ความเดิมตอนที่แล้ว – ดูฉลามวาฬที่ Oslob
http://pantip.com/topic/31910144
วันที่ 4: Santander - Cebu
เราวางแผนว่าจะกลับเข้าเซบูด้วยรถบัสติดแอร์ (ขอประหยัดบ้าง)  จึงจะออกจาก Eden Resort ตอนแปดโมงครึ่ง เพราะคำนวณเวลาจากรีสอร์ทไปรอรถบัส จากสถานีที่ Santander ถึง South Bus Terminal ที่เซบู  แล้วเข้าโรงแรมที่พัก  เราอยากเริ่มเที่ยวตัวเมืองกันตอนบ่ายสอง
ในการเที่ยวตัวเมืองเซบู  ที่จริงแล้วสถานที่ท่องเที่ยวดัง ๆ อยู่ใกล้ ๆ กัน  ฉันแนะนำว่าให้เรียกสามล้อจ้าง  นั่งจี๊ปนีย์  หรือแม้แต่แท็กซี่จะดีกว่า  แต่สำหรับพวกเรา  เราเหมาเอลลี่ให้พาเที่ยว  อัตรารถเช่าที่นี่เป็นราคามาตรฐานเช่นเดียวกับตอนที่เหมาไป Santander  City Tour ในเมือง 1,250 เปโซต่อสามชั่วโมง ชั่วโมงถัดไปชั่วโมงละ 300 เปโซ
อาหารเช้าของฉันเป็น Pancake เหมือนเคย  รถรีสอร์ทไปส่งให้เราฟรีที่ท่ารถไม่ไกลจากรีสอร์ทเท่าไหร่  เดิน 5 นาทีก็ถึง  แต่ด้วยถนนขรุขระขึ้นลงเขาพร้อมกระเป๋าคงเดินไม่สะดวกเท่าไหร่  ท่ารถเป็นท่าเรือ fast craft ด้วย ชื่อว่า Puerto del Sur 
 
เมื่อถึงท่ารถแล้ว  ฉันเข้าไปถามพนักงานขายตั๋วที่บู้ธ  เค้าบอกว่าให้ขึ้นไปซื้อตั๋วบนรถเลย  รถรอบต่อไปออกเก้าโมงครึ่ง  ส่วนตั๋วที่ขายเป็นตั๋วเรือ fast craft  เราขึ้นไปบนรถและเลือกที่นั่งฝั่งขวาตามที่ฉันหาข้อมูลมา  เพราะเป็นฝั่งชมวิวทะเล  ไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่มาไล่เราลง  คนที่นี่พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้  เกาหัวแกรก ๆ คิดคำมาอธิบายให้ฟัง  เท่าที่ฉันจับความได้คือเราไม่มีบัตร priority ซึ่งมีสำหรับคนที่ขึ้นเรือกลับฝั่งเพื่ออำนวยความสะดวก  คือข้ามเรือต่อรถได้เลย  เค้าต้องรอคนที่มีบัตร priority ก่อน  และถ้ามีที่นั่งเหลือพวกเราถึงจะขึ้นได้  คนแถวนั้นรวมทั้งพวกเราหัวเราะกันใหญ่ตอนพยายามสื่อสารกัน ทำให้ฉันคิดถึงสำนวน “my nose is bleeding” ของคนฟิลิปปินส์  ซึ่งหมายความว่าเลือดกำเดาจะไหลเพราะเค้าไม่ถนัดหรือชอบพูดภาษาอังกฤษ
 
ฉันส่งข้อความไปบอกเอลลี่ล่วงหน้าขอเปลี่ยนเวลานัดจากบ่ายสองเป็นบ่ายสามเพราะไม่แน่ใจว่าจะได้รถรอบเก้าโมงครึ่งและไปถึงเซบูทันบ่ายสอง  ระหว่างนั่งรอรถออก  ฉันเดินถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ พอใกล้เวลา  มีเรือเทียบฝั่ง  เรานั่งมองอย่างมีความหวังว่าจะเหลือที่หรือไม่  สรุปแล้วไม่มีที่นั่งสำหรับเรา  แต่คุณลุงเจ้าหน้าที่แอบกระซิบไว้แล้วว่าเดี๋ยวมีรถเสริม  และเรียกให้เราไปตั้งแถวด้านหน้า  เพราะรถมาจากสถานีอื่น  ไม่ได้เป็นต้นทางแบบรถที่จอดรอคนจากเรือ  ต้องขอบคุณคุณลุงที่มีความยุติธรรมและเห็นใจเรา ไม่ให้คนอื่นที่มาทีหลังแซงคิว
รถออกจากท่าแล้ว  กระเป๋ารถบัสไล่ถามผู้โดยสารว่าจะลงที่ไหนและฉีกตั๋วบอกราคาเพื่อให้เราเตรียมเงินแล้วเดินมาเก็บทีหลัง  ฉันนอนไม่หลับ  ได้แต่กดชัตเตอร์เก็บวิวสวย ๆ ข้างทาง ฉันอดนึกถึงปักษ์ใต้บ้านเราไม่ได้  จากทรงบ้านไม้  ถนนสองเลน  ต้นไม้ใบไม้  ร้านรวงข้างทาง  ป่าชายเลน  นาเกลือ
 
ระหว่างทางมีพ่อค้าแม่ค้าขึ้นมาขายของกินตลอดเวลา  ตั้งแต่ chicharon (แค๊บหมูฟิลิปปินส์) พายมะพร้าว กล้วยฉาบ  และขนมอื่น ๆ ที่ฉันไม่รู้จัก									
									
																																
[CR] It's More Fun in The Philippines: ตอนที่ 8 ดูฉลามวาฬ Oslob ชม Cebu และ Bohol หลังแผ่นดินไหว เก็บตก Tagaytay วันที่ 4
http://pantip.com/topic/31910144
วันที่ 4: Santander - Cebu
เราวางแผนว่าจะกลับเข้าเซบูด้วยรถบัสติดแอร์ (ขอประหยัดบ้าง) จึงจะออกจาก Eden Resort ตอนแปดโมงครึ่ง เพราะคำนวณเวลาจากรีสอร์ทไปรอรถบัส จากสถานีที่ Santander ถึง South Bus Terminal ที่เซบู แล้วเข้าโรงแรมที่พัก เราอยากเริ่มเที่ยวตัวเมืองกันตอนบ่ายสอง
ในการเที่ยวตัวเมืองเซบู ที่จริงแล้วสถานที่ท่องเที่ยวดัง ๆ อยู่ใกล้ ๆ กัน ฉันแนะนำว่าให้เรียกสามล้อจ้าง นั่งจี๊ปนีย์ หรือแม้แต่แท็กซี่จะดีกว่า แต่สำหรับพวกเรา เราเหมาเอลลี่ให้พาเที่ยว อัตรารถเช่าที่นี่เป็นราคามาตรฐานเช่นเดียวกับตอนที่เหมาไป Santander City Tour ในเมือง 1,250 เปโซต่อสามชั่วโมง ชั่วโมงถัดไปชั่วโมงละ 300 เปโซ
อาหารเช้าของฉันเป็น Pancake เหมือนเคย รถรีสอร์ทไปส่งให้เราฟรีที่ท่ารถไม่ไกลจากรีสอร์ทเท่าไหร่ เดิน 5 นาทีก็ถึง แต่ด้วยถนนขรุขระขึ้นลงเขาพร้อมกระเป๋าคงเดินไม่สะดวกเท่าไหร่ ท่ารถเป็นท่าเรือ fast craft ด้วย ชื่อว่า Puerto del Sur
เมื่อถึงท่ารถแล้ว ฉันเข้าไปถามพนักงานขายตั๋วที่บู้ธ เค้าบอกว่าให้ขึ้นไปซื้อตั๋วบนรถเลย รถรอบต่อไปออกเก้าโมงครึ่ง ส่วนตั๋วที่ขายเป็นตั๋วเรือ fast craft เราขึ้นไปบนรถและเลือกที่นั่งฝั่งขวาตามที่ฉันหาข้อมูลมา เพราะเป็นฝั่งชมวิวทะเล ไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่มาไล่เราลง คนที่นี่พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ เกาหัวแกรก ๆ คิดคำมาอธิบายให้ฟัง เท่าที่ฉันจับความได้คือเราไม่มีบัตร priority ซึ่งมีสำหรับคนที่ขึ้นเรือกลับฝั่งเพื่ออำนวยความสะดวก คือข้ามเรือต่อรถได้เลย เค้าต้องรอคนที่มีบัตร priority ก่อน และถ้ามีที่นั่งเหลือพวกเราถึงจะขึ้นได้ คนแถวนั้นรวมทั้งพวกเราหัวเราะกันใหญ่ตอนพยายามสื่อสารกัน ทำให้ฉันคิดถึงสำนวน “my nose is bleeding” ของคนฟิลิปปินส์ ซึ่งหมายความว่าเลือดกำเดาจะไหลเพราะเค้าไม่ถนัดหรือชอบพูดภาษาอังกฤษ
ฉันส่งข้อความไปบอกเอลลี่ล่วงหน้าขอเปลี่ยนเวลานัดจากบ่ายสองเป็นบ่ายสามเพราะไม่แน่ใจว่าจะได้รถรอบเก้าโมงครึ่งและไปถึงเซบูทันบ่ายสอง ระหว่างนั่งรอรถออก ฉันเดินถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ พอใกล้เวลา มีเรือเทียบฝั่ง เรานั่งมองอย่างมีความหวังว่าจะเหลือที่หรือไม่ สรุปแล้วไม่มีที่นั่งสำหรับเรา แต่คุณลุงเจ้าหน้าที่แอบกระซิบไว้แล้วว่าเดี๋ยวมีรถเสริม และเรียกให้เราไปตั้งแถวด้านหน้า เพราะรถมาจากสถานีอื่น ไม่ได้เป็นต้นทางแบบรถที่จอดรอคนจากเรือ ต้องขอบคุณคุณลุงที่มีความยุติธรรมและเห็นใจเรา ไม่ให้คนอื่นที่มาทีหลังแซงคิว
รถออกจากท่าแล้ว กระเป๋ารถบัสไล่ถามผู้โดยสารว่าจะลงที่ไหนและฉีกตั๋วบอกราคาเพื่อให้เราเตรียมเงินแล้วเดินมาเก็บทีหลัง ฉันนอนไม่หลับ ได้แต่กดชัตเตอร์เก็บวิวสวย ๆ ข้างทาง ฉันอดนึกถึงปักษ์ใต้บ้านเราไม่ได้ จากทรงบ้านไม้ ถนนสองเลน ต้นไม้ใบไม้ ร้านรวงข้างทาง ป่าชายเลน นาเกลือ
ระหว่างทางมีพ่อค้าแม่ค้าขึ้นมาขายของกินตลอดเวลา ตั้งแต่ chicharon (แค๊บหมูฟิลิปปินส์) พายมะพร้าว กล้วยฉาบ และขนมอื่น ๆ ที่ฉันไม่รู้จัก
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น