วันหยุดยาวหลายวัน ทำให้มีโอกาสได้พักผ่อนและหยิบหนังสือหลาย ๆ เล่มขึ้นมาอ่าน วันนี้หยิบหนังสือของท่าน พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตโต) เรื่อง มหาจุฬา ฯ งามสง่าชดชื่น กลางทะเลแห่งคลื่นลม ซึ่งเป็นหนังสือออกงานพระเมรุ เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ)ทำให้เห็นข้อคิด มุมมองหลาย ๆ อย่าง ทั้งอดีต และอนาคต ของโลก ของบ้านเมือง ซึ่งยอมรับว่า ท่านอาจารย์เจ้าคุณพระพรหมคุณาภรณ์ท่านมองโลกได้แตกฉานยิ่งกว่าเรื่องธรรมะเสียอีก
"พระมองโลก มองความเป็นไป มองเหตุปัจจัย ทั้งการเมือง มองแบบพระไม่ใช่มองแบบชาวบ้าน คือ มองด้วยเจตนาเพื่อรู้เข้าใจสภาพของมนุษย์และภาวการณ์ของโลกตามที่มันเป็น เพื่อสนองเจตนาเพื่อจะแก้ปัญหาโลก ให้ลุถึงประโยชน์สุข โดยไม่มีเจตนาที่เป็นเรื่องของตน ไม่มีวัตถุประสงค์ของตนหรือโยงอิงหมู่พวกใด เพื่อจะได้จะเอาอะไร เพื่อใครเพื่อพวกใด"
ยิ่งมองเรื่องการเมืองทุกวันนี้ ท่านไม่ได้สอนให้พวกเรามองเฉพาะสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ ในสภาวะบ้านเมืองระส่ำระสายทุกวันนี้ ท่านสอนให้เรามองตั้งแต่อดีตเป็นต้นมา ซึ่งพออ่านก็ทำให้นึก อ๋อ ตามท่าน ว่า บ้านเมืองทุกวันนี้มันเป็นแบบนี้มันไม่ใช่เพิ่งเคยเกิดในบ้านเมืองเรา มันเกิดมาแล้วทั่วโลก เช่น เรื่อง เเมคคาร์ธีย์ล่าผีคอมมิวนิสต์ ซึ่งถือว่าเป็นเหตุการณ์ใหญ่ของอเมริกาในยุคหนึ่งซึ่งถืออาการนั้นว่า ผวาแดง (Red Scare) ซึ่งยุคนั้นเรียกว่า ยุค McCarthyism หมายถึงการปั้นแต่งเรื่องกล่าวหาใส่ร้ายคนอื่น อย่างเลื่อนลอยโดยไม่มีหลักฐานเพียงพอ หรือการใช้กลวิธีกล่าวหาสอบสวนที่ไม่เป็นธรรมเพื่อกำจัดฝ่ายตรงข้าม เฉพาะอย่างยิ่ง การกวาดล้างผู้บริสุทธิด้วยข้อกล่าวหาว่าเป็น คอมมิวนิสต์ ที่ได้เกิดขึ้นในสังคมอเมริกันมา
สิ่งที่กำลังจะบอกก็คือ เรากำลังมองท่านกำนัน ผู้นำกปปส.ทุกวันนี้ และโยงไปที่แมคคาร์ธีย์ การใช้วาทะกรรมกล่าวร้ายผู้อื่น แผนล้มเจ้า และ ระบบทักษิณ มันล้วนแล้วแต่มาจากสิ่งที่แมคคาร์ธีย์ทำมาทั้งนั้น เสมือนหนึ่งว่าลุงกำนันกำลังเดินตามแนวทางของเขา จะคอยดูว่า จุดจบจะเป็นเหมือนกันหรือป่าว พวกเราได้รู้ ได้เห็น สิ่งที่เป็นไปเยื่องนี้แล้ว คิดได้หรือยังครับ
ปล.แค่การอ่านหนังสือและย้อนมองความเป็นไปของบ้านเมือง ไม่ได้หมายมุ่งจะหวังผลเพื่อพี่จะเข้าร่วมกลุ่มใด กลุ่มใคร เพราะปัญหาของบ้านเมืองที่เป็นอยู่ทุกวันนี้อยากให้คุณรู้ว่า ประชาชนธรรมดาเยื่องผมก็มองออก นั่นคือเหตุผลที่ไม่เคยโหวตให้ ปชป. หรือ จะให้ยกมือเชียร์ กปปส.แม้แต่นิดเดียว และ ทำตัวเป็นไทยเฉยเมื่อเสื้อแดงเคลื่อนไหว
รู้อดีต มองปัจจุบัน ส่องอนาคต
"พระมองโลก มองความเป็นไป มองเหตุปัจจัย ทั้งการเมือง มองแบบพระไม่ใช่มองแบบชาวบ้าน คือ มองด้วยเจตนาเพื่อรู้เข้าใจสภาพของมนุษย์และภาวการณ์ของโลกตามที่มันเป็น เพื่อสนองเจตนาเพื่อจะแก้ปัญหาโลก ให้ลุถึงประโยชน์สุข โดยไม่มีเจตนาที่เป็นเรื่องของตน ไม่มีวัตถุประสงค์ของตนหรือโยงอิงหมู่พวกใด เพื่อจะได้จะเอาอะไร เพื่อใครเพื่อพวกใด"
ยิ่งมองเรื่องการเมืองทุกวันนี้ ท่านไม่ได้สอนให้พวกเรามองเฉพาะสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ ในสภาวะบ้านเมืองระส่ำระสายทุกวันนี้ ท่านสอนให้เรามองตั้งแต่อดีตเป็นต้นมา ซึ่งพออ่านก็ทำให้นึก อ๋อ ตามท่าน ว่า บ้านเมืองทุกวันนี้มันเป็นแบบนี้มันไม่ใช่เพิ่งเคยเกิดในบ้านเมืองเรา มันเกิดมาแล้วทั่วโลก เช่น เรื่อง เเมคคาร์ธีย์ล่าผีคอมมิวนิสต์ ซึ่งถือว่าเป็นเหตุการณ์ใหญ่ของอเมริกาในยุคหนึ่งซึ่งถืออาการนั้นว่า ผวาแดง (Red Scare) ซึ่งยุคนั้นเรียกว่า ยุค McCarthyism หมายถึงการปั้นแต่งเรื่องกล่าวหาใส่ร้ายคนอื่น อย่างเลื่อนลอยโดยไม่มีหลักฐานเพียงพอ หรือการใช้กลวิธีกล่าวหาสอบสวนที่ไม่เป็นธรรมเพื่อกำจัดฝ่ายตรงข้าม เฉพาะอย่างยิ่ง การกวาดล้างผู้บริสุทธิด้วยข้อกล่าวหาว่าเป็น คอมมิวนิสต์ ที่ได้เกิดขึ้นในสังคมอเมริกันมา
สิ่งที่กำลังจะบอกก็คือ เรากำลังมองท่านกำนัน ผู้นำกปปส.ทุกวันนี้ และโยงไปที่แมคคาร์ธีย์ การใช้วาทะกรรมกล่าวร้ายผู้อื่น แผนล้มเจ้า และ ระบบทักษิณ มันล้วนแล้วแต่มาจากสิ่งที่แมคคาร์ธีย์ทำมาทั้งนั้น เสมือนหนึ่งว่าลุงกำนันกำลังเดินตามแนวทางของเขา จะคอยดูว่า จุดจบจะเป็นเหมือนกันหรือป่าว พวกเราได้รู้ ได้เห็น สิ่งที่เป็นไปเยื่องนี้แล้ว คิดได้หรือยังครับ
ปล.แค่การอ่านหนังสือและย้อนมองความเป็นไปของบ้านเมือง ไม่ได้หมายมุ่งจะหวังผลเพื่อพี่จะเข้าร่วมกลุ่มใด กลุ่มใคร เพราะปัญหาของบ้านเมืองที่เป็นอยู่ทุกวันนี้อยากให้คุณรู้ว่า ประชาชนธรรมดาเยื่องผมก็มองออก นั่นคือเหตุผลที่ไม่เคยโหวตให้ ปชป. หรือ จะให้ยกมือเชียร์ กปปส.แม้แต่นิดเดียว และ ทำตัวเป็นไทยเฉยเมื่อเสื้อแดงเคลื่อนไหว