สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการฝึกภาษาอังกฤษในแบบฉบับของเรานะคะ
ขอเกริ่นว่าส่วนตัวเป็นคนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือนานๆ ยิ่งหนังสือฝึกภาษาอังกฤษแล้วสำหรับเรามันยิ่งรู้สึกน่าเบื่อและไม่มีแรงจูงใจในการอ่านเลยรวมถึงเว็บไซต์สอนภาษาอังกฤษด้วย แถมดันไม่ชอบนั่งดูหนัง + ซีรีส์อีก แต่ถ้าใครชอบดูก็แนะนำเลยค่ะ ฝึกแบบเปิดซับเป็นภาษาอังกฤษไปก่อนก็ได้ จากนั้นค่อยปิดซับเมื่อคล่องแล้ว
ด้วยความที่เราทำงานอยู่หน้าคอมเป็นประจำ เราเลยไปหาเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาน่าสนใจและเหมาะแก่การฝึกภาษามาเปิดดูยามว่าง นอกจากเราจะได้ความรู้และแรงบันดาลใจแล้วเรายังได้พัฒนาทักษะภาษาอังกฤษด้วยค่ะ
ดังนั้นเว็บไซต์ที่จะนำมาแบ่งปันกันในวันนี้ส่วนใหญ่จะไม่ใช้เว็บไซต์สอนภาษาอังกฤษโดยตรงนะคะ และนอกจากนี้บางเว็บก็มีเป็นแอพพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนด้วยทำให้สะดวกในการฝึกมากขึ้น ซึ่งหลายๆคนคนอาจจะรู้จักบ้างแล้ว แต่เราก็คิดว่าคงมีอีกไม่น้อยที่ยังไม่รู้จักเช่นกัน และถ้าใครอยากจะแนะนำเพิ่มเติมก็สามารถนำมาแชร์กันในกระทู้นี้ได้เลยค่ะ
Quizlet
http://www.quizlet.com
อย่างแรกเลยพึงระลึกไว้เสมอว่าเมื่อเจอคำศัพท์ที่เราไม่รู้จักและคิดว่าน่าจะได้นำมาใช้ อย่าปล่อยผ่านค่ะ เห็นมีหลายคนแนะนำให้จดลงสมุดบ้าง ใช้ Excel หรือ Google Docs Spreadsheet บ้าง ตามความสะดวก แต่สำหรับเราใช้ Quizlet เป็นผู้ช่วยค่ะ ซึ่งมีแอพพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนเช่นกัน (ไม่เสียเงิน)
iOS:
https://itunes.apple.com/th/app/quizlet/id546473125?mt=8
Android:
https://play.google.com/store/apps/details?id=com.quizlet.quizletandroid
โดย Quizlet คือ flashcards จะเหมือนเป็นกระดาษโน้ตช่วยจำ ในที่นี้เราเอามาใช้จำศัพท์ภาษาอังกฤษ เราสามารถสร้างเซตของคำศัพท์ขึ้นมาได้หลายๆเซต นอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ยนเป็นเกมทบทวนคำศัพท์ได้ด้วย ซึ่งก็มีเกมหลายรูปแบบเลยทีเดียว สนุกค่ะ ใช้งานไม่ยากด้วย หรือถ้าหากใครอยากจะนำคำศัพท์ที่มีอยู่ใน Excel และ Google Docs Spreadsheet มาเพิ่มก็สามารถทำได้เช่นกัน
***
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจำคำศัพท์เราควรใส่ตัวอย่างประโยคเป็นภาษาอังกฤษเข้าไปด้วยนะคะ จะช่วยให้เราจำคำศัพท์ได้ง่ายขึ้นเนื่องจากเรารู้ว่าคำๆนี้นำไปใช้งานได้อย่างไร***
TED Talks
http://www.ted.com/talks
หลายๆคนน่าจะรู้จักกันแล้ว สำหรับคนที่ไม่รู้จัก TED Talks คือ งานสัมมนาซึ่งเป็นที่รวมตัวกันของหลายๆคนจากทั่วโลก โดยแต่ละคนจะมาบรรยายความรู้ แนวคิด ไอเดีย รวมถึงถ่ายทอดประสบการณ์ของตนเองให้ฟัง ซึ่งหลายๆเรื่องก็น่าสนใจมากและสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ฟังได้เป็นอย่างดี
TED Talks จะถูกออกแบ่งออกเป็นอีกหลายหมวดหมู่ ได้แก่ technology, entertainment, design, business, science, และ global issues เราสามารถสมัครและล็อกอินเข้าไปเพื่อจัดการเซฟวีดีโอที่เราสนใจไว้ในลิสต์ได้ด้วย
ช่วยฝึกภาษาได้อย่างไร? เนื่องจากมีโครงการ TED translators ซึ่งเปิดโอกาสให้คนทั่วไปช่วยกันแปลให้เป็นภาษาของตนเอง เพราะฉะนั้นสามารถฝึกเหมือนดูหนังได้เลยคือ เปิดดูซับเป็นภาษาไทยให้เข้าใจเนื้อหาแล้วสามารถดูอีกครั้งโดยเปิดซับเป็นภาษาอังกฤษ และถ้าเชี่ยวชาญมากขึ้นก็สามารถปิดซับได้เลย
แนะนำ TED Talks ที่ไม่ควรพลาด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Amy Cuddy: Your body language shapes who you are
Ken Robinson: How schools kill creativity
Barry Schwartz: The paradox of choice
Brené Brown: The power of vulnerability
Malcolm Gladwell: Choice, happiness and spaghetti sauce
Simon Sinek: How great leaders inspire action
Steven Johnson: Where good ideas come from
Tony Robbins: Why we do what we do
Dan Pink: The puzzle of motivation
Susan Cain: The power of introverts
Dan Ariely: Are we in control of our own decisions?
Amanda Palmer: The art of asking
แอพพลิเคชัน
iOS (Free):
https://itunes.apple.com/en/app/ted/id376183339?mt=8
iOS (1.99$):
https://itunes.apple.com/th/app/tedisub-enjoy-ted-videos-subtitles!/id412403556?mt=8 อันนี้จะสามารถเปิดดู subtitle ได้ด้วย
Android (Free):
https://play.google.com/store/apps/details?id=com.ted.android
Umano
http://umanoapp.com/
เป็นเว็บที่รวบรวมบทความและข่าวต่างๆ โดย Umano จะมีความสามารถในการอ่านเนื้อหาให้ด้วย แต่ละบทความก็จะมีคนจริงๆมาอ่านให้ฟัง ซึ่งเนื้อหาก็มีเยอะมากกกกกกกกกก ตามคอนเซปท์ "Bringing content to life with human narration. Explore the largest collection of audio articles powered by real people."
เราเปิดฟังเป็นประจำ เพราะชอบตรงที่มีบทความน่าสนใจเยอะดี แถมคนอ่านบางคนสำเนียงฟังดูดีมากจนเราพยายามอ่านเลียนแบบเค้า 55555 ก็ถือซะว่าได้ฝึกออกเสียงไปด้วยเลย
Umano ก็มีเป็นแอพพลิเคชันให้ใช้งานด้วยค่ะ ไม่เสียเงินทั้งคู่
iOS:
https://itunes.apple.com/th/app/umano-listen-to-news-articles/id564125545?mt=8
Android:
https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sothree.umano
Quora
http://www.quora.com/
เป็นเว็บที่คล้ายกับพันทิปแต่เป็นภาษาอังกฤษ โดยจะแบ่งเนื้อหาตาม Topic (ประมาณ Tag ในพันทิปนี่แหละ) ซึ่งก็มี Topic หลากหลายเยอะมาก แต่การใช้งานจะต้องสมัครสมาชิกก่อนนะคะถึงจะเข้าไปดูได้ และนอกจากนี้เรายังสามารถทำการ follow topic หรือคำถามที่น่าสนใจได้ (เมื่อ follow topic คำถามต่างๆใน topic นั้นจะปรากฎบนหน้า news feed หรือถ้าหาก follow คำถามเวลามีคนมาตอบก็จะมี notification แจ้งให้ทราบ) เว็บนี้เราก็ติดเช่นกันต้องเข้าไปดูทุกวัน แต่ส่วนใหญ่ก็จะอยู่หน่วยซุ่มไม่ค่อยได้ตอบ และเท่าที่สังเกตดู ภาษาที่ใช้ในการตอบจะอยู่ในระดับดีถึงดีมาก บางทีเราก็จำลักษณะการใช้คำและประโยคไปประยุกต์ใช้กับของตัวเองค่ะ
มีเป็นแอพเช่นกันค่ะ และแน่นอนว่า ฟรี
iOS:
https://itunes.apple.com/us/app/quora/id456034437?mt=8
Android:
https://play.google.com/store/apps/details?id=com.quora.android
Coursera
https://www.coursera.org/
บางทีก็อยากจะหาความรู้มาประดับสมองด้วยการเรียนคอร์สออนไลน์ ลองเข้าเว็บนี้ดูค่ะ Coursera เป็นเว็บที่รวบรวมคอร์สระยะสั้นจากมหาวิทยาลัยดังๆหลายแห่ง ปกติก็จะเรียนสัปดาห์ละครั้ง ซึ่งในแต่ละสัปดาห์ก็จะเป็นวีดีโอความยาวประมาณ 15 นาที และมีประมาณ 3-4 วีดีโอ ซึ่งเราสามารถเปิดดูซับได้ด้วย (เป็นภาษาอังกฤษ) บางสัปดาห์ก็จะมี quiz และ assignment ให้ทำ และมีทำข้อสอบวัดความรู้ก่อนจบ ที่สำคัญคือ
ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น (ยกเว้นว่าจะเอาใบ certificate ซึ่งจะต้องเสียเงิน) และภายในคอร์สก็จะมีเว็บบอร์ดไว้สำหรับพูดคุยแลกเปลี่ยนระหว่างนักเรียนและอาจารย์ผู้สอนด้วยค่ะ ได้ทั้งความรู้แถมได้ฝึกภาษาอังกฤษอีก
แอพพลิเคชัน
iOS:
https://itunes.apple.com/us/app/coursera/id736535961?mt=8
Android:
https://play.google.com/store/apps/details?id=org.coursera.android
และนอกจาก Coursera แล้ว ยังมีเว็บอื่นๆที่มีคอร์สให้เรียนออนไลน์ฟรี ไม่ว่าจะเป็น udacity, edx, khanacademy ฯลฯ
เพื่อความสะดวกสามารถค้นหาคอร์สจากเว็บเหล่านี้ได้ที่
https://redhoop.com/
Lang-8
http://lang-8.com/
เป็นเว็บ community ที่เราเอาไว้ฝึก Writing ค่ะ เวลาจะใช้การก็ต้องสมัครสมาชิกก่อนและเลือก native language ของเรา จากอยากเขียนอะไรก็เขียน และเมื่อเรา publish ไปจะมีสมาชิกด้วยกันที่เป็นเจ้าของภาษาที่เราเขียนจะมาช่วยปรับทั้งไวยากรณ์และการใช้ภาษาให้เรา ซึ่งสามารถแก้ไขเป็นประโยคต่อประโยคและเสริมคอมเม้นท์ให้เหตุผลที่ต้องแก้ด้วย ในทางกลับกันเราก็สามารถไปช่วยแก้ไขให้กับคนอื่นได้เช่นกัน นอกจากจะได้พัฒนาทักษะการเขียนแล้วเราอาจจะได้เพื่อนเพิ่มจากเว็บนี้ด้วยค่ะ
ถ้าอยากตรวจสอบด้วยตัวเองก่อนสามารถใช้เว็บนี้ในการตรวจสอบได้ค่ะ
http://www.polishmywriting.com/ จะมีทั้งเช็ค spelling error, grammar suggestion และ style suggestion
เสริมสำหรับฝึก Speaking
วิธีที่ได้ผลดีที่สุดในการฝึกพูดภาษาอังกฤษคือ พูด พูด แล้วก็พูดค่ะ practice makes perfect มาดูวิธีการฝึกของเรากันดีกว่าว่าฝึกอย่างไร สิ่งที่เราต้องเตรียมก็คือคลิปเสียง + สคริปท์ค่ะ ฝึกอย่างน้อยวันละเรื่อง ตรงนี้เราจะได้ทั้ง listening + speaking และได้ vocabulary เพิ่มมาด้วยค่ะ คุ้ม อาจจะเหนื่อยแต่ถ้าฝึกบ่อยๆรับรองว่าได้ผลค่ะ
สามารถดาวน์โหลดหรือฟังผ่านเว็บไซต์ที่เราได้แนะนำไปข้างต้นค่ะ และเว็บอื่นนอกเหนือจากนี้คือ
http://learningenglish.voanews.com/
http://www.bbc.co.uk/worldservice/learningenglish/general/
http://www.rong-chang.com/qa2/
วิธีการฝึก
1. ฟังรอบแรก ฟังอย่างตั้งใจ พยายามจับใจความให้ได้ว่าในคลิปเสียงกำลังพูดถึงอะไรอยู่
2. ฟังรอบที่สอง ฟังและอ่านสคริปท์ไปด้วย พร้อมกับทำความเข้าใจเนื้อหา (อนุญาตให้จดโน้ตสั้นๆไว้ได้) ระหว่างนี้สามารถกด pause ได้เช่นกัน หลังจากฟังจบ ให้ค้นหาความหมายของคำศัพท์ที่เราไม่รู้จัก แล้วจดไว้
3. สรุปเนื้อหาโดยการพูดออกมาเป็นภาษาอังกฤษ โดยพูดให้ครบทุกประเด็นและสำนวนภาษาของตัวเอง (ห้ามดูสคริปท์โดยเด็ดขาด)
4. ถ้าลืมเนื้อหา สามารถเปิดฟังใหม่ได้ และทำข้อ 3 ซ้ำ
สำนวนที่ใช้ไม่จำเป็นจะต้องดูหรู สิ่งที่เราทำคือฝึกเพื่อให้เราพูดได้คล่องปากและสามารถเล่าให้คนอื่นเข้าใจได้
นอกจากนี้เรายังสามารถฝึกทักษะการสนทนาได้ด้วยการหาเพื่อนต่างชาติมาคุยเพื่อแลกเปลี่ยนภาษากัน เราสอนภาษาไทยให้เค้า เค้าสอนภาษาอังกฤษ (หรือภาษาอื่นๆ)ให้เรา win-win
เว็บที่เราใช้อยู่ประจำมีดังนี้ค่ะ
http://www.conversationexchange.com/
http://www.mylanguageexchange.com/
http://www.interpals.net/
จบแล้วสำหรับเนื้อหาทั้งหมดในกระทู้นี้ ถ้าอยากเก่งภาษาอังกฤษต้องหมั่นฝึกฝนเป็นประจำนะคะ ช่วงแรกอาจจะมีเหนื่อยบ้าง ท้อบ้าง แต่รับรองว่าภาษาอังกฤษของคุณจะดีขึ้นเรื่อยๆแน่นอน แล้วคุณจะเห็นว่าสิ่งที่ทำไปนั้นมันคุ้มค่ากับการพยายามค่ะ
แบ่งปันเทคนิคที่ใช้พัฒนาทักษะภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง + รวมเว็บไซต์ที่น่าสนใจ
ขอเกริ่นว่าส่วนตัวเป็นคนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือนานๆ ยิ่งหนังสือฝึกภาษาอังกฤษแล้วสำหรับเรามันยิ่งรู้สึกน่าเบื่อและไม่มีแรงจูงใจในการอ่านเลยรวมถึงเว็บไซต์สอนภาษาอังกฤษด้วย แถมดันไม่ชอบนั่งดูหนัง + ซีรีส์อีก แต่ถ้าใครชอบดูก็แนะนำเลยค่ะ ฝึกแบบเปิดซับเป็นภาษาอังกฤษไปก่อนก็ได้ จากนั้นค่อยปิดซับเมื่อคล่องแล้ว
ด้วยความที่เราทำงานอยู่หน้าคอมเป็นประจำ เราเลยไปหาเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาน่าสนใจและเหมาะแก่การฝึกภาษามาเปิดดูยามว่าง นอกจากเราจะได้ความรู้และแรงบันดาลใจแล้วเรายังได้พัฒนาทักษะภาษาอังกฤษด้วยค่ะ
ดังนั้นเว็บไซต์ที่จะนำมาแบ่งปันกันในวันนี้ส่วนใหญ่จะไม่ใช้เว็บไซต์สอนภาษาอังกฤษโดยตรงนะคะ และนอกจากนี้บางเว็บก็มีเป็นแอพพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนด้วยทำให้สะดวกในการฝึกมากขึ้น ซึ่งหลายๆคนคนอาจจะรู้จักบ้างแล้ว แต่เราก็คิดว่าคงมีอีกไม่น้อยที่ยังไม่รู้จักเช่นกัน และถ้าใครอยากจะแนะนำเพิ่มเติมก็สามารถนำมาแชร์กันในกระทู้นี้ได้เลยค่ะ
Quizlet
http://www.quizlet.com
อย่างแรกเลยพึงระลึกไว้เสมอว่าเมื่อเจอคำศัพท์ที่เราไม่รู้จักและคิดว่าน่าจะได้นำมาใช้ อย่าปล่อยผ่านค่ะ เห็นมีหลายคนแนะนำให้จดลงสมุดบ้าง ใช้ Excel หรือ Google Docs Spreadsheet บ้าง ตามความสะดวก แต่สำหรับเราใช้ Quizlet เป็นผู้ช่วยค่ะ ซึ่งมีแอพพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนเช่นกัน (ไม่เสียเงิน)
iOS: https://itunes.apple.com/th/app/quizlet/id546473125?mt=8
Android: https://play.google.com/store/apps/details?id=com.quizlet.quizletandroid
โดย Quizlet คือ flashcards จะเหมือนเป็นกระดาษโน้ตช่วยจำ ในที่นี้เราเอามาใช้จำศัพท์ภาษาอังกฤษ เราสามารถสร้างเซตของคำศัพท์ขึ้นมาได้หลายๆเซต นอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ยนเป็นเกมทบทวนคำศัพท์ได้ด้วย ซึ่งก็มีเกมหลายรูปแบบเลยทีเดียว สนุกค่ะ ใช้งานไม่ยากด้วย หรือถ้าหากใครอยากจะนำคำศัพท์ที่มีอยู่ใน Excel และ Google Docs Spreadsheet มาเพิ่มก็สามารถทำได้เช่นกัน
***เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจำคำศัพท์เราควรใส่ตัวอย่างประโยคเป็นภาษาอังกฤษเข้าไปด้วยนะคะ จะช่วยให้เราจำคำศัพท์ได้ง่ายขึ้นเนื่องจากเรารู้ว่าคำๆนี้นำไปใช้งานได้อย่างไร***
TED Talks
http://www.ted.com/talks
หลายๆคนน่าจะรู้จักกันแล้ว สำหรับคนที่ไม่รู้จัก TED Talks คือ งานสัมมนาซึ่งเป็นที่รวมตัวกันของหลายๆคนจากทั่วโลก โดยแต่ละคนจะมาบรรยายความรู้ แนวคิด ไอเดีย รวมถึงถ่ายทอดประสบการณ์ของตนเองให้ฟัง ซึ่งหลายๆเรื่องก็น่าสนใจมากและสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ฟังได้เป็นอย่างดี
TED Talks จะถูกออกแบ่งออกเป็นอีกหลายหมวดหมู่ ได้แก่ technology, entertainment, design, business, science, และ global issues เราสามารถสมัครและล็อกอินเข้าไปเพื่อจัดการเซฟวีดีโอที่เราสนใจไว้ในลิสต์ได้ด้วย
ช่วยฝึกภาษาได้อย่างไร? เนื่องจากมีโครงการ TED translators ซึ่งเปิดโอกาสให้คนทั่วไปช่วยกันแปลให้เป็นภาษาของตนเอง เพราะฉะนั้นสามารถฝึกเหมือนดูหนังได้เลยคือ เปิดดูซับเป็นภาษาไทยให้เข้าใจเนื้อหาแล้วสามารถดูอีกครั้งโดยเปิดซับเป็นภาษาอังกฤษ และถ้าเชี่ยวชาญมากขึ้นก็สามารถปิดซับได้เลย
แนะนำ TED Talks ที่ไม่ควรพลาด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แอพพลิเคชัน
iOS (Free): https://itunes.apple.com/en/app/ted/id376183339?mt=8
iOS (1.99$): https://itunes.apple.com/th/app/tedisub-enjoy-ted-videos-subtitles!/id412403556?mt=8 อันนี้จะสามารถเปิดดู subtitle ได้ด้วย
Android (Free): https://play.google.com/store/apps/details?id=com.ted.android
Umano
http://umanoapp.com/
เป็นเว็บที่รวบรวมบทความและข่าวต่างๆ โดย Umano จะมีความสามารถในการอ่านเนื้อหาให้ด้วย แต่ละบทความก็จะมีคนจริงๆมาอ่านให้ฟัง ซึ่งเนื้อหาก็มีเยอะมากกกกกกกกกก ตามคอนเซปท์ "Bringing content to life with human narration. Explore the largest collection of audio articles powered by real people."
เราเปิดฟังเป็นประจำ เพราะชอบตรงที่มีบทความน่าสนใจเยอะดี แถมคนอ่านบางคนสำเนียงฟังดูดีมากจนเราพยายามอ่านเลียนแบบเค้า 55555 ก็ถือซะว่าได้ฝึกออกเสียงไปด้วยเลย
Umano ก็มีเป็นแอพพลิเคชันให้ใช้งานด้วยค่ะ ไม่เสียเงินทั้งคู่
iOS: https://itunes.apple.com/th/app/umano-listen-to-news-articles/id564125545?mt=8
Android: https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sothree.umano
Quora
http://www.quora.com/
เป็นเว็บที่คล้ายกับพันทิปแต่เป็นภาษาอังกฤษ โดยจะแบ่งเนื้อหาตาม Topic (ประมาณ Tag ในพันทิปนี่แหละ) ซึ่งก็มี Topic หลากหลายเยอะมาก แต่การใช้งานจะต้องสมัครสมาชิกก่อนนะคะถึงจะเข้าไปดูได้ และนอกจากนี้เรายังสามารถทำการ follow topic หรือคำถามที่น่าสนใจได้ (เมื่อ follow topic คำถามต่างๆใน topic นั้นจะปรากฎบนหน้า news feed หรือถ้าหาก follow คำถามเวลามีคนมาตอบก็จะมี notification แจ้งให้ทราบ) เว็บนี้เราก็ติดเช่นกันต้องเข้าไปดูทุกวัน แต่ส่วนใหญ่ก็จะอยู่หน่วยซุ่มไม่ค่อยได้ตอบ และเท่าที่สังเกตดู ภาษาที่ใช้ในการตอบจะอยู่ในระดับดีถึงดีมาก บางทีเราก็จำลักษณะการใช้คำและประโยคไปประยุกต์ใช้กับของตัวเองค่ะ
มีเป็นแอพเช่นกันค่ะ และแน่นอนว่า ฟรี
iOS: https://itunes.apple.com/us/app/quora/id456034437?mt=8
Android: https://play.google.com/store/apps/details?id=com.quora.android
Coursera
https://www.coursera.org/
บางทีก็อยากจะหาความรู้มาประดับสมองด้วยการเรียนคอร์สออนไลน์ ลองเข้าเว็บนี้ดูค่ะ Coursera เป็นเว็บที่รวบรวมคอร์สระยะสั้นจากมหาวิทยาลัยดังๆหลายแห่ง ปกติก็จะเรียนสัปดาห์ละครั้ง ซึ่งในแต่ละสัปดาห์ก็จะเป็นวีดีโอความยาวประมาณ 15 นาที และมีประมาณ 3-4 วีดีโอ ซึ่งเราสามารถเปิดดูซับได้ด้วย (เป็นภาษาอังกฤษ) บางสัปดาห์ก็จะมี quiz และ assignment ให้ทำ และมีทำข้อสอบวัดความรู้ก่อนจบ ที่สำคัญคือ ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น (ยกเว้นว่าจะเอาใบ certificate ซึ่งจะต้องเสียเงิน) และภายในคอร์สก็จะมีเว็บบอร์ดไว้สำหรับพูดคุยแลกเปลี่ยนระหว่างนักเรียนและอาจารย์ผู้สอนด้วยค่ะ ได้ทั้งความรู้แถมได้ฝึกภาษาอังกฤษอีก
แอพพลิเคชัน
iOS: https://itunes.apple.com/us/app/coursera/id736535961?mt=8
Android: https://play.google.com/store/apps/details?id=org.coursera.android
และนอกจาก Coursera แล้ว ยังมีเว็บอื่นๆที่มีคอร์สให้เรียนออนไลน์ฟรี ไม่ว่าจะเป็น udacity, edx, khanacademy ฯลฯ
เพื่อความสะดวกสามารถค้นหาคอร์สจากเว็บเหล่านี้ได้ที่ https://redhoop.com/
Lang-8
http://lang-8.com/
เป็นเว็บ community ที่เราเอาไว้ฝึก Writing ค่ะ เวลาจะใช้การก็ต้องสมัครสมาชิกก่อนและเลือก native language ของเรา จากอยากเขียนอะไรก็เขียน และเมื่อเรา publish ไปจะมีสมาชิกด้วยกันที่เป็นเจ้าของภาษาที่เราเขียนจะมาช่วยปรับทั้งไวยากรณ์และการใช้ภาษาให้เรา ซึ่งสามารถแก้ไขเป็นประโยคต่อประโยคและเสริมคอมเม้นท์ให้เหตุผลที่ต้องแก้ด้วย ในทางกลับกันเราก็สามารถไปช่วยแก้ไขให้กับคนอื่นได้เช่นกัน นอกจากจะได้พัฒนาทักษะการเขียนแล้วเราอาจจะได้เพื่อนเพิ่มจากเว็บนี้ด้วยค่ะ
ถ้าอยากตรวจสอบด้วยตัวเองก่อนสามารถใช้เว็บนี้ในการตรวจสอบได้ค่ะ http://www.polishmywriting.com/ จะมีทั้งเช็ค spelling error, grammar suggestion และ style suggestion
เสริมสำหรับฝึก Speaking
วิธีที่ได้ผลดีที่สุดในการฝึกพูดภาษาอังกฤษคือ พูด พูด แล้วก็พูดค่ะ practice makes perfect มาดูวิธีการฝึกของเรากันดีกว่าว่าฝึกอย่างไร สิ่งที่เราต้องเตรียมก็คือคลิปเสียง + สคริปท์ค่ะ ฝึกอย่างน้อยวันละเรื่อง ตรงนี้เราจะได้ทั้ง listening + speaking และได้ vocabulary เพิ่มมาด้วยค่ะ คุ้ม อาจจะเหนื่อยแต่ถ้าฝึกบ่อยๆรับรองว่าได้ผลค่ะ
สามารถดาวน์โหลดหรือฟังผ่านเว็บไซต์ที่เราได้แนะนำไปข้างต้นค่ะ และเว็บอื่นนอกเหนือจากนี้คือ
http://learningenglish.voanews.com/
http://www.bbc.co.uk/worldservice/learningenglish/general/
http://www.rong-chang.com/qa2/
วิธีการฝึก
1. ฟังรอบแรก ฟังอย่างตั้งใจ พยายามจับใจความให้ได้ว่าในคลิปเสียงกำลังพูดถึงอะไรอยู่
2. ฟังรอบที่สอง ฟังและอ่านสคริปท์ไปด้วย พร้อมกับทำความเข้าใจเนื้อหา (อนุญาตให้จดโน้ตสั้นๆไว้ได้) ระหว่างนี้สามารถกด pause ได้เช่นกัน หลังจากฟังจบ ให้ค้นหาความหมายของคำศัพท์ที่เราไม่รู้จัก แล้วจดไว้
3. สรุปเนื้อหาโดยการพูดออกมาเป็นภาษาอังกฤษ โดยพูดให้ครบทุกประเด็นและสำนวนภาษาของตัวเอง (ห้ามดูสคริปท์โดยเด็ดขาด)
4. ถ้าลืมเนื้อหา สามารถเปิดฟังใหม่ได้ และทำข้อ 3 ซ้ำ
สำนวนที่ใช้ไม่จำเป็นจะต้องดูหรู สิ่งที่เราทำคือฝึกเพื่อให้เราพูดได้คล่องปากและสามารถเล่าให้คนอื่นเข้าใจได้
นอกจากนี้เรายังสามารถฝึกทักษะการสนทนาได้ด้วยการหาเพื่อนต่างชาติมาคุยเพื่อแลกเปลี่ยนภาษากัน เราสอนภาษาไทยให้เค้า เค้าสอนภาษาอังกฤษ (หรือภาษาอื่นๆ)ให้เรา win-win
เว็บที่เราใช้อยู่ประจำมีดังนี้ค่ะ
http://www.conversationexchange.com/
http://www.mylanguageexchange.com/
http://www.interpals.net/
จบแล้วสำหรับเนื้อหาทั้งหมดในกระทู้นี้ ถ้าอยากเก่งภาษาอังกฤษต้องหมั่นฝึกฝนเป็นประจำนะคะ ช่วงแรกอาจจะมีเหนื่อยบ้าง ท้อบ้าง แต่รับรองว่าภาษาอังกฤษของคุณจะดีขึ้นเรื่อยๆแน่นอน แล้วคุณจะเห็นว่าสิ่งที่ทำไปนั้นมันคุ้มค่ากับการพยายามค่ะ