ่อมแบบไหน กู้ให้เครื่องจักรกลับมาทำงานให้เร็วที่สุด วางแผนทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆ
การทำหน้าที่ถ้าแค่ technician อาจเป็นคน request ของ สั่งเปลี่ยนสั่งของอย่างไม่บันยะบันยัง เพราะงานจะเบา สบายตัว
แต่การเป็น engineer ต้องรู้จักวิเคราะห์วางแผนว่าจะใช้เครื่องมืออะไรบ้าง ใช้ชื้นส่วนไหน ทีละเท่าไหร่ เป็น inventory ด้าน technical operations ที่สำคัญไม่แพ้ inventory ของวัตถุดิบ
สั่งมามากเกิน ก็สิ้นเปลืองงบประมาณ เอามากองพะเนิน ...แต่สั่งมาน้อยเกิน ก็ทำเครื่องจักรที่ใช้ทำมาหาเงินให้บริษัทสู่ภาวะ failure บ่อยๆ
แล้วต้องคอยสังเกต อะไรมันพัง มันพังตามปกติรอบอายุใช้งานของมัน หรือมันมาก มันบ่อยผิดปกติ
ถ้าทำให้อาการพังลดลงได้ และระยะเวลาซ่อมลดลง ถือเป็นผลงาน เอาไว้เขียน profile ได้ในอนาคต
เพราะระยะเวลาที่เครื่องจักรหยุด เป็นความสูญเสียของบริษัท การซ่อมได้รวดเร็วลดช่วงเวลาที่เครื่องต้องไร้ประโยชน์ไปเปล่าๆ ได้
ส่วนตรงข้าม ถ้าสามารถก้าวไปถึงขั้นปรับปรุงกระบวนการ หาวิธี ติดตามเทคโนโลยีหรือหาเทคนิควิธีการ และเครื่องมือใหม่ๆ มาช่วยทำให้ใช้เครื่องจักรน้อยลง ลดการใช้พลังงานลง แต่ทำงานได้มากขึ้น เร็วขึ้น เป็นการเพิ่มประสิทธิภผล (productivity) ช่วยเจ้าของเงินลดการลงทุนได้ ยิ่งจะเป็นผลงานของคนทำหน้าที่วิศวกรได้ เป็นมือขวาของผู้จัดการโรงงาน/ผู้จัดการฝ่ายได้ อนาคต supervisor หรือ assistant manager ว่าที่ผู้สืบทอดตำแหน่ง manager (แล้วแต่องค์กร)
แสดงความคิดเห็น
ตำแหน่ง technical service engineer คืออะไรครับ แล้วเป็นงานประเภทไหน