ผู้ชายทุกคน คุณต้องยอมรับนะ ในเวลาที่คุณนอกใจแฟนแล้วทิ้งเค้าไปคบกับผู้หญิงอีกคน คุณต้องยอมรับว่า ถ้าเกิดผู้หญิงอีกคนที่คุณเลือก ไม่ได้ดีอย่างที่คุณคิด คุณก็ต้องยอมรับความจริงจากสิ่งที่คุณทำ จะมาลังเลขอคืนดีแฟนเก่ามันไม่ได้แล้ว ณ วินาทีที่คุณตัดสินใจเลือก คือ ณ วินาที ที่ผู้หญิงเิริ่มตัดใจ คุณอาจคิดว่าคุณแน่ คุณหล่อ คุณฉลาด แต่ผมว่าเราก็คนโง่คนนึง ที่ทำให้ผู้หญิงคนนึงที่เราเคยชนะใจเค้า ต้องเสียใจ เสียน้ำตา กับการกระทำที่คุณตัดสินใจด้วยความหลงทางอารมณ์ชั่ววูบของคุณ ถ้าคุณเลือกเส้นทางนี้แล้ว คุณต้องยอมรับในกฏของคนที่จะตัดใจจากคุณด้วยว่า เค้าก็มีหัวใจ อย่าให้เสียเกียรติความเป็นลูกผู้ชายไปมากกว่านี้ ถ้าไม่รักเกียรติของตัวเอง ก็ขอให้รักเกียรติของผู้หญิงที่เคยรักคุณหมดหัวใจ และปล่อยให้เธอไปเจอกลับความรักดีๆที่รอเธอต่อไป จะว่าไปแล้ว ผู้ชายเราไม่ได้เกิดมาเพื่อชนะผู้หญิงเสมอไปนะครับ เรามันก็เป็นผู้แพ้คนนึง คุณอาจจะคิดว่าคุณสามารถชนะใจผู้หญิงได้ทุกคน แต่ผมว่านะ ผู้ชายที่รู้จักแพ้ให้กับคนรักของตัวเองเพียงคนเดียวเนี่ย คือผู้ชนะที่แท้จริง!
เย็นวันนี้หลังจากที่ผมกลับมาจากทำงาน เมื่อถึงคอนโดที่พัก ด้วยความเมื่อยล้าและง่วงนอนเลยตั้งใจจะงีบหลับสักแป๊บนึง เพื่อที่จะพักและให้มีแรงพอที่จะทำหน้าที่พ่อบ้าน ซักผ้าและเก็บกวาดห้องในช่วงกลางคืน (ไม่มีแม่บ้านคับ ตัวคนเดียวเลยต้องทำงานบ้านเอง น่าเห็นใจมั๊ยล่ะคับ เหอะๆ)
แต่ความตั้งใจของผมกลับต้องสูญสลายมอดม้วยมลายไป (อันนี้เว่อร์ไปนิดนึง) เพราะมีเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ดังขึ้นมา “เมื่อไหร่จะถูกใจพี่ เมื่อไหร่จะเปิดใจบ้าง เมื่อไหร่จะมีสักครั้งที่เป็นดั่งใจ...” ไม่ต้องรอให้จบท่อน hook ผมก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา ลุกขึ้นมารับสาย (ลืมปิดเสียง ดันเปิดเสียงซะสุดเลยผม!!!)
“สวัสดีครับ” ผมรับสายและตอบรับผู้ที่โทรมาหา “สวัสดีคับพี่อาร์ต ผม X เองคับพี่” (X คือนามสมมติของผู้ที่โทรมา ขออนุญาตไม่เอ่ยนาม ไม่เอ่ยชื่อเสียงเรียงนามจริงๆแล้วกันคับ เดี๋ยวเค้าคนนั้นจะประท้วงและใช้สิทธิพาดพิง แบบการประชุมสภา 555) “จำได้คับน้อง เป็นไงบ้างไม่ได้คุย ไม่ได้ติดต่อกันนานเลย” ผมตอบกลับผู้ที่โทรมาไป ซึ่งก็คือรุ่นน้องคนหนึ่งของผม “สบายดีคับพี่ พี่สบายดีน่ะคับ ผมมีเรื่องปรึกษาพี่นิดนึงคับ” รุ่นน้องของผมพูดโต้ตอบกลับมา “พี่สบายดีน้อง มีเรื่องอะไรจะปรึกษา พี่ยินดีให้คำปรึกษาให้ความช่วยเหลือคับ” ผมตอบกลับน้องเค้าไป “ขอบคุณมากคับพี่ คืออออออออ คือ คือ .....คือว่า เอ่อ เอ่อออออ คือว่า ผมว่าจะเลิกคับแฟนคับพี่” น้องเค้าตอบกลับมาทำให้ผมอึ้งไปสักพักหนึ่ง ทำไมผมต้องอึ้ง ตกใจ ประหลาดใจ สะดุ้ง สะเทือน (พอแล้ว) สรุปง่าย คือ สิ่งที่น้องเค้าพูดมาทำให้ผม “ช็อค” ทำไมหรอคับ ก็เพราะว่า (ขอท้าวความนิดนึงน่ะคับ) รุ่นน้องของผมคนนี้คบกับแฟนคนปัจจุบันมานานมากๆ ประมาณ 10 ปี น่าจะได้ สิ่งที่ผมรับรู้ได้ก็คือ ทั้งคู่รัก กระหนุงกระหนิงกันมาก หวาน สวีทกันตลอด มีอะไรก็ช่วยเหลือ แบ่งปันกันตลอด ต่างฝ่ายต่างก็ “ดูแลซึ่งกันและกัน” เป็นอย่างดีตลอดมา และผมคิด (เอง) ว่า คู่นี้คงได้ร่วมกันสร้างสิ่งที่เรียกว่า “ครอบครัว” เป็นแน่ ด้วยความที่ฝ่ายชาย (คือตัวของรุ่นน้องผมคนนี้) ก็เป็นคนดี เป็นสุภาพบุรุษ ชอบช่วยเหลือคนอื่น และรักฝ่ายหญิงหรือแฟนของน้องเค้ามากๆ
น้องเค้าเล่าที่มาที่ไปก่อนที่จะคิดเรื่องที่จะเลิกกับแฟนให้ผมฟัง พอใจจับความได้ว่า “น้องเค้าพบและรักผู้หญิงอีกคนหนึ่ง” ไม่ได้เพราะทะเลาะกับแฟนตัวเอง แฟนมีกิ๊กหรือนอกใจไปคบซ้อนเหมือนกับหลายๆคู่ที่ตัดสินใจเลิกกันเมื่อเกิดเรื่องทำนองนี้ แต่สำหรับกรณีนี้เป็นเรื่องของการ “ไปรักอีกคนหนึ่ง” ทั้งๆที่ “ยังรักอีกคนหนึ่ง” ฟังดูงงมั๊ยคับ??? ผมก็งงคับ ทั้งงงทั้งมึนเลยคับ มึนตึ๊บเลยด้วย ซับซ้อนกว่าบรรดาโจทย์คณิตศาสตร์หรืองานทั้งหลายทั้งหลายที่ผมเคยคิด เคยทำมา ผมเองก็ไม่ได้ซักน้องเค้าลึกอะไรมากมาย เพราะเดี๋ยวจะถือเป็นการก้าวล่วงความเป็นส่วนตัวมากเกินไป แม้จะสนิทกันก็ตามแต่ผมถือว่าน้องเค้าโตแล้ว มีวิจารณญาณกับเรื่องต่างๆมากพอสมควร อีกอย่างถือว่าเป็นการให้เกียรติและเคารพกับการตัดสินใจของน้องเค้าที่ถือว่าเป็น “ผู้ใหญ่” แล้ว เพราะฉะนั้นผมเลยไม่สรุปว่าใครถูก ใครผิด และไม่ตั้งคำถามกับน้องเค้ามากมาย เพราะผมรู้ว่าน้องเค้ากำลังลังเล จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว และสับสนวุ่นวายในจิตใจอยู่พอสมควร ผมแค่มองเป็น ”กลางๆ” ว่า “มันเป็นเรื่องที่ (อาจ) เกิดขึ้นได้” เป็น “ธรรมดา” ของ “ความรัก” ที่อาจจะหรือมักจะ “เล่นตลก” กับเราอยู่ “เสมอ”
ผมฟังน้องเค้าเล่า บรรยายและส่วนหนึ่งก็ระบายไปในตัวด้วยสักพักใหญ่ ก่อนที่น้องเค้าจะทิ้งคำถามสำคัญให้ผมครุ่นคิดเพื่อตอบน้องเค้า ด้วยคำถามที่ว่า “พี่ว่าผมเลิกกับแฟนคนนี้ดีมั๊ยครับ” ผมนึ่งไปสักครู่ใหญ่ ก่อนที่ตอบน้องเค้ากลับไปด้วยประโยคที่ว่า “การตัดสินใจเป็นเรื่องของน้องคับ พี่ว่าน้องน่าจะให้คำตอบตัวเองได้ดีที่สุด เพราะน้องรู้จักตัวน้องเองมากกว่าที่พี่รู้จักน้อง พี่บอกได้แค่เพียงว่า ไม่ว่าน้องจะตัดสินใจอย่างไร น้องต้องยอมรับกับผลที่จะตามมาให้ได้ ซึ่งบางครั้งเราอาจจะกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้เลยก็อาจเป็นได้”
(หลายคนเมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ คงจะเกิดคำถามในใจที่อยากถามผมว่า เค้าคบกันก็ดีอยู่แล้ว ทำไมไม่ห้ามน้องเค้า ทำไมไม่พูดจูงใจให้น้องเค้าเปลี่ยนความคิดที่จะเลิกกับแฟน)
ผมมองแบบนี้คับ ผมมองว่า ทุกคนไม่ว่าใครก็ตามถ้าคิดและจะตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวแล้ว โดยเฉพาะในเรื่องของ “ความรัก” ที่นอกจากจะมีเรื่องของเหตุผลแล้ว ก็ยังมีเรื่องของ “อารมณ์” และ “ความรู้สึก” แฝงอยู่ด้วย ต่อให้ห้ามยังไง ถ้า “ใจ” มันไม่ได้อยู่กับ “คนๆเดิม” แล้ว มันก็พร้อมที่จะไปหา “คนใหม่” ได้เสมอ ตลอดเวลา ยังไงก็ไม่สามารถห้ามได้
นอกจากนี้ เราทุกคนต้องรู้จัก “การยอมรับ” ไม่ว่าเราจะ “นอกใจ” หรือ “ทิ้ง” แฟนหรือคนรักคนเก่าไปหาคนใหม่ด้วยเหตุผลส่วนตัวของแต่ละคน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามแต่ เราต้องยอมรับกันให้ได้ว่า ถ้าเกิดอีกคนที่เราเลือกไม่ได้ดี ไม่ได้เป็นไปในแบบที่เราคิด เราก็ต้อง “ยอมรับความจริง” จากสิ่งที่เรา “ตัดสินใจ” เดินจากคนรักหรือแฟนคนเก่าไป จะมัวมาลังเลขอคืนดีกับแฟนเก่าหรือคนรักคนเก่าบางครั้งมันไม่ได้แล้ว มันก็อาจ “สาย” ไปแล้ว เพราะอาจเป็นไปได้ว่า ณ วินาทีที่เรา “ตัดสินใจเลือก” หรือ “ตัดสินใจเดินจากไป” มันอาจเป็นวินาทีเดียวกันกับที่แฟนเก่าหรือคนรักเก่าของเราเลือกที่จะ “ตัดใจ” ก็อาจเป็นได้ ถ้าเราตัดสินใจ เราเลือกที่จะเดินทางเส้นทางนี้แล้ว เราต้องยอมรับใน “กฏความป็นธรรมชาติ” ของคนที่จะตัดใจจากเราควบคู่กันไปด้วยว่า เค้าคนนั้นก็มี “หัวใจ” ขอให้รักใน “เกียรติ” และ “ศักดิ์ศรี” ของ “คนที่เคยรักเราหมดหัวใจ” และต้อง “ไม่รั้ง” ต้อง “ปล่อย” ให้เค้าคนนั้น “เดินจากไป” (เช่นกัน) เพื่อให้เจอกับ “ความรักดีๆที่กำลังรอเค้าอยู่”
“เลือกที่จะรัก” แล้ว สุดท้าย “เลือกที่จะเดินจากไป” ก็ต้อง “ยอมรับ” ในบางสิ่งบางอย่างที่มันอาจเกิดขึ้น และอาจเป็นสิ่งที่เรา “เลือกไม่ได้”
"เลือก...ที่จะรัก"
เย็นวันนี้หลังจากที่ผมกลับมาจากทำงาน เมื่อถึงคอนโดที่พัก ด้วยความเมื่อยล้าและง่วงนอนเลยตั้งใจจะงีบหลับสักแป๊บนึง เพื่อที่จะพักและให้มีแรงพอที่จะทำหน้าที่พ่อบ้าน ซักผ้าและเก็บกวาดห้องในช่วงกลางคืน (ไม่มีแม่บ้านคับ ตัวคนเดียวเลยต้องทำงานบ้านเอง น่าเห็นใจมั๊ยล่ะคับ เหอะๆ)
แต่ความตั้งใจของผมกลับต้องสูญสลายมอดม้วยมลายไป (อันนี้เว่อร์ไปนิดนึง) เพราะมีเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ดังขึ้นมา “เมื่อไหร่จะถูกใจพี่ เมื่อไหร่จะเปิดใจบ้าง เมื่อไหร่จะมีสักครั้งที่เป็นดั่งใจ...” ไม่ต้องรอให้จบท่อน hook ผมก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา ลุกขึ้นมารับสาย (ลืมปิดเสียง ดันเปิดเสียงซะสุดเลยผม!!!)
“สวัสดีครับ” ผมรับสายและตอบรับผู้ที่โทรมาหา “สวัสดีคับพี่อาร์ต ผม X เองคับพี่” (X คือนามสมมติของผู้ที่โทรมา ขออนุญาตไม่เอ่ยนาม ไม่เอ่ยชื่อเสียงเรียงนามจริงๆแล้วกันคับ เดี๋ยวเค้าคนนั้นจะประท้วงและใช้สิทธิพาดพิง แบบการประชุมสภา 555) “จำได้คับน้อง เป็นไงบ้างไม่ได้คุย ไม่ได้ติดต่อกันนานเลย” ผมตอบกลับผู้ที่โทรมาไป ซึ่งก็คือรุ่นน้องคนหนึ่งของผม “สบายดีคับพี่ พี่สบายดีน่ะคับ ผมมีเรื่องปรึกษาพี่นิดนึงคับ” รุ่นน้องของผมพูดโต้ตอบกลับมา “พี่สบายดีน้อง มีเรื่องอะไรจะปรึกษา พี่ยินดีให้คำปรึกษาให้ความช่วยเหลือคับ” ผมตอบกลับน้องเค้าไป “ขอบคุณมากคับพี่ คืออออออออ คือ คือ .....คือว่า เอ่อ เอ่อออออ คือว่า ผมว่าจะเลิกคับแฟนคับพี่” น้องเค้าตอบกลับมาทำให้ผมอึ้งไปสักพักหนึ่ง ทำไมผมต้องอึ้ง ตกใจ ประหลาดใจ สะดุ้ง สะเทือน (พอแล้ว) สรุปง่าย คือ สิ่งที่น้องเค้าพูดมาทำให้ผม “ช็อค” ทำไมหรอคับ ก็เพราะว่า (ขอท้าวความนิดนึงน่ะคับ) รุ่นน้องของผมคนนี้คบกับแฟนคนปัจจุบันมานานมากๆ ประมาณ 10 ปี น่าจะได้ สิ่งที่ผมรับรู้ได้ก็คือ ทั้งคู่รัก กระหนุงกระหนิงกันมาก หวาน สวีทกันตลอด มีอะไรก็ช่วยเหลือ แบ่งปันกันตลอด ต่างฝ่ายต่างก็ “ดูแลซึ่งกันและกัน” เป็นอย่างดีตลอดมา และผมคิด (เอง) ว่า คู่นี้คงได้ร่วมกันสร้างสิ่งที่เรียกว่า “ครอบครัว” เป็นแน่ ด้วยความที่ฝ่ายชาย (คือตัวของรุ่นน้องผมคนนี้) ก็เป็นคนดี เป็นสุภาพบุรุษ ชอบช่วยเหลือคนอื่น และรักฝ่ายหญิงหรือแฟนของน้องเค้ามากๆ
น้องเค้าเล่าที่มาที่ไปก่อนที่จะคิดเรื่องที่จะเลิกกับแฟนให้ผมฟัง พอใจจับความได้ว่า “น้องเค้าพบและรักผู้หญิงอีกคนหนึ่ง” ไม่ได้เพราะทะเลาะกับแฟนตัวเอง แฟนมีกิ๊กหรือนอกใจไปคบซ้อนเหมือนกับหลายๆคู่ที่ตัดสินใจเลิกกันเมื่อเกิดเรื่องทำนองนี้ แต่สำหรับกรณีนี้เป็นเรื่องของการ “ไปรักอีกคนหนึ่ง” ทั้งๆที่ “ยังรักอีกคนหนึ่ง” ฟังดูงงมั๊ยคับ??? ผมก็งงคับ ทั้งงงทั้งมึนเลยคับ มึนตึ๊บเลยด้วย ซับซ้อนกว่าบรรดาโจทย์คณิตศาสตร์หรืองานทั้งหลายทั้งหลายที่ผมเคยคิด เคยทำมา ผมเองก็ไม่ได้ซักน้องเค้าลึกอะไรมากมาย เพราะเดี๋ยวจะถือเป็นการก้าวล่วงความเป็นส่วนตัวมากเกินไป แม้จะสนิทกันก็ตามแต่ผมถือว่าน้องเค้าโตแล้ว มีวิจารณญาณกับเรื่องต่างๆมากพอสมควร อีกอย่างถือว่าเป็นการให้เกียรติและเคารพกับการตัดสินใจของน้องเค้าที่ถือว่าเป็น “ผู้ใหญ่” แล้ว เพราะฉะนั้นผมเลยไม่สรุปว่าใครถูก ใครผิด และไม่ตั้งคำถามกับน้องเค้ามากมาย เพราะผมรู้ว่าน้องเค้ากำลังลังเล จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว และสับสนวุ่นวายในจิตใจอยู่พอสมควร ผมแค่มองเป็น ”กลางๆ” ว่า “มันเป็นเรื่องที่ (อาจ) เกิดขึ้นได้” เป็น “ธรรมดา” ของ “ความรัก” ที่อาจจะหรือมักจะ “เล่นตลก” กับเราอยู่ “เสมอ”
ผมฟังน้องเค้าเล่า บรรยายและส่วนหนึ่งก็ระบายไปในตัวด้วยสักพักใหญ่ ก่อนที่น้องเค้าจะทิ้งคำถามสำคัญให้ผมครุ่นคิดเพื่อตอบน้องเค้า ด้วยคำถามที่ว่า “พี่ว่าผมเลิกกับแฟนคนนี้ดีมั๊ยครับ” ผมนึ่งไปสักครู่ใหญ่ ก่อนที่ตอบน้องเค้ากลับไปด้วยประโยคที่ว่า “การตัดสินใจเป็นเรื่องของน้องคับ พี่ว่าน้องน่าจะให้คำตอบตัวเองได้ดีที่สุด เพราะน้องรู้จักตัวน้องเองมากกว่าที่พี่รู้จักน้อง พี่บอกได้แค่เพียงว่า ไม่ว่าน้องจะตัดสินใจอย่างไร น้องต้องยอมรับกับผลที่จะตามมาให้ได้ ซึ่งบางครั้งเราอาจจะกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้เลยก็อาจเป็นได้”
(หลายคนเมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ คงจะเกิดคำถามในใจที่อยากถามผมว่า เค้าคบกันก็ดีอยู่แล้ว ทำไมไม่ห้ามน้องเค้า ทำไมไม่พูดจูงใจให้น้องเค้าเปลี่ยนความคิดที่จะเลิกกับแฟน)
ผมมองแบบนี้คับ ผมมองว่า ทุกคนไม่ว่าใครก็ตามถ้าคิดและจะตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวแล้ว โดยเฉพาะในเรื่องของ “ความรัก” ที่นอกจากจะมีเรื่องของเหตุผลแล้ว ก็ยังมีเรื่องของ “อารมณ์” และ “ความรู้สึก” แฝงอยู่ด้วย ต่อให้ห้ามยังไง ถ้า “ใจ” มันไม่ได้อยู่กับ “คนๆเดิม” แล้ว มันก็พร้อมที่จะไปหา “คนใหม่” ได้เสมอ ตลอดเวลา ยังไงก็ไม่สามารถห้ามได้
นอกจากนี้ เราทุกคนต้องรู้จัก “การยอมรับ” ไม่ว่าเราจะ “นอกใจ” หรือ “ทิ้ง” แฟนหรือคนรักคนเก่าไปหาคนใหม่ด้วยเหตุผลส่วนตัวของแต่ละคน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามแต่ เราต้องยอมรับกันให้ได้ว่า ถ้าเกิดอีกคนที่เราเลือกไม่ได้ดี ไม่ได้เป็นไปในแบบที่เราคิด เราก็ต้อง “ยอมรับความจริง” จากสิ่งที่เรา “ตัดสินใจ” เดินจากคนรักหรือแฟนคนเก่าไป จะมัวมาลังเลขอคืนดีกับแฟนเก่าหรือคนรักคนเก่าบางครั้งมันไม่ได้แล้ว มันก็อาจ “สาย” ไปแล้ว เพราะอาจเป็นไปได้ว่า ณ วินาทีที่เรา “ตัดสินใจเลือก” หรือ “ตัดสินใจเดินจากไป” มันอาจเป็นวินาทีเดียวกันกับที่แฟนเก่าหรือคนรักเก่าของเราเลือกที่จะ “ตัดใจ” ก็อาจเป็นได้ ถ้าเราตัดสินใจ เราเลือกที่จะเดินทางเส้นทางนี้แล้ว เราต้องยอมรับใน “กฏความป็นธรรมชาติ” ของคนที่จะตัดใจจากเราควบคู่กันไปด้วยว่า เค้าคนนั้นก็มี “หัวใจ” ขอให้รักใน “เกียรติ” และ “ศักดิ์ศรี” ของ “คนที่เคยรักเราหมดหัวใจ” และต้อง “ไม่รั้ง” ต้อง “ปล่อย” ให้เค้าคนนั้น “เดินจากไป” (เช่นกัน) เพื่อให้เจอกับ “ความรักดีๆที่กำลังรอเค้าอยู่”
“เลือกที่จะรัก” แล้ว สุดท้าย “เลือกที่จะเดินจากไป” ก็ต้อง “ยอมรับ” ในบางสิ่งบางอย่างที่มันอาจเกิดขึ้น และอาจเป็นสิ่งที่เรา “เลือกไม่ได้”