ทำไมถึงจะต้องลุกให้ผู้หญิงนั่ง?

วันนี้อยู่บ้านพักผ่อน  เปิดเจอกระทู้เรื่องการลุกให้นั่งระหว่างการเดินทาง
ว่างๆ ก็เลยอยากเล่าในมุมของ ผู้ชายคนนึง  ว่าเขามีมุมมองอย่างไรในการพิจารณาลุกให้ใครนั่ง

ผมอาจจะต้องเล่าลงลึกละเอียดหน่อย จะได้เข้าใจกันไปเลยไม่ปิดบัง

เอาช่วงแรกสมัย 10 ปีก่อนหน้านี้
ด้วยความคิดว่าเรา ต้องแสดงความเอื้อเฟื้อ ให้กับคนที่ต้องการความช่วยเหลือ จึงเป็นที่มาของความคิดว่า
เราจะช่วยเหลือทุกคนที่เหมือนกับว่าเขาต้องการความช่วยเหลือ
ดังนั้น ไม่ว่า เด็ก คนท้อง คนแก่ คนพิการ  ถ้าลองได้เห็น จะดีใจมากรีบกวักมือให้มานั่ง  พอได้ทำ ก็ยิ้มในใจมีความสุข ที่ตัวเองได้ทำดี

พูดง่ายๆ อีกแบบ
เปรียบไปฉากหน้าก็เหมือนได้ทำเพื่อคนอื่น  แต่ที่แท้ก็เหมือนทำเพื่อตัวเอง  สนอง need ตัวเอง (ความภูมิใจในตัวเอง หรือ ยกย่องตัวเอง)

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

คงจะเป็นเพราะสิ่งเหล่านี้ละมั้ง ที่ทำให้เราเป็นอย่างนั้น คิดอย่างนั้น

แต่ที่สำคัญที่จะบอกคือ  ผมตีความว่าคนที่ต้องการความช่วยเหลือ นอกจาก เด็ก คนท้อง คนแก่ คนพิการ
ผมยังรวมถึง ผู้หญิงทุกคน ไปด้วย

สาเหตุไม่ใช่เพราะ ผู้หญิงคือคนที่อ่อนแอ หรือผู้ชายเข้มแข็งกว่า
แต่เป็นเพราะผู้ชายมีหน้าที่ปกป้องผู้หญิง

สองประโยคนี้ต่างกันนะครับ  เราผู้ชายมีหน้าที่ปกป้องผู้หญิง  เพราะเราถูกสอนให้เป็นอย่างนั้น
แต่เคารพในความเข้มแข็งของเธอเหล่านั้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

การเอื่อเฟื้อ เสียสละที่นั่ง ให้ผู้หญิง จึงเป็นเรื่องที่ทำให้ผมภูมิใจมากเช่นกัน ไม่แพ้ เด็ก คนท้อง คนแก่ คนพิการ

แน่นอนว่าที่ผ่านมานั้นไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนที่จะนั่งตามที่เสนอ
เธอเหล่านั้นหลายคนปฏิเสธ
แต่เป็นการปฏิเสธให้รู้สึกว่า อ๋อ..เธอจะลงแล้ว
หรือบางทีก็บอกไม่เป็นไร เพราะเห็นเราถือของหนักมาเยอะ และเธออาจจะคิดว่าเธอไม่ลำบากอะไร
บางคนก็แค่ขอให้เรายื่นมือให้เธอจับไว้ หรือขออนุญาตจับหัวไหล่เราแทน
บางคนไม่ได้นั่งแต่ก็ได้คุยกันเป็นเพื่อนร่วมทาง
มันก็เป็นความรู้สึกดีๆ


จนกระทั่ง
.
.
.

ช่วงหลังมานี้
บางสิ่งบางอย่างไม่เหมือนเดิม

เอาประสบการณ์ตรงก่อนคือ
จากเดิมที่เคยลุกให้นั่ง  กลับได้รับการแสดงออกที่แปลกไป
เช่น  ไม่มีการตอบรับ หรือปฏิเสธ  บางคนไม่นั่ง ก็ไม่สนใจตอบกลับ   บางคนนั่ง ก็ไม่สนใจขอบคุณ (เธอคงจะคิดว่าเรากำลังจะลงมั้ง)

ที่หนักขึ้นคือ  ผมเห็นผู้หญิงหลายคน หลายครั้ง  ย้ำว่า หลายครั้ง
เธอเหล่านั้นบางทีเห็นที่ว่างก็ปรี่เข้าไปแย่งนั่งทั้งๆที่ มีคนแก่กำลังจะตรงไปนั่ง  เมื่อนั่งแล้วก็ก้มหน้ากดโทรศัทท์เหมือนตัดตัวเองเข้าสู่โลกส่วนตัว
แม้จะเป็นคนส่วนน้อยที่อาจจะน้อยมากๆ  แต่มันส่งผลต่อผมอย่างมากซึ่งผมจะอธิบายในตอนท้าย

บางกรณีที่หนักขึ้นคือ  การปฏิเสธ  แบบเราไม่ควรดูถูกเธอ  อันนี้ผมอาจจะผิดเองที่แยกแยะไม่ออกระหว่าง คนท้องกับคนอ้วน  หญิงแก่กับหญิงวัยทำงาน
ถ้าคุณได้เห็นสีหน้าตอนเธอรู้สึกเหมือนโดนดูถูกเหยียดหยาม  แล้วเปลี่ยนสีหน้าเป็นตำหนิต่อว่าและโกรธเรามากมาย
ผมเชื่อเลยว่าคุณต้องเป๋ไปพอสมควรกับ  สายตาตัวเอง ว่าเฮ้ยย  นี่กรู กำลังด่าเจ๊คนนั้นว่า นังอ้วน เหรอ  (ผมเดาคำด่าในความคิดเธอ)

หรือล่าสุดเมื่อสองวันก่อน  ผมลุกให้หญิงคนนึงใส่ชุดไทยแบบที่ผู้หญิงอาวุโสใกล้เกษียณใส่มาทำงานกัน เธอดูอ้วนๆ อายุก็คงจะใกล้ๆ 55-60  
เธอชักสีหน้าท่าทางสายศีรษะส่งสายตาจิกๆ ฟ้องโลกว่า  "ไม่นะ ชั้นยังไม่แก่!!!  แกเป็นบ้าอะไรมาลุกให้ชั้นนั่งเนี่ย  ชั้นแค่ 40 เองนะย่ะ (จริงๆ เธออาจจะอายุ 45-48 แต่เธอคิดว่าเธอสาวกว่านั้น)"


ผมอึ้ง
นึกด่าตัวเองในใจ  เราทำร้ายเขาใช่ไหมเนี่ย




ช่วงหลังมานี้ผมสงสัยในมาตรวัดตัวเองในการประเมิน  "คนที่ต้องการความช่วยเหลือ หรือ ควรได้รับการปกป้อง" เปลี่ยนไป

ยุคสมัยเปลี่ยน  ผู้หญิงจำนวนไม่น้อย ไม่ต้องการความช่วยเหลืออีกแล้ว
หลายคนพร้อมยืนหยัดต่อสู้  ไม่ว่าเพื่อสิทธิเท่าเทียม  เพื่อแสดงออกถึงความสาว สวย แข็งแรง มีคุณค่า
หรือบางคนไม่ปรารถนารับความหวังดีจากคนแปลกหน้า  โลกของฉันคือฉันกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าฉัน  เกินกว่า 1 เมตรคือความแปลกของโลกภายนอกที่ฉันไม่รับรู้

แต่ที่รุนแรงที่สุดต่อจิตใจคือ
ผู้หญิงคนที่แย่งชิงที่นั่ง โดยไม่สนใจว่ามีใครต้องการมันมากกว่า หรือสมควรได้รับมากกว่า
ทำให้ผมมองบทบาทผู้หญิง "แปลกหน้าที่เราไม่รู้จัก" เปลี่ยนไป

นอกเหนือจากคนที่ต้องการความช่วยเหลือ  ตัวผมก็ยังเอื้อเฟื้อเพราะเราถือว่าเราเป็นสุภาพบุรุษต้องปกป้องผู้หญิง
แต่ผู้ญิงที่เราอยากปกป้อง ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนอีกต่อไปแล้ว




เขียนมาถึงตรงนี้  ก็หวังว่าจะเข้าใจในมุมมองบางด้านที่อยากเล่าให้ฟัง

สิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะบอกคือ

ผมเชื่อว่า มิตรภาพระหว่างการเดินทางนั้นยังคงอยู่  ผมเองก็ยังพร้อมจะช่วยเหลือ เอื้อเฟื้อ เหมือนเดิม 100%
แต่การเปลี่ยนไปของสังคม ก็เป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้และเราต้องปรับตัว
ขอแค่เรายื่นมือข้างหนึ่งออกมาแล้วจับมืออีกข้างที่กำลังยื่นมาหาเราไว้

หากผู้หญิงคนไหน  อยากได้ที่นั่ง  พยายามมองหาหนุ่มหน้าตาซื่อบื้อคนนึงที่พยายามค้นหาว่าคุณกำลังต้องการความช่วยเหลืออยู่หรือเปล่า
เขารอที่กำลังจะ eye contact และลุกให้คุณอย่างภาคภูมิ

ถ้าไม่เจอเขา ขอได้อย่าสิ้นหวัง  ผมเชื่อว่าผู้ชายแบบเขายังมีอีกมากและเป็นคนส่วนใหญ่

ขออย่าให้คนส่วนน้อยของทั้งสองฝั่ง  มาทำให้เราไม่กล้ายื่นมือมาหากันและกันเลย

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่