อุบัติรัก online ตอนที่ 1

กระทู้สนทนา
ความรักในโลกนี้อาจจะมีมากมายหลายรูปแบบ
ทุกรูปแบบนั้นอาจจะตัดสินไม่ได้ว่าผิดหรือถูก
แต่สำหรับเราตราบใดที่มันไม่ผิดศีลธรรม ไม่ได้ไปแย่งใครมา
และไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ความรักเหล่านั้นสวยงามเสมอ
เพราะบางทีคนเราก็แค่ต้องการคนที่มาเติมเต็มความรู้สึกในส่วนที่เราขาด
ต้องการคนที่มาคอยอยู่เคียงข้างกันทั้งในวันที่สุขและทุกข์
มนุษย์อย่างเราก็อาจจะแค่ต้องการใครสักคนมาเป็นที่พักพิงของหัวใจ
แล้วเมื่อวันนึงเรามาเจอคน ๆ นั้นเข้าแต่เค้ากลับไม่ใช่คนในแบบที่เรามองหาอยู่
ในวันที่คุณเจอเค้าคน ๆ นั้นเข้า คุณจะทำยังไงต่อไป



ตอนที่ 1 ข้อเสนอ
             เมื่อปีที่แล้ว จู่ ๆ เค้าก็ได้รับข้อความจากทางหลังไมค์ใน web แห่งหนึ่งจากผู้หญิงคนหนึ่ง เอ๊ะ แต่นางบอกนางไม่ใช่ แต่ช่างมันเหอะ เอาเป็นว่าข้อความสุดท้ายที่เธอทิ้งไว้ให้เค้าก่อนที่จะไม่ได้คุยกันอีกเลยก็คือ
            “ถึงตอนนี้คุณอาจจะยังไม่แน่ใจว่าคุณชอบอะไรแบบไหนกันแน่ แต่คุณช่วยเก็บข้อเสนอของเราไว้พิจารณาได้มั้ยคะ ถ้าวันไหนที่คุณต้องการคนที่ไว้ใจได้มาเป็นแฟนกำมะลอ คุณช่วยลองติดต่อชั้นมาได้มั้ยคะ เพราะเรากำลังมองหาเมีย แอร๊ย ตรงไป 555+ ล้อเล่นนะคุณ คือจริง ๆ แล้วเรากำลังมองหาแฟนกำมะลอที่จะไว้ใจได้เหมือนกัน ยังไงก็ยังไม่ต้องตอบกลับมาก็ได้นะคะ ไว้ตอนคุณจำเป็นต้องหาแฟนกำมะลอบังหน้าค่อยคิดถึงเราเป็นคนแรก เราไว้ใจได้ค่ะเพราะเราก็ตกอยู่ในสถานการณ์ใกล้เคียงกัน เรานิสัยออกจะแมน ๆ แต่งตัวแมนบ้าง หญิงบ้างแล้วแต่อารมณ์และสถานการณ์ แต่ที่บ้านเราไม่รู้นะว่าเราเป็น  ถ้าวันไหนเกิดโดนที่บ้านกดดันเรื่องจะหาใครมาให้ดูตัวขึ้นมาหล่ะก็ อย่าลืมข้อเสนอของเรานะคะ  จากริน”
            /ยัยนี่ เค้าเพี้ยนรึป่าวเนี่ย อยู่ดี ๆ ก็เที่ยวมาเสนอตัวทำหน้าที่เป็นแฟนบังหน้าให้กับคนที่ไม่รู้จักกันในโลก onlineแบบนี้ เห้อ โลกแม่มก็อยู่ยากไปละนะ เจ๊ล่ะเพลีย แต่ เอาเห้อะ ปล่อยชีมโน โอ้ โอ๊ะ โอ ไปคนเดียวก่อนละกัน/ ภัทรคิดในใจแล้วก็เผลอส่ายหัว ยิ้มขำออกมา

           หัวค่ำวันหนึ่ง หลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านไปประมาณปีกว่า ๆ
          “ฮะ แม่จะให้ผมลองไปทำความรู้จักน้องนุ๊กหรอแม่ ผมก็รู้จักอยู่แล้วไงครับ ฮะ อะไรนะ ไปแบบดูตัวเลยหรอแม่ ไม่ไหวมั้งครับ ผมยังไม่พร้อม” ภัทรถามเสียงดังอย่างตกใจ /งานเข้าแล้วไงตรู/
        “ก็ผมไม่พร้อมจริง ๆ นะครับแม่ ... คือ ๆ แม่จะให้ผมไปดูตัวได้ยังไง ตอนนี้ผมมีคนที่คุย ๆ อยู่แล้วนะแม่” ภัทรรีบหาข้ออ้างเพื่อหาทางเอาตัวรอดจากการจับคู่เค้ากับหญิงสาวที่มารดาหามาให้
        “คุยกันระดับไหนหรอ… ก็เรียกว่าแฟนได้แล้วแหละครับ” ภัทรแถออกนอกระบบไปเรียบร้อย /ตรูพูดอะไรออกไปฟระเนี่ย แม่มแล้ว/
        “ฮะ แม่จะให้ผมพาแฟนผมไปให้แม่ดูตัวแทนงั้นหรอครับ” ภัทรเผลอถามคำถามเสียงดังขึ้นมาอย่างตกใจ /แล้วตรูจะไปหามาจากไหนฟระเนี่ย/
        “ไว้ว่าง ๆ ก่อนละกันครับ” ภัทรพยายามใช้การประวิงเวลาเข้ามาช่วย
        “ฮะ ให้พาไปตอนที่ผมกลับบ้านปีใหม่ปลายปีนี้” ภัทรถามคำถามเสียงดังอย่างตกใจอีกครั้ง
        “แล้วถ้าแฟนผมเค้าอยากกลับบ้านเค้าตอนปีใหม่ล่ะแม่” ภัทรรีบถามคำถามเพื่อกลบเกลื่อนพิรุธเมื่อครู่นี้
       “ฮะ ให้พาไปเสาร์ อาทิตย์ไหนก็ได้ไม่ต้องรอช่วงเทศกาลแล้ว” ภัทรเริ่มเก็บอาการดีขึ้นไม่เผลอเสียงดังแล้ว /ประวิงรึร่นเวลาเข้ามาฟระเนี่ยตรู = =/
       “มีจริง ๆ สิครับ ผมไม่โกหกแม่หรอก” ภัทรพยายามแถต่อ
       “งั้นขอผมถามเค้าก่อนนะครับแม่ ถ้าเค้าว่าไงผมจะโทรกลับไปบอกแม่นะครับ” ภัทรกล่าวแบบดูแนบเนียนมากขึ้นกว่าช่วงแรกที่ดูเสียงดังแบบผิดปกติไปบ้างเล็กน้อย
       “ครับ ฝันดีครับแม่” ภัทรรีบกล่าวลาก่อนที่งานจะเข้ามากไปกว่านี้
       “ราตรีสวัสดิ์ครับ”
/เอาละตรู อ้างอะไรไม่อ้าง เจือกอ้างว่ามีแฟนแล้ว แม่มเอ้ย ทำไงดีฟระเนี่ย/

        หลังจากภัทรนอนคิดไป 3 ตลบก็ยังนึกไม่ออก จะไปปรึกษาคนรอบตัวก็ยากละคราวนี้ เพราะปกติแอ๊บแมนแนบเนียนจนใครก็จับไม่ได้ จู่ ๆ จะให้ไปถามความเห็นคนรอบตัวก็คงจะเป็นไปไม่ได้ งั้นลองปรึกษาเพื่อนดูแม่มละกัน
        “ฮัลโหล โทรมาดึกดื่นขนาดนี้มีอะไรยะนังแอ๊บ โทรมาขัดจังหวะชั้นกับพี่ตั้มทำไมไม่ทราบ” อั้ม (มีนามเดิมก่อนเป็นกะเทยว่า อ่ำ) ตวัดเสียงเหวี่ยงใส่เล็กน้อย อย่างขัดจิตที่นังเพื่อนโทรมาได้จังหวะนรกมาก
       “งานเข้าชั้นหว่ะแกร แม่จะให้ชั้นพาแฟนไปเปิดตัว” ภัทรรีบละล่ำละลักบอก
       “ตร๊าย ปัญหาสามัญของพวกกระเทยที่ไม่เปิดตัวเลยนะแกร้ แต่ก็ไม่ยากก็ grand opening ซะเลยซิแกร แค่พาหนุ่มสักคนไปแนะนำตัวให้คุณแม่ว่า สวัสดีค่ะคุณแม่ นี่ว่าที่สามีภัทรเอง ง่ายจะตายไป 555+” อั้มพูดขำ ๆ
      “ไม่ตลก” ภัทรเริ่มไม่ตลกกับเพื่อน
      “งั้นก็ลองขอชะนีสักนางให้ไปช่วยเล่นละครตบตาแม่ให้แกสักคนสิ” อั้มแนะนำไปเรื่อย
      “แต่ชั้นไม่อยากหลอกใช้ชะนีนี่หน่า”
      “โว๊ะ อันนั้นก็ไม่ได้ อันนี้ก็ไม่เอา งั้นชั้นไปละนะ นี่พี่ตั้มมานั่งเขี่ยขาจนชั้นขนลุกไปหมดแล้วเนี่ย โชคดีนะนังแอ๊บ” พูดเสร็จแล้วยัยอั้มก็วางสายหนีไปเลย
      “โอ๊ย นังเพื่อนทรยศ เห็นผัวดีกว่าเพื่อน” ภัทรถึงกับด่าใส่โทรศัพท์อย่างอารมณ์เสีย

       หลังจากนอนคิดไปครึ่งค่อนคืนและกำลังว่าจะมาตั้งกระทู้ขอความคิดเห็นจากคนใน web pantap
      /บางทีเห็นมีคนมาปรึกษาปัญหาประมาณนี้ บางทีก็ได้ idea ดี ๆ หรือบางทีอย่างน้อยก็ได้กำลังใจสนับสนุนในการบอกให้เจ้าของกระทู้ไปสารภาพกับพ่อแม่ไปตรง ๆ แต่จะทำยังไงดีล่ะ เค้าเองยังไม่อยากจะทำแบบนั้น เค้ากลัวพ่อกับแม่จะผิดหวังในตัวเค้า เนื่องจากเค้าเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัว แต่ถ้าเกิดเค้าคิดไม่ออกขึ้นมาล่ะ/

       ขณะที่สมองกำลังคิดหาทางออกอย่างหนัก จู่ ๆ ตอนกดเปิดคอมเค้าก็นึกย้อนไปถึงเรื่องเมื่อปีก่อนตอนที่เค้าไปตั้งกระทู้เล่าเรื่องประสบการณ์ในการเกณฑ์ทหาร แล้วมีข้อความหลังไมค์อันหนึ่งเข้ามาหาเค้า เรื่องที่บอกว่ายินดีจะช่วยถ้าเค้าต้องการหาแฟนกำมะลอมาบังหน้า
พอเค้ากดเข้า web pantap ขึ้นมา เค้าจึงลองรีบกลับเข้าไปค้นหาข้อความเก่า ๆ ข้อความนั้น แต่ก็ชั่งยากเย็นกว่าจะหาเจอ /สงสัยจริง ๆ ว่าป่านนี้ ชะนีน้อยจะหาเมีย เอ้ย หาแฟนกำมะลอได้ไปรึยังนะ/
            ที่หาเจอยากก็เพราะหลังกระทู้สุดฮิต 2 อันนั้น ออกสู่สายตาสายตามวลมหาประชาชนใน web pantap ข้อความหลังไมค์ก็หลั่งไหลเข้ามาหาเค้าดังสายธารา มีตั้งแต่ถามเรื่องทหารจนแม้แต่มาตามจีบก็ยังมี แต่เค้าก็ตอบคำถามส่วนใหญ่ไปตามที่ตอบได้ทั้งทางหน้าไมค์และทางหลังไมค์ ส่วนกับคนที่มาจีบหลังไมค์เค้าก็ไม่ได้จริงจังอะไร เพราะเค้ายังไม่อยากเปิดเผยตัวตนมากนัก แค่ที่เพื่อนทหารและบรรดาครูฝึกรู้ความจริงกันมันก็มากพอแล้ว ยังดีที่ทุกคนยังไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน  
เค้าจึงเริ่มพิมพ์ข้อความหลังไมค์ข้อความหนึ่งขึ้นมาและกดส่งออกไป โดยที่มีเนื้อความดังนี้
           “สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณยังสนใจจะมาช่วยเป็นแฟนบังหน้าให้ผมอยู่รึป่าวครับ รึว่าหาแฟนตัวจริงได้ไปแล้ว ยังไงช่วยตอบกลับผมหน่อยนะครับ ผมมีอะไรอยากจะให้คุณช่วยสักหน่อย ถ้าคุณยินดีจะช่วยแบบที่คุณเคยบอกไว้จริง ๆ จากภัทร”
            แล้วเหตุผลอีกอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เค้าไม่เคยสนใจคนที่มาจีบเค้าทางหลังไมค์ก็คือเพราะเค้ารู้สึกไม่ค่อยไว้ใจคนที่รู้จักทาง internet เพราะขนาดคนที่รู้จักกันตัวเป็น ๆ ยังไว้ใจไม่ค่อยได้เลย บางคนหน้าฉากอย่าง ลับหลังกลับอีกอย่าง แบบแตกต่างกันอย่างกับหน้ามือกับหลังทรีน
           /เอ๊ะ แล้วนี่เค้าทำบ้าอะไรลงไปเนี่ย เค้าพึ่งส่งข้อความขอความช่วยเหลือจากใครก็ไม่รู้ ไม่รู้แม้แต่ชื่อเสียงเรียงนาม หน้าตา การศึกษา อาชีพ สงสัยเราแม่มจะสติหลุดมากไปและ คราวหน้าจะทำอะไรแกควรจะไตร่ตรองให้ดีกว่านี้นะ ไอ้ภัทร/
           แต่พอหันไปดูหน้าปัดนาฬิกาที่บอกว่าเป็นเวลาเกือบตี 4 แล้ว เค้าก็เลยเริ่มเข้าใจในการกระทำแบบมึน ๆ ของตัวเอง
           /ไม่แปลกที่สมง สมองจะไปหมดและ เล่นคิดซะจนเกือบเช้าขนาดนี้ เอาวะ นอนก่อนละกัน ถ้าไงค่อยว่ากันอีกทีวันพรุ่งนี้/
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่