วันนี้ (16/04/2557)
อารมณ์อินดี้ได้เข้าครอบงำผม
เพราะมีเรื่องหงุดหงิด มีเรื่องครุ่นคิด
ทำให้อยากไปสัมผัสกับ สายลม และแสงแดด
เรื่องราวต่างๆ จะได้ผ่านพ้นตัวไป เหมือนกับสายลมที่ปะทะตัว
ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
ที่ที่แรกที่แว๊บเข้ามาในหัวคือ สะพานข้ามแม่น้ำแคว ณ กาญจนบุรี
สะพานข้ามแม่น้ำแคว เป็นที่ที่ผมอยากไป ตั้งแต่ขับ Zoomer-X
แต่ไม่เคยไปแบบจริงๆจังสักที ได้แต่ขับผ่าน
(ที่ขับออกทริปก็ ห้วยแม่ขมิ้นบ้าง เขื่อนศรีนครินทร์บ้าง สังขละบุรีบ้าง)
และไม่กล้าขับทางไกลคนเดียวด้วย เพราะกลัวเกิดอุบัติเหตุ และที่สำคัญ กลัวเหงา

แต่วันนี้ ผมจะต้อง ก้าวข้ามจุดนั้นให้ได้
เลยทำการศึกษาเส้นทางจากปรมาจารย์ นามว่า Google Map
ท่านได้ให้คำแนะนำเส้นทางดังนี้
ได้สตาร์ทรถออกจากบ้านประมาณ 14.00 (พลาดอย่างแรงงงง)
รายละเอียด จากบ้าน บางใหญ่ ไป สะพานข้ามแม่น้ำแคว
1.ไปทางเส้นสุพรรณ (เจอ มอนส์เตอร์ 1 คัน พยักหน้าทักทายกัน)
2.เลี้ยวซ้ายตรงแยกนพวงศ์
3.ตรงอย่างเดียว (เริ่มรู้สึกร้อนวูบวาบ แม้จะมีลมผ่านตัว) (ช่วงนี้ขับ เฉลี่ย 90)
4.ไปเลี้ยวขวา และเลี้ยวซ้าย ตรงแยกบางเลน
(ตรงแยกนี้ โดนไป 1 น้ำ ก่อนข้ามสะพาน แม่น้ำท่าจีน
จากกลุ่มคน ที่ยังเล่นสงกรานต์กันอยู่ แม้จะโบกมือขอ
ก็ยังทำท่าจะสาด เลยหลบ ไปเลนขวา ก็ยังมาสาดอีก)
5.ตรงอย่างเดียว ตาททางหลวงหมายเลข 346 (ทางตรงค่อนข้างยาว อาการร้อนๆในตัวยังไม่หาย)
(ช่วงนี้ขับ เฉลี่ย 100 Km/Hrs แต่มีบางช่วง ลองขึ้นไปถึง 150 Km/Hrs แต่เป็นช่วงทางตรงสั้นๆ)
6.ไปเลี้ยวขวา และเลี้ยวซ้าย อีกครั้ง ตรงแยกเกษตรกำแพงแสน
(เลยแยกนี้มาหน่อย โดนน้ำที่ 2 เพราะ เจอกลุ่มคนเล่นน้ำกันอีก
ดูท่าทางแล้วจะสาดให้ได้แน่ๆ เลยเปลี่ยนเลนไปเลนขวา แล้วเปิดคันเร่งไปที่ 90Km/Hrs
เพื่อให้เห็นว่าเรามาเร็ว อย่าสาดเราเลย อาจเกิดอันตรายได้
ผลปรากฏว่า ทฤษฏีนี้ใช้ไม่ได้ผลกับกลุ่มคนที่มีรอยหยักในสมองน้อย
เพียงแค่เหตุผลว่า เมิงต้องเปียก นี้มันเทศกาลโว้ย (แต่วันนี้ วันที่ 16/04/2557))
(ตรงจุดนี้ อารมณ์ฉุนมาก เลยยกนิ้วให้กล้วยไป (ไม่สมควรทำอย่างยิ่ง)
เพราะอาจเกิดอันตรายต่อตัวเราได้
(ถ้าเค้าขับกระบะ ตามยิง ตามเบียด คงไม่ได้ ออกทริปอีกเป็นแน่)
7.ยังตรงอย่างเดียวเหมือนเดิม ตามทางหลวง 346 (ยังมีอาการร้อนในตัวตลอด แต่ไม่สนใจอะไรมากนัก)
(ตรงนี้ เฉลี่ย 110 นิดๆ เพราะเริ่มอยากถึงไวๆ แต่ไม่กล้าขึ้นเกิน 120 เพราะกลัวเรื่องการเล่นน้ำ)
8.ไปเลี้ยวซ้าย ตรงแยก โรงเรียนพนมทวน
9.ตรงเรื่อยๆ จนเข้าสู่ชุมชนหนองขาว
ร้องได้คำเดียว OMG WTF?
(นี้มันสวรร์ชัดๆ สำหรับคนที่ยังเล่นสงกรานต์)
(แต่มันคือ นรกสำหรับผม เพราะเค้าปิดถนนเล่นกันเลยทีเดียว
เลยต้องวิ่งเข้า ร้านค้า ขอถุงพลาสติก มาห่อหุ้มมือถือ กระเป๋าสตางค์
เทคนิคในการขับช่วงนี้คือ ยกมือขอไม่ให้สาด
แต่อาจจะสื่อสารกันผิด คงนึกว่าผมยกมือเตรียมพร้อมให้สาด
เพราะยังไงก็จะสาด จะเล่น ผมเลยต้องขับเลนกลาง ระหว่างรถสวนกัน
ค่อยๆมุด ประกบฟอร์ทูนเนอร์ ให้ฟอร์ทูนเนอร์ช่วยบังฝั่งซ้าย แต่ก็โดนฝั่งขวา
แต่โชคดีผมโดนน้อยหน่อย
เพราะอาจว่าแต่งเต็มชุด คือ หมวกเต็มใบ เสื้อการ์ด ถุงมือ สนับแข้ง เป้หลังแบบแข็ง และรองเท้าเซฟตี้
ไม่ได้แต่งแบบพร้อมเล่น คือ ไม่ใส่หมวกกันน็อค ใส่หูแตะ ย้อมหัวทอง และเต้นบนรถ ชาวบ้านเลยไม่ค่อยสนใจมากนัก)
(อันนีทั้งเส้น ผมนับเป็นน้ำที่ 3)
(อันนี้ถือว่าพลาดอย่างแรงแบบมากที่สุด เพราะ ขับมาร้อนๆ อยู่ดีๆมาเจอน้ำ ร่างกายเริ่มปรับตัวไม่ทัน)
10.มาถึง สามแยก ตรงตัวเมืองกาญ ที่มีเหมือนหอนาฬิกา ให้เลี้ยวขวา
11.ตรงอย่างเดียว
12.ให้เลี้ยวซ้ายตรงป้ายบอกว่า เลี้ยวไปสะพานข้ามแม่น้ำแคว
ถึงที่หมายเวลา 15.30 โดยประมาณ
สรุป ขาไปโดนไป 3 น้ำ พร้อมกับอาการแปลกๆ
ดังนี้
1.ใจสั่น
2.หัวใจเต้นแรง
3.รู้สึกหวิวๆ
4.มีอาการอ่อนเพลีย เหมือนจะง่วง
5.จุกเสียดร่างกาย
6.เจ็บแปล๊บๆตามที่ต่างๆ เพราะไม่ได้ขยับตัวเท่าไหร่
เริ่มคิดว่า ตัวเราอาจเกิดอาการ ภาวะขาดน้ำ ผสมกับ เพลียแดด
เพราะออกทริปตอนบ่าย2 แดดกำลังเปลี้ยง
และไม่ได้หยุดพักทั้งคนทั้งรถแบบจริงจัง
เพราะคิดว่าแค่ 130 กิโลเอง
และอีกอย่างใช้เวลาขับมาแค่ 1 ชม. นิดด้วย
คิดแค่ว่ายังไงก็ไหว
เลยไปซื้อ กาแฟกิน ให้หายง่วง (อันนี้ถือว่าพลาดอีกอย่าง) (โดนน้ำที่ 4)
และ เครื่องดื่มเกลือแร่ (อันนี้น้ำที่ 5) เพื่อชดเชยเหงื่อที่เสียไป
และน้ำเปล่า อีก 1 ขวด (อันนี้น้ำที่ 6) เพื่อจิบตอนเดินเที่ยวสะพาน
อันนี้รูปเมื่อถึง
และที่สำคัญที่ขาดไม่ได้
ต้องขอบคุณ NCT NoClub Thailand และ LPD Zone วัดลาดปลาดุก
ที่ทำให้ผมหลงไหลในการท่องเที่ยวด้วย 2 ล้อ
ขณะถ่ายรูปอยู่นั้น มีพี่คนหนึ่งได้เดินเข้ามาคุยด้วยเรื่อง ของแต่ง
แว๊บแรกในใจ เกิดความรู้สึกกลัว เรามาคนเดียว เราจะไปเดินเที่ยว เราจะต้องจอดรถที่นี้
เค้าจะมาทำอะไรกับรถเราหรือเปล่า
แต่ผิดคาดครับ ที่พี่เค้าชวนคุยก็เพราะพี่เค้าก็เป็นเจ้าของ 500X เหมือนกัน
และพี่ก็ได้แนะนำเส้นทางไปสู่ น้ำตกเอราวัณ และ เขื่อนศรีนครินทร์ ว่าง่ายนิดเดียว
(ตรงอย่างเดียว)
ผมกราบขออภัยที่คิดกับพี่แบบนั้นในตอนแรก และขอขอบคุณที่ให้ข้อมูลการท่องเที่ยว
อันนี้รถพี่เค้าครับ
(อันนี้แอบถ่ายครับ เพราะพี่เค้าไปไหนไม่ทราบ เลยไม่ได้ขออนุญาติถ่ายรูปรถ)
เลยไปเข็น เจ้าเซ็กเธาว์ มาถ่ายด้วย
(อันนี้ก็แอบถ่ายครับ เพราะยังไม่เจอพี่เค้า)
อันนี้เป็นรูปวิว แต่ถ่ายมาได้น้อย เพราะมือไม้สั่น และรู้สึกหวิวๆครับ
แวะถ่ายรูปที่นี้ประมาณ ครึ่งชั่วโมง
พอเริ่มรู้ตัวว่า ร่างกายมีอาการแปลกๆ อยากแช่น้ำ
ก็วางแพลนว่าจะไป น้ำตกเอราวัณ กับ ถ่ายรูปที่เขื่อนต่อ
(โดยไม่ได้เจียมสังขารตัวเอง)
สตาร์ทรถออกประมาณ 16.00 โดยประมาณ
แต่พอขับมาได้นิดเดียว ฝนได้ตกลงมาก แบบไม่ทันตั้งตัว (อันนี้น้ำที่ 7)
เลยตั้งใจขับหาที่หลบฝน แล้วกลับบ้านเลยดีกว่า
ขณะขับอยู่ในตัวเมืองเผื่อหาที่หลบฝน ปรากฏว่า ฝนได้หยุดตก
(อันนี้ถือโดยความเชื่อส่วนตัวผมถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะว่า สิ่งศักดิ์สิทธ์ ท่านอาจช่วยผม
เกรงว่าผมจะเกิดอันตรายหากไปต่อ เลยดลบันดาลให้ฝนตก ผมจะได้ กลับบ้าน)
ขณะขับเลยตัวเมืองมาหน่อย จอดติดไฟแดง(ติดนานมาก แดดก็ร้อนมากๆ)
ตรงแยกข้ามทางรถไฟ
เริ่มมีอาการหวิวๆ ใจสั่น จะอ้วก สมองสั่งการทันที ว่าถ้าฝืนไปต่อ อาจเกิดอันตรายได้
โชคดีที่ข้างหน้ามีปั้ม มี 7-11
เลยได้แวะ ซื้อน้ำหวานกิน(อันนี้น้ำที่ 8)
ปั้มนี้พักนานถึง ครึ่ง ชั่วโมงกว่าๆ
เพราะอาการใจสั่น ยังไม่ดีขึ้น
พอได้นั่งพักนานๆ เริ่มปวดท้องหนักอยากเข้าห้องน้ำ
แต่ติดตรงที่ว่าสัมภาระเยอะเหลือเกิน ไหนจะเป้ ไหนจะหมวก ไหนจะถุงมือ ไหนจะสนับแข้ง
แถมใส่รองเท้าหุ้มข้อ ทำให้นั่งยองๆ ไม่ถนัดอีก
จะถอดทั้งหมดวางที่รถ ก็กลัวหาย จะเอาเข้าไปด้วย ก็ไม่รู้ว่าจะแบกยังไง
เลยสะกดใจไว้ว่า กลับไปเข้าที่บ้านดีกว่า
(ทำให้อยากติดกล่องหลังและกล่องข้างขึ้นมาทันตา แต่ตอนนี้ยังเก็บเงินได้นิดหน่อยยังซื้อไม่ได้ T_T )
พอนั่งสะกดใจได้สักพัก อาการปวดท้องหนัก ได้ทุเลาลง
แต่เริ่มอยากอาเจียน อันนี้อั้นไม่อยู่จริงๆ อาเจียนไป 3 รอบ
มีแต่กาแฟผสมน้ำหวานออกมา
อาการจุกเสียดกลับมาเล่นงานอีกแถมเหมือนเป็นกรดไหลย้อนเพิ่มมาด้วยอีกต่างหาก
ตอนนี้ถึงขึ้นต้องนั่งดมยาดม และไปซื้อผ้าเย็น มาเช็ดหน้า คอ แขน และลำตัวกันเลยทีเดียว
จนพนักงานในปั๊มต้องเดินมาถามว่าพี่ไหวไหม ก็ตอบไปว่าไหว ขอบคุณมาก
พักจนดีขึ้น ก็สตาร์ทรถไปต่อ แต่ปลดซิปเสื้อการ์ดลงหน่อย
เพื่อให้อากาศได้เข้าไปโดนตัวบ้าง เผื่อจะดีขึ้น
และก็ต้องเตรียมใจยอมรับว่า ต้องเปียกอีกรอบ ตรงขุมชนหนองขาว
แต่พอขับไปถึงก่อนจะเข้าชุมชนหนองขาว ได้มีตำรวจ พร้อมป้าย บอกทางเลี่ยง เพราะข้างหน้ามีเล่นน้ำ
ผมอุทานออกมาเลย Here ทำไมตอนมา ไม่มีป้ายบอก พอตอนกลับ เตรียมใจไว้แล้ว ดันมีป้ายให้เลี่ยง
ก็เลยขับเลี่ยงมา
ตอนนี้ความเร็วขากลับ อยู่ที่ประมาณ 80 เพราะไม่มั่นใจในสภาพร่างกายตัวเอง
ขากลับก็ใช้เส้นทางเดิมครับ
ก่อนมาถึงกำแพงแสน ได้แวะอีก 1 ปั้ม ด้วยสภาพที่อิดโรย
มาเจอ เพื่อนร่วมทางขับ ER6N ก็ได้ ผงกหัวทักทายกัน
ปั้มนี้แวะประมาณ 15 นาที
พอออกจากปั้มมาสักพักเริ่มมีอาการ นิ้วล็อค เพราะกำครัชและคันเร่งเป็นเวลานาน
ไม่ได้เปลี่ยนท่าการขับ ก็ต้องจอดเพื่อยืดเส้นยืดสายแล้วไปต่อ
พอขับมาถึงบางเลน พี่คนที่ขี่ ER ก็ได้าขับตามมาทักทาย ผมก็ได้ยกนิ้วให้
(คราวนี้ยกนิ้วโป้งครับ)
ขับขี่มาเรื่อยๆ พอใกล้ๆถึงบ้าน
อาการปวดท้องหนักกำเริบ
เคยเป็นไหมครับ เวลาใกล้ห้องน้ำ เริ่มจะกลั้นไม่อยู่?
แต่ก็ข่มใจมาเรื่อยๆ
จนถึงบ้านโดยปลอดภัย
พร้อมกับปลดทุกข์หนัก และทุกข์ทางใจออกไป
แต่เริ่มทุกข์ทางกาย
เพราะก็ยังมีหวิวๆอยู่เล็กน้อย
ขากลับใช้เวลาประมาณ 2 ชม.นิดๆ
เลยอยากเตือนเพื่อนๆสมาชิก
หน้าร้อน ไม่จำเป็นอย่าออกทริปช่วงแดดแรงๆ
หากเลี่ยงไม่ได้ ให้พักรถ พักคน บ่อยๆ ดื่มน้ำเยอะๆ
และที่สำคัญ หากมีคนซ้อนอยู่แล้วให้ซ้อนไปด้วยเถอะ อย่าอินดี้แบบผมเลย
เวลาเข้าห้องน้ำจะได้มีคนช่วยดูของ เวลาเราเป็นอะไรจะได้มีคนช่วยดูแล
เมื่อเกิดอารมณ์อินดี้ เลยขี่ไปเสียว ที่กาญจนบุรี ทริปนี้โดนไป 8 น้ำ!!!! กับเซ็กเธาว์ (CB500X)
อารมณ์อินดี้ได้เข้าครอบงำผม
เพราะมีเรื่องหงุดหงิด มีเรื่องครุ่นคิด
ทำให้อยากไปสัมผัสกับ สายลม และแสงแดด
เรื่องราวต่างๆ จะได้ผ่านพ้นตัวไป เหมือนกับสายลมที่ปะทะตัว
ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
ที่ที่แรกที่แว๊บเข้ามาในหัวคือ สะพานข้ามแม่น้ำแคว ณ กาญจนบุรี
สะพานข้ามแม่น้ำแคว เป็นที่ที่ผมอยากไป ตั้งแต่ขับ Zoomer-X
แต่ไม่เคยไปแบบจริงๆจังสักที ได้แต่ขับผ่าน
(ที่ขับออกทริปก็ ห้วยแม่ขมิ้นบ้าง เขื่อนศรีนครินทร์บ้าง สังขละบุรีบ้าง)
และไม่กล้าขับทางไกลคนเดียวด้วย เพราะกลัวเกิดอุบัติเหตุ และที่สำคัญ กลัวเหงา
แต่วันนี้ ผมจะต้อง ก้าวข้ามจุดนั้นให้ได้
เลยทำการศึกษาเส้นทางจากปรมาจารย์ นามว่า Google Map
ท่านได้ให้คำแนะนำเส้นทางดังนี้
ได้สตาร์ทรถออกจากบ้านประมาณ 14.00 (พลาดอย่างแรงงงง)
รายละเอียด จากบ้าน บางใหญ่ ไป สะพานข้ามแม่น้ำแคว
1.ไปทางเส้นสุพรรณ (เจอ มอนส์เตอร์ 1 คัน พยักหน้าทักทายกัน)
2.เลี้ยวซ้ายตรงแยกนพวงศ์
3.ตรงอย่างเดียว (เริ่มรู้สึกร้อนวูบวาบ แม้จะมีลมผ่านตัว) (ช่วงนี้ขับ เฉลี่ย 90)
4.ไปเลี้ยวขวา และเลี้ยวซ้าย ตรงแยกบางเลน
(ตรงแยกนี้ โดนไป 1 น้ำ ก่อนข้ามสะพาน แม่น้ำท่าจีน
จากกลุ่มคน ที่ยังเล่นสงกรานต์กันอยู่ แม้จะโบกมือขอ
ก็ยังทำท่าจะสาด เลยหลบ ไปเลนขวา ก็ยังมาสาดอีก)
5.ตรงอย่างเดียว ตาททางหลวงหมายเลข 346 (ทางตรงค่อนข้างยาว อาการร้อนๆในตัวยังไม่หาย)
(ช่วงนี้ขับ เฉลี่ย 100 Km/Hrs แต่มีบางช่วง ลองขึ้นไปถึง 150 Km/Hrs แต่เป็นช่วงทางตรงสั้นๆ)
6.ไปเลี้ยวขวา และเลี้ยวซ้าย อีกครั้ง ตรงแยกเกษตรกำแพงแสน
(เลยแยกนี้มาหน่อย โดนน้ำที่ 2 เพราะ เจอกลุ่มคนเล่นน้ำกันอีก
ดูท่าทางแล้วจะสาดให้ได้แน่ๆ เลยเปลี่ยนเลนไปเลนขวา แล้วเปิดคันเร่งไปที่ 90Km/Hrs
เพื่อให้เห็นว่าเรามาเร็ว อย่าสาดเราเลย อาจเกิดอันตรายได้
ผลปรากฏว่า ทฤษฏีนี้ใช้ไม่ได้ผลกับกลุ่มคนที่มีรอยหยักในสมองน้อย
เพียงแค่เหตุผลว่า เมิงต้องเปียก นี้มันเทศกาลโว้ย (แต่วันนี้ วันที่ 16/04/2557))
(ตรงจุดนี้ อารมณ์ฉุนมาก เลยยกนิ้วให้กล้วยไป (ไม่สมควรทำอย่างยิ่ง)
เพราะอาจเกิดอันตรายต่อตัวเราได้
(ถ้าเค้าขับกระบะ ตามยิง ตามเบียด คงไม่ได้ ออกทริปอีกเป็นแน่)
7.ยังตรงอย่างเดียวเหมือนเดิม ตามทางหลวง 346 (ยังมีอาการร้อนในตัวตลอด แต่ไม่สนใจอะไรมากนัก)
(ตรงนี้ เฉลี่ย 110 นิดๆ เพราะเริ่มอยากถึงไวๆ แต่ไม่กล้าขึ้นเกิน 120 เพราะกลัวเรื่องการเล่นน้ำ)
8.ไปเลี้ยวซ้าย ตรงแยก โรงเรียนพนมทวน
9.ตรงเรื่อยๆ จนเข้าสู่ชุมชนหนองขาว
ร้องได้คำเดียว OMG WTF?
(นี้มันสวรร์ชัดๆ สำหรับคนที่ยังเล่นสงกรานต์)
(แต่มันคือ นรกสำหรับผม เพราะเค้าปิดถนนเล่นกันเลยทีเดียว
เลยต้องวิ่งเข้า ร้านค้า ขอถุงพลาสติก มาห่อหุ้มมือถือ กระเป๋าสตางค์
เทคนิคในการขับช่วงนี้คือ ยกมือขอไม่ให้สาด
แต่อาจจะสื่อสารกันผิด คงนึกว่าผมยกมือเตรียมพร้อมให้สาด
เพราะยังไงก็จะสาด จะเล่น ผมเลยต้องขับเลนกลาง ระหว่างรถสวนกัน
ค่อยๆมุด ประกบฟอร์ทูนเนอร์ ให้ฟอร์ทูนเนอร์ช่วยบังฝั่งซ้าย แต่ก็โดนฝั่งขวา
แต่โชคดีผมโดนน้อยหน่อย
เพราะอาจว่าแต่งเต็มชุด คือ หมวกเต็มใบ เสื้อการ์ด ถุงมือ สนับแข้ง เป้หลังแบบแข็ง และรองเท้าเซฟตี้
ไม่ได้แต่งแบบพร้อมเล่น คือ ไม่ใส่หมวกกันน็อค ใส่หูแตะ ย้อมหัวทอง และเต้นบนรถ ชาวบ้านเลยไม่ค่อยสนใจมากนัก)
(อันนีทั้งเส้น ผมนับเป็นน้ำที่ 3)
(อันนี้ถือว่าพลาดอย่างแรงแบบมากที่สุด เพราะ ขับมาร้อนๆ อยู่ดีๆมาเจอน้ำ ร่างกายเริ่มปรับตัวไม่ทัน)
10.มาถึง สามแยก ตรงตัวเมืองกาญ ที่มีเหมือนหอนาฬิกา ให้เลี้ยวขวา
11.ตรงอย่างเดียว
12.ให้เลี้ยวซ้ายตรงป้ายบอกว่า เลี้ยวไปสะพานข้ามแม่น้ำแคว
ถึงที่หมายเวลา 15.30 โดยประมาณ
สรุป ขาไปโดนไป 3 น้ำ พร้อมกับอาการแปลกๆ
ดังนี้
1.ใจสั่น
2.หัวใจเต้นแรง
3.รู้สึกหวิวๆ
4.มีอาการอ่อนเพลีย เหมือนจะง่วง
5.จุกเสียดร่างกาย
6.เจ็บแปล๊บๆตามที่ต่างๆ เพราะไม่ได้ขยับตัวเท่าไหร่
เริ่มคิดว่า ตัวเราอาจเกิดอาการ ภาวะขาดน้ำ ผสมกับ เพลียแดด
เพราะออกทริปตอนบ่าย2 แดดกำลังเปลี้ยง
และไม่ได้หยุดพักทั้งคนทั้งรถแบบจริงจัง
เพราะคิดว่าแค่ 130 กิโลเอง
และอีกอย่างใช้เวลาขับมาแค่ 1 ชม. นิดด้วย
คิดแค่ว่ายังไงก็ไหว
เลยไปซื้อ กาแฟกิน ให้หายง่วง (อันนี้ถือว่าพลาดอีกอย่าง) (โดนน้ำที่ 4)
และ เครื่องดื่มเกลือแร่ (อันนี้น้ำที่ 5) เพื่อชดเชยเหงื่อที่เสียไป
และน้ำเปล่า อีก 1 ขวด (อันนี้น้ำที่ 6) เพื่อจิบตอนเดินเที่ยวสะพาน
อันนี้รูปเมื่อถึง
และที่สำคัญที่ขาดไม่ได้
ต้องขอบคุณ NCT NoClub Thailand และ LPD Zone วัดลาดปลาดุก
ที่ทำให้ผมหลงไหลในการท่องเที่ยวด้วย 2 ล้อ
ขณะถ่ายรูปอยู่นั้น มีพี่คนหนึ่งได้เดินเข้ามาคุยด้วยเรื่อง ของแต่ง
แว๊บแรกในใจ เกิดความรู้สึกกลัว เรามาคนเดียว เราจะไปเดินเที่ยว เราจะต้องจอดรถที่นี้
เค้าจะมาทำอะไรกับรถเราหรือเปล่า
แต่ผิดคาดครับ ที่พี่เค้าชวนคุยก็เพราะพี่เค้าก็เป็นเจ้าของ 500X เหมือนกัน
และพี่ก็ได้แนะนำเส้นทางไปสู่ น้ำตกเอราวัณ และ เขื่อนศรีนครินทร์ ว่าง่ายนิดเดียว
(ตรงอย่างเดียว)
ผมกราบขออภัยที่คิดกับพี่แบบนั้นในตอนแรก และขอขอบคุณที่ให้ข้อมูลการท่องเที่ยว
อันนี้รถพี่เค้าครับ
(อันนี้แอบถ่ายครับ เพราะพี่เค้าไปไหนไม่ทราบ เลยไม่ได้ขออนุญาติถ่ายรูปรถ)
เลยไปเข็น เจ้าเซ็กเธาว์ มาถ่ายด้วย
(อันนี้ก็แอบถ่ายครับ เพราะยังไม่เจอพี่เค้า)
อันนี้เป็นรูปวิว แต่ถ่ายมาได้น้อย เพราะมือไม้สั่น และรู้สึกหวิวๆครับ
แวะถ่ายรูปที่นี้ประมาณ ครึ่งชั่วโมง
พอเริ่มรู้ตัวว่า ร่างกายมีอาการแปลกๆ อยากแช่น้ำ
ก็วางแพลนว่าจะไป น้ำตกเอราวัณ กับ ถ่ายรูปที่เขื่อนต่อ
(โดยไม่ได้เจียมสังขารตัวเอง)
สตาร์ทรถออกประมาณ 16.00 โดยประมาณ
แต่พอขับมาได้นิดเดียว ฝนได้ตกลงมาก แบบไม่ทันตั้งตัว (อันนี้น้ำที่ 7)
เลยตั้งใจขับหาที่หลบฝน แล้วกลับบ้านเลยดีกว่า
ขณะขับอยู่ในตัวเมืองเผื่อหาที่หลบฝน ปรากฏว่า ฝนได้หยุดตก
(อันนี้ถือโดยความเชื่อส่วนตัวผมถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะว่า สิ่งศักดิ์สิทธ์ ท่านอาจช่วยผม
เกรงว่าผมจะเกิดอันตรายหากไปต่อ เลยดลบันดาลให้ฝนตก ผมจะได้ กลับบ้าน)
ขณะขับเลยตัวเมืองมาหน่อย จอดติดไฟแดง(ติดนานมาก แดดก็ร้อนมากๆ)
ตรงแยกข้ามทางรถไฟ
เริ่มมีอาการหวิวๆ ใจสั่น จะอ้วก สมองสั่งการทันที ว่าถ้าฝืนไปต่อ อาจเกิดอันตรายได้
โชคดีที่ข้างหน้ามีปั้ม มี 7-11
เลยได้แวะ ซื้อน้ำหวานกิน(อันนี้น้ำที่ 8)
ปั้มนี้พักนานถึง ครึ่ง ชั่วโมงกว่าๆ
เพราะอาการใจสั่น ยังไม่ดีขึ้น
พอได้นั่งพักนานๆ เริ่มปวดท้องหนักอยากเข้าห้องน้ำ
แต่ติดตรงที่ว่าสัมภาระเยอะเหลือเกิน ไหนจะเป้ ไหนจะหมวก ไหนจะถุงมือ ไหนจะสนับแข้ง
แถมใส่รองเท้าหุ้มข้อ ทำให้นั่งยองๆ ไม่ถนัดอีก
จะถอดทั้งหมดวางที่รถ ก็กลัวหาย จะเอาเข้าไปด้วย ก็ไม่รู้ว่าจะแบกยังไง
เลยสะกดใจไว้ว่า กลับไปเข้าที่บ้านดีกว่า
(ทำให้อยากติดกล่องหลังและกล่องข้างขึ้นมาทันตา แต่ตอนนี้ยังเก็บเงินได้นิดหน่อยยังซื้อไม่ได้ T_T )
พอนั่งสะกดใจได้สักพัก อาการปวดท้องหนัก ได้ทุเลาลง
แต่เริ่มอยากอาเจียน อันนี้อั้นไม่อยู่จริงๆ อาเจียนไป 3 รอบ
มีแต่กาแฟผสมน้ำหวานออกมา
อาการจุกเสียดกลับมาเล่นงานอีกแถมเหมือนเป็นกรดไหลย้อนเพิ่มมาด้วยอีกต่างหาก
ตอนนี้ถึงขึ้นต้องนั่งดมยาดม และไปซื้อผ้าเย็น มาเช็ดหน้า คอ แขน และลำตัวกันเลยทีเดียว
จนพนักงานในปั๊มต้องเดินมาถามว่าพี่ไหวไหม ก็ตอบไปว่าไหว ขอบคุณมาก
พักจนดีขึ้น ก็สตาร์ทรถไปต่อ แต่ปลดซิปเสื้อการ์ดลงหน่อย
เพื่อให้อากาศได้เข้าไปโดนตัวบ้าง เผื่อจะดีขึ้น
และก็ต้องเตรียมใจยอมรับว่า ต้องเปียกอีกรอบ ตรงขุมชนหนองขาว
แต่พอขับไปถึงก่อนจะเข้าชุมชนหนองขาว ได้มีตำรวจ พร้อมป้าย บอกทางเลี่ยง เพราะข้างหน้ามีเล่นน้ำ
ผมอุทานออกมาเลย Here ทำไมตอนมา ไม่มีป้ายบอก พอตอนกลับ เตรียมใจไว้แล้ว ดันมีป้ายให้เลี่ยง
ก็เลยขับเลี่ยงมา
ตอนนี้ความเร็วขากลับ อยู่ที่ประมาณ 80 เพราะไม่มั่นใจในสภาพร่างกายตัวเอง
ขากลับก็ใช้เส้นทางเดิมครับ
ก่อนมาถึงกำแพงแสน ได้แวะอีก 1 ปั้ม ด้วยสภาพที่อิดโรย
มาเจอ เพื่อนร่วมทางขับ ER6N ก็ได้ ผงกหัวทักทายกัน
ปั้มนี้แวะประมาณ 15 นาที
พอออกจากปั้มมาสักพักเริ่มมีอาการ นิ้วล็อค เพราะกำครัชและคันเร่งเป็นเวลานาน
ไม่ได้เปลี่ยนท่าการขับ ก็ต้องจอดเพื่อยืดเส้นยืดสายแล้วไปต่อ
พอขับมาถึงบางเลน พี่คนที่ขี่ ER ก็ได้าขับตามมาทักทาย ผมก็ได้ยกนิ้วให้
(คราวนี้ยกนิ้วโป้งครับ)
ขับขี่มาเรื่อยๆ พอใกล้ๆถึงบ้าน
อาการปวดท้องหนักกำเริบ
เคยเป็นไหมครับ เวลาใกล้ห้องน้ำ เริ่มจะกลั้นไม่อยู่?
แต่ก็ข่มใจมาเรื่อยๆ
จนถึงบ้านโดยปลอดภัย
พร้อมกับปลดทุกข์หนัก และทุกข์ทางใจออกไป
แต่เริ่มทุกข์ทางกาย
เพราะก็ยังมีหวิวๆอยู่เล็กน้อย
ขากลับใช้เวลาประมาณ 2 ชม.นิดๆ
เลยอยากเตือนเพื่อนๆสมาชิก
หน้าร้อน ไม่จำเป็นอย่าออกทริปช่วงแดดแรงๆ
หากเลี่ยงไม่ได้ ให้พักรถ พักคน บ่อยๆ ดื่มน้ำเยอะๆ
และที่สำคัญ หากมีคนซ้อนอยู่แล้วให้ซ้อนไปด้วยเถอะ อย่าอินดี้แบบผมเลย
เวลาเข้าห้องน้ำจะได้มีคนช่วยดูของ เวลาเราเป็นอะไรจะได้มีคนช่วยดูแล