มันเริ่มมาจาก
"ฟ รี วี ซ่ า" นั่นแหละ ที่เป็นเหตุให้เกิดกระทู้นี้ขึ้น....
ต้นเดือนมีนา '57
"ป้าอยากไปญี่ปุ่น" ประกาศิตผ่าเปรี้ยงดังเข้ามาบนรถระหว่างทางกลับบ้าน แต่ก็ไม่สามารถทำให้เราล้ะสายตาจากสมาร์ทโฟนตรงหน้าได้
"จะไปยังไง ไปเมื่อไหร่"
.
.
"ไม่รู้ ป้าว่างแค่ช่วงสงกรานต์กับลาได้แค่ช่วงวันจักรี ไปหาข้อมูลมาให้หน่อยสิ ป้ากับลุงจะไป เอาเราสองคนไปด้วย"
หือออ .. นี่เดือนมีนา วีซ่าไม่มีซะ 3 คน แถมว่างแค่ช่วงวันหยุด มันจะไปยังไงให้ทันฟระ !!
..................................
"จะไปยังไง เนี่ยตั๋วบินตรงก็ปาเข้าไป 2หมื่นปลายแล้ว จะไปทำไมไม่บอกเนิ่นๆ เอาเป็นต่อเครื่องล้ะกัน ถูกดี" พูดไปมือเราก็เสิร์ชหาตั๋วไป อีกมือก็จดข้อมูลลงสมุดเลคเชอร์จิ๋ว
"ไม่เอาต่อเครื่อง เดี๋ยวหลง"
"......" อ่ะะ ไม่เอาก็ไม่เอา เอาใจคนออกตังค์ซะหน่อยคงไม่เป็นไร ว่าแล้วงั้นหาที่พักต่อล้ะกันเรา
"แล้วที่พักล่ะ เอาเลขบัตรเครดิตมาสิจะจองไว้ก่อน ไปวันหยุด คนไทยจองหมดแล้วมั้งเนี่ย"
"เสียตังป่ะ ถ้าจองแล้วไม่ได้ไปล่ะทำไง" เอาล้ะ ,, ก็ไหนป้าบอกจะไป เอาไงเนี่ย
"ไม่เปนไร แคนเซิลได้"
"จริงหรอ เอาเลขบัตรไปก็ต้องตัดเงินดิ ไม่เอาอ่ะ ไม่ต้องจองล้ะกัน"
อ้าว ,,,
.................................
"ไปทำพาสปอร์ตสิ" ประโยคที่ทำให้เรากับน้องเงยหน้าขึ้นมาจากคอม นี่เอาจริงดิ?
"คนเยอะ ขี้เกียจ"
"รอให้คนน้อยก็ไม่ได้ไปกันพอดี"
"จะไปจริงรึไง ที่พักก็ไม่จอง จะเหลือรึไง" ว่าไปมันก็อดประชดไม่ได้ ขอซักหน่อยนะแหม่ ก็ไอนู่นก็ไม่เอาไอนี่ก็ไม่เอา แล้วมันจะรอดได้ไงเนี่ย
"เออไม่เป็นไร ทำไว้ก่อน ไปไม่ไปค่อยว่ากัน" แหนะะ.. ตรรกะนี้มันมาล้ะ
"คนมันเยอะ ใครไม่รีบก็ยังไม่ต้องไปทำ สงสารคนอื่นเค้า"
"แล้วจะไปหรือไม่ไป"
"..........."
หลังจากนั้นเหล่าสองหลานกับ 1 ลุง ก็เสด็จกันไปทำพาสปอร์ตตามคำสั่งของหม่อมป้ากันในวันถัดมา ,,
.....................................
"ญี่ปุ่นรถไฟมันนั่งยาก เพื่อนลุงบอกมา" ลุงเอ่ยขึ้นบ้างหลังจากไม่มีปากมีเสียงมานาน
"แล้ว..?"
"ห้องน้ำห้องท่าก็หายาก" ปัญหาหลักมันคงอยู่ตรงนี้ล่ะดูท่า
"แล้วจะเอาไง" เราถามในที่สุด
"ไปทัวร์ดีกว่ามั้ง"
.
ไปทัวร์ ..... วันที่ 20 บอกให้หาทัวร์ .... หาทัวร์ไปญี่ปุ่นช่วงวันสงกรานต์กับวันหยุดช่วงวันจักรีเนี่ยนะ !!
......................................
ไปทัวร์
ไปทัวร์
ไปทัวร์
ไอ้การ 'ไปทัวร์' นี่มันย่ำยีความฝันเล็กๆของเด็กวัยรุ่นผู้ยิ่งใหญ่อย่างเราจนหมดสิ้น !
ยุคนี้ใครเค้าไปทัวร์กัน เค้าต้องไปแบ๊กแพคกันสิฟระะ ! แบ๊คแพคแบบลุยๆน่ะ แบบแนวๆ สะพายเป้สะพายกล้องน่ะ !
คิดแล้วก็หงุดหงิด แต่เดิมก็ไม่ได้ตั้งใจจะไปญี่ปุ่นอยู่แล้ว ไอ้ความฝันชั้นครูของเราน่ะมันแบ๊คแพคไปยุโรป พวกปราค ฮอลสแตท ตะหาก !
แล้วนี่ยังต้องมาหงุดหงิดเพราะต้องไปทัวร์อีกเหรอนี่ ?
หมดกัน หมดกัน เกียรติวัยรุ่นถูกย่ำยี
.
ก็เพราะเหตุนี้แหละ ทั้งต้องไปทัวร์ ทั้งต้องหนึบอยู่กับป้ากับลุงเป็นเด็กๆ ทั้งไม่ใช่ประเทศในฝัน
แต่ในเมื่อมันไปฟรีก้เอาวะะ ไปซะหน่อย
ไอ้ทริปไปญี่ปุ่นนี่มันก็เลยเกิดขึ้นแบบจำใจไปแบบขัดใจวัยรุ่นชัดๆ!
..................................
แล้วหลังจากนั้นฟ้าก็ประทานทัวร์มาให้ ช่วงวันที่ 4-8 เมษายน
แหม่ ใครมันจะไปคิดว่าจองวันที่ 25 อีกอาทิตย์กว่าๆก็ได้เดินทางแล้ว เหลือเชื่อสุดๆ !
และแล้ว ทริปขัดใจวัยรุ่น ทริปวัยต่อต้าน ทริปเถียงป้าเถียงลุง มันก็เริ่มขึ้น ณ บัดนี้ !!
.
.
***** จะขอเล่าเรื่องเป็นรูปภาพนะคะ อาจะไม่ละเอียดมาก แต่ก็เอาเท่าที่เราพอจะคิดได้ก็แล้วกัน : ) *****
** รูปภาพทั้งหมดมาจากกล้องมือถือ sony xperia z1 นะคะ ผ่านโปรแกรม lightroom5 แบบมือใหม่ **
.
.
สนามบินนาริตะ
ซากุระเรียงรายตาม 2 ข้างทาง กับฟ้าใสๆ บรรยากาศดูเรียบง่าย แต่ไม่เข้าใจทำไมยิ่งมองมันยิ่งรู้สึก โ ล่ ง ในหัวแบบบอกไม่ถูก
วันฟ้าครึ้ม บ้านแบบที่เคยเห็นในการ์ตูนญี่ปุ่นเต็มไปหมด พี่ไกด์บอกว่า ที่ญี่ปุ่นที่ดินแพง บ้านเลยต้องสร้างติดๆกัน
นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้บ้านของญี่ปุ่นเป็นสี่เหลี่ยมน่ารักๆรึเปล่านะ ?
.
วันแรกเราไปที่ฟูจิกัน ระหว่างทางต้องผ่านอะไรมากมาย ทำให้ได้ข้อสังเกตหลายอย่าง
- ที่ญี่ปุ่นจะแบ่งได้ค่อนข้างง่ายระหว่างเขตเมืองกับนอกเมือง เมื่อรถขึ้นบนทางด่วน จะเห็นชัดเจนว่า ฝั่งหนึ่งเป็นเมือง มีตึกสูงๆเหมือนกรุงเทพบ้านเรา
แต่อีกฝั่งหนึ่งที่เป็นเขตนอกเมือง ฉากจะตัดสลับเป็นบ้านเล็กๆเตี้ยๆเต็มไปหมดทันที ดูแล้วน่ารักยังไงบอกไม่ถูก
- บริเวณริมฝั่งแม่น้ำจะเป็นที่ของชุมชน เช่น สนามกีฬา สวนต่าง ๆ ต้นซากุระที่เรียงราย ซะเป็นส่วนใหญ่ ทำให้แม่น้ำของเขาไม่เน่าเสีย เพราพน้ำเสียที่ปล่อยออกมาจากบ้านเรือน (อันนี้เดาล้วนๆ 55555)
- ที่ญี่ปุ่นจะมีเนินเตี้ยๆ ภูเขาเตี้ยๆเยอะมาก ตอนดูโดเรม่อนตอนเด็กๆก็อดสงสัยไม่ได้ว่าภูเขาหลังโรงเรียนนี่ มีจริงได้ไง พอมาญี่ปุ่นจริงๆก็เปลี่ยนความคิด อย่าว่าแต่หลังโรงเรียนเลย หลังบ้านก็มีภูเขาถมเถไป
- ที่นี่มักจะไม่ตัดต้นไม้ ต่อให้เป็นต้นไม้รกๆ ต้นไผ่เล็กๆ กว้างประมาณบ้าน 1 หลัง เค้าก็ไม่ตัดกัน ไม่รู้ว่าทำไม ทั้งๆที่ถ้าตัดก็สร้างบ้านได้อีก 1 หลังแท้ๆ
แต่มันดูแล้วก็อบอุ่นดีนะ
จบภาคนาริตะไว้แค่นี้ก่อนนะคะ แล้วเดี๋ยวมาต่อที่ฟูจิซังกัน ^^
[JAPAN Trip] ไป "ญี่ ปุ่ น" แบบไม่ตั้งใจ
ต้นเดือนมีนา '57
"ป้าอยากไปญี่ปุ่น" ประกาศิตผ่าเปรี้ยงดังเข้ามาบนรถระหว่างทางกลับบ้าน แต่ก็ไม่สามารถทำให้เราล้ะสายตาจากสมาร์ทโฟนตรงหน้าได้
"จะไปยังไง ไปเมื่อไหร่"
.
.
"ไม่รู้ ป้าว่างแค่ช่วงสงกรานต์กับลาได้แค่ช่วงวันจักรี ไปหาข้อมูลมาให้หน่อยสิ ป้ากับลุงจะไป เอาเราสองคนไปด้วย"
หือออ .. นี่เดือนมีนา วีซ่าไม่มีซะ 3 คน แถมว่างแค่ช่วงวันหยุด มันจะไปยังไงให้ทันฟระ !!
..................................
"จะไปยังไง เนี่ยตั๋วบินตรงก็ปาเข้าไป 2หมื่นปลายแล้ว จะไปทำไมไม่บอกเนิ่นๆ เอาเป็นต่อเครื่องล้ะกัน ถูกดี" พูดไปมือเราก็เสิร์ชหาตั๋วไป อีกมือก็จดข้อมูลลงสมุดเลคเชอร์จิ๋ว
"ไม่เอาต่อเครื่อง เดี๋ยวหลง"
"......" อ่ะะ ไม่เอาก็ไม่เอา เอาใจคนออกตังค์ซะหน่อยคงไม่เป็นไร ว่าแล้วงั้นหาที่พักต่อล้ะกันเรา
"แล้วที่พักล่ะ เอาเลขบัตรเครดิตมาสิจะจองไว้ก่อน ไปวันหยุด คนไทยจองหมดแล้วมั้งเนี่ย"
"เสียตังป่ะ ถ้าจองแล้วไม่ได้ไปล่ะทำไง" เอาล้ะ ,, ก็ไหนป้าบอกจะไป เอาไงเนี่ย
"ไม่เปนไร แคนเซิลได้"
"จริงหรอ เอาเลขบัตรไปก็ต้องตัดเงินดิ ไม่เอาอ่ะ ไม่ต้องจองล้ะกัน"
อ้าว ,,,
.................................
"ไปทำพาสปอร์ตสิ" ประโยคที่ทำให้เรากับน้องเงยหน้าขึ้นมาจากคอม นี่เอาจริงดิ?
"คนเยอะ ขี้เกียจ"
"รอให้คนน้อยก็ไม่ได้ไปกันพอดี"
"จะไปจริงรึไง ที่พักก็ไม่จอง จะเหลือรึไง" ว่าไปมันก็อดประชดไม่ได้ ขอซักหน่อยนะแหม่ ก็ไอนู่นก็ไม่เอาไอนี่ก็ไม่เอา แล้วมันจะรอดได้ไงเนี่ย
"เออไม่เป็นไร ทำไว้ก่อน ไปไม่ไปค่อยว่ากัน" แหนะะ.. ตรรกะนี้มันมาล้ะ
"คนมันเยอะ ใครไม่รีบก็ยังไม่ต้องไปทำ สงสารคนอื่นเค้า"
"แล้วจะไปหรือไม่ไป"
"..........."
หลังจากนั้นเหล่าสองหลานกับ 1 ลุง ก็เสด็จกันไปทำพาสปอร์ตตามคำสั่งของหม่อมป้ากันในวันถัดมา ,,
.....................................
"ญี่ปุ่นรถไฟมันนั่งยาก เพื่อนลุงบอกมา" ลุงเอ่ยขึ้นบ้างหลังจากไม่มีปากมีเสียงมานาน
"แล้ว..?"
"ห้องน้ำห้องท่าก็หายาก" ปัญหาหลักมันคงอยู่ตรงนี้ล่ะดูท่า
"แล้วจะเอาไง" เราถามในที่สุด
"ไปทัวร์ดีกว่ามั้ง"
.
ไปทัวร์ ..... วันที่ 20 บอกให้หาทัวร์ .... หาทัวร์ไปญี่ปุ่นช่วงวันสงกรานต์กับวันหยุดช่วงวันจักรีเนี่ยนะ !!
......................................
ไปทัวร์
ไปทัวร์
ไปทัวร์
ไอ้การ 'ไปทัวร์' นี่มันย่ำยีความฝันเล็กๆของเด็กวัยรุ่นผู้ยิ่งใหญ่อย่างเราจนหมดสิ้น !
ยุคนี้ใครเค้าไปทัวร์กัน เค้าต้องไปแบ๊กแพคกันสิฟระะ ! แบ๊คแพคแบบลุยๆน่ะ แบบแนวๆ สะพายเป้สะพายกล้องน่ะ !
คิดแล้วก็หงุดหงิด แต่เดิมก็ไม่ได้ตั้งใจจะไปญี่ปุ่นอยู่แล้ว ไอ้ความฝันชั้นครูของเราน่ะมันแบ๊คแพคไปยุโรป พวกปราค ฮอลสแตท ตะหาก !
แล้วนี่ยังต้องมาหงุดหงิดเพราะต้องไปทัวร์อีกเหรอนี่ ?
หมดกัน หมดกัน เกียรติวัยรุ่นถูกย่ำยี
.
ก็เพราะเหตุนี้แหละ ทั้งต้องไปทัวร์ ทั้งต้องหนึบอยู่กับป้ากับลุงเป็นเด็กๆ ทั้งไม่ใช่ประเทศในฝัน
แต่ในเมื่อมันไปฟรีก้เอาวะะ ไปซะหน่อย
ไอ้ทริปไปญี่ปุ่นนี่มันก็เลยเกิดขึ้นแบบจำใจไปแบบขัดใจวัยรุ่นชัดๆ!
..................................
แล้วหลังจากนั้นฟ้าก็ประทานทัวร์มาให้ ช่วงวันที่ 4-8 เมษายน
แหม่ ใครมันจะไปคิดว่าจองวันที่ 25 อีกอาทิตย์กว่าๆก็ได้เดินทางแล้ว เหลือเชื่อสุดๆ !
และแล้ว ทริปขัดใจวัยรุ่น ทริปวัยต่อต้าน ทริปเถียงป้าเถียงลุง มันก็เริ่มขึ้น ณ บัดนี้ !!
.
.
***** จะขอเล่าเรื่องเป็นรูปภาพนะคะ อาจะไม่ละเอียดมาก แต่ก็เอาเท่าที่เราพอจะคิดได้ก็แล้วกัน : ) *****
** รูปภาพทั้งหมดมาจากกล้องมือถือ sony xperia z1 นะคะ ผ่านโปรแกรม lightroom5 แบบมือใหม่ **
.
.
สนามบินนาริตะ
ซากุระเรียงรายตาม 2 ข้างทาง กับฟ้าใสๆ บรรยากาศดูเรียบง่าย แต่ไม่เข้าใจทำไมยิ่งมองมันยิ่งรู้สึก โ ล่ ง ในหัวแบบบอกไม่ถูก
วันฟ้าครึ้ม บ้านแบบที่เคยเห็นในการ์ตูนญี่ปุ่นเต็มไปหมด พี่ไกด์บอกว่า ที่ญี่ปุ่นที่ดินแพง บ้านเลยต้องสร้างติดๆกัน
นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้บ้านของญี่ปุ่นเป็นสี่เหลี่ยมน่ารักๆรึเปล่านะ ?
.
วันแรกเราไปที่ฟูจิกัน ระหว่างทางต้องผ่านอะไรมากมาย ทำให้ได้ข้อสังเกตหลายอย่าง
- ที่ญี่ปุ่นจะแบ่งได้ค่อนข้างง่ายระหว่างเขตเมืองกับนอกเมือง เมื่อรถขึ้นบนทางด่วน จะเห็นชัดเจนว่า ฝั่งหนึ่งเป็นเมือง มีตึกสูงๆเหมือนกรุงเทพบ้านเรา
แต่อีกฝั่งหนึ่งที่เป็นเขตนอกเมือง ฉากจะตัดสลับเป็นบ้านเล็กๆเตี้ยๆเต็มไปหมดทันที ดูแล้วน่ารักยังไงบอกไม่ถูก
- บริเวณริมฝั่งแม่น้ำจะเป็นที่ของชุมชน เช่น สนามกีฬา สวนต่าง ๆ ต้นซากุระที่เรียงราย ซะเป็นส่วนใหญ่ ทำให้แม่น้ำของเขาไม่เน่าเสีย เพราพน้ำเสียที่ปล่อยออกมาจากบ้านเรือน (อันนี้เดาล้วนๆ 55555)
- ที่ญี่ปุ่นจะมีเนินเตี้ยๆ ภูเขาเตี้ยๆเยอะมาก ตอนดูโดเรม่อนตอนเด็กๆก็อดสงสัยไม่ได้ว่าภูเขาหลังโรงเรียนนี่ มีจริงได้ไง พอมาญี่ปุ่นจริงๆก็เปลี่ยนความคิด อย่าว่าแต่หลังโรงเรียนเลย หลังบ้านก็มีภูเขาถมเถไป
- ที่นี่มักจะไม่ตัดต้นไม้ ต่อให้เป็นต้นไม้รกๆ ต้นไผ่เล็กๆ กว้างประมาณบ้าน 1 หลัง เค้าก็ไม่ตัดกัน ไม่รู้ว่าทำไม ทั้งๆที่ถ้าตัดก็สร้างบ้านได้อีก 1 หลังแท้ๆ
แต่มันดูแล้วก็อบอุ่นดีนะ
จบภาคนาริตะไว้แค่นี้ก่อนนะคะ แล้วเดี๋ยวมาต่อที่ฟูจิซังกัน ^^