สืบเนื่องจากกระทู้เมื่อวาน
http://pantip.com/topic/31913412
สาเหตุที่ตั้งกระทู้นี้ก็เพราะว่า
คือตอนนี้เราอายุสามสิบต้นๆ เป็นอาจารย์ภาษาจีน(จ้างแบบพนักงานมหาวิทยาลัยงบแผ่นดิน) เราเคยขอทุนไปเรียนต่อปริญญาโทภายใต้โครงการ MOU ของมหาวิทยาลัยกับมหาวิทยาลัยที่จีน เมื่อปี 2548 ใช้เวลาเรียน 3 ปี จบปี 2551 ชดใช้ทุนหกปี(คิดเป็นสองเท่าของเวลาเรียน) ตอนนี้เหลือเวลาอีกสามเดือนเราก็ชดใช้ทุนหมดแล้ว ตลอดเวลาที่ทำงานเป็นอาจารย์ก็รู้สึกว่าชอบอาชีพนี้เพราะเป็นคนที่ชอบสอนหนังสือ เห็นคนรอบข้างมีความรู้แล้วสุขใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ช่วงหลังๆ ยิ่งอยู่นานยิ่งรู้สึกเบื่อหน่ายกับคำว่า"การจ้างงานแบบพนักงานมหาวิทยาลัย" แต่ความรู้สึกที่ชอบสอนและให้ความรู้นักศึกษาก็ยังมีอยู่เหมือนเดิม
กลางปีนี้ ระยะเวลาที่เราชดใช้ทุนปริญญาโทก็จะหมดลง จึงทำให้เราเกิดความรู้สึกลังเลใจกับความมั่นคงในอาชีพ ทางมหาวิทยาลัยเสนอให้เราเรียนต่อระดับปริญญาเอกภาษาจีนอีกเพื่อพัฒนาความรู้ให้สูงขึ้น แต่มีเงื่อนไขเรื่องการชดใช้ทุนเหมือนเดิม เราจึงลังเลใจที่จะเรียนต่อเพราะเมื่อไม่นานมานี้มีพนักงานมหาวิทยาลัยรุ่นก่อนหน้าเรา งานวิชาการไม่ผ่านการประเมิน อาจารย์หลายคนก็ตกอยู่ในสภาพที่ไม่มั่นคงในอาชีพเพราะมหาวิทยาลัยกำหนดการต่อสัญญาจ้างไว้เป็นระยะๆ คือ ระยะสุดท้ายต้องมีตำแหน่งทางวิชาการผศ.หรือรศ.ในวิชาที่ตัวเองจบมาด้วยวุฒิการศึกษาสูงสุด พนักงานมหาวิทยาลัยที่ต้องมีวาระการจ้างงานระยะสุดท้ายก็ยังไม่ได้ตำแหน่งวิชาการ มหาวิทยาลัยจึงให้ทำเรื่องผ่อนผันได้ 1-2 ปี ท้ายที่สุดก็จะถูกเลิกจ้าง
แต่ในทางกลับกันก็มีหลายเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าสมมุติว่ามีอาจารย์พนักงานบางท่านได้ตำแหน่งวิชาการแล้ว ทางมหาวิทยาลัยจะให้ค่าตำแหน่งวิชาการเต็มจำนวนหรือไม่ ก็ไม่มีผู้บริหารมหาวิทยาลัยมายืนยันเพราะเป็นเรื่องของอนาคต อาจารย์บางคนที่เป็นพนักงานมหาวิทยาลัยที่จบป.เอก มีความรู้ทำผศ.รศ.ได้ ก็ดันถูกกลั่นแกล้งด้วยวิธีการต่างๆ ที่ไม่ให้ได้ตำแหน่งวิชาการ บางครั้งก็มีการอ้างว่าตำแหน่งผศ.รศ.ของมหาวิทยาลัยไม่เหมาะสำหรับภาควิชาที่มีผู้เรียนน้อย เพราะไม่คุ้มกับการลงทุนของมหาวิทยาลัย
ถ้าเราเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยที่จ้างแบบข้าราชการ เราจะไม่ลังเลใจที่จะไปเรียนป.เอกแน่นอน แต่เราเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยจึงทำให้การตัดสินใจของเราต้องคิดซับซ้อนและต้องคิดให้รอบคอบมากขึ้น
เรามองว่า หลังจากที่ไทยเข้าสู่ประชาคมอาเซี่ยน งานราชการที่เกี่ยวกับภาษาจีนคงมีการเปิดสอบบรรจุมากขึ้น ในช่วง 2-3 ปีนี้เราจึงไม่อยากให้ตัวเองต้องมีภาระผูกพันด้านการเงินกับมหาวิทยาลัย เพราะเราคิดว่าจะลองสอบบรรจุข้าราชการในตำแหน่งที่เกี่ยวกับภาษาจีนดู ถึงแม้ว่าเราจะจบป.โท แต่ถ้ามีการเปิดรับบรรจุวุฒิปริญญาตรีที่เป็นข้าราชการภาษาจีนที่ฐานเงินเดือนไม่มากนัก ความรู้สึกตอนนี้เราก็จะขอเลือกการเป็นข้าราชการ
อาจารย์พนง.มหาวิทยาลัย (จบป.โทหรือป.เอกภาษาจีน) และข้าราชการ(จบป.ตรีภาษาจีน) อาชีพไหนมั่นคงกว่ากัน
สาเหตุที่ตั้งกระทู้นี้ก็เพราะว่า
คือตอนนี้เราอายุสามสิบต้นๆ เป็นอาจารย์ภาษาจีน(จ้างแบบพนักงานมหาวิทยาลัยงบแผ่นดิน) เราเคยขอทุนไปเรียนต่อปริญญาโทภายใต้โครงการ MOU ของมหาวิทยาลัยกับมหาวิทยาลัยที่จีน เมื่อปี 2548 ใช้เวลาเรียน 3 ปี จบปี 2551 ชดใช้ทุนหกปี(คิดเป็นสองเท่าของเวลาเรียน) ตอนนี้เหลือเวลาอีกสามเดือนเราก็ชดใช้ทุนหมดแล้ว ตลอดเวลาที่ทำงานเป็นอาจารย์ก็รู้สึกว่าชอบอาชีพนี้เพราะเป็นคนที่ชอบสอนหนังสือ เห็นคนรอบข้างมีความรู้แล้วสุขใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ช่วงหลังๆ ยิ่งอยู่นานยิ่งรู้สึกเบื่อหน่ายกับคำว่า"การจ้างงานแบบพนักงานมหาวิทยาลัย" แต่ความรู้สึกที่ชอบสอนและให้ความรู้นักศึกษาก็ยังมีอยู่เหมือนเดิม
กลางปีนี้ ระยะเวลาที่เราชดใช้ทุนปริญญาโทก็จะหมดลง จึงทำให้เราเกิดความรู้สึกลังเลใจกับความมั่นคงในอาชีพ ทางมหาวิทยาลัยเสนอให้เราเรียนต่อระดับปริญญาเอกภาษาจีนอีกเพื่อพัฒนาความรู้ให้สูงขึ้น แต่มีเงื่อนไขเรื่องการชดใช้ทุนเหมือนเดิม เราจึงลังเลใจที่จะเรียนต่อเพราะเมื่อไม่นานมานี้มีพนักงานมหาวิทยาลัยรุ่นก่อนหน้าเรา งานวิชาการไม่ผ่านการประเมิน อาจารย์หลายคนก็ตกอยู่ในสภาพที่ไม่มั่นคงในอาชีพเพราะมหาวิทยาลัยกำหนดการต่อสัญญาจ้างไว้เป็นระยะๆ คือ ระยะสุดท้ายต้องมีตำแหน่งทางวิชาการผศ.หรือรศ.ในวิชาที่ตัวเองจบมาด้วยวุฒิการศึกษาสูงสุด พนักงานมหาวิทยาลัยที่ต้องมีวาระการจ้างงานระยะสุดท้ายก็ยังไม่ได้ตำแหน่งวิชาการ มหาวิทยาลัยจึงให้ทำเรื่องผ่อนผันได้ 1-2 ปี ท้ายที่สุดก็จะถูกเลิกจ้าง
แต่ในทางกลับกันก็มีหลายเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าสมมุติว่ามีอาจารย์พนักงานบางท่านได้ตำแหน่งวิชาการแล้ว ทางมหาวิทยาลัยจะให้ค่าตำแหน่งวิชาการเต็มจำนวนหรือไม่ ก็ไม่มีผู้บริหารมหาวิทยาลัยมายืนยันเพราะเป็นเรื่องของอนาคต อาจารย์บางคนที่เป็นพนักงานมหาวิทยาลัยที่จบป.เอก มีความรู้ทำผศ.รศ.ได้ ก็ดันถูกกลั่นแกล้งด้วยวิธีการต่างๆ ที่ไม่ให้ได้ตำแหน่งวิชาการ บางครั้งก็มีการอ้างว่าตำแหน่งผศ.รศ.ของมหาวิทยาลัยไม่เหมาะสำหรับภาควิชาที่มีผู้เรียนน้อย เพราะไม่คุ้มกับการลงทุนของมหาวิทยาลัย
ถ้าเราเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยที่จ้างแบบข้าราชการ เราจะไม่ลังเลใจที่จะไปเรียนป.เอกแน่นอน แต่เราเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยจึงทำให้การตัดสินใจของเราต้องคิดซับซ้อนและต้องคิดให้รอบคอบมากขึ้น
เรามองว่า หลังจากที่ไทยเข้าสู่ประชาคมอาเซี่ยน งานราชการที่เกี่ยวกับภาษาจีนคงมีการเปิดสอบบรรจุมากขึ้น ในช่วง 2-3 ปีนี้เราจึงไม่อยากให้ตัวเองต้องมีภาระผูกพันด้านการเงินกับมหาวิทยาลัย เพราะเราคิดว่าจะลองสอบบรรจุข้าราชการในตำแหน่งที่เกี่ยวกับภาษาจีนดู ถึงแม้ว่าเราจะจบป.โท แต่ถ้ามีการเปิดรับบรรจุวุฒิปริญญาตรีที่เป็นข้าราชการภาษาจีนที่ฐานเงินเดือนไม่มากนัก ความรู้สึกตอนนี้เราก็จะขอเลือกการเป็นข้าราชการ