ถ้าคุณเป็น "หนี้" ขนาดนี้ จะจัดการ มันยังไงคะ

เงินเดือน หักค่าต่างๆแล้ว ได้ประมาณ 35,000 บาท
เงินพิเศษ ค่าคอมฯ อีก ปีละประมาณ 50,000 หรือมากกว่า แล้วแต่ผลประกอบการ (แต่ไม่เกิน 100,000)

คอนโดฯ ห้อง เล็กๆ 2.2 ล้าน ติดสุขุมวิท + รถไฟฟ้า

หนี้สิน ผ่อนคอนโดฯ + ค่าส่วนกลาง + ค่าน้ำไฟ เดือนละ 20,000
หนี้บัตรเครดิต (เกิดจากหนี้สะสม ตั้งแต่ทำงาน แต่งงาน มีลูก เรียนโทฯต่อ มาดาวน์คอนโดฯ) รวม ณ ปัจจุบัน ประมาณ 300,000
ทุกเดือน ตอนนี้ คือจ่ายแต่ดอกเบี้ย แต่ละบัตร (มี 6 บัตร)
มีรถเก๋ง 1 คัน อายุก็ 10 ปีแล้ว

เพราะเงินเดือนออก ก็ถูกตัดเป็นค่าผ่อนคอนโดฯ ที่เหลือ กิน อยู่ในสังคมเมือง กทม.
ไม่เคยเหลือ ส่งให้ลูก เมีย
แต่หนี้ไม่เคยลด มีแต่เพิ่ม คิดว่า มันจะหมดไปกับอะไร หรือจะแก้ไข อะไรได้บ้างคะ
เริ่มจากตรงไหน ที่จะทำให้คนเป็นหนี้ ยอม เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม จนปลดหนี้ก้อนนี้ได้คะ
เอาก้อน บัตรเครดิตก่อน พอจะมีวิธีชีแนะมั้ยคะ
ขอบคุณมากคะ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 30
เอางี้ครับ
มาดูอัตราดอกเบี้ยของเจ้าหนี้แต่ละรายกันดีกว่า
ไล่ตั้งแต่ดอกเบี้ยแรงสุด ไปหาอ่อนสุด
1. เจ้าหนี้บัตรกดเงินสด หรือบัตรสินเชื่อบุคคล ถ้าไม่ชำระเต็มจำนวน คือ ชำระขั้นต่ำ อัตราดอกเบี้ย 28% ทบต้นทบดอก
2. เจ้าหนี้บัตรเครดิต ถ้าไม่ชำระเต็มจำนวน คือ ชำระขั้นต่ำ อัตราดอกเบี้ย 20% ทบต้นทบดอก
เจ้าหนี้บัตรกดเงินสด และบัตรเครดิต มีค่าติดตามทวงถาม อีกครั้งละ 260 บาท + VAT 7% =278.20 บาท
3. เงินกู้ธนาคาร/สินเชื่อเคหะ ผ่อนบ้าน/คอนโด อัตราดอกเบี้ย MLR แล้วแต่ธนาคาร มีตั้งแต่ 6.75 - 7.40% ลดต้นลดดอก
จะเห็นได้ว่า อัตราดอกเบี้ยธนาคารต่ำกว่าบัตรกดเงินสดและบัตรเครดิตมากกกก...
จึงเป็นที่มาของคำแนะนำให้ชำระหนี้บัตรให้หมดโดยเร็ว และต้องหยุดก่อหนี้บัตรทันที ตัดบัตรทิ้งไปเลยได้ยิ่งดี
มีหนังสือของฝรั่งเขียน เค้าเรียกบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด ว่า "บัตรหนี้สิน" ครับ
ส่วนการหยุดชำระหนี้บัตร แล้วรอเจ้าหนี้ฟ้องศาลเพื่อประนอมหนี้ ขอบอกว่า ไม่สามารถประนอมหนี้ได้ทุกบัตรนะครับ
คนใกล้ตัวผมเจอมาแล้ว คือ บัตรกดเงินสด UOB ซึ่งก็รวมทั้งบัตรเครดิต UOB ด้วย
และการหยุดชำระหนี้บัตร มันไม่ได้หยุดดอกเบี้ยนะครับ ดอกเบี้ยมันยังคงบานสะพรั่งต่อไป ไม่หยุด
ซึ่งมันจะท่วมเงินต้นได้ในระยะเวลาสั้น ๆ ตามความแรงของอัตราดอกเบี้ยครับ
กรณีคำนวณได้ด้วย กฎ 72 คือ เอา 72 ตั้ง หารด้วยอัตราดอกเบี้ย ผลลัพธ์คือระยะเวลา(ปี) ที่ดอกเบี้ยจะบานเท่าเงินต้น
บัตรกดเงินสด 28% เอา 72 ตั้ง หารด้วย 28 = 2.57
ถ้าคุณหยุดชำระหนี้บัตรกดเงินสด เพียง 2 ปีครึ่ง ดอกเบี้ยจะท่วมเงินต้น
เช่น เงินต้น 50,000 บาท ดอกเบี้ยก็จะบานเป็น 50,000 บาท รวมเป็นหนี้จำนวน 100,000 บาท ในเวลาเีพียง 2 ปีครึ้งเ่ท่านั้น
บัตรเครดิต 20% เอา 72 ตั้ง หารด้วย 20 = 3.6
ถ้าคุณหยุดชำระหนี้บัตรเครดิต เพียง 3 ปีครึ่ง ดอกเบี้ยจะท่วมเงินต้นเช่นเดียวกันบัตรกดเงินสด
นี่จึงเป็นที่มาของคำแนะนำให้โอนหนี้ไปเป็นเงินกู้ธนาคาร ซึ่งจะได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าบัตรหนี้สินทั้งหลาย

สุดท้ายนี้ ขออวยพรให้ จขกท. (หรือคนใกล้ตัว) เอาชนะปัญหาหนี้สินไปให้ได้นะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่