Baby Talon Tour Review : Mandalay
Review ท่องเที่ยว แบบครอบครัว มีเด็กเบบี้ไปด้วย เผื่อเป็นข้อมูลให้คนมีลูกน้อยเที่ยวได้ สะดวกขึ้น
แผนการเดินทาง 6 วัน
วันที่ 12 : กรุงเทพฯ-มัณฑะเลย์-วัดพระมหามัยมุนี
วันที่ 13 : มัณฑะเลย์-พระราชวังมัณฑะเลย์ -วิหารชเวนันดอร์-วัดกุโสดอร์-มัณฑะเลย์ฮิลล์
วันที่ 14 : มัณฑะเลย์ – อังวะ –หอคอยเมืองอังวะ- สกาย-เจดีย์กวงมูดอร์ หรือวัดเจดีย์นมนาง-สะพานไม้อู่เป่ง
วันที่ 15 : มัณฑะเลย์ – มิงกุน
วันที่ 16 : มัณฑะเลย์
วันที่ 17 : มัณฑะเลย์ – กรุงเทพฯ
>> แต่ผิดแผนนะคะ เพราะช่วงสงกรานต์ของพม่าเป็นช่วงที่ทุกอย่างหยุดทำการเพื่อเฉลิมฉลองปีใหม่กันอย่างเต็มที่ แผนใหม่เลยเป็นแบบนี้ค่ะ
วันที่ 12 : กรุงเทพฯ-มัณฑะเลย์-พระราชวังมัณฑะเลย์-วัดกุโสดอร์-มัณฑะเลย์ฮิลล์
วันที่ 13 : มัณฑะเลย์-มิงกุน
วันที่ 14 : มัณฑะเลย์ – Mahargandaryone Monastery, วัดจอร์จทอจี Kyauk Taw Gyi, สะพานไม้อู่เบ็ง
วันที่ 15 : มัณฑะเลย์ – วัดสันติมุนี, วัดพระมหามัยมุนี
วันที่ 16 : มัณฑะเลย์ - อังวะ –หอคอยเมืองอังวะ, ชเวอินบิน Shwe In Bin Monastry
วันที่ 17 : มัณฑะเลย์ – กรุงเทพฯ
>>-------------------------------------------------->>
วันที่ 12 (Day 1): กรุงเทพฯ-มัณฑะเลย์-พระราชวังมัณฑะเลย์-วัดกุโสดอร์-มัณฑะเลย์ฮิลล์
พอไปถึง เรามี Guide มารับที่สนามบินและพาตะลุยกันเลย ก่อนที่สถายที่หลายแห่งจะปิดในช่วงเทศกาลมหาสงกรานต์
รถตู้รองรับ 10 ที่นั่งสำหรับทริปนี้ (ครอบครัวใหญ่เลยนะ)
วัดกุโสดอร์- เป็นวันที่สวยและตื่นตาตื่นใจกับเจดีย์รายสีขาว ที่มีประไตรปิฎกอยู่ในทุกองค์ เงียบสงบ
มัณฑะเลย์ฮิลล์ (นี่วันแรกก็เก็บซะเกือบหมดเมือง เพราะไกด์เราบอกว่าเค้าปิดสถานที่จริงๆ นะ --")
รูปพระราชวังขอแปะไว้ก่อน ลืมถ่ายรูปเลย เดินขึ้นหอคอย ชมความเก่า ซะเพลิน ;D
วันที่ 13 (Day 2): มัณฑะเลย์-มิงกุน
วันนี้เราเลือกโดยการล่องเรือไปตามแม่น้ำอิระวดีสู่มิงกุน ไปชมความงามของเจดีย์มิงกุน
มาดูประวัติที่น่าสนใจกันนิดนึงละกัน
เจดีย์มิงกุน ร่องรอยแห่ง
ความทะเยอทะยานของพระเจ้าปดุง ด้วยภายหลังทรงเคลื่อนทัพไปตียะไข่ แล้วสามารถชะลอพระมหา
มัยมุนีมาประดิษฐานที่มัณฑะเลย์ เป็นผลสำเร็จ จึงทรงฮึกเหิมที่จะกระทำการใหญ่ขึ้นและยากขึ้น
ด้วยการทำสงครามแผ่ขยายไปรอบด้าน พร้อมกับเกณฑ์แรงงานข้าทาสจำนวนมากก่อสร้างเจดีย์มิงกุน
หรือเจดีย์จักรพรรดิ เพื่อประดิษฐานพระทันตธาตุที่ได้จากพระเจ้ากรุงจีนโดยทรงมุ่งหวังให้ยิ่งใหญ่
เทียบเท่ามหาเจดีย์ในสมัยพุกาม และใหญ่โตโอฬารยิ่งกว่าพระปฐมเจดีย์ในสยาม ซึ่งในเวลานั้นถือ
เป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในสุวรรณภูมิ ส่งผลให้ข้าทาสชาวยะไข่หรืออาระกันจำนวน 50,000 คนหลบหนี
การขดขี่แรงงานไปอยู่ในเขตเบงกอล เป็นดินแดนในอาณัติของอังกฤษ แล้วทำการซ่องสุมกำลังเป็น
กองโจร ลอบโจมตีกองทัพพม่าอยู่เนืองๆโดยพม่ากล่าวหาว่าอังกฤษหนุนหลังกลายเป็นฉนวนให้
เกิดสงครามอังกฤษ-พม่า อันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พม่าเสียเมืองในที่สุดอย่างไรก็ตาม งานก่อสร้าง
เจดีย์มิงกุนดำเนินไปได้เพียง 7 ปี พระเจ้าปดุงเสด็จสวรรคต ภายหลังทรงพ่ายแพ้ไทยในสงครามเก้า
ทัพ มหาเจดีย์อันยิ่งใหญ่ในพระราชหฤทัยของพระองค์จึงปรากฏเพียงแค่ฐาน ทว่าใหญ่โตมหึมาดั่ง
ภูเขาอิฐที่มีความมั่นคงถึง 50 เมตร ซึ่งหากสร้างเสร็จตามแผนจะเป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดและสูงที่สุด
ในโลก เพราะสูงถึง 152 เมตร ส่วนรอยแตกร้าวตรงกลางฐานเกิดจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในปี
ระฆังมิงกุน ไม่ไกลจากฐานเจดีย์มิงกุนคือระฆังมิงกุน ที่พระเจ้าปดุงโปรดฯให้สร้างโดยสำเร็จ เพื่อ
อุทิศทวายแด่มหาเจดีย์มิงกุน จึงต้องมีขนาดใหญ่คู่ควรกัน คือเป็นระฆังยักษ์ที่มีเส้นรอบวงถึง 10
เมตร สูง 3.70 เมตร น้ำหนัก 87 ตัน เล่าขานกันว่า พระเจ้าปดุงทรงไม่ต้องการให้มีใครสร้างระฆัง
เลียนแบบ จึงรับสั่งให้ประหารชีวิตนายช่างทันทีที่สร้างเสร็จ ปัจจุบันถือเป็นระฆังยักษ์ที่มีขนาดเล็ก
กว่าระฆังแห่งหนึ่งแห่งพระราชวังเครมลินในกรุงมอสโกเพียงใบเดียวทว่าระฆังเครมลินแตกร้าวไป
แล้ว ชาวพม่าจึงภาคภูมิใจว่าระฆังมิงกุนเป็นระฆังยักษ์ที่ยังคงส่งเสียงก้องกังวาน ทั้งนี้เคยมีการทด
สอบความกว้างใหญ่ของระฆังใบนี้ โดยให้เด็กตัวเล็กๆไปยืนรวมกัน อยู่ใต้ระฆังได้ถึง 100 คน
เจดีย์ชินพิวมิน (เมียะเต็งดาน) ประดิษฐานอยู่เหนือระฆังมิงกุนไม่ไกล ได้ชื่อว่าเป็นเจดีย์ที่สวย
สง่ามากแห่งหนึ่ง สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2359 โดยพระเจ้าบากะยีดอว์ พระราชนัดดาในพระเจ้าปดุง
เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักที่พระองค์มีต่อพระมหาเทวีชินพิวมิน ซึ่งถึงแก่พิราลัยก่อนเวลาอันควร
จึงได้รับสมญานามว่า “ทัชมาฮาลแห่งลุ่มอิรวดี” เจดีย์องค์นี้เป็นพุทธศิลป์ที่สร้างขึ้นด้วยหลักภูมิจักร
วาลคือมีองค์เจดีย์สถิตอยู่ตรงกลาง ณ ยอดเขาพระสุเมรุ อันเชื่อกันว่าเป็นศูนย์กลางและโลกและ
จักรวาล ล้อมรอบด้วยขุนเขาและมหาสมุทรตามหลักไตรภูมิ หลังจากนั้นเดินทางกลับมายัง มัณฑะเลย์
ใหญ่อลังการมวากกก ต้องถอดรองเท้สก่อนเดินเข้าไปในเขตเจดีย์นะ (ร้อนเท่าสุดๆ)
ทัชมาฮาลแห่งลุ่มน้ำอิรวดี
ห้องน้ำอยู่ไหน? เด็กกำลังจะโต และ No แพมเพิร์ส --"
เรือที่นั่งจากฝั่งมายังมิงกุน ใช้เวลา 1 ชั่วโมงพอดี๊ พอดี ... ลมร้อนได้บรรยากาศลุ่มน้ำอิรวดีในตำนานจริงจริ๊งงงง
วันที่ 14 (Day 3) : มัณฑะเลย์ – Mahargandaryone Monastery, วัดจอร์จทอจี Kyauk Taw Gyi, สะพานไม้อู่เบ็ง
ไปตักบาตรเช้ากันนะ Mahargandaryone Monastery :
วัดจอร์จทอจี Kyauk Taw Gyi ที่ใกล้สะพานอูเบ็ง
เงียบ สงบ เย็น สบาย
Baby Talon Tour Review : Mandalay Water Festival 2014
Review ท่องเที่ยว แบบครอบครัว มีเด็กเบบี้ไปด้วย เผื่อเป็นข้อมูลให้คนมีลูกน้อยเที่ยวได้ สะดวกขึ้น
แผนการเดินทาง 6 วัน
วันที่ 12 : กรุงเทพฯ-มัณฑะเลย์-วัดพระมหามัยมุนี
วันที่ 13 : มัณฑะเลย์-พระราชวังมัณฑะเลย์ -วิหารชเวนันดอร์-วัดกุโสดอร์-มัณฑะเลย์ฮิลล์
วันที่ 14 : มัณฑะเลย์ – อังวะ –หอคอยเมืองอังวะ- สกาย-เจดีย์กวงมูดอร์ หรือวัดเจดีย์นมนาง-สะพานไม้อู่เป่ง
วันที่ 15 : มัณฑะเลย์ – มิงกุน
วันที่ 16 : มัณฑะเลย์
วันที่ 17 : มัณฑะเลย์ – กรุงเทพฯ
>> แต่ผิดแผนนะคะ เพราะช่วงสงกรานต์ของพม่าเป็นช่วงที่ทุกอย่างหยุดทำการเพื่อเฉลิมฉลองปีใหม่กันอย่างเต็มที่ แผนใหม่เลยเป็นแบบนี้ค่ะ
วันที่ 12 : กรุงเทพฯ-มัณฑะเลย์-พระราชวังมัณฑะเลย์-วัดกุโสดอร์-มัณฑะเลย์ฮิลล์
วันที่ 13 : มัณฑะเลย์-มิงกุน
วันที่ 14 : มัณฑะเลย์ – Mahargandaryone Monastery, วัดจอร์จทอจี Kyauk Taw Gyi, สะพานไม้อู่เบ็ง
วันที่ 15 : มัณฑะเลย์ – วัดสันติมุนี, วัดพระมหามัยมุนี
วันที่ 16 : มัณฑะเลย์ - อังวะ –หอคอยเมืองอังวะ, ชเวอินบิน Shwe In Bin Monastry
วันที่ 17 : มัณฑะเลย์ – กรุงเทพฯ
>>-------------------------------------------------->>
วันที่ 12 (Day 1): กรุงเทพฯ-มัณฑะเลย์-พระราชวังมัณฑะเลย์-วัดกุโสดอร์-มัณฑะเลย์ฮิลล์
พอไปถึง เรามี Guide มารับที่สนามบินและพาตะลุยกันเลย ก่อนที่สถายที่หลายแห่งจะปิดในช่วงเทศกาลมหาสงกรานต์
รถตู้รองรับ 10 ที่นั่งสำหรับทริปนี้ (ครอบครัวใหญ่เลยนะ)
วัดกุโสดอร์- เป็นวันที่สวยและตื่นตาตื่นใจกับเจดีย์รายสีขาว ที่มีประไตรปิฎกอยู่ในทุกองค์ เงียบสงบ
มัณฑะเลย์ฮิลล์ (นี่วันแรกก็เก็บซะเกือบหมดเมือง เพราะไกด์เราบอกว่าเค้าปิดสถานที่จริงๆ นะ --")
รูปพระราชวังขอแปะไว้ก่อน ลืมถ่ายรูปเลย เดินขึ้นหอคอย ชมความเก่า ซะเพลิน ;D
วันที่ 13 (Day 2): มัณฑะเลย์-มิงกุน
วันนี้เราเลือกโดยการล่องเรือไปตามแม่น้ำอิระวดีสู่มิงกุน ไปชมความงามของเจดีย์มิงกุน
มาดูประวัติที่น่าสนใจกันนิดนึงละกัน
เจดีย์มิงกุน ร่องรอยแห่ง
ความทะเยอทะยานของพระเจ้าปดุง ด้วยภายหลังทรงเคลื่อนทัพไปตียะไข่ แล้วสามารถชะลอพระมหา
มัยมุนีมาประดิษฐานที่มัณฑะเลย์ เป็นผลสำเร็จ จึงทรงฮึกเหิมที่จะกระทำการใหญ่ขึ้นและยากขึ้น
ด้วยการทำสงครามแผ่ขยายไปรอบด้าน พร้อมกับเกณฑ์แรงงานข้าทาสจำนวนมากก่อสร้างเจดีย์มิงกุน
หรือเจดีย์จักรพรรดิ เพื่อประดิษฐานพระทันตธาตุที่ได้จากพระเจ้ากรุงจีนโดยทรงมุ่งหวังให้ยิ่งใหญ่
เทียบเท่ามหาเจดีย์ในสมัยพุกาม และใหญ่โตโอฬารยิ่งกว่าพระปฐมเจดีย์ในสยาม ซึ่งในเวลานั้นถือ
เป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในสุวรรณภูมิ ส่งผลให้ข้าทาสชาวยะไข่หรืออาระกันจำนวน 50,000 คนหลบหนี
การขดขี่แรงงานไปอยู่ในเขตเบงกอล เป็นดินแดนในอาณัติของอังกฤษ แล้วทำการซ่องสุมกำลังเป็น
กองโจร ลอบโจมตีกองทัพพม่าอยู่เนืองๆโดยพม่ากล่าวหาว่าอังกฤษหนุนหลังกลายเป็นฉนวนให้
เกิดสงครามอังกฤษ-พม่า อันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พม่าเสียเมืองในที่สุดอย่างไรก็ตาม งานก่อสร้าง
เจดีย์มิงกุนดำเนินไปได้เพียง 7 ปี พระเจ้าปดุงเสด็จสวรรคต ภายหลังทรงพ่ายแพ้ไทยในสงครามเก้า
ทัพ มหาเจดีย์อันยิ่งใหญ่ในพระราชหฤทัยของพระองค์จึงปรากฏเพียงแค่ฐาน ทว่าใหญ่โตมหึมาดั่ง
ภูเขาอิฐที่มีความมั่นคงถึง 50 เมตร ซึ่งหากสร้างเสร็จตามแผนจะเป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดและสูงที่สุด
ในโลก เพราะสูงถึง 152 เมตร ส่วนรอยแตกร้าวตรงกลางฐานเกิดจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในปี
ระฆังมิงกุน ไม่ไกลจากฐานเจดีย์มิงกุนคือระฆังมิงกุน ที่พระเจ้าปดุงโปรดฯให้สร้างโดยสำเร็จ เพื่อ
อุทิศทวายแด่มหาเจดีย์มิงกุน จึงต้องมีขนาดใหญ่คู่ควรกัน คือเป็นระฆังยักษ์ที่มีเส้นรอบวงถึง 10
เมตร สูง 3.70 เมตร น้ำหนัก 87 ตัน เล่าขานกันว่า พระเจ้าปดุงทรงไม่ต้องการให้มีใครสร้างระฆัง
เลียนแบบ จึงรับสั่งให้ประหารชีวิตนายช่างทันทีที่สร้างเสร็จ ปัจจุบันถือเป็นระฆังยักษ์ที่มีขนาดเล็ก
กว่าระฆังแห่งหนึ่งแห่งพระราชวังเครมลินในกรุงมอสโกเพียงใบเดียวทว่าระฆังเครมลินแตกร้าวไป
แล้ว ชาวพม่าจึงภาคภูมิใจว่าระฆังมิงกุนเป็นระฆังยักษ์ที่ยังคงส่งเสียงก้องกังวาน ทั้งนี้เคยมีการทด
สอบความกว้างใหญ่ของระฆังใบนี้ โดยให้เด็กตัวเล็กๆไปยืนรวมกัน อยู่ใต้ระฆังได้ถึง 100 คน
เจดีย์ชินพิวมิน (เมียะเต็งดาน) ประดิษฐานอยู่เหนือระฆังมิงกุนไม่ไกล ได้ชื่อว่าเป็นเจดีย์ที่สวย
สง่ามากแห่งหนึ่ง สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2359 โดยพระเจ้าบากะยีดอว์ พระราชนัดดาในพระเจ้าปดุง
เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักที่พระองค์มีต่อพระมหาเทวีชินพิวมิน ซึ่งถึงแก่พิราลัยก่อนเวลาอันควร
จึงได้รับสมญานามว่า “ทัชมาฮาลแห่งลุ่มอิรวดี” เจดีย์องค์นี้เป็นพุทธศิลป์ที่สร้างขึ้นด้วยหลักภูมิจักร
วาลคือมีองค์เจดีย์สถิตอยู่ตรงกลาง ณ ยอดเขาพระสุเมรุ อันเชื่อกันว่าเป็นศูนย์กลางและโลกและ
จักรวาล ล้อมรอบด้วยขุนเขาและมหาสมุทรตามหลักไตรภูมิ หลังจากนั้นเดินทางกลับมายัง มัณฑะเลย์
ใหญ่อลังการมวากกก ต้องถอดรองเท้สก่อนเดินเข้าไปในเขตเจดีย์นะ (ร้อนเท่าสุดๆ)
ทัชมาฮาลแห่งลุ่มน้ำอิรวดี
ห้องน้ำอยู่ไหน? เด็กกำลังจะโต และ No แพมเพิร์ส --"
เรือที่นั่งจากฝั่งมายังมิงกุน ใช้เวลา 1 ชั่วโมงพอดี๊ พอดี ... ลมร้อนได้บรรยากาศลุ่มน้ำอิรวดีในตำนานจริงจริ๊งงงง
วันที่ 14 (Day 3) : มัณฑะเลย์ – Mahargandaryone Monastery, วัดจอร์จทอจี Kyauk Taw Gyi, สะพานไม้อู่เบ็ง
ไปตักบาตรเช้ากันนะ Mahargandaryone Monastery :
วัดจอร์จทอจี Kyauk Taw Gyi ที่ใกล้สะพานอูเบ็ง
เงียบ สงบ เย็น สบาย