ลูกสาวเพิ่งสามขวบ สมัครเข้าเรียนโรงเรียนเอกชนย่านคลองสามวา ที่เราเลือกคงเหมือนแม่ๆ ในห้องนี้ค่ะ นอกจากทำเล การคมนาคม ค่าเล่าเรียน(พอจ่ายไหว) เราก้อจะเลือกจากหลักสูตร มีสอนภาษาไหม มีสิ่งแวดล้อมดีไหม มีกิจกรรมเยอะไหม (ที่นี่มีสอนกอล์ฟด้วย) ฯลฯ อีกมากมายกว่าจะเลือกได้ คิดว่าต้องเลือกที่ดีที่สุดที่กำลังเราจะไหวค่ะ เลือกได้แล้ว เดี๋ยวนี้อนุบาลยังต้องสอบสัมภาษณ์พ่อแม่และเด็กอีก ประมาณว่าพร้อมไหม (ส่วนมากคงดูจากผู้ปกครอง) ตอนสอบสมัครเกือบสี่ร้อย รับแค่ร้อยกว่า สุดท้ายลูกเราได้รับการคัดเลือกเข้าเรียนอนุบาลที่นี่ (นี่แค่อนุบาล1 นะ โตขึ้นสอบแข่งกันอีก น่าสงสารเด็กสมัยนี้จริง)
น้องได้เริ่มเรียนsummer ตามประกาศของโรงเรียน (เพื่อเตรียมความพร้อม ) และแน่นอนค่ะ ไปโรงเรียนครั้งแรก ไม่ร้องไห้ก็แปลก ยิ่งลูกเราไม่เคยไปพวกเนอสเซอรี่ หรือ play group เลย สรุปร้องไห้ค่ะ

ในห้องมีครูประจำชั้นคนไทยหนึ่งคน ครูฝรั่งอีกหนึ่ง ครูพี่เลี้ยงอีกหนึ่ง ลูกสาวไปวันแรก เค้าให้ผู้ปกครองเข้าไปสังเกตการณ์ด้วย เด็กๆมีหลายแบบ บางคนกล้าหน่อย บางคนเอาแต่นั่งกับแม่ สักพักพอแนะนำตัวกันเสร็จ เค้าเริ่มกิจกรรม คล้ายๆ เต้นตามเพลง เด็กๆสนุกกันใหญ่ ครูฝรั่งเต้นและร้องนำได้สนุกมาก ไม่มีสงวนท่าทีเลย (ตอนแรกคิดว่าเค้าคงจ้างตาฝรั่งนี่มาเต้นโดยเฉพาะเลยนะนี่) ลูกเราตอนแรกนั่งเฉยๆ สักพักลุกไปเตันเฉยเลย

แถมตอนกลางวันแอบเดินหาครูฝรั่งอีก เด็กๆชอบกันมากค่ะ
ลูกเราไปสักสามวัน ตากับยายถามว่า เพื่อนเยอะไหม ชื่ออะไร เธอบอกจำไม่ได้ แต่ถามครูสอนอะไร เธอตอบ teacher Mark สอนนั่นสอนนี่ คือจำชื่อครูได้เลย. เราเองก็แปลกใจค่ะ แต่ความแปลกใจเราหายไปเมื่อเราได้มีโอกาสไปรับลูกเอง หลังจากนั้น
วันที่เราไปรับลูกเอง (ปกติตาจะไปรับค่ะ) ครูไทยบอกว่าลูกไม่ยอมนอนกลางวัน ร้องหาแต่แม่ เราก็เศร้าสิคะ

มิน่ากลับมาทั้งหิวทั้งง่วงตลอดเลย เราก็พยายามคุยเหตุผลกับลูกถามว่าเค้ารู้สึกยังไง ( ลูกสาวเราพูดรู้เรื่องค่ะ ตอนสองขวบหย่านม แค่บอกแม่เจ็บหัวนม เค้าเลิกดูดเลย ร้องไห้กอดเราสักอาทิตย์ แต่ไม่ยอมดูด)
อาทิตย์ต่อมา เราถามครูไทยอีก เค้าตอบว่าร้องดีขึ้น(คือโรงเรียนเค้าไม่ให้ถามครูมาก ครูเองก้อยิ้มๆ แต่พูดน้อย ประมาณว่าเป็นนโยบาย ถ้าผู้ปกครองถามทุกคนคงหมดเวลา) เราก็ค่ะๆ (แอบกังวล ดีขึ้น คืออะไรหว่า

) ครูฝรั่งคงเห็นสีหน้าเรา (คือเราก้อไม่ได้อยากถามเค้านะคะ ตอนแรกจะรีบจูงลูกหนี กลัวฝรั่ง ขี้เกียจแปลภาษาอังกฤษ แหะๆ) รีบเดินมาบอกเราเป็นภาษาอังกฤษ จับใจความได้ว่า อย่ากังวล น้องเป็นเด็กร่าเริง ชอบเต้นรำ(รู้อีกแฮะ ลูกเราชอบเพลงมาก) และเข้าใจคำสั่งได้ดี เหนือสิ่งอื่นใด ขอให้ลูกเรามีความสุขที่ได้มาโรงเรียนพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำตามเด็กคนอื่นได้ทุกอย่าง เมื่อเค้ามีความสุข เค้าจะทำได้เอง ขอให้เราวางใจ
โอ พระเจ้า

มีครูแบบนี้ในโลก เอ๊ยในประเทศเรา สักหลายๆคนคงดี การศึกษาเราจะได้ไม่ถอยหลังเข้าคู ตอนนี้ตามประเทศเพื่อนบ้านไม่ทันแล้ว เราประทับใจสุดๆค่ะ เป็นแนวคิดที่อยากให้ครูทุกคนคิดแบบนี้กับเด็กจริงๆ และที่เหนือสิ่งอื่นใด ผู้ปกครองอย่างเรารู้สึกวางใจที่จะให้ลูกอยู่ในโรงเรียนที่มีครูแบบนี้ เพราะเลี้ยงลูกมา ถามว่าทำงานหนักเพื่ออะไร ตอบได้คำเดียวแบบ teacher ค่ะ ก็เพื่อความสุขของลูกนั่นเอง ขอบคุณครูมากค่ะ
ประทับใจครูฝรั่งของลูกสาว
น้องได้เริ่มเรียนsummer ตามประกาศของโรงเรียน (เพื่อเตรียมความพร้อม ) และแน่นอนค่ะ ไปโรงเรียนครั้งแรก ไม่ร้องไห้ก็แปลก ยิ่งลูกเราไม่เคยไปพวกเนอสเซอรี่ หรือ play group เลย สรุปร้องไห้ค่ะ
ในห้องมีครูประจำชั้นคนไทยหนึ่งคน ครูฝรั่งอีกหนึ่ง ครูพี่เลี้ยงอีกหนึ่ง ลูกสาวไปวันแรก เค้าให้ผู้ปกครองเข้าไปสังเกตการณ์ด้วย เด็กๆมีหลายแบบ บางคนกล้าหน่อย บางคนเอาแต่นั่งกับแม่ สักพักพอแนะนำตัวกันเสร็จ เค้าเริ่มกิจกรรม คล้ายๆ เต้นตามเพลง เด็กๆสนุกกันใหญ่ ครูฝรั่งเต้นและร้องนำได้สนุกมาก ไม่มีสงวนท่าทีเลย (ตอนแรกคิดว่าเค้าคงจ้างตาฝรั่งนี่มาเต้นโดยเฉพาะเลยนะนี่) ลูกเราตอนแรกนั่งเฉยๆ สักพักลุกไปเตันเฉยเลย
ลูกเราไปสักสามวัน ตากับยายถามว่า เพื่อนเยอะไหม ชื่ออะไร เธอบอกจำไม่ได้ แต่ถามครูสอนอะไร เธอตอบ teacher Mark สอนนั่นสอนนี่ คือจำชื่อครูได้เลย. เราเองก็แปลกใจค่ะ แต่ความแปลกใจเราหายไปเมื่อเราได้มีโอกาสไปรับลูกเอง หลังจากนั้น
วันที่เราไปรับลูกเอง (ปกติตาจะไปรับค่ะ) ครูไทยบอกว่าลูกไม่ยอมนอนกลางวัน ร้องหาแต่แม่ เราก็เศร้าสิคะ
อาทิตย์ต่อมา เราถามครูไทยอีก เค้าตอบว่าร้องดีขึ้น(คือโรงเรียนเค้าไม่ให้ถามครูมาก ครูเองก้อยิ้มๆ แต่พูดน้อย ประมาณว่าเป็นนโยบาย ถ้าผู้ปกครองถามทุกคนคงหมดเวลา) เราก็ค่ะๆ (แอบกังวล ดีขึ้น คืออะไรหว่า
โอ พระเจ้า