คุณเคยคิดไหมว่าคุณเป็นคนพิเศษ ?

ที่จริง จขกท. ไม่แน่ใจระหว่างอยากจะเป็นคนเก่ง คนดี เป็นพิเศษ หรือ แค่อยากจะเป็นคนพิเศษของใครบ้างคนกันแน่ ตอนนี้ชีวิตก็ดำเนินมาจนอายุ 33 ปีแหละ ยังคงค้นหาคำตอบให้ชีวิตตัวเองไม่จบสิ้นซะทีว่าตัวเองจะทำอะไรดี ชีวิตมันเหมือนลอยมาเรื่อยๆๆ เรียนหนังสือ เอ็นติด เรียนมหาลัย มีแฟน ทำงาน เลิกกับแฟน เปลี่ยนงาน เปลี่ยนแฟน ลองเปิดร้านขายของ เลิกกิจการ (เพราะคิดว่าที่ทำไปมันไม่ใช่ตัวเอง) กลับมาทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนต่อ ด้วยความเคว้งคว้าง มีบ้าน มีรถ เป็นของตัวเอง เงินเดือนก็เกือบ 5 หมื่น เลี้ยงดูตัวเองสบายๆ ดูแลพ่อแม่ (ทำกับข้าวกินกันวันหยุด พาไปเที่ยว พาไปทำกิจกรรมต่างๆตามที่ท่านชอบ) แต่จิตใจว่างเปล่า

มีใครมีคำแนะนำไหมคะว่า เราควรทำยังไงให้เรารู้สึกว่าขีวิตเรามีความหมาย มีเป้าหมาย อยากเดินไปข้างหน้า ทุกวันนี้แฟนไม่มี เพื่อนเหลือแค่ที่สนิท 3 - 4 คน คนที่ไม่สนิทด้วยบอกเลยว่าเราไม่ได้สนใจคนอื่นๆ นอกจากพ่อแม่ และเพื่อนสนิทเราเท่านั้น แฟนก็นะ ทำใจไปแล้วว่าไม่อยากแต่งงาน แม้นว่าจะมีคนเข้ามาจีบ แต่เราคงกลัวว่าทุกคนก็เหมือนกันคบไปก็เจ็บ  แก่แล้วด้วยมั้ง ผู้ชายที่เข้ามามีแต่ประเภทมีลูก บางรายเมียก็ยังมีอยู่ ไม่รู้หน้าตาเรามันบ่งบอกตรงไหนว่าอยากเป็นเมียน้อย สรุปเลยเชิดใส่รวดเดียว ยาววววววกันไป

โดยรวมเรามันคงเป็นแค่คนธรรมดาที่ยอมรับไม่ได้ว่าตัวเองเป็นแค่คนธรรมดา เลยไขว่คว้าหาทางทำให้ตัวเองเป็นคนพิเศษ เช่น อยากมีกิจการเป็นของตัวเอง เป็นกิจการประเภทที่แปลกแตกต่าง แต่ทำรายได้มากมาย และในขณะเดียวกัน ก็ยอมรับตัวเองไม่ได้ว่า ตัวเองเป็นคนที่อยากจะมีคนมาทำให้ตัวเองรู้สึกพิเศษ เอาแต่ปิดกั่น และไม่เปิดรับคนอื่น เอาแต่ปักธงไปว่าจะไม่แต่งงานแล้ว ทั้งๆที่ในใจอยากจะเป็นแม่บ้าน ดูแลคนที่ตัวเองรัก อยากจะสร้างครอบครัวที่มีความสุข

เอาเป็นว่าขอบคุณนะคะที่บางคนอุตส่าห์ผ่านเข้ามาอ่าน บางคนอุตส่าห์ผ่านเข้ามาตอบ (ขอบคุณล่วงหน้าเลย)
นานาขอบคุณ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
สำหรับคำถาม ผมไม่เคยมีความคิดว่าตัวเองพิเศษนะครับ มีแต่คนอื่นคิดว่าเราพิเศษ
อันนี้มันเกิดจากที่ทำงานที่เราทำงานตั้งใจทำงานได้ดีจนเจ้านายโปรโมทเราเรื่อยๆ จนเราเป็นศูนย์กลางของทุกๆเรื่อง

สำหรับปัญหาของคุณผมว่าพื้นฐานของปัญหาคือคุณไม่รู้จะทำอะไร ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรเลยรู้สึกกลวงๆอยู่ในใจ

จากข้อมูลที่ให้มาผมเดาว่าคุณมีการศึกษาสูงและมีความสามารถในระดับหนึ่งเลยล่ะ.
ทำงานประจำอายุขนาดนี้ ถือว่าไม่นัอยแต่ก็ไม่ได้มากนักเมื่อเทียบกับคนที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตและหน้าที่การงาน. จะว่าเลเวลต่ำก็ไม่ต่ำจะว่าสูงก็ไม่สูง ดูกั๊กๆและลังเลในชีวิต

คุณไม่มีแรงขับในการทำงานของคุณ และไม่มีแรงขับในการทำเรื่องอื่นๆด้วยเพราะคุณไม่มีเป้าหมายในชีวิตที่เป็นรูปธรรม
คำถามง่ายๆครับที่ผมจะถามน้องๆที่ทำงานเสมอคือ คุณวาดภาพตัวเองในอีก10 ปีข้างหน้าเป็นยังไง  
ตอนนี้ 33 ก็ลองคิดว่าอายุ 40-43 เราอยากเป็นอะไรทำอะไรอยู่ครอบครัวเป็นยังไง
แล้วกลับมาคิดต่อว่าแล้วถ้าอย่างนั้นใน10 ปีนี้เราควรทำอะไรบ้าง.

เมื่อคุณมีเป้าหมาย คุณจะกำหนดวิธีการ มีแผนระยะสั้น กลาง ยาว แล้วคุณจะรู้ว่าคุณไม่มีเวลาว่างเพราะคุณตัองทำนั่นนู่นนี่เต็มไปหมด คุณจะทุ่มพลังและเวลาไปกับเรื่องต่างๆเพื่อบรรลุเป้าหมายนั้นและคุณจะไม่รู้สึกอย่างนี้

เช่น บางคนอยากดูแลพ่อแม่ แต่พ่อแม่อยู่ตจว. และอีก10 ปีข้างหน้าพ่อแม่ก็คงแก่เฒ่ามากทำงานไม่ไหว พอมีที่ทางอยู่บ้าง แค่นี้ก็จะไกล้ได้คำตอบแล้วครับ เหลือแค่วิธีการเท่านั้น เพราะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขในชีวิตคุณ เช่นเก็บเงินสักก้อนเพื่อเป็นทุนกลับตจว. ไปทำกิจการสักอย่างดูแลพ่อแม่ เมื่อใกล้ถึงเวลา สถานการณ์ก็จะบอกคุณอีกทีว่าควรไปทำอะไร

สรุป สำคัญที่เป้าหมายในชีวิตคุณครับ ลองกลับไปคิดดูด้วยคำถามง่ายๆอย่างที่ว่า แต่ละก็จะแตกต่างไปบางคนก็ง่ายๆไม่ซับซ้อน บางคนก็ซับซ้อนมาก

สำหรับผม ปัจจุบันอายุ 35 เมื่อ 10 ปีที่แล้วก็ถามอย่างนี้กับตัวเอง คำตอบคือ อยากเป็นคนรวยที่มีความสุข
คำว่ารวยอันนี้คำตอบง่ายมากคือ เงิน
คำว่าความสุขนี่สิ ตีโจทย์อยู่หลายปีจนได้คำตอบว่าเราอยากมีครอบครัว อยากให้ครอบครัวเราอยู่ดีมีสุข เลี้ยงดูพ่อแม่ให้ไม่ต้องลำบาก
ให้ท่านอยู่เลี้ยงหลานอย่างมีความสุข ผมพบว่าจะมีความสุขเมื่อคนรอบข้างเรา ครอบครัวเรามีความสุข เมื่อพบแล้วก็ง่าย

วิธีการก็คือ ตั้งใจทำงาน ซื่อสัตย์สุจริต เป็นคนดี หน้าที่การงานก็ดีตาม ทำให้ครอบครัวภูมิใจ
เรียนป.โทเพิ่มเพื่อหาความรู้ ส่งเสริมทักษะตัวเอง
พบคนที่พร้อมจะเดินไปกับเราก็รักษาไว้ ทำให้พ่อแม่เค้ามั่นใจได้ว่าเค้าจะไม่เลือกคนผิด
หากิจกรรม-งานอดิเรก ที่เราชอบ และส่งเสริมทักษะให้เรา เช่นผมชอบอ่านหนังสือและเที่ยว ดังนั้นจะออกไปเที่ยวตจว.บ่อยๆ
นอนรีสอร์ทกับหนังสือดีๆสักเล่ม ได้พาพ่อแม่เที่ยวด้วย ว่าที่ภรรยาไปด้วยก็ไม่น่าเกลียดเพราะพ่อแม่เราไปด้วย หนังสือดีๆก็จะมีสาระแฝงอยู่ในนั้น
ทำงานก็ช่วยเหลือคนอื่นถือเป็นเรื่องที่เราไม่ควรเพิกเฉย เพื่อนร่วมงาน เจ้านาย ลูกน้องทุกคนก็แฮปปี้กับเรา เราก็เจริญก้าวหน้า เงินทองก็ตามมาความสุขก็ตามมา

สำคัญที่เป้าหมายครับ ลองพิจารณาดูครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่