คุณชั่งน้ำหนักครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ครับ?
ถ้าผมจำไม่ผิด ครั้งสุดท้ายที่ผมชั่ง คือเมื่อ 6-7 ปีก่อน ตอนที่กำลังจะปลดประจำการจากกรมฯ นึง ตอนนั้นจำได้คร่าว ๆ ว่า น้ำหนักผมอยู่ราว ๆ 63-64 kg ไม่เกินนี้ รู้สึกฟิต เฟิร์ม เพราะด้วยการออกกำลังกายต่อเนื่องเป็นระยะเวลากว่า 1 ปี ทำให้ไม่อ้วน และไม่ผอมจนเกินไป ไม่ได้ถึงกับมีซิกแพค แต่ใส่เสื้อผ้าอะไรแล้วสวยไปหมด
เวลาไหลมาเรื่อย ๆ ผมไม่เคยสนใจเรื่องสุขภาพเลยครับ อันนี้เรียนตามตรง อะไรที่ยัดเข้าปากได้ ผมถือว่ามันคือ อาหาร ที่ใช้ในการดำรงชีวิต และคงสภาพความเป็นมนุษย์ โดยไม่สนว่าสิ่ง ๆ นั้น จะมีค่าไขมันอิ่มตัวเท่าไหร่ โปรตีนเท่าไหร่ น้ำตาลเท่าไหร่ อย่างไร ไม่เคยสนใจครับ เวลาล่วงเลยมาจนถึงช่วงสัปดาห์ก่อน เป็นช่วงที่ผมเรียกว่า "วิกฤต" เลยก็ว่าได้
วิกฤตในที่นี้ของผม คือ การตื่นเช้ามาจะไปทำงาน ผมหยิบกางเกงเอว 32 มาใส่แล้วรู้สึก "ฟิต" มันฟิตแบบแปลก ๆ มันฟิตแบบหายใจไม่ค่อยจะออก มันดูปลิ้น ๆ จนผมรู้สึกงงตัวเองว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของผม ผมพยายามหาเหตุผลต่าง ๆ นานา มาตั้งสมมุติฐาน หาตัวแปร แล้วทดสอบสมการ (เว่อร์ไป - -") จนผมได้ข้อสรุปว่า "กุอ้วนแล้วสินะ"
ผมเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาเพื่อนสนิทครับ (ขอสมมุติชื่อว่า จอร์ช) จอร์ช แม่มแบบเป็นคนหุ่นดี Smart & Firm ดูภายนอกแล้วผมไม่คิดว่ามันจะทำงานธนาคารได้ แบบเมิงนี่น่าจะไปเป็นเทรนเนอร์อาชีพมากกว่า ผมคุยไปคุยมา แลกเปลี่ยนความเห็น นู่น นี่ นั่น จน จอร์ชสรุปว่า
"เมิงต้องไปฟิตเนตแล้วละ ไอไก่!! กุว่าเมิงวิกฤติแล้ว"
ฟิตเนตคืออะไร? ตั้งแต่เกิดมาในชีวิตผมไม่เคยสนใจสถานที่แบบนี้เลย ภาพที่ผุดขึ้นมาในบนหัวผมคือ เกย์หุ่นดี หน้าตาหล่อเหลา ใส่เสื้อรัดฟิต ตั้งแต่หัวยัน Hum ยกเวทแล้วกล้ามแขนออกแบบเปรี๊ยะ ๆ แถมส่งยิ้มมาให้ หรือไม่ก็ ผู้หญิงใส่บราออกกำลังกายอกฟิต ๆ กางเกงรัดรูปแบบเห็นส่วนเว้า ส่วนโค้งชัดเจน ใส่หูฟัง แล้ววิ่งอยู่บนลู่ที่แม่มเคลื่อนที่ด้วยความเร็วประมาณนึง
"จะไหวเหรอวะ?" .. ความคิดเดียวที่ผุดขึ้นมาจากหัว ณ ตอนนั้น แต่พอมองไปที่กางเกงแสนรัก Levi's ขาเดฟของผมแล้ว ก็รู้สึกอ่อนใจ อยากจะใส่มันได้แบบสมัยเป็นวัยรุ่นกลัดมัน ก็เลยคิดว่า เอาก็เอาวะ!! ลองสักตั้งแม่มคงไม่ตายหรอก กุไปฟิตเนต ไม่ได้ไปรบกับกบฏอาบูซาเยฟสักหน่อย
ผมเฝ้าหาข้อมูลต่าง ๆ ใน Internet นั่งเคาะ Google ไปเรื่อย ๆ โฟกัสไปที่พิกัดแถวบ้านผม ทั้งเส้นรุ้ง เส้นแวง ผมแยงแทงตลอดหมด วิเคราะห์ กลั่นกรอง เทียบราคา ความสะดวก นู่น นี่ นั่น ได้สถานที่ฟิตเนต มาทั้งหมด 3 ที่ด้วยกัน ดังนี้
1. ฟิตเนต A .. น่าจะเป็นฟิตเนตที่สะดวกมากที่สุดสำหรับผมด้านการเดินทาง เพราะมันเป็นทางผ่านกลับบ้าน ผมโทรไปสอบถามราคา ก็ถือว่าพอสมควรเลย (แอบแพงนิด ๆ ตกปีละเกือบ 20,000 กว่า) แถมคลาสโยคะให้อีก 5 ครั้ง (ไอคลาสโยคะนี่ผมแม่มงงมากเลย ผมถาม จนท.ฟิตเนตไปว่า มันคล้าย ๆ ฝึกโยคีหรือเปล่าครับ? แม่มเงียบกริบ" ข้อเสียทีนี่คือ พวกคลาสต่าง ๆ มีค่อนข้างน้อย และคนค่อนข้างเยอะในระดับนึง
2. ฟิตเนต B .. อยู่เลยบ้านผมไปพอสมควร ถือว่าไกลที่สุดจาก 3 ที่ที่ผมคัดมา แต่ราคาถือว่ารับได้เลย (อยู่ในช่วงโปรโมชั่น ตกเดือนนึง 800 กว่าบาท) สถานที่ค่อนข้างสงบ คลาสเยอะ และไม่ค่อยเร้าลื่อสักเท่าไหร่ ดูจากสายตาคนค่อนข้างบางตา เล่นได้ทุกอย่าง ยกเว้นเล่นเทรนเนอร์ ข้อเสียคือมันไกลนิดนึง แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่พอรับได้
3. ฟิตเนต C .. จริง ๆ เรียกว่า "ยิม C" ดีกว่า เพราะเป็นเหมือนสถานที่ออกกำลังกายแบบไม่ได้ใหญ่มาก แต่มีเครื่องไม้เครื่องมือครบครัน มีนักเพาะกายไปเล่นเยอะพอสมควร สนนราคาไม่ได้แพงเลย ถือว่าถูกสุดใน 3 ที่ ข้อเสียคือ ตอนเย็นนี่คนจะเยอะมาก เยอะแบบ อื้อหือ กุจะไปแย่งเมิงเล่นได้ตอนไหนเนี่ย หรือกุต้อง Book เวลาเล่นเนี่ย พวกนักเพาะกายเล่นทีก็แบบ น้ำหนักนี่อย่างโหด ผมจะไปต่อเขาก็กลัวพี่ ๆ เขาไม่สบอารมณ์กระทืบผมเอา ตายๆๆ
นั่งพิจารณาอยู่นาน จนเอาละ เลือกที่นี่ก็ได้ ฟิตเนต B ด้วยเหตุผลที่ว่า ราคาย่อมเยาว์, คนน้อย แม้จะอยู่ไกลหน่อย แต่ก็ไม่ได้ถึงกับข้ามรัฐฯ ก่อนไปเล่นนี่ ผมคิดแล้วคิดอีก จะทำไงดีฟ่ะ จะใส่รองเท้าอะไรดี ถ้าใส่นันยางไปมันจะด่าไหม? ใส่เสื้อผ้ายังไงดี ถ้าใส่เสื้อลิเวอร์พูลไปแล้วเทรนเนอร์แม่มเป็นแมน ยู มันจะให้กุเข้าไหม? ทุกอย่างวนเวียน ๆ ๆ ๆ ๆ ผมไร้ที่ปรึกษาครับ นึกขึ้นได้ "เรายังมี ไอจอร์ช นี่หว่า" เลยกริ๊งกร๊างหามัน มันก็แนะนำว่า "เมิงใส่ไปเถอะ ชุดฟุตบอลก็ได้ รองเท้าผ้าใบอะไรก็ใส่ไปเถอะ" (มันตอบเหมือนตัดรำคาญผมนะ มารู้ทีหลังว่ามันกำลังปั่นงานส่งเจ้านายอยู่)
ครับ .. ชุดฟุตบอลผม จัดเต็มครับ เสื้อลิเวอร์พูลสีแดง กางเกงสีแดง ถุงเท้าฟุตบอลสีแดง (ถ้าดึงตึงแม่มติดยันลูกสะบ้าเข่าอะ) รองเท้าโอนิซึกะ สีขาวตัดน้ำตาล วินาทีแรกที่เดินเข้าไป เจ้าหน้าที่ของฟิตเนตทำหน้างง ๆ เหมือนเห็นควายออกลูกเป็นนกพิราบ เดินตรงมาที่ผมแล้วถามว่า
"เอ่อ .. นี่คุณ .. คุณไก่ที่โทรมาว่าจะเข้ามาเล่นวันแรกหรือเปล่าค่ะ"
"อ่อ .. ครับ ผมนัดล่วงหน้าไว้อะครับ"
"อ๋ออ แต่งตัวแสบสันดีนะค่ะ"
"....."
ผมชักไม่มั่นใจและ ว่าไอจอร์ชจะหลอกผมเลยหรือเปล่า เลยสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ ทราบความว่า ชุดฟุตบอลก็ไม่ได้อะไร แต่ถุงเท้าฟุตบอลนี่มันจะดูเกะกะไปไหม อีกทั้งรองเท้ายังเป็นรองเท้าลำลองไว้ใส่เที่ยว ใส่วิ่งมันจะไม่ support เอานะ (อ้าว จะรู้ไหมเนี่ย - -")
แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้อะไรครับ พาผมเดินชมห้องต่าง ๆ ภายในฟิตเนต สิ่งที่ผมขัดตาอยู่อย่างเดียว คือ เดินไปทางไหน แม่มมองผมอย่างกับเป็นดาราฮอลลีวูด ไม่รู้จะมองอะไรมากมาย (มารู้ทีหลังจากเทรนเนอร์คลาสปั่นจักรยานว่า วันแรกของคุณนี่ การแต่งตัวคุณเอาคนอื่นตะลึงกันทั้งคลับ 555+ ใครมันจะไปรู้ฟ่ะ)
หลังจาก เจ้าหน้าที่แนะนำ ก็จะมีคล้าย ๆ เทรนเนอร์ประจำห้อง มาแนะนำว่า ควรจะเล่นอะไรยังไง ปรับสภาพยังไง วัตถุประสงค์ บลา บลา บลา ผมก็บอกเลยว่า "อยากใส่เกง เอว 32 ได้เหมือนเดิม แบบ firm ๆ ไม่ต้องมีกง มีกล้าม ไม่ชอบ" เทรนเนอร์ พยักหน้าแล้วก็แนะนำ นู่น นี่ นั่น
วันแรกของผม ไม่ได้จริงจังอะไรเลยครับ เหมือนไปเดินดูเครื่องนู่น นี่ นั่น ว่าทำงานอะไร ใช้เล่นท่าอะไร คลาสแต่ละคลาสมีวันไหน อะไรประมาณนั้น แต่เพื่อไม่ให้เป็นการแต่งตัวมาแบบฟูลเซต ผมก็เลยขอเทรนเนอร์ลองวิ่ง ๆ บนลู่บ้าง (เคยวิ่งอยู่ที่คอนโดแฟนแต่รู้สึกว่าเครื่องมันกากเกิน ขอวิ่งแบบฟิตเนตแบบนี้บ้างดีฟ่า)
เอางงอะครับ .. เครื่องบ้าอะไรไม่รู้ ขึ้นไปยืนแล้วเหมือนอยู่ในห้องนักบิน ปุ่มแม่มเยอะไปหมด สีเขียว สลับ สีแดง มีมิเตอร์วิ่ง มีรูปหัวใจ มีปุ่มขึ้นลง มีที่วางของ มี .. บลา บลา บลา เฮ้ย .. ชีวิตแม่มยากไปป่าววะ
เทรนเนอร์ เดินไปคุยกับลูกค้าอีกคนนึง ปล่อยผมยืนงง หาปุ่ม Start ก็ล่อไปเกือบ 5 นาทีละ พอกดปุ๊ป สายพานค่อย ๆ เลื่อน แต่ .. ทำไมมันช้าจังฟ่ะ ผมดูหน้าจอ มันเลื่อนมาที่ระดับ 3 ผมเลยลองกด ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ขึ้น ๆ ๆ ๆ ๆ จนมาถึงระดับ 7 เอออ พอวิ่งได้ ก็เลยวิ่ง ๆ ๆ ๆ สักพักนึง กดขึ้น ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ต่อ มันขึ้นไปถึงระดับ 11 เฮ้ย แม่มเร็ว เร็วมาก เร็วจนแบบ เมิงเร็วไปปะเนี่ย ผมพยายามกดปุ่มลง .. ลง .. ลง แต่ .. ทำไมมันไม่ยอมลดวะ!!!!!!

และ ผมวิ่งระดับ 11 อยู่จนแบบไม่ไหวและ ไม่รู้จะทำยังไง
โชคดีที่ผมหันไปเห็นไอขอบข้าง ๆ ระหว่างสายพาน ผมเลยกระโดดกางขาไปเหยียบพักไว้ ก่อนที่จะหอบเป็นหมาอยู่พักนึง เทรนเนอร์อีกคนนึง เห็นท่าไม่ดี รีบดิ่งเข้ามาหาผมทันใด
"เป็นอะไรหรือเปล่าครับ"
"โห คุณ คือมันกดลงแล้วมันไม่ยอมลดระดับอะ เครื่องเสียเปล่าเนี่ย"
"ปุ่มไหนครับ"
ผมชี้ไปที่ผมลง แต่ .. เอ๊ะ ทำไมมันมี 2 ฝั่งวะ? เทรนเนอร์ มองไปที่ปุ่มที่ผมชี้ และยิ้มแบบแห้ง ๆ ก่อนที่จะบอกว่า
"ปุ่มลงที่คุณกด มันคือลดระดับความชันครับ"
"........."
ก่อนที่เทรนเนอร์ท่านนั้นจะกดปุ่ม Stop แล้วมานั่งเทศนาโวหารให้ผมฟังเกี่ยวกับการใช้เครื่องมือ .. (สภาพผมเหมือนนักเรียนที่แบบโดนอาจารย์ด่าไงไม่รู้)
นั้นละครับ คือทั้งหมดของ "ครั้งแรกในฟิตเนต" .. ติดตราตรึงใจเลย เด๊วค่อย ๆ ทยอยเล่าครั้งต่อไป (คือผมไปมาสักพักและ) เจอเรื่องราวแปลก ๆ มุมมองของคนทุกระดับ ตั้งแต่เจ้าของธุรกิจ 20-30 ล้าน จนถึง นักศึกษาประมง (เพิ่งรู้ว่า นักศึกษาประมงก็เล่นฟิตเนตนะตัวเทอว์ 55+) ขอทิ้งมอตโต้ เท่ห์ ๆ ไว้ก่อนปิดกระทุ้ภาคแรกวันนี้ว่า
"เล่นฟิตเนต ได้อะไรมากกว่าที่คุณคิด"
เมื่อวันที่ผมไปฟิตเนตครั้งแรก (1)
ถ้าผมจำไม่ผิด ครั้งสุดท้ายที่ผมชั่ง คือเมื่อ 6-7 ปีก่อน ตอนที่กำลังจะปลดประจำการจากกรมฯ นึง ตอนนั้นจำได้คร่าว ๆ ว่า น้ำหนักผมอยู่ราว ๆ 63-64 kg ไม่เกินนี้ รู้สึกฟิต เฟิร์ม เพราะด้วยการออกกำลังกายต่อเนื่องเป็นระยะเวลากว่า 1 ปี ทำให้ไม่อ้วน และไม่ผอมจนเกินไป ไม่ได้ถึงกับมีซิกแพค แต่ใส่เสื้อผ้าอะไรแล้วสวยไปหมด
เวลาไหลมาเรื่อย ๆ ผมไม่เคยสนใจเรื่องสุขภาพเลยครับ อันนี้เรียนตามตรง อะไรที่ยัดเข้าปากได้ ผมถือว่ามันคือ อาหาร ที่ใช้ในการดำรงชีวิต และคงสภาพความเป็นมนุษย์ โดยไม่สนว่าสิ่ง ๆ นั้น จะมีค่าไขมันอิ่มตัวเท่าไหร่ โปรตีนเท่าไหร่ น้ำตาลเท่าไหร่ อย่างไร ไม่เคยสนใจครับ เวลาล่วงเลยมาจนถึงช่วงสัปดาห์ก่อน เป็นช่วงที่ผมเรียกว่า "วิกฤต" เลยก็ว่าได้
วิกฤตในที่นี้ของผม คือ การตื่นเช้ามาจะไปทำงาน ผมหยิบกางเกงเอว 32 มาใส่แล้วรู้สึก "ฟิต" มันฟิตแบบแปลก ๆ มันฟิตแบบหายใจไม่ค่อยจะออก มันดูปลิ้น ๆ จนผมรู้สึกงงตัวเองว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของผม ผมพยายามหาเหตุผลต่าง ๆ นานา มาตั้งสมมุติฐาน หาตัวแปร แล้วทดสอบสมการ (เว่อร์ไป - -") จนผมได้ข้อสรุปว่า "กุอ้วนแล้วสินะ"
ผมเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาเพื่อนสนิทครับ (ขอสมมุติชื่อว่า จอร์ช) จอร์ช แม่มแบบเป็นคนหุ่นดี Smart & Firm ดูภายนอกแล้วผมไม่คิดว่ามันจะทำงานธนาคารได้ แบบเมิงนี่น่าจะไปเป็นเทรนเนอร์อาชีพมากกว่า ผมคุยไปคุยมา แลกเปลี่ยนความเห็น นู่น นี่ นั่น จน จอร์ชสรุปว่า
ฟิตเนตคืออะไร? ตั้งแต่เกิดมาในชีวิตผมไม่เคยสนใจสถานที่แบบนี้เลย ภาพที่ผุดขึ้นมาในบนหัวผมคือ เกย์หุ่นดี หน้าตาหล่อเหลา ใส่เสื้อรัดฟิต ตั้งแต่หัวยัน Hum ยกเวทแล้วกล้ามแขนออกแบบเปรี๊ยะ ๆ แถมส่งยิ้มมาให้ หรือไม่ก็ ผู้หญิงใส่บราออกกำลังกายอกฟิต ๆ กางเกงรัดรูปแบบเห็นส่วนเว้า ส่วนโค้งชัดเจน ใส่หูฟัง แล้ววิ่งอยู่บนลู่ที่แม่มเคลื่อนที่ด้วยความเร็วประมาณนึง
"จะไหวเหรอวะ?" .. ความคิดเดียวที่ผุดขึ้นมาจากหัว ณ ตอนนั้น แต่พอมองไปที่กางเกงแสนรัก Levi's ขาเดฟของผมแล้ว ก็รู้สึกอ่อนใจ อยากจะใส่มันได้แบบสมัยเป็นวัยรุ่นกลัดมัน ก็เลยคิดว่า เอาก็เอาวะ!! ลองสักตั้งแม่มคงไม่ตายหรอก กุไปฟิตเนต ไม่ได้ไปรบกับกบฏอาบูซาเยฟสักหน่อย
ผมเฝ้าหาข้อมูลต่าง ๆ ใน Internet นั่งเคาะ Google ไปเรื่อย ๆ โฟกัสไปที่พิกัดแถวบ้านผม ทั้งเส้นรุ้ง เส้นแวง ผมแยงแทงตลอดหมด วิเคราะห์ กลั่นกรอง เทียบราคา ความสะดวก นู่น นี่ นั่น ได้สถานที่ฟิตเนต มาทั้งหมด 3 ที่ด้วยกัน ดังนี้
1. ฟิตเนต A .. น่าจะเป็นฟิตเนตที่สะดวกมากที่สุดสำหรับผมด้านการเดินทาง เพราะมันเป็นทางผ่านกลับบ้าน ผมโทรไปสอบถามราคา ก็ถือว่าพอสมควรเลย (แอบแพงนิด ๆ ตกปีละเกือบ 20,000 กว่า) แถมคลาสโยคะให้อีก 5 ครั้ง (ไอคลาสโยคะนี่ผมแม่มงงมากเลย ผมถาม จนท.ฟิตเนตไปว่า มันคล้าย ๆ ฝึกโยคีหรือเปล่าครับ? แม่มเงียบกริบ" ข้อเสียทีนี่คือ พวกคลาสต่าง ๆ มีค่อนข้างน้อย และคนค่อนข้างเยอะในระดับนึง
2. ฟิตเนต B .. อยู่เลยบ้านผมไปพอสมควร ถือว่าไกลที่สุดจาก 3 ที่ที่ผมคัดมา แต่ราคาถือว่ารับได้เลย (อยู่ในช่วงโปรโมชั่น ตกเดือนนึง 800 กว่าบาท) สถานที่ค่อนข้างสงบ คลาสเยอะ และไม่ค่อยเร้าลื่อสักเท่าไหร่ ดูจากสายตาคนค่อนข้างบางตา เล่นได้ทุกอย่าง ยกเว้นเล่นเทรนเนอร์ ข้อเสียคือมันไกลนิดนึง แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่พอรับได้
3. ฟิตเนต C .. จริง ๆ เรียกว่า "ยิม C" ดีกว่า เพราะเป็นเหมือนสถานที่ออกกำลังกายแบบไม่ได้ใหญ่มาก แต่มีเครื่องไม้เครื่องมือครบครัน มีนักเพาะกายไปเล่นเยอะพอสมควร สนนราคาไม่ได้แพงเลย ถือว่าถูกสุดใน 3 ที่ ข้อเสียคือ ตอนเย็นนี่คนจะเยอะมาก เยอะแบบ อื้อหือ กุจะไปแย่งเมิงเล่นได้ตอนไหนเนี่ย หรือกุต้อง Book เวลาเล่นเนี่ย พวกนักเพาะกายเล่นทีก็แบบ น้ำหนักนี่อย่างโหด ผมจะไปต่อเขาก็กลัวพี่ ๆ เขาไม่สบอารมณ์กระทืบผมเอา ตายๆๆ
นั่งพิจารณาอยู่นาน จนเอาละ เลือกที่นี่ก็ได้ ฟิตเนต B ด้วยเหตุผลที่ว่า ราคาย่อมเยาว์, คนน้อย แม้จะอยู่ไกลหน่อย แต่ก็ไม่ได้ถึงกับข้ามรัฐฯ ก่อนไปเล่นนี่ ผมคิดแล้วคิดอีก จะทำไงดีฟ่ะ จะใส่รองเท้าอะไรดี ถ้าใส่นันยางไปมันจะด่าไหม? ใส่เสื้อผ้ายังไงดี ถ้าใส่เสื้อลิเวอร์พูลไปแล้วเทรนเนอร์แม่มเป็นแมน ยู มันจะให้กุเข้าไหม? ทุกอย่างวนเวียน ๆ ๆ ๆ ๆ ผมไร้ที่ปรึกษาครับ นึกขึ้นได้ "เรายังมี ไอจอร์ช นี่หว่า" เลยกริ๊งกร๊างหามัน มันก็แนะนำว่า "เมิงใส่ไปเถอะ ชุดฟุตบอลก็ได้ รองเท้าผ้าใบอะไรก็ใส่ไปเถอะ" (มันตอบเหมือนตัดรำคาญผมนะ มารู้ทีหลังว่ามันกำลังปั่นงานส่งเจ้านายอยู่)
ครับ .. ชุดฟุตบอลผม จัดเต็มครับ เสื้อลิเวอร์พูลสีแดง กางเกงสีแดง ถุงเท้าฟุตบอลสีแดง (ถ้าดึงตึงแม่มติดยันลูกสะบ้าเข่าอะ) รองเท้าโอนิซึกะ สีขาวตัดน้ำตาล วินาทีแรกที่เดินเข้าไป เจ้าหน้าที่ของฟิตเนตทำหน้างง ๆ เหมือนเห็นควายออกลูกเป็นนกพิราบ เดินตรงมาที่ผมแล้วถามว่า
"เอ่อ .. นี่คุณ .. คุณไก่ที่โทรมาว่าจะเข้ามาเล่นวันแรกหรือเปล่าค่ะ"
"อ่อ .. ครับ ผมนัดล่วงหน้าไว้อะครับ"
"อ๋ออ แต่งตัวแสบสันดีนะค่ะ"
"....."
ผมชักไม่มั่นใจและ ว่าไอจอร์ชจะหลอกผมเลยหรือเปล่า เลยสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ ทราบความว่า ชุดฟุตบอลก็ไม่ได้อะไร แต่ถุงเท้าฟุตบอลนี่มันจะดูเกะกะไปไหม อีกทั้งรองเท้ายังเป็นรองเท้าลำลองไว้ใส่เที่ยว ใส่วิ่งมันจะไม่ support เอานะ (อ้าว จะรู้ไหมเนี่ย - -")
แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้อะไรครับ พาผมเดินชมห้องต่าง ๆ ภายในฟิตเนต สิ่งที่ผมขัดตาอยู่อย่างเดียว คือ เดินไปทางไหน แม่มมองผมอย่างกับเป็นดาราฮอลลีวูด ไม่รู้จะมองอะไรมากมาย (มารู้ทีหลังจากเทรนเนอร์คลาสปั่นจักรยานว่า วันแรกของคุณนี่ การแต่งตัวคุณเอาคนอื่นตะลึงกันทั้งคลับ 555+ ใครมันจะไปรู้ฟ่ะ)
หลังจาก เจ้าหน้าที่แนะนำ ก็จะมีคล้าย ๆ เทรนเนอร์ประจำห้อง มาแนะนำว่า ควรจะเล่นอะไรยังไง ปรับสภาพยังไง วัตถุประสงค์ บลา บลา บลา ผมก็บอกเลยว่า "อยากใส่เกง เอว 32 ได้เหมือนเดิม แบบ firm ๆ ไม่ต้องมีกง มีกล้าม ไม่ชอบ" เทรนเนอร์ พยักหน้าแล้วก็แนะนำ นู่น นี่ นั่น
วันแรกของผม ไม่ได้จริงจังอะไรเลยครับ เหมือนไปเดินดูเครื่องนู่น นี่ นั่น ว่าทำงานอะไร ใช้เล่นท่าอะไร คลาสแต่ละคลาสมีวันไหน อะไรประมาณนั้น แต่เพื่อไม่ให้เป็นการแต่งตัวมาแบบฟูลเซต ผมก็เลยขอเทรนเนอร์ลองวิ่ง ๆ บนลู่บ้าง (เคยวิ่งอยู่ที่คอนโดแฟนแต่รู้สึกว่าเครื่องมันกากเกิน ขอวิ่งแบบฟิตเนตแบบนี้บ้างดีฟ่า)
เอางงอะครับ .. เครื่องบ้าอะไรไม่รู้ ขึ้นไปยืนแล้วเหมือนอยู่ในห้องนักบิน ปุ่มแม่มเยอะไปหมด สีเขียว สลับ สีแดง มีมิเตอร์วิ่ง มีรูปหัวใจ มีปุ่มขึ้นลง มีที่วางของ มี .. บลา บลา บลา เฮ้ย .. ชีวิตแม่มยากไปป่าววะ
เทรนเนอร์ เดินไปคุยกับลูกค้าอีกคนนึง ปล่อยผมยืนงง หาปุ่ม Start ก็ล่อไปเกือบ 5 นาทีละ พอกดปุ๊ป สายพานค่อย ๆ เลื่อน แต่ .. ทำไมมันช้าจังฟ่ะ ผมดูหน้าจอ มันเลื่อนมาที่ระดับ 3 ผมเลยลองกด ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ขึ้น ๆ ๆ ๆ ๆ จนมาถึงระดับ 7 เอออ พอวิ่งได้ ก็เลยวิ่ง ๆ ๆ ๆ สักพักนึง กดขึ้น ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ต่อ มันขึ้นไปถึงระดับ 11 เฮ้ย แม่มเร็ว เร็วมาก เร็วจนแบบ เมิงเร็วไปปะเนี่ย ผมพยายามกดปุ่มลง .. ลง .. ลง แต่ .. ทำไมมันไม่ยอมลดวะ!!!!!!
โชคดีที่ผมหันไปเห็นไอขอบข้าง ๆ ระหว่างสายพาน ผมเลยกระโดดกางขาไปเหยียบพักไว้ ก่อนที่จะหอบเป็นหมาอยู่พักนึง เทรนเนอร์อีกคนนึง เห็นท่าไม่ดี รีบดิ่งเข้ามาหาผมทันใด
"เป็นอะไรหรือเปล่าครับ"
"โห คุณ คือมันกดลงแล้วมันไม่ยอมลดระดับอะ เครื่องเสียเปล่าเนี่ย"
"ปุ่มไหนครับ"
ผมชี้ไปที่ผมลง แต่ .. เอ๊ะ ทำไมมันมี 2 ฝั่งวะ? เทรนเนอร์ มองไปที่ปุ่มที่ผมชี้ และยิ้มแบบแห้ง ๆ ก่อนที่จะบอกว่า
"ปุ่มลงที่คุณกด มันคือลดระดับความชันครับ"
"........."
ก่อนที่เทรนเนอร์ท่านนั้นจะกดปุ่ม Stop แล้วมานั่งเทศนาโวหารให้ผมฟังเกี่ยวกับการใช้เครื่องมือ .. (สภาพผมเหมือนนักเรียนที่แบบโดนอาจารย์ด่าไงไม่รู้)
นั้นละครับ คือทั้งหมดของ "ครั้งแรกในฟิตเนต" .. ติดตราตรึงใจเลย เด๊วค่อย ๆ ทยอยเล่าครั้งต่อไป (คือผมไปมาสักพักและ) เจอเรื่องราวแปลก ๆ มุมมองของคนทุกระดับ ตั้งแต่เจ้าของธุรกิจ 20-30 ล้าน จนถึง นักศึกษาประมง (เพิ่งรู้ว่า นักศึกษาประมงก็เล่นฟิตเนตนะตัวเทอว์ 55+) ขอทิ้งมอตโต้ เท่ห์ ๆ ไว้ก่อนปิดกระทุ้ภาคแรกวันนี้ว่า