2 ยักษ์หลับ ที่ไม่ยอมตื่นมานาน ลิเวอร์พูล และ แอตเลติโก มาดริด จะพิสูจน์ว่า “เงินซื้อไม่ได้ทุกอย่าง”?
วันเสาร์ 19 เมษายน 2557 เวลา 00:36 น.
นสพ.เดลินิวส์
ในวันที่โลกลูกหนังถูกความโลภจับใส่ชักโครกแล้วกดทิ้งอย่างไม่ไยดี ยังมี “แสงสุดท้าย” พอให้มองเห็นจาก 2 ยักษ์หลับ ที่ไม่ยอมตื่นมานาน ถึงวันนี้ แม้ว่า ลิเวอร์พูล และ แอตเลติโก มาดริด จะยังไม่ถึงฝั่งฝัน แต่ถ้าพวกเขาทำได้ อาจเป็นอีกครั้งที่พิสูจน์ได้ว่า
“เงินซื้อไม่ได้ทุกอย่าง”?
แสงสุดท้ายแห่งเกมลูกหนัง?
ไม่ว่า ลิเวอร์พูล และ แอตเลติโก มาดริด จะได้แชมป์หรือไม่ “ความเชื่อ” ก็ได้แสดงพลังของมันออกมาอีกครั้ง
ในวันที่เกมฟุตบอลจมปลักอยู่บนกองเงินกองทอง ไม่มีใครเชื่อว่า “หงส์แดง” และ “ตราหมี” จะก้าวมาถึงจุดที่พวกเขายืนในวันนี้
ลิเวอร์พูล ไม่เคยได้แชมป์พรีเมียร์ลีก และไม่ได้แชมป์ลีกสูงสุดมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1990
แอต.มาดริด อยู่ใต้ร่มเงาของ บาร์เซโลนา และ รีล มาดริด มาชั่วนาตาปี และได้แชมป์ลา ลีกา ครั้งสุดท้าย ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1996
แต่วันนี้ ถ้าหากไม่ผิดพลาดกันไปเอง พวกเขาจะคว้าแชมป์ลีกของประเทศ
นับตั้งแต่วันที่ โรมัน อบราโมวิช เข้ามาซื้อทีมเชลซี เมื่อปี ค.ศ. 2003 เขาทำให้โลกลูกหนังเปลี่ยมโฉมหน้าไปอย่างสิ้นเชิง และฝังหัวแฟนบอลทั่วโลกว่า ถ้าคุณจะประสบความสำเร็จ สิ่งแรกที่คุณต้องมีคือ “เงิน”
พรีเมียร์ลีก และ ลา ลีกา คือ 2 ลีก ที่มีเงินสะพัดมากที่สุดในโลก ค่าตัว และค่าเหนื่อยของผู้เล่น สูงเกินค่าความเป็นคนจนเหลือจะเชื่อ ค่าจ้างสัปดาห์เดียวของนักฟุตบอลบางคนมากว่าคนส่วนใหญ่ในโลกหาได้ทั้งชีวิต
ฟุตบอลกลายเป็นความบันเทิงราคาแพง ที่รีดไถเอาจากแฟนบอลที่ส่วนใหญ่ไม่ได้ร่ำรวย แต่ทำยังไงได้ เมื่ออยู่ในโลกธุรกิจ ถ้าคุณอยากดู คุณก็ต้องยอมจ่าย
แต่ในขณะที่ 90 เปอร์เซ็นต์ของทีมฟุตบอลในโลก กำลังพยายามหาเงิน เพื่อนำไปซื้อความสำเร็จ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส และ ดีเอโก ซิเมโอเน แสดงให้เห็นว่า ฟุตบอลยังมี “แสงสุดท้าย” ที่อาจไม่ต้องใช้เงินปูทางไปสู่ความยิ่งใหญ่
สตีเวน เจอร์ราร์ด กัปตันทีมลิเวอร์พูล และ กาบี กัปตันทีมตราหมี คือ เด็กท้องถิ่น ที่เป็นผลผลิตจากทีมเยาวชน ทั้งคู่รักสโมสรยิ่งกว่าชีวิต และมีเป้าหมายเหมือนกันคือพาทีมประสบความสำเร็จให้ได้สักครั้ง
ในวันที่ความฝันใกล้จะเป็นจริง มนุษย์หินอย่าง เจอร์ราร์ด ถึงกับหลั่งน้ำตาลูกผู้ชายแบบไม่อายชาวโลก เพราะแม้แต่ตัวเองยังไม่เคยเชื่อว่าจะมีวันนี้
เจอร์ราร์ด ประสบความสำเร็จทุกอย่างในระดับสโมสร ขาดอย่างเดียวคือ แชมป์พรีเมียร์ลีก และในวัย 33 ปี เขายอมรับว่า เคยท้อแท้ และถอดใจไปหลายครั้ง
ส่วน กาบี หมดหวังยิ่งกว่าด้วยซ้ำ เมื่อถึงกับย้ายจากทีมรักไปอยู่กับ รีล ซาราโกซา เมื่อปี ค.ศ. 2007 แต่เมื่อทนเสียงร้องของหัวใจไม่ไหว 4 ปีต่อมา เขาก็ต้องกลับมาอยู่ที่เดิม และกลายเป็นฟันเฟืองสำคัญของ ซิเมโอเน ที่ทำให้ แอต.มาดริด บินสูงอยู่ในขณะนี้
ยังมีเหตุผลอีกมากมายในความ (เกือบ) สำเร็จ และถ้าบอกว่า ลิเวอร์พูล กับ แอต. มาดริด ไม่ใช้เงินเลย ก็คงไม่ถูกนัก แต่ถ้าเทียบกับทีมระนาบเดียวกัน ที่ถลุงเงินราวกับผลิตแบงก์ได้เอง ทั้งหงส์แดง และตราหมี เรียกว่าแทบจะไม่ได้ควักกระเป๋าเลยด้วยซ้ำ
ทุกคนรู้ดีว่า หลุยส์ ซัวเรซ และ ดีเอโก คอสตา เป็นกองหน้าที่เก่ง แต่นอกจาก ร็อดเจอร์ส และ ซิเมโอเน แล้ว อาจไม่มีใครรู้ว่าทั้งคู่เก่งได้ขนาดนี้ ขณะที่ขุมกำลังในพื้นที่อื่น ๆ ถ้าเทียบกับพ่อบุญทุ่มร่วมลีกทั้งหลาย ต้องบอกว่า ชื่อชั้นห่างกันสิ้นเชิง
แต่ ร็อดเจอร์ส และ ซิเมโอเน ใส่ความเชื่อ และดึงศักยภาพนักเตะที่ไม่ได้ชื่อดังหรือราคาแพงมากให้เล่นร่วมกันเป็นทีม และสาธิตให้โลกเห็นว่า การจะประสบความสำเร็จในเกมฟุตบอลนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือ “ทีมเวิร์ก” ไม่ใช่ตัวผู้เล่น
4-5 เกมสุดท้ายของฤดูกาลหลังจากนี้ คือหนึ่งในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของทั้ง 2 ทีม ถ้าไม่ผิดพลาดกันไปเอง ความสำเร็จอันหอมหวาน รอพวกเขาอยู่แล้ว แต่ถ้าเกิดหมดแรง ตกม้าตายไปเองช่วงปลายฤดูกาล สิ่งที่สร้างมาทั้งปี อาจสูญสลายกลายเป็นอากาศธาตุไปในพริบตา
แต่ไม่ว่าจะออกทางไหน ลิเวอร์พูล และ แอตเลติโก มาดริด ก็พิสูจน์ตัวเองให้แฟนบอลทุกคนยอมรับได้เรียบร้อย และแสดงให้โลกเห็นแล้วว่า...
“เงิน” ไม่ใช่พระเจ้าเสมอไป ?.
...รอวัน United
ดูสิ่งที่ลิเวอร์ รอคอย.... ผมยินดีด้วย (ล่วงหน้า) ผมอดที่จะตื้นตันแทนไม่ได้ เงินไม่ได้ซื้อทุกอย่าง ไม่ได้เป็นพระเจ้า ลิเวอร์แสดงให้เห็นทีมเวิรก ที่ไม่ใช่เพียงแค่ฤดูกาลเดียวจะสร้างได้...
ส่วน United ของผมถ้ายังเป็น มอยส์ อยู่คงไม่ใช่ฤดูกาลหน้าหรือฤดูกาลนู้น ที่จะกลับมาอีกครั้ง แต่ไม่ว่าจะนานแค่ไหน ผมจะรอ... ขอเหตุการณ์นั้นเกิดในช่วงชีวิตผม เป็นพอ
แฟนลิเวอร์ ไม่ต้องระลึกถึงแต่อดีตกันแล้วน่ะครับ (555 กัดนิดหน่อย) ขอให้แฟนๆทั้งหลายได้สัมผัสกับความรู้สึกอันหอมหวานของแชมป์พรีเมียร์ลีก และเรามาสู้กันใหม่ Next season .....
แสงสุดท้ายแห่งวงการลูกหนัง ....รอวัน United
วันเสาร์ 19 เมษายน 2557 เวลา 00:36 น.
นสพ.เดลินิวส์
ในวันที่โลกลูกหนังถูกความโลภจับใส่ชักโครกแล้วกดทิ้งอย่างไม่ไยดี ยังมี “แสงสุดท้าย” พอให้มองเห็นจาก 2 ยักษ์หลับ ที่ไม่ยอมตื่นมานาน ถึงวันนี้ แม้ว่า ลิเวอร์พูล และ แอตเลติโก มาดริด จะยังไม่ถึงฝั่งฝัน แต่ถ้าพวกเขาทำได้ อาจเป็นอีกครั้งที่พิสูจน์ได้ว่า
“เงินซื้อไม่ได้ทุกอย่าง”?
แสงสุดท้ายแห่งเกมลูกหนัง?
ไม่ว่า ลิเวอร์พูล และ แอตเลติโก มาดริด จะได้แชมป์หรือไม่ “ความเชื่อ” ก็ได้แสดงพลังของมันออกมาอีกครั้ง
ในวันที่เกมฟุตบอลจมปลักอยู่บนกองเงินกองทอง ไม่มีใครเชื่อว่า “หงส์แดง” และ “ตราหมี” จะก้าวมาถึงจุดที่พวกเขายืนในวันนี้
ลิเวอร์พูล ไม่เคยได้แชมป์พรีเมียร์ลีก และไม่ได้แชมป์ลีกสูงสุดมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1990
แอต.มาดริด อยู่ใต้ร่มเงาของ บาร์เซโลนา และ รีล มาดริด มาชั่วนาตาปี และได้แชมป์ลา ลีกา ครั้งสุดท้าย ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1996
แต่วันนี้ ถ้าหากไม่ผิดพลาดกันไปเอง พวกเขาจะคว้าแชมป์ลีกของประเทศ
นับตั้งแต่วันที่ โรมัน อบราโมวิช เข้ามาซื้อทีมเชลซี เมื่อปี ค.ศ. 2003 เขาทำให้โลกลูกหนังเปลี่ยมโฉมหน้าไปอย่างสิ้นเชิง และฝังหัวแฟนบอลทั่วโลกว่า ถ้าคุณจะประสบความสำเร็จ สิ่งแรกที่คุณต้องมีคือ “เงิน”
พรีเมียร์ลีก และ ลา ลีกา คือ 2 ลีก ที่มีเงินสะพัดมากที่สุดในโลก ค่าตัว และค่าเหนื่อยของผู้เล่น สูงเกินค่าความเป็นคนจนเหลือจะเชื่อ ค่าจ้างสัปดาห์เดียวของนักฟุตบอลบางคนมากว่าคนส่วนใหญ่ในโลกหาได้ทั้งชีวิต
ฟุตบอลกลายเป็นความบันเทิงราคาแพง ที่รีดไถเอาจากแฟนบอลที่ส่วนใหญ่ไม่ได้ร่ำรวย แต่ทำยังไงได้ เมื่ออยู่ในโลกธุรกิจ ถ้าคุณอยากดู คุณก็ต้องยอมจ่าย
แต่ในขณะที่ 90 เปอร์เซ็นต์ของทีมฟุตบอลในโลก กำลังพยายามหาเงิน เพื่อนำไปซื้อความสำเร็จ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส และ ดีเอโก ซิเมโอเน แสดงให้เห็นว่า ฟุตบอลยังมี “แสงสุดท้าย” ที่อาจไม่ต้องใช้เงินปูทางไปสู่ความยิ่งใหญ่
สตีเวน เจอร์ราร์ด กัปตันทีมลิเวอร์พูล และ กาบี กัปตันทีมตราหมี คือ เด็กท้องถิ่น ที่เป็นผลผลิตจากทีมเยาวชน ทั้งคู่รักสโมสรยิ่งกว่าชีวิต และมีเป้าหมายเหมือนกันคือพาทีมประสบความสำเร็จให้ได้สักครั้ง
ในวันที่ความฝันใกล้จะเป็นจริง มนุษย์หินอย่าง เจอร์ราร์ด ถึงกับหลั่งน้ำตาลูกผู้ชายแบบไม่อายชาวโลก เพราะแม้แต่ตัวเองยังไม่เคยเชื่อว่าจะมีวันนี้
เจอร์ราร์ด ประสบความสำเร็จทุกอย่างในระดับสโมสร ขาดอย่างเดียวคือ แชมป์พรีเมียร์ลีก และในวัย 33 ปี เขายอมรับว่า เคยท้อแท้ และถอดใจไปหลายครั้ง
ส่วน กาบี หมดหวังยิ่งกว่าด้วยซ้ำ เมื่อถึงกับย้ายจากทีมรักไปอยู่กับ รีล ซาราโกซา เมื่อปี ค.ศ. 2007 แต่เมื่อทนเสียงร้องของหัวใจไม่ไหว 4 ปีต่อมา เขาก็ต้องกลับมาอยู่ที่เดิม และกลายเป็นฟันเฟืองสำคัญของ ซิเมโอเน ที่ทำให้ แอต.มาดริด บินสูงอยู่ในขณะนี้
ยังมีเหตุผลอีกมากมายในความ (เกือบ) สำเร็จ และถ้าบอกว่า ลิเวอร์พูล กับ แอต. มาดริด ไม่ใช้เงินเลย ก็คงไม่ถูกนัก แต่ถ้าเทียบกับทีมระนาบเดียวกัน ที่ถลุงเงินราวกับผลิตแบงก์ได้เอง ทั้งหงส์แดง และตราหมี เรียกว่าแทบจะไม่ได้ควักกระเป๋าเลยด้วยซ้ำ
ทุกคนรู้ดีว่า หลุยส์ ซัวเรซ และ ดีเอโก คอสตา เป็นกองหน้าที่เก่ง แต่นอกจาก ร็อดเจอร์ส และ ซิเมโอเน แล้ว อาจไม่มีใครรู้ว่าทั้งคู่เก่งได้ขนาดนี้ ขณะที่ขุมกำลังในพื้นที่อื่น ๆ ถ้าเทียบกับพ่อบุญทุ่มร่วมลีกทั้งหลาย ต้องบอกว่า ชื่อชั้นห่างกันสิ้นเชิง
แต่ ร็อดเจอร์ส และ ซิเมโอเน ใส่ความเชื่อ และดึงศักยภาพนักเตะที่ไม่ได้ชื่อดังหรือราคาแพงมากให้เล่นร่วมกันเป็นทีม และสาธิตให้โลกเห็นว่า การจะประสบความสำเร็จในเกมฟุตบอลนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือ “ทีมเวิร์ก” ไม่ใช่ตัวผู้เล่น
4-5 เกมสุดท้ายของฤดูกาลหลังจากนี้ คือหนึ่งในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของทั้ง 2 ทีม ถ้าไม่ผิดพลาดกันไปเอง ความสำเร็จอันหอมหวาน รอพวกเขาอยู่แล้ว แต่ถ้าเกิดหมดแรง ตกม้าตายไปเองช่วงปลายฤดูกาล สิ่งที่สร้างมาทั้งปี อาจสูญสลายกลายเป็นอากาศธาตุไปในพริบตา
แต่ไม่ว่าจะออกทางไหน ลิเวอร์พูล และ แอตเลติโก มาดริด ก็พิสูจน์ตัวเองให้แฟนบอลทุกคนยอมรับได้เรียบร้อย และแสดงให้โลกเห็นแล้วว่า...
“เงิน” ไม่ใช่พระเจ้าเสมอไป ?.
...รอวัน United
ดูสิ่งที่ลิเวอร์ รอคอย.... ผมยินดีด้วย (ล่วงหน้า) ผมอดที่จะตื้นตันแทนไม่ได้ เงินไม่ได้ซื้อทุกอย่าง ไม่ได้เป็นพระเจ้า ลิเวอร์แสดงให้เห็นทีมเวิรก ที่ไม่ใช่เพียงแค่ฤดูกาลเดียวจะสร้างได้...
ส่วน United ของผมถ้ายังเป็น มอยส์ อยู่คงไม่ใช่ฤดูกาลหน้าหรือฤดูกาลนู้น ที่จะกลับมาอีกครั้ง แต่ไม่ว่าจะนานแค่ไหน ผมจะรอ... ขอเหตุการณ์นั้นเกิดในช่วงชีวิตผม เป็นพอ
แฟนลิเวอร์ ไม่ต้องระลึกถึงแต่อดีตกันแล้วน่ะครับ (555 กัดนิดหน่อย) ขอให้แฟนๆทั้งหลายได้สัมผัสกับความรู้สึกอันหอมหวานของแชมป์พรีเมียร์ลีก และเรามาสู้กันใหม่ Next season .....