ผมเป็นนักศึกษาท่านหนึ่งที่จบมาหมาดๆ เกรดก็ไม่ดีเท่าไหร่ เพราะผมเองก็ไม่ได้เรียนในสิ่งที่ชอบ และครอบครัวอยากให้เรียน รวมถึงภาระต่างๆ ก็ยังไม่มี ดังนั้นก็เลยเรียนแบบชิวๆ แต่เพราะกระทู้นี้
http://pantip.com/topic/31919042 ทำให้ผมเองก็เลยอยากได้คำตอบว่าจริงๆ แล้วการตัดเกรดรูประฆังคว่ำมันยุติธรรมจริงๆ หรอครับ รวมทั้งการศึกษาไทยที่ไม่เคยได้มาตรฐาน
สถาบันที่ผมจบปริญญาตรีมาเป็นสถาบันเล็กๆ มีคนเรียนไม่มาก โดยเฉพาะคณะที่ผมจบมาเป็นสายวิทย์ จึงมีคนต่อชั้นปีเพียง 40-50 คน ทำให้รายวิชาที่ต้องเปิดมีน้อย เด็กตกค้างเยอะ (ผมเองก็เรียน 5 ปี) อาจารย์ก็น้อยตามสภาพ ดังนั้นเด็กจบต่อปีในคณะผมก็จึงมีไม่เกิน 60% ผมเองเรียนจบได้ก็บุญครับ 555+

แรกๆ การเรียนปีแรกยังไม่เคร่งเครียดเพราะเรายังใหม่กับสังคมของที่นี่ดังนั้นจึงไม่มีอะไรให้กลุ้มใจ พอขึ้นปีสองขึ้นปีสาม สถาณการณ์กลับตาลปัตร จากฟ้าเป็นเหวครับ เพราะการตัดแบบระฆังคว่ำรวมทั้งสังคมระหว่างอาจารย์กับศิษย์
ผมไม่ได้รับผลโดยตรงเพราะไม่ค่อยได้หยุดเรียนกอปรกับไม่ค่อยทำตัวหวือหวา ดังนั้นบางครั้งจึงเป็นลูกรักบ้างในบางวิชา ทำให้ผลการเรียนก็อยู่ในระดับลุ่มๆ ดอนๆ แต่อย่างที่บอกผมไม่มีภาระทางครอบครัว และการเงิน ดังนั้นการได้ F จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าเคร่งเครียดซักเท่าไหร่ แต่สำหรับเพื่อนผมบางคนต้องรีบจบรีบใช้ทุน ก็ว่ากัน ผมขอเข้าประเด็นเลยนะครับ
1. การให้เกรดระฆังคว่ำ มันวัดระดับได้อย่างไรครับ ในเมื่อข้อสอบที่เป็นอัตนัย มันเป็นการตรวจและให้คะแนนจากอาจารย์ผู้สอน ทั้งๆ ที่บางครั้ง คะแนนเท่ากัน แต่อาจารย์เห็นว่า บางคนไม่รีบจบ ก็เอา D ไปละกัน T T เพื่อนผมเคยโดนแล้ว ก็หกปีไปโดยปริยาย เพียงเพราะวิชาเดียว
2. ในบางวิชาติวมาเหมือนกันตอบเหมือนกันเกินครึ่งห้อง (อันนี้วิชาง่ายจริง อาจารย์สอนเข้าใจ) แต่ต้องตัดแบบระฆังคว่ำ ดังนั้น A มีเพียง 2 คน นอกนั้นเฉลี่ย ไปตามระเบียบ ดังนั้นพอผมกับเพื่อนขอดูข้อสอบถึงกับอึ้งเพราะ ได้คะแนนเท่าแต่อาจารย์บอกว่าต้องตัดตามระเบียบจึงสุ่มกัน (เวรกำ!!)
3. ดังข้อสองที่กล่าวมา มีทุกเกรดดังนั้นจะขาด F ไปได้อย่างไร มีเอฟครับ ไม่น่าเชื่อ บางคนเรียนไม่เก่ง แต่เพราะวิชามันง่าย คนทำได้เยอะ คะแนนเกิน 70 ทุกคน แต่อาจารย์ต้องตัด F ดังนั้นท้ายๆ ที่ได้เกิน 70 ก็ยังตั้งโดนตัด (ตอนแรกอาจารย์บอกตัด F ที่ 60) มาตรฐานอยู่ไหนหว่า
4. การจะจบ ณ ปัจจุบัน ส่วนใหญ่เกรดต้องเกิน 2.00 ดังนั้นที่สถาบันผมก็เช่นกัน ต้องเกินครับ ทำให้เรื่องเส้นสาย การขอเกรดเป็นเรื่องปกติ พอเข้าสู่ฤดูกาลตัดเกรด ก็จะมีนักศึกษาเดินเข้าหาอาจารย์กันเป็นแถว ประเด็นนี้ส่วนหนึ่งผมคิดว่าเพราะอาจารย์ที่สอนกับให้คะแนนเป็นคนเดียวกัน และอีกส่วนหนึ่งก็เพราะมันคุ้นชินกันเป็นประเพณีแล้ว ถึงไม่จะคนละคนกัน ก็เส้นกันอุตลุต
5. มันแปลกหรอครับ ถ้าคนมีตังรีบจบ เพื่อนผมส่วนใหญ่ที่ 5 ปี ก็มีฐานะพออยู่กันหมด พวกที่กู้ กยศ อาจารย์ก็จะดันให้จบๆ กันไปก่อน [เวนกำ บางทีคนที่เรียนอยู่ ไม่เดือดร้อนเรื่องตัง เค้าก็อยากจบนะครับ] เหมือนโดนตัดโอกาส ได้แต่ให้กำลังใจกันไป 555+
6. การมีเรื่องกับอาจารย์ โดยเฉพาะการท้วงติงเรื่องเกรด น่าจะเป็นเรื่องต้องห้าม << ผมว่าอันนี้เป็นประเพณีที่ผิดอย่างแรงครับ ไม่ได้มาตรฐานเลย บางครั้งการขอดูข้อสอบก็อาจจะทำให้อาจารย์ไม่พอใจได้ เวรกำ อันนี้เป็นเรื่องที่ตลกมาก สำหรับฝรั่ง ผมเองก็คิดว่าอาจารย์ควรจะมองว่า ไม่ใช่ศิษย์ไม่เคารพการให้คะแนน แต่เค้าเองก็อยากดูว่าพลาดตรงไหน ถ้าคุณให้คะแนนพลาดก็บอกไปสิ นี่คือกลัวความผิด!?
7. สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ถ้าการคอรัปชั่น(การขอเกรด ยัดใต้โต้ะ ข้อสอบหลุด) ยังเกิดภายในสถานศึกษา เด็กที่จบมาจะมีคุณภาพหรอครับ O_o [เจอกับตัวครับ อาจารย์บางท่านจับทุจริตเก่ง แต่ก็ทำข้อสอบหลุดให้เด็กบางคนบ่อย งงเลยครับ ตกลงต้องการอะไรกันแน่ครับ?]
ดังประเด็นที่กล่าวมาทั้งหมดคือสิ่งที่ผมพบเจอประสบมาต่างๆ ดังนั้นบางทีตามมหาลัยหรือสถาบันใหญ่ๆ อาจจะไม่เจอบางประเด็นที่กล่าวไป แต่ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าต่อไปการศึกษาประเทศไทย ก็ยังเป็นแบบไทยๆ ต่อไปหรอครับ เฮ้อ เชิญวิจารณ์หรือแชร์ประสบการณ์กันตามสบายครับ อาจจะเป็นการบ่นและหาคำตอบแบบเบาๆ ถ้าอาจารย์ท่านไหนมาเห็นก็ขอให้ท่านได้ทบทวนกับสิ่งที่ทำๆ กันอยู่เพราะบางทีเราเองก็อาจจะคิดว่ายุติธรรมแล้ว ไม่มีเด็กมาท้วงติง แต่หากคิดอีกแง่ ก็อย่างที่ว่าครับ จะมีเด็กที่ไหนอยากมีเรื่อง ยกเว้นแต่มหาลัยใหญ่ๆ ที่เป็นข่าวในปัจจุบัน
สุดท้ายนี้ ถ้าน้องๆ คนไหนเจอปัญหาแบบผม ขอให้กำลังใจครับ ผมเองจบมา 2.09 แต่ตั้งแต่จบมาไม่เคยว่างงานเลยครับ เปลี่ยนงานมา 3 ที่แล้ว อาจจะดูว่าโม้ แต่ผมเองไม่ใช่คนที่ขอพ่อแม่กินตลอดชาติครับ การทำงานระหว่างเรียนเป็นหนึ่งในข้อดี(ผมรับงานตั้งแต่ปี 1) ทำให้ผมได้งานในทุกครั้งและเป็นการลบข้อเสียในเรื่องเกรดครับ ปัจจุบันผมได้งานที่ดีเงินเดือนเยอะกว่าเพื่อนที่จบมาก่อนแล้วก็เกรดดีกว่าผมซะด้วยซ้ำ ขอเป็นกำลังใจให้น้องๆ ที่เจอเหตุการณ์แบบผมด้วยครับ ขอบคุณครับ
การตัดเกรดระฆังคว่ำ ยุติธรรมจริงหรือ? คิดอย่างไรกับการศึกษาไทย คอรัปชั่นทุกระดับ O_o
สถาบันที่ผมจบปริญญาตรีมาเป็นสถาบันเล็กๆ มีคนเรียนไม่มาก โดยเฉพาะคณะที่ผมจบมาเป็นสายวิทย์ จึงมีคนต่อชั้นปีเพียง 40-50 คน ทำให้รายวิชาที่ต้องเปิดมีน้อย เด็กตกค้างเยอะ (ผมเองก็เรียน 5 ปี) อาจารย์ก็น้อยตามสภาพ ดังนั้นเด็กจบต่อปีในคณะผมก็จึงมีไม่เกิน 60% ผมเองเรียนจบได้ก็บุญครับ 555+
ผมไม่ได้รับผลโดยตรงเพราะไม่ค่อยได้หยุดเรียนกอปรกับไม่ค่อยทำตัวหวือหวา ดังนั้นบางครั้งจึงเป็นลูกรักบ้างในบางวิชา ทำให้ผลการเรียนก็อยู่ในระดับลุ่มๆ ดอนๆ แต่อย่างที่บอกผมไม่มีภาระทางครอบครัว และการเงิน ดังนั้นการได้ F จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าเคร่งเครียดซักเท่าไหร่ แต่สำหรับเพื่อนผมบางคนต้องรีบจบรีบใช้ทุน ก็ว่ากัน ผมขอเข้าประเด็นเลยนะครับ
1. การให้เกรดระฆังคว่ำ มันวัดระดับได้อย่างไรครับ ในเมื่อข้อสอบที่เป็นอัตนัย มันเป็นการตรวจและให้คะแนนจากอาจารย์ผู้สอน ทั้งๆ ที่บางครั้ง คะแนนเท่ากัน แต่อาจารย์เห็นว่า บางคนไม่รีบจบ ก็เอา D ไปละกัน T T เพื่อนผมเคยโดนแล้ว ก็หกปีไปโดยปริยาย เพียงเพราะวิชาเดียว
2. ในบางวิชาติวมาเหมือนกันตอบเหมือนกันเกินครึ่งห้อง (อันนี้วิชาง่ายจริง อาจารย์สอนเข้าใจ) แต่ต้องตัดแบบระฆังคว่ำ ดังนั้น A มีเพียง 2 คน นอกนั้นเฉลี่ย ไปตามระเบียบ ดังนั้นพอผมกับเพื่อนขอดูข้อสอบถึงกับอึ้งเพราะ ได้คะแนนเท่าแต่อาจารย์บอกว่าต้องตัดตามระเบียบจึงสุ่มกัน (เวรกำ!!)
3. ดังข้อสองที่กล่าวมา มีทุกเกรดดังนั้นจะขาด F ไปได้อย่างไร มีเอฟครับ ไม่น่าเชื่อ บางคนเรียนไม่เก่ง แต่เพราะวิชามันง่าย คนทำได้เยอะ คะแนนเกิน 70 ทุกคน แต่อาจารย์ต้องตัด F ดังนั้นท้ายๆ ที่ได้เกิน 70 ก็ยังตั้งโดนตัด (ตอนแรกอาจารย์บอกตัด F ที่ 60) มาตรฐานอยู่ไหนหว่า
4. การจะจบ ณ ปัจจุบัน ส่วนใหญ่เกรดต้องเกิน 2.00 ดังนั้นที่สถาบันผมก็เช่นกัน ต้องเกินครับ ทำให้เรื่องเส้นสาย การขอเกรดเป็นเรื่องปกติ พอเข้าสู่ฤดูกาลตัดเกรด ก็จะมีนักศึกษาเดินเข้าหาอาจารย์กันเป็นแถว ประเด็นนี้ส่วนหนึ่งผมคิดว่าเพราะอาจารย์ที่สอนกับให้คะแนนเป็นคนเดียวกัน และอีกส่วนหนึ่งก็เพราะมันคุ้นชินกันเป็นประเพณีแล้ว ถึงไม่จะคนละคนกัน ก็เส้นกันอุตลุต
5. มันแปลกหรอครับ ถ้าคนมีตังรีบจบ เพื่อนผมส่วนใหญ่ที่ 5 ปี ก็มีฐานะพออยู่กันหมด พวกที่กู้ กยศ อาจารย์ก็จะดันให้จบๆ กันไปก่อน [เวนกำ บางทีคนที่เรียนอยู่ ไม่เดือดร้อนเรื่องตัง เค้าก็อยากจบนะครับ] เหมือนโดนตัดโอกาส ได้แต่ให้กำลังใจกันไป 555+
6. การมีเรื่องกับอาจารย์ โดยเฉพาะการท้วงติงเรื่องเกรด น่าจะเป็นเรื่องต้องห้าม << ผมว่าอันนี้เป็นประเพณีที่ผิดอย่างแรงครับ ไม่ได้มาตรฐานเลย บางครั้งการขอดูข้อสอบก็อาจจะทำให้อาจารย์ไม่พอใจได้ เวรกำ อันนี้เป็นเรื่องที่ตลกมาก สำหรับฝรั่ง ผมเองก็คิดว่าอาจารย์ควรจะมองว่า ไม่ใช่ศิษย์ไม่เคารพการให้คะแนน แต่เค้าเองก็อยากดูว่าพลาดตรงไหน ถ้าคุณให้คะแนนพลาดก็บอกไปสิ นี่คือกลัวความผิด!?
7. สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ถ้าการคอรัปชั่น(การขอเกรด ยัดใต้โต้ะ ข้อสอบหลุด) ยังเกิดภายในสถานศึกษา เด็กที่จบมาจะมีคุณภาพหรอครับ O_o [เจอกับตัวครับ อาจารย์บางท่านจับทุจริตเก่ง แต่ก็ทำข้อสอบหลุดให้เด็กบางคนบ่อย งงเลยครับ ตกลงต้องการอะไรกันแน่ครับ?]
ดังประเด็นที่กล่าวมาทั้งหมดคือสิ่งที่ผมพบเจอประสบมาต่างๆ ดังนั้นบางทีตามมหาลัยหรือสถาบันใหญ่ๆ อาจจะไม่เจอบางประเด็นที่กล่าวไป แต่ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าต่อไปการศึกษาประเทศไทย ก็ยังเป็นแบบไทยๆ ต่อไปหรอครับ เฮ้อ เชิญวิจารณ์หรือแชร์ประสบการณ์กันตามสบายครับ อาจจะเป็นการบ่นและหาคำตอบแบบเบาๆ ถ้าอาจารย์ท่านไหนมาเห็นก็ขอให้ท่านได้ทบทวนกับสิ่งที่ทำๆ กันอยู่เพราะบางทีเราเองก็อาจจะคิดว่ายุติธรรมแล้ว ไม่มีเด็กมาท้วงติง แต่หากคิดอีกแง่ ก็อย่างที่ว่าครับ จะมีเด็กที่ไหนอยากมีเรื่อง ยกเว้นแต่มหาลัยใหญ่ๆ ที่เป็นข่าวในปัจจุบัน
สุดท้ายนี้ ถ้าน้องๆ คนไหนเจอปัญหาแบบผม ขอให้กำลังใจครับ ผมเองจบมา 2.09 แต่ตั้งแต่จบมาไม่เคยว่างงานเลยครับ เปลี่ยนงานมา 3 ที่แล้ว อาจจะดูว่าโม้ แต่ผมเองไม่ใช่คนที่ขอพ่อแม่กินตลอดชาติครับ การทำงานระหว่างเรียนเป็นหนึ่งในข้อดี(ผมรับงานตั้งแต่ปี 1) ทำให้ผมได้งานในทุกครั้งและเป็นการลบข้อเสียในเรื่องเกรดครับ ปัจจุบันผมได้งานที่ดีเงินเดือนเยอะกว่าเพื่อนที่จบมาก่อนแล้วก็เกรดดีกว่าผมซะด้วยซ้ำ ขอเป็นกำลังใจให้น้องๆ ที่เจอเหตุการณ์แบบผมด้วยครับ ขอบคุณครับ