สุดยอดทัศนคติจากยอดกัปตันทีม...เจอราร์ด

Liverpool captain Steven Gerrard has told his team-mates they must all treat Sunday's Premier League match against Norwich City "like it's the last game of our careers".

The Reds will head to Carrow Road after claiming an emotional 3-2 victory over title rivals Manchester City on Sunday, and Gerrard wants them to treat the game against the relegation-haunted Canaries with the same importance.

The England captain has also evoked the spirit of Liverpool's famous Champions League final comeback against AC Milan in Istanbul in 2005, when they trailed 3-0 at half-time before eventually winning on penalties.

"We have to treat Norwich like we treated AC Milan in 2005," said Gerrard.

"We have to forget what colour their kit is and the personnel wearing it and treat them as the best players in the world.

"We have to forget where we are and forget what we've done. We have to prepare for Norwich like it's the last game of our careers.

"Every game is going to get bigger and bigger because we are getting close to that last game of the season.

"Of course Man City was always going to be huge at Anfield because they are in the race with us but Norwich now become Man City, Norwich now become Chelsea, Manchester United - that's how big it is."

The victory over City was Liverpool's 10th successive league win and kept them two points clear of Chelsea at the top of the table with four games remaining.

"You get nothing for 10 successive league wins apart from a pat on the back, and we've had plenty of those," said Gerrard.

"What is key as a footballer is getting something to show for all the hard work - we could go and win 13 in a row and lose the last one and we won't get anything, no one will remember it.

"The only thing people will remember is if we go on to achieve what we all want."

Credit : http://www.teamtalk.com/liverpool/9266310/Premier-League-Liverpool-s-Steven-Gerrard-stresses-importance-of-Norwich-game

.................................................................................................................................................................................................

ผมเป็นอดีตแฟนทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดอย่างเหนียวแน่นตั้งยุครอน แอ๊ตกินสัน จนกระทั่งถึงยุคของเซอร์อเล็กซ์ในปีที่ได้ทริเปิลแชมป์ 1999 ก็เริ่มรู้สึกอิ่มตัว มีแบ่งใจไปตามเอาใจช่วยไบรอัน ร็อบสันที่เริ่มชีวิตผู้จัดการทีมมิเดิลสโบรช์อีกด้วย แล้วที่สุดก็ปีที่แมนยูได้แชมป์ลีกสมัยที่ 18 ซึ่งเท่ากับสถิติของลิเวอร์พูลไปแล้วก็เลยคิดว่าลองตามลุ้นทีมอื่นดูบ้าง บางปีเอาใจช่วยอาร์เซนอลกับสเปอร์พร้อมๆกัน  จนกระทั่งแบรนดัน ร็อดเจอร์สเสนอแผนงานให้กับกลุ่ม FSG ผมถึงลองติดตามผลงานดูอย่างจริงจัง ยิ่งติดตามก็ยิ่งชอบทีมนี้จนถึงขั้นเอาใจช่วยไปเลย

ปีนี้ลิเวอร์พูลคือปรากฏการณ์ที่น่าเอาใจช่วยเชียร์มากเพราะเป็นทีมที่เล่นสนุกมาก สามารถเอาตัวเองขึ้นไปเทียบระดับกับทีมที่ทุ่มทุนมหาศาลได้อย่างไม่มีอาการคร้ามกลัวแม้แต่น้อย สปิริตแบบนี้เองที่ชนะใจผมได้เด็ดขาดจนตามอยู่ทีมเดียวในปีนี้ ยิ่งใกล้จบฤดูกาลยิ่งตามเชียร์ตามอ่านกระทู้จนถามตัวเองแบบงงๆว่าคนอายุ 50 กว่าๆอย่างผมทำไมถึงยอมเสียเวลางานบางส่วนให้กับเรื่องแบบนี้ได้

2-3 นัดหลังๆเห็นกระทู้อวยชัยให้พรกัปตันทีมมากมายก็ไม่รู้สึกหมั่นไส้เหมือนที่เคยรู้สึกกับวีรบุรุษนักเตะบางคนที่เคยถูกยกย่องกันนักหนา ตรงกันข้าม กลับพลอยอยากเอาใจช่วยไปด้วย แต่ด้วยการติดตามอ่านกระทู้ไปเรื่อยๆโดยไม่แสดงความเห็นอะไรเลยในห้องนี้ แม้แต่กระแสชื่นชมปฏิกิริยาหลังแมทช์ชนกับแมนฯซิตี้ที่หลายคนบอกว่าน้ำตาไหล ผมก็อ่านตามไปด้วยความรู้สึกชื่นชมปรกติ

จนกระทั่งไปเปิดเจอคำพูดของสตีวี่ในข่าวนี้ของเว็บ teamtalk หน้าเฉพาะของลิเวอร์พูลที่ตามอ่านอยู่บ่อยๆ เล่นเอาถึงกับอึ้งพร้อมรู้สึกในใจว่านี่คือคำพูดของยอดคนแท้ๆคนหนึ่งจริงๆ

"We have to treat Norwich like we treated AC Milan in 2005,"......คำพูดที่บอกลูกทีมให้มองว่านอริช ซิตี้คือทีมระดับเดียวกับเอซี.มิลานนั้น แสดงถึงจิตใจที่ไม่ประมาทพร้อมกับให้เกียรติยกย่องคู่แข่งไปพร้อมๆกัน

"You get nothing for 10 successive league wins apart from a pat on the back, and we've had plenty of those," said Gerrard.....ถึงจะชนะติดต่อกัน 10 นัดเราก็ยังไม่ได้อะไรจริงๆนอกจากการตบไหล่ชมเชย ซึ่งเราก็ได้มาแล้วหลายครั้ง

ยังมีอีกหลายประโยคในบทสัมภาษณ์นี้ที่ทำให้อึ้งไปกับความมุ่งมั่นที่อยู่บนพื้นฐานของความไม่หยิ่งผยองของคนที่กำลังกุมความได้เปรียบไว้ในมือตามสายตาของคนทั่วไปแม้กระทั่งบ่อนพนัน เขาแสดงทั้งความมั่นใจและความฮึกเหิมโดยไม่เจือปนความประมาทแม้แต่น้อย แล้วก็ไม่ใช่แค่พูดเอาเท่ๆ แต่พยายามเตือนลูกทีมให้รู้สึกเหมือนกันไปพร้อมกันด้วย จึงไม่สงสัยเลยว่าทำไมลูกทีมของเขาจึงให้ความเคารพกัปตันขนาดนี้

และคำพูดทั้งหมดในการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ผมอ่านไปพร้อมๆกับบทสัมภาษณ์ของปีเตอร์ เช็คผู้รักษาประตูของเชลซีที่พูดในเชิงพยายามโยนความกดดันให้กับลิเวอร์พูล ผมได้เห็น "บุคลิก" ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนของผู้เล่นสำคัญของ 2 ทีมนี้

ยิ่งตามยิ่งรู้สึกยกย่องสตีเว่น เจอราร์ดมากขึ้นเรื่อยๆ...คนๆนี้ยิ่งใหญ่มากว่าแค่เป็นกัปตันทีมที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานอย่างลิเวอร์พูล จากมุมมองส่วนตัวของผมจึงยกให้เขาเหนือกว่า Captain Marvel : Brian Robson ไปแล้วในวันนี้ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ผมเห็นแค่ฟร้านซ์ แบคเค่นบาวร์คนเดียวที่เหนือกว่าร็อบสันตามความรู้สึกมาตลอดหลายสิบปี
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  พรีเมียร์ลีก สโมสรฟุตบอลอังกฤษ
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่