เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 3/2
เข้าห้องมาได้ บิวตี้พุ่งตัวไปที่เตียง
“โอ๊ย อีนกบ้า นี่ฉันเป็นนกมากี่คืนแล้วเนี่ย” บิวตี้หยิบมาตรวัดขึ้นมาดู
“โอ๊ย ทำไมสีดำมันเพิ่มขึ้นล่ะ อย่าแกล้งกันแบบนี้สินังปิศาจหิ่งห้อย”
บิวตี้จิกทิ้งมาตรวัด
“อีตาอ้วนแว่นบ้านั่นอีก คิดจะแกล้งฉันเหรอ คนอย่างฉันอยากได้อะไรต้องได้ นายไม่เคยชนะฉัน ไม่ว่าตอนเด็ก หรือตอนนี้ก็ตาม และฉันจะไม่ยอมให้คนชั่วเอาบริษัทของพ่อฉันไปอย่างแน่นอน”
รุ่งเช้าบิวตี้สภาพไหล่เปลือย นอนหลับเพลิน แสงสว่างในห้องเห็นได้ชัดว่าเริ่มสายแล้ว เสียงโทรศัพท์ดัง
บิวตี้งัวเงีย “ฮัลโหล” แล้วออกอาการตกใจ “นายธี โทร.มาทำไม”
“ตื่นได้แล้ว เดี๋ยวไปไม่ทัน”
“ฉันตั้งเวลาไว้แล้ว”
“ต่อไปนี้ ห้ามใช้รถส่วนตัวไปทำงาน”
“เกินไปแล้ว แล้วฉันจะไปยังไงเล่า”
“กฎข้อที่ 3 ต้องไม่แสดงตัว มีรถหรูมีคนขับก็รู้กันหมดสิ เหลือเวลาอีกห้านาทีไม่งั้นสายแน่” ธีภพวางสายไป
“อย่ามาสั่งฉันนะ” พอได้ยินเสียงวางสาย ก็โกรธ “ฉันให้สอนไม่ได้ให้มาเป็นนาย”
บิวตี้จงใจ ขัดคำสั่งลุกขึ้น แล้วดื่มน้ำ กินวิตามินบำรุงผิว ทาครีมล้างหน้า ล้างหน้า กระชับรูขุมขน ขัดฟัน ฯลฯ ท่าทางไม่รีบร้อน เพราะเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับชีวิตหล่อน
ภายในห้องทำงานธีภพ ที่สำนักงานใหญ่
ใบหน้าหล่อเหลาของธีภพในเวลานี้ บอกให้รู้ว่าเขาทั้งหงุดหงิดเอือมระอาเหลือกำลัง มองจ้องบิ้วตี้ที่อยู่ตรงหน้า
“มาทำงานวันแรก สายไปสองชั่วโมงเนี่ยนะ แล้วจะไปบริหารงานใครได้”
บิวตี้ยังอยู่ในชุดสวยวิ้ง “ก็มันยังไม่คุ้น ขอเวลาปรับตัวหน่อยสิ”
“แล้วทำไมไม่ใส่ใส่ชุดโรงงานมาจากบ้าน แล้วตรงเข้าโรงงานเลยไม่ต้องมาที่นี่”
“ฉันไม่มีทางใส่ชุดนี้นอกโรงงานเป็นอันขาด ใครออกแบบเนี่ย ไม่สมกับเป็นบริษัททำเสื้อผ้าเลย”
“ความปลอดภัยของพนักงานต้องมาก่อน”
“ปลอดภัยด้วย สวยด้วยก็ได้นี่ เดี๋ยวคอยดูนะ” บิวตี้จะเข้าห้องน้ำของธีภพ
หัวหน้าฝ่ายทรัพยากรบุคล หรือ HR เข้ามารับตัวบิวตี้
“ดิฉันมารับตัว เอ่อ ท่านประธาน”
ธีภพสั่งกำชับหัวหน้าฝ่าย สีหน้าเข้มงวด “เก็บเรื่องคุณลัลน์ลลิตเป็นความลับสุดยอด อย่าให้พนักงานคนอื่นรู้ว่าเธอเป็นใคร ต่อจากนี้เธอคือพนักงานใหม่คนหนึ่งเท่านั้น”
“ค่ะ” หัวหน้าฝ่ายตะลึงเมื่อมองไปทางห้องน้ำ
บิวตี้ใส่ชุดสาวโรงงานที่ดัดแปลงแล้ว เข้ารูปร่าง ดูเก๋ แต่ผิดระเบียบไปหมด
ธีภพโมโห สั่งเสียงดัง “ไปเบิกชุดโรงงานมาใหม่เดี๋ยวนี้เลย”
ฟากพักตร์พิมล ซึ่งทำงานในแผนกฝ่ายขาย มีสีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดขณะวางสายโทรศัพท์
“ผู้หญิงที่ไหนกล้ามาหาคุณธีถึงห้อง กระตั้วรู้มั้ย”
กระตั้วกะเทยร่างยักษ์คู่หู ซึ่งรอปีวรา เพื่อนร่วมงาน คิดราคาประเมินเสื้ออยู่ “ใครไม่ทราบค่ะ แต่แก๊งหูตาสับปะรดรายงานว่าเป็นนางแบบ”
“นางแบบมีสองล้านแปด จะรู้มั้ย” พักตร์พิมลนึกได้ “หรือว่ายัยน้องอร” นึกแล้วเกิดหมั่นไส้ “ทำ
เป็นเรียบร้อย แป๋วแหวว ที่แท้ก็เที่ยวเร่มาเสนอตัวให้ผู้ชายถึงบริษัท”
“เรียบร้อยหรือคะ ...เอ...แต่รายงานข่าวบอกว่านางคนที่มาเนี่ย เปรี้ยวปรี๊สปรอทแตก เลยค่ะ”
พักตร์พิมลครุ่นคิด “นางแบบ เปรี้ยว ใครหว่า” พยายามนึกข้ออ้างเพื่อไปพบธีภพให้ได้ เลยถามตั้ว “แบบใหม่เสร็จหรือยัง”
“จวนแล้วค่ะ พอดีตั้วต้องหาข้อมูลให้คุณแพ็ตก่อนไงคะ”
“ปี เอาใบประเมินราคาของเธอมาซิ”
“ได้ค่ะ” ปีวราส่งข้อมูลราคาทุน ราคาขายของเสื้อ กระโปรง สองสามแบบที่คิดเสร็จแล้วให้สองสามแผ่น
พักตร์พิมลรีบรับเอาใส่แฟ้มแล้วออกไป
“ขอบใจนะปี” กระตั้วกระซิบบอก “คุณแพ็ตแกเอางานบังหน้าจะไปหาคุณธีแค่นั้นแหละ”
ปีวรายิ้มอ่อนหวาน “เรื่องของเจ้านายเราอย่ายุ่งเลย ทำหน้าที่ของเราไปเถอะ”
“จ้า” กระตั้วประชด “แม่คนดีศรีธนบวร”
พักตร์พิมล แล่นมาหาธีภพด้วยความร้อนใจ มาถึงหน้าห้อง สวนทางกับบิวตี้ และหัวหน้าฝ่าย HR บิวตี้แต่งเครื่องแบบโรงงานแบบมาตรฐานที่เพิ่งเบิกมาใหม่ ใส่แว่นโรงงานป้องกันเศษผง ปิดจมูก ปากด้วยผ้ากันฝุ่น เดินมองกระจกไปตลอดทาง
หัวหน้าฝ่ายถือของให้บิวตี้ ค้อมกายให้พักตร์พิมลอย่างอ่อนน้อม บิวตี้เกิดเดินชน แถมเหยียบเท้าพักตร์พิมลย้ำๆ อย่างจงใจ สองสามที
พักตร์พิมลตวาด “ทำอะไรของเธอน่ะ ระวังหน่อยสิ”
บิวตี้พูดผ่านหน้ากากเหมือนเคยแซวตอนเด็ก “อ้าว นึกว่าตู้กดน้ำ”
พักตร์พิมลโกรธ “ว่าไงนะ เธอรู้มั้ยว่าฉันเป็นใคร” หญิงสาวหันมาทางหัวหน้า “ปล่อยคนงานขึ้นมาเกะกะบนออฟฟิศได้ยังไง”
หัวหน้าฝ่ายอึกอัก “เอ่อ มาทดลองแว่นนิรภัยแบบใหม่ค่ะ แกคงเห็นไม่ชัด”
พักตร์พิมลขู่บิวตี้ “ระวังปากให้ดี จะตกงานเอาง่ายๆ” ไม่มีอารมณ์ด่าต่อ รีบไปหาธีภพ
“ต้องขอโทษแทนด้วยค่ะ คือ...” หัวหน้าฝ่ายพูดไม่ทันจบ พักตร์พิมลเข้าห้องธีภพไปแล้ว
บิวตี้ถอดผ้าปิดปากและแว่นตา ถอนใจอย่างแรง “เฮ้อ แค่นี้ก็แย่แล้ว ใครจะไปทนปิดตา
ปิดปากแบบนี้ได้ทั้งวัน”
บิวตี้ส่ายหน้า เดินนำหัวหน้าฝ่ายเข้าลิฟต์ไปอย่างหงุดหงิด
ไม่นานต่อมา บิวตี้ซึ่งเวลานี้อยู่ที่แผนกโกดังสินค้า ไม่สวมผ้าปิดหน้าและแว่นตา ตาเบิกโพลง สีหน้าตื่นตกใจ
“โอ้โห...” ตรงหน้าของบิวตี้ โกดังสินค้าขนาดใหญ่ คนงานมากมาย รถฟอร์คลิฟต์ รถขนของขวักไขว่
บิวตี้อ้าปากค้าง “นายอ้วนแว่นบ้าไปแล้ว นี่มันแกล้งกันชัดๆ” บิวตี้เริ่มไอ ด้วยเป็นคนแพ้ฝุ่น
หัวหน้าฝ่ายโกดังกับศรีนวลหัวหน้าคนงาน “ให้ทำที่เซ็คชั่นผ้าก็แล้วกัน ช่วยจัดงานให้ด้วย”
“ค่ะ” ศรีนวลหันไปเห็นบิวตี้กำลังกระอักกะไอ “สงสัยจะแพ้ฝุ่นผ้าสิเนี่ย เฮ้อ ยุ่งล่ะ”
บิวตี้ทั้งไอทั้งจาม น้ำตาไหลพรากๆ
ศรีนวลดุ “มีผ้าก็เอามาปิดปากปิดจมูกไว้สิ โตแล้วยังไม่รู้จักดูแลตัวเองอีก”
บิวตี้สะดุ้งเหมือนเด็กโดนแม่ดุ ลนลานใส่หน้ากากป้องกัน แต่ก็ยังไอต่อเนื่อง
ศรีนวลถอนใจ หยิบยาเม็ดเล็กๆจากกระเป๋าเสื้อส่งให้บิวตี้ “เอ้านี่ รีบกินเข้าไป”
บิวตี้ตกใจ “ยาอะไร”
“ไม่ใช่ยาบ้าหรอกน่า ยาแก้แพ้” ศรีนวลส่ายหน้าระอา “หน่อมแน้มแบบนี้จะอยู่ได้ซักกี่วัน”
ธีภพพิจารณาดูราคาประเมิน ที่พักตร์พิมลเอามาให้ดูเป็นข้ออ้าง
“ได้ข่าวว่ายัยอี๋อ๋อมาหาเหรอคะ”
ธีภพไม่ใส่ใจ “ใคร”
“ก็แฟนจัดตั้งของพี่ธีไง”
ธีภพพูดถึงราคา “ต้นทุนที่ประเมินมาเนี่ย มันมากไปหน่อย ดูราคาซับพลายเออร์เจ้าอื่นหรือยัง”
“เดี๋ยวจะบอกให้เขาปรับมาอีกทีค่ะ ตกลงนางแบบที่มาวันนี้ใครคะ”
“นางแบบที่ไหน”
พักตร์พิมลค้อนควัก กระเง้ากระงอด “พี่ธีอ่ะ ทำแบบนี้ยิ่งมีพิรุธนะ บอกมาดีกว่าผู้หญิงที่มาหาพี่ธีวันนี้เป็นใคร”
“มีตั้งหลายคน หัวหน้าฝ่ายเอชอาร์ พนักงานใหม่ เลขา”
“โอ๊ย ไม่บอกก็อย่าบอก เดี๋ยวสืบหาเองก็ได้ ฮึ”
“งอนมาก เดี๋ยวแก้มพอง ท้องแตกนะ”
พักตร์พิมลเคือง “พี่ธีอ้ะ ทำไมต้องพูดเหมือนยัยบิวตี้ด้วย” หญิงสาวฮึดฮัดออกไป
ธีภพมองตามขำๆ แกมระอา
ที่โกดังสินค้าเวลานี้ รถส่งของตกแต่งเสื้อมาลง คนงานมาคอยรับจากรถคนละกล่องไปวางอย่างระมัดระวัง ศรีนวลมาตรวจ มองหาบิวตี้
บิวตี้ในมาดสาวโรงงานแต่สวยเว่อร์ ยืนโพสท่า หมายจะถ่ายรูปลงอินสตาแกรม
ศรีนวลดุ “ห้ามถ่ายรูป หาเรื่องโดนไล่ออกตั้งแต่วันแรกแล้วมั้ยละ”
บิวตี้บ่น “กฎเยอะจริง”
“ในโกดังมีแต่ของสำคัญ ให้คู่แข่งเห็นไม่ได้”
“อ๋อ เข้าใจละ” บิวตี้เก็บโทรศัพท์โดยดี
ศรีนวลดุ “ไปยกของสิ ยืนเฉยอยู่ได้”
“ทำไมไม่ใช้ fork lift ล่ะ” บิวตี้เผลอปาก
“อะไรนะ” ศรีนวลงง
“เอ่อ ... ฟ้อร์ก ลิฟท์”
“งวดนี้เป็นของประดับ แตกหักง่าย โฮ้ย...ปัญหาเยอะจริง รีบไปทำงานเถอะ”
บิวตี้เดินไปต่อแถว เตรียมรับกล่องที่ส่งต่อๆกันมา
ศรีนวลมองตามบิวตี้อย่างสงสัย “ท่าทางไม่ได้เรื่อง มาทำงานโรงงานได้ไง”
กล่องถูกส่งต่อมาถึงบิวตี้แล้ว บิ้วตี้รู้สึกหนักมาก ยกกล่องส่งต่ออย่างทุลักทุเล พาเอาจังหวะคนอื่นเสียจังหวะหมด
“รับดีๆสิ ระวังหน่อย เดี๋ยวของแตก”
กล่องถูกส่งมาอีกอย่างเร็ว บิวตี้เดินไม่มั่นคง ซวนเซ
ศรีนวลบอก “ดันไว้ๆ อย่าให้ล้ม”
คนงานข้างๆ จะช่วย ถูกบิวตี้เซมากระแทก คนงานเซปะทะกัน เหมือนโดมิโน กล่องหนักๆหล่นจากมือระเนระนาด
บิวตี้ลุกขึ้น หวีดร้องอย่างตกใจ “ว้าย แย่แล้ว” หญิงสาวประคองมือตัวเอง วิ่งไปทางห้องน้ำ
บิวตี้วิ่งเข้ามาในห้องน้ำพนักงานอย่างร้อนใจ
“โอ้ยๆๆ ไม่นะ ไม่นะ” รีบถอดถุงมือป้องกันออก มือไม้สั่น ร้องอย่างเจ็บปวด “โอ๊ยย โธ่...”
ศรีนวลตามเข้ามาดู “เป็นอะไร แขนหักเหรอ”
บิวตี้คราง “ฮือ เล็บชั้น”
ศรีนวลงง “เล็บ”
“ใช่ เล็บเพิ่งทำมาใหม่ๆหักหมดเลย ใครจะรับผิดชอบเนี่ย”
ศรีนวลโมโห โกรธจัด “ทำของพัง ราคาเป็นหมื่น แต่กลับมาคร่ำครวญเรื่องเล็บเนี่ยนะ”
ร้านดอกไม้ อรฟลอริสต์ จัดและแต่ง ดูอ่อนหวาน น่ารักสมกับเป็นงานอดิเรกของอรวิภา เวลานี้อรวิภาจัดดอกไม้ง่วนอยู่ มีเครือวรรณเฝ้าดูอย่างชื่นชม พนักงานถือถาดน้ำชาเข้ามาเสิร์ฟให้ ทุกกิริยาดูเป็นเจ้าหญิงแสนหวาน
“พักก่อนเถอะลูกจ๋า” เครือวรรณยิ้มบอก
“แป๊บนึงค่ะมะม๊า ขอจัดช่อนี้ให้เสร็จก่อน”
“ไม่เอา มาทานของว่างก่อน ป๊ะสั่งไว้แล้วนะจ๊ะว่าให้ทำแก้เหงาเฉยๆ ห้ามเครียด”
ประตูเปิด เสียงกระดิ่งดังกรุ๋งกริ๋ง มีช่อดอกไม้บังสายตา ยังไม่เห็นคนที่เข้ามา
พนักงานบอก “พักชั่วโมงนึง เวลาน้ำชาค่ะ”
ที่แท้เป็นเจตน์ชาญที่เดินเข้ามา หล่อเนี้ยบทุกกระเบียด มาดผู้ดี เปี่ยมเสน่ห์ ชวนเคลิบเคลิ้ม
“ขอโทษครับ งั้นผมจะกลับมาทีหลัง”
แม่ลูกเคลิ้มบอกพร้อมกัน “ไม่เป็นไรค่ะ”
“สั่งไว้ก่อนก็ได้ค่ะ แล้วน้องอรจะรีบจัดให้”
“งั้นคุณ...น้องอรช่วยจัดช่อดอกไม้วันเกิดสำหรับคุณป้าของผมด้วยนะครับ”
“ดอกไม้สำหรับคุณป้า อุ๊ย น่ารักจังค่ะ”
“จะเลือกแบบเลยมั้ยคะ”
“จัดตามแต่คุณน้องอรจะเห็นสมควรเลยครับ ผมมั่นใจว่าคุณป้าต้องถูกใจแน่ๆ” ชายหนุ่มส่งนามบัตรให้ “ช่วยส่งดอกไม้กับบิลให้ผม สักห้าโมงเย็น ได้ไหมครับ”
“ค่ะ นี่โบรชัวร์ของที่ร้านค่ะ มีเว็บเพจและช่องทางสั่งสินค้าหลายช่องทางเลยค่ะ”
“ขอบคุณครับ ต่อไปคงต้องมารบกวนบ่อยๆ” เจตน์ชาญยิ้มอบอุ่น ขณะเดินออกไป
เครือวรรณเพ้อ “ดูดีจัง ใครน่ะลูก”
สาวโลกสวยอ่านนามบัตร “คุณเจตน์ชาญ ธีระธำรงเจตน์ ประธานกรรมการบริหาร เจด การ์เม้นท์ ค่ะ”
กรเทพจิบกาแฟรอใครบางคน สักครู่เห็นเจตน์ชาญเข้าร้านมา เดินตรงมายังกรเทพ
เจตน์ชาญไหว้ทักทาย “คุณกรเทพ มีธุระอะไรกับผมหรือครับ”
“เชิญนั่งสิ” กรเทพยืนรอให้เจตน์ชาญนั่ง “ที่ผมเชิญคุณมาเจอกันข้างนอก เพราะผมมีเรื่องอยากปรึกษาคุณเป็นการส่วนตัวหน่อย”
“บริษัทเล็กๆอย่างผม คงไม่กล้าให้คำปรึกษายักษ์ใหญ่อย่างธนบวรหรอกครับ”
“อย่าถ่อมตัวเลย เจดการ์เม้นท์กำลังโตเร็วมาก เผลอๆ อีกไม่กี่ปีคุณอาจจะแซงเราก็ได้ ผมถึงอยากคุยกับคุณ”
เจตน์ชาญมองกรเทพอย่างพิจารณา “เชิญครับ”
กรเทพกับเจตน์ชาญเจรจาอะไรบางอย่าง ท่าทางเป็นเรื่องสำคัญและเคร่งเครียด
ท่าทีที่สองคนคุยกัน หากมีใครมาเห็นเข้า อาจคลางแคลงใจ สงสัย และชวนเชื่อว่ากรเทพ กำลังคิดไม่ซื่อร่วมมือกับเจตน์ชาญ
ขอขอบคุณ เว็บผู้จัดการออนไลน์ : )
เรื่องเต็ม เล่ห์นางฟ้าตอนที่ 3/2
เข้าห้องมาได้ บิวตี้พุ่งตัวไปที่เตียง
“โอ๊ย อีนกบ้า นี่ฉันเป็นนกมากี่คืนแล้วเนี่ย” บิวตี้หยิบมาตรวัดขึ้นมาดู
“โอ๊ย ทำไมสีดำมันเพิ่มขึ้นล่ะ อย่าแกล้งกันแบบนี้สินังปิศาจหิ่งห้อย”
บิวตี้จิกทิ้งมาตรวัด
“อีตาอ้วนแว่นบ้านั่นอีก คิดจะแกล้งฉันเหรอ คนอย่างฉันอยากได้อะไรต้องได้ นายไม่เคยชนะฉัน ไม่ว่าตอนเด็ก หรือตอนนี้ก็ตาม และฉันจะไม่ยอมให้คนชั่วเอาบริษัทของพ่อฉันไปอย่างแน่นอน”
รุ่งเช้าบิวตี้สภาพไหล่เปลือย นอนหลับเพลิน แสงสว่างในห้องเห็นได้ชัดว่าเริ่มสายแล้ว เสียงโทรศัพท์ดัง
บิวตี้งัวเงีย “ฮัลโหล” แล้วออกอาการตกใจ “นายธี โทร.มาทำไม”
“ตื่นได้แล้ว เดี๋ยวไปไม่ทัน”
“ฉันตั้งเวลาไว้แล้ว”
“ต่อไปนี้ ห้ามใช้รถส่วนตัวไปทำงาน”
“เกินไปแล้ว แล้วฉันจะไปยังไงเล่า”
“กฎข้อที่ 3 ต้องไม่แสดงตัว มีรถหรูมีคนขับก็รู้กันหมดสิ เหลือเวลาอีกห้านาทีไม่งั้นสายแน่” ธีภพวางสายไป
“อย่ามาสั่งฉันนะ” พอได้ยินเสียงวางสาย ก็โกรธ “ฉันให้สอนไม่ได้ให้มาเป็นนาย”
บิวตี้จงใจ ขัดคำสั่งลุกขึ้น แล้วดื่มน้ำ กินวิตามินบำรุงผิว ทาครีมล้างหน้า ล้างหน้า กระชับรูขุมขน ขัดฟัน ฯลฯ ท่าทางไม่รีบร้อน เพราะเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับชีวิตหล่อน
ภายในห้องทำงานธีภพ ที่สำนักงานใหญ่
ใบหน้าหล่อเหลาของธีภพในเวลานี้ บอกให้รู้ว่าเขาทั้งหงุดหงิดเอือมระอาเหลือกำลัง มองจ้องบิ้วตี้ที่อยู่ตรงหน้า
“มาทำงานวันแรก สายไปสองชั่วโมงเนี่ยนะ แล้วจะไปบริหารงานใครได้”
บิวตี้ยังอยู่ในชุดสวยวิ้ง “ก็มันยังไม่คุ้น ขอเวลาปรับตัวหน่อยสิ”
“แล้วทำไมไม่ใส่ใส่ชุดโรงงานมาจากบ้าน แล้วตรงเข้าโรงงานเลยไม่ต้องมาที่นี่”
“ฉันไม่มีทางใส่ชุดนี้นอกโรงงานเป็นอันขาด ใครออกแบบเนี่ย ไม่สมกับเป็นบริษัททำเสื้อผ้าเลย”
“ความปลอดภัยของพนักงานต้องมาก่อน”
“ปลอดภัยด้วย สวยด้วยก็ได้นี่ เดี๋ยวคอยดูนะ” บิวตี้จะเข้าห้องน้ำของธีภพ
หัวหน้าฝ่ายทรัพยากรบุคล หรือ HR เข้ามารับตัวบิวตี้
“ดิฉันมารับตัว เอ่อ ท่านประธาน”
ธีภพสั่งกำชับหัวหน้าฝ่าย สีหน้าเข้มงวด “เก็บเรื่องคุณลัลน์ลลิตเป็นความลับสุดยอด อย่าให้พนักงานคนอื่นรู้ว่าเธอเป็นใคร ต่อจากนี้เธอคือพนักงานใหม่คนหนึ่งเท่านั้น”
“ค่ะ” หัวหน้าฝ่ายตะลึงเมื่อมองไปทางห้องน้ำ
บิวตี้ใส่ชุดสาวโรงงานที่ดัดแปลงแล้ว เข้ารูปร่าง ดูเก๋ แต่ผิดระเบียบไปหมด
ธีภพโมโห สั่งเสียงดัง “ไปเบิกชุดโรงงานมาใหม่เดี๋ยวนี้เลย”
ฟากพักตร์พิมล ซึ่งทำงานในแผนกฝ่ายขาย มีสีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดขณะวางสายโทรศัพท์
“ผู้หญิงที่ไหนกล้ามาหาคุณธีถึงห้อง กระตั้วรู้มั้ย”
กระตั้วกะเทยร่างยักษ์คู่หู ซึ่งรอปีวรา เพื่อนร่วมงาน คิดราคาประเมินเสื้ออยู่ “ใครไม่ทราบค่ะ แต่แก๊งหูตาสับปะรดรายงานว่าเป็นนางแบบ”
“นางแบบมีสองล้านแปด จะรู้มั้ย” พักตร์พิมลนึกได้ “หรือว่ายัยน้องอร” นึกแล้วเกิดหมั่นไส้ “ทำ
เป็นเรียบร้อย แป๋วแหวว ที่แท้ก็เที่ยวเร่มาเสนอตัวให้ผู้ชายถึงบริษัท”
“เรียบร้อยหรือคะ ...เอ...แต่รายงานข่าวบอกว่านางคนที่มาเนี่ย เปรี้ยวปรี๊สปรอทแตก เลยค่ะ”
พักตร์พิมลครุ่นคิด “นางแบบ เปรี้ยว ใครหว่า” พยายามนึกข้ออ้างเพื่อไปพบธีภพให้ได้ เลยถามตั้ว “แบบใหม่เสร็จหรือยัง”
“จวนแล้วค่ะ พอดีตั้วต้องหาข้อมูลให้คุณแพ็ตก่อนไงคะ”
“ปี เอาใบประเมินราคาของเธอมาซิ”
“ได้ค่ะ” ปีวราส่งข้อมูลราคาทุน ราคาขายของเสื้อ กระโปรง สองสามแบบที่คิดเสร็จแล้วให้สองสามแผ่น
พักตร์พิมลรีบรับเอาใส่แฟ้มแล้วออกไป
“ขอบใจนะปี” กระตั้วกระซิบบอก “คุณแพ็ตแกเอางานบังหน้าจะไปหาคุณธีแค่นั้นแหละ”
ปีวรายิ้มอ่อนหวาน “เรื่องของเจ้านายเราอย่ายุ่งเลย ทำหน้าที่ของเราไปเถอะ”
“จ้า” กระตั้วประชด “แม่คนดีศรีธนบวร”
พักตร์พิมล แล่นมาหาธีภพด้วยความร้อนใจ มาถึงหน้าห้อง สวนทางกับบิวตี้ และหัวหน้าฝ่าย HR บิวตี้แต่งเครื่องแบบโรงงานแบบมาตรฐานที่เพิ่งเบิกมาใหม่ ใส่แว่นโรงงานป้องกันเศษผง ปิดจมูก ปากด้วยผ้ากันฝุ่น เดินมองกระจกไปตลอดทาง
หัวหน้าฝ่ายถือของให้บิวตี้ ค้อมกายให้พักตร์พิมลอย่างอ่อนน้อม บิวตี้เกิดเดินชน แถมเหยียบเท้าพักตร์พิมลย้ำๆ อย่างจงใจ สองสามที
พักตร์พิมลตวาด “ทำอะไรของเธอน่ะ ระวังหน่อยสิ”
บิวตี้พูดผ่านหน้ากากเหมือนเคยแซวตอนเด็ก “อ้าว นึกว่าตู้กดน้ำ”
พักตร์พิมลโกรธ “ว่าไงนะ เธอรู้มั้ยว่าฉันเป็นใคร” หญิงสาวหันมาทางหัวหน้า “ปล่อยคนงานขึ้นมาเกะกะบนออฟฟิศได้ยังไง”
หัวหน้าฝ่ายอึกอัก “เอ่อ มาทดลองแว่นนิรภัยแบบใหม่ค่ะ แกคงเห็นไม่ชัด”
พักตร์พิมลขู่บิวตี้ “ระวังปากให้ดี จะตกงานเอาง่ายๆ” ไม่มีอารมณ์ด่าต่อ รีบไปหาธีภพ
“ต้องขอโทษแทนด้วยค่ะ คือ...” หัวหน้าฝ่ายพูดไม่ทันจบ พักตร์พิมลเข้าห้องธีภพไปแล้ว
บิวตี้ถอดผ้าปิดปากและแว่นตา ถอนใจอย่างแรง “เฮ้อ แค่นี้ก็แย่แล้ว ใครจะไปทนปิดตา
ปิดปากแบบนี้ได้ทั้งวัน”
บิวตี้ส่ายหน้า เดินนำหัวหน้าฝ่ายเข้าลิฟต์ไปอย่างหงุดหงิด
ไม่นานต่อมา บิวตี้ซึ่งเวลานี้อยู่ที่แผนกโกดังสินค้า ไม่สวมผ้าปิดหน้าและแว่นตา ตาเบิกโพลง สีหน้าตื่นตกใจ
“โอ้โห...” ตรงหน้าของบิวตี้ โกดังสินค้าขนาดใหญ่ คนงานมากมาย รถฟอร์คลิฟต์ รถขนของขวักไขว่
บิวตี้อ้าปากค้าง “นายอ้วนแว่นบ้าไปแล้ว นี่มันแกล้งกันชัดๆ” บิวตี้เริ่มไอ ด้วยเป็นคนแพ้ฝุ่น
หัวหน้าฝ่ายโกดังกับศรีนวลหัวหน้าคนงาน “ให้ทำที่เซ็คชั่นผ้าก็แล้วกัน ช่วยจัดงานให้ด้วย”
“ค่ะ” ศรีนวลหันไปเห็นบิวตี้กำลังกระอักกะไอ “สงสัยจะแพ้ฝุ่นผ้าสิเนี่ย เฮ้อ ยุ่งล่ะ”
บิวตี้ทั้งไอทั้งจาม น้ำตาไหลพรากๆ
ศรีนวลดุ “มีผ้าก็เอามาปิดปากปิดจมูกไว้สิ โตแล้วยังไม่รู้จักดูแลตัวเองอีก”
บิวตี้สะดุ้งเหมือนเด็กโดนแม่ดุ ลนลานใส่หน้ากากป้องกัน แต่ก็ยังไอต่อเนื่อง
ศรีนวลถอนใจ หยิบยาเม็ดเล็กๆจากกระเป๋าเสื้อส่งให้บิวตี้ “เอ้านี่ รีบกินเข้าไป”
บิวตี้ตกใจ “ยาอะไร”
“ไม่ใช่ยาบ้าหรอกน่า ยาแก้แพ้” ศรีนวลส่ายหน้าระอา “หน่อมแน้มแบบนี้จะอยู่ได้ซักกี่วัน”
ธีภพพิจารณาดูราคาประเมิน ที่พักตร์พิมลเอามาให้ดูเป็นข้ออ้าง
“ได้ข่าวว่ายัยอี๋อ๋อมาหาเหรอคะ”
ธีภพไม่ใส่ใจ “ใคร”
“ก็แฟนจัดตั้งของพี่ธีไง”
ธีภพพูดถึงราคา “ต้นทุนที่ประเมินมาเนี่ย มันมากไปหน่อย ดูราคาซับพลายเออร์เจ้าอื่นหรือยัง”
“เดี๋ยวจะบอกให้เขาปรับมาอีกทีค่ะ ตกลงนางแบบที่มาวันนี้ใครคะ”
“นางแบบที่ไหน”
พักตร์พิมลค้อนควัก กระเง้ากระงอด “พี่ธีอ่ะ ทำแบบนี้ยิ่งมีพิรุธนะ บอกมาดีกว่าผู้หญิงที่มาหาพี่ธีวันนี้เป็นใคร”
“มีตั้งหลายคน หัวหน้าฝ่ายเอชอาร์ พนักงานใหม่ เลขา”
“โอ๊ย ไม่บอกก็อย่าบอก เดี๋ยวสืบหาเองก็ได้ ฮึ”
“งอนมาก เดี๋ยวแก้มพอง ท้องแตกนะ”
พักตร์พิมลเคือง “พี่ธีอ้ะ ทำไมต้องพูดเหมือนยัยบิวตี้ด้วย” หญิงสาวฮึดฮัดออกไป
ธีภพมองตามขำๆ แกมระอา
ที่โกดังสินค้าเวลานี้ รถส่งของตกแต่งเสื้อมาลง คนงานมาคอยรับจากรถคนละกล่องไปวางอย่างระมัดระวัง ศรีนวลมาตรวจ มองหาบิวตี้
บิวตี้ในมาดสาวโรงงานแต่สวยเว่อร์ ยืนโพสท่า หมายจะถ่ายรูปลงอินสตาแกรม
ศรีนวลดุ “ห้ามถ่ายรูป หาเรื่องโดนไล่ออกตั้งแต่วันแรกแล้วมั้ยละ”
บิวตี้บ่น “กฎเยอะจริง”
“ในโกดังมีแต่ของสำคัญ ให้คู่แข่งเห็นไม่ได้”
“อ๋อ เข้าใจละ” บิวตี้เก็บโทรศัพท์โดยดี
ศรีนวลดุ “ไปยกของสิ ยืนเฉยอยู่ได้”
“ทำไมไม่ใช้ fork lift ล่ะ” บิวตี้เผลอปาก
“อะไรนะ” ศรีนวลงง
“เอ่อ ... ฟ้อร์ก ลิฟท์”
“งวดนี้เป็นของประดับ แตกหักง่าย โฮ้ย...ปัญหาเยอะจริง รีบไปทำงานเถอะ”
บิวตี้เดินไปต่อแถว เตรียมรับกล่องที่ส่งต่อๆกันมา
ศรีนวลมองตามบิวตี้อย่างสงสัย “ท่าทางไม่ได้เรื่อง มาทำงานโรงงานได้ไง”
กล่องถูกส่งต่อมาถึงบิวตี้แล้ว บิ้วตี้รู้สึกหนักมาก ยกกล่องส่งต่ออย่างทุลักทุเล พาเอาจังหวะคนอื่นเสียจังหวะหมด
“รับดีๆสิ ระวังหน่อย เดี๋ยวของแตก”
กล่องถูกส่งมาอีกอย่างเร็ว บิวตี้เดินไม่มั่นคง ซวนเซ
ศรีนวลบอก “ดันไว้ๆ อย่าให้ล้ม”
คนงานข้างๆ จะช่วย ถูกบิวตี้เซมากระแทก คนงานเซปะทะกัน เหมือนโดมิโน กล่องหนักๆหล่นจากมือระเนระนาด
บิวตี้ลุกขึ้น หวีดร้องอย่างตกใจ “ว้าย แย่แล้ว” หญิงสาวประคองมือตัวเอง วิ่งไปทางห้องน้ำ
บิวตี้วิ่งเข้ามาในห้องน้ำพนักงานอย่างร้อนใจ
“โอ้ยๆๆ ไม่นะ ไม่นะ” รีบถอดถุงมือป้องกันออก มือไม้สั่น ร้องอย่างเจ็บปวด “โอ๊ยย โธ่...”
ศรีนวลตามเข้ามาดู “เป็นอะไร แขนหักเหรอ”
บิวตี้คราง “ฮือ เล็บชั้น”
ศรีนวลงง “เล็บ”
“ใช่ เล็บเพิ่งทำมาใหม่ๆหักหมดเลย ใครจะรับผิดชอบเนี่ย”
ศรีนวลโมโห โกรธจัด “ทำของพัง ราคาเป็นหมื่น แต่กลับมาคร่ำครวญเรื่องเล็บเนี่ยนะ”
ร้านดอกไม้ อรฟลอริสต์ จัดและแต่ง ดูอ่อนหวาน น่ารักสมกับเป็นงานอดิเรกของอรวิภา เวลานี้อรวิภาจัดดอกไม้ง่วนอยู่ มีเครือวรรณเฝ้าดูอย่างชื่นชม พนักงานถือถาดน้ำชาเข้ามาเสิร์ฟให้ ทุกกิริยาดูเป็นเจ้าหญิงแสนหวาน
“พักก่อนเถอะลูกจ๋า” เครือวรรณยิ้มบอก
“แป๊บนึงค่ะมะม๊า ขอจัดช่อนี้ให้เสร็จก่อน”
“ไม่เอา มาทานของว่างก่อน ป๊ะสั่งไว้แล้วนะจ๊ะว่าให้ทำแก้เหงาเฉยๆ ห้ามเครียด”
ประตูเปิด เสียงกระดิ่งดังกรุ๋งกริ๋ง มีช่อดอกไม้บังสายตา ยังไม่เห็นคนที่เข้ามา
พนักงานบอก “พักชั่วโมงนึง เวลาน้ำชาค่ะ”
ที่แท้เป็นเจตน์ชาญที่เดินเข้ามา หล่อเนี้ยบทุกกระเบียด มาดผู้ดี เปี่ยมเสน่ห์ ชวนเคลิบเคลิ้ม
“ขอโทษครับ งั้นผมจะกลับมาทีหลัง”
แม่ลูกเคลิ้มบอกพร้อมกัน “ไม่เป็นไรค่ะ”
“สั่งไว้ก่อนก็ได้ค่ะ แล้วน้องอรจะรีบจัดให้”
“งั้นคุณ...น้องอรช่วยจัดช่อดอกไม้วันเกิดสำหรับคุณป้าของผมด้วยนะครับ”
“ดอกไม้สำหรับคุณป้า อุ๊ย น่ารักจังค่ะ”
“จะเลือกแบบเลยมั้ยคะ”
“จัดตามแต่คุณน้องอรจะเห็นสมควรเลยครับ ผมมั่นใจว่าคุณป้าต้องถูกใจแน่ๆ” ชายหนุ่มส่งนามบัตรให้ “ช่วยส่งดอกไม้กับบิลให้ผม สักห้าโมงเย็น ได้ไหมครับ”
“ค่ะ นี่โบรชัวร์ของที่ร้านค่ะ มีเว็บเพจและช่องทางสั่งสินค้าหลายช่องทางเลยค่ะ”
“ขอบคุณครับ ต่อไปคงต้องมารบกวนบ่อยๆ” เจตน์ชาญยิ้มอบอุ่น ขณะเดินออกไป
เครือวรรณเพ้อ “ดูดีจัง ใครน่ะลูก”
สาวโลกสวยอ่านนามบัตร “คุณเจตน์ชาญ ธีระธำรงเจตน์ ประธานกรรมการบริหาร เจด การ์เม้นท์ ค่ะ”
กรเทพจิบกาแฟรอใครบางคน สักครู่เห็นเจตน์ชาญเข้าร้านมา เดินตรงมายังกรเทพ
เจตน์ชาญไหว้ทักทาย “คุณกรเทพ มีธุระอะไรกับผมหรือครับ”
“เชิญนั่งสิ” กรเทพยืนรอให้เจตน์ชาญนั่ง “ที่ผมเชิญคุณมาเจอกันข้างนอก เพราะผมมีเรื่องอยากปรึกษาคุณเป็นการส่วนตัวหน่อย”
“บริษัทเล็กๆอย่างผม คงไม่กล้าให้คำปรึกษายักษ์ใหญ่อย่างธนบวรหรอกครับ”
“อย่าถ่อมตัวเลย เจดการ์เม้นท์กำลังโตเร็วมาก เผลอๆ อีกไม่กี่ปีคุณอาจจะแซงเราก็ได้ ผมถึงอยากคุยกับคุณ”
เจตน์ชาญมองกรเทพอย่างพิจารณา “เชิญครับ”
กรเทพกับเจตน์ชาญเจรจาอะไรบางอย่าง ท่าทางเป็นเรื่องสำคัญและเคร่งเครียด
ท่าทีที่สองคนคุยกัน หากมีใครมาเห็นเข้า อาจคลางแคลงใจ สงสัย และชวนเชื่อว่ากรเทพ กำลังคิดไม่ซื่อร่วมมือกับเจตน์ชาญ
ขอขอบคุณ เว็บผู้จัดการออนไลน์ : )