สวัสดีครับ ใครเข้ามาอ่านก็ขอให้อ่านและให้ข้อเสนอแนะแบบสุภาพด้วยนะครับ ทั้งหมดเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงกับตัวผม
และ เป็นในเชิงตั้งคำถามเพื่อหาคำตอบจากการวิเคราะห์จากที่ผมพิมพ์ไป ว่า "ผมคิดมากไปไหมครับกับเรื่องเพื่อน"
ขอเกริ่นก่อนนะครับว่า...ตั้งแต่มัธยมมาผมก็มักมีปัญหากับคำว่า "เพื่อน" มาเสมอครับก็ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุอะไรเหมือนกัน...ผมรักเพื่อนนะครับ แต่ผลตอบรับมักไม่สวยงามดั่งเราจินตนาการไว้เสมอ
ขอพูดลักษณะตัวผมก่อน...
ผมเป็นบุคคลที่ก็ปกติแต่เพื่อนมักมองว่าไม่ปกติจากแนวคิด คำพูด หรือวิธีการทำงาน นึกภาพน่ะครับอย่างเช่นเวลาถ้าผมจะทำงานซักชิ้นในกลุ่ม ผมจะเป็นคนจัดการ(หัวงาน)ตลอด และเพื่อนในกลุ่มที่ทำงานก็จะเป็นจำพวกเลื่อยๆมาเรียงๆครับ พอเราจู้จี้ใช้บทสั่งงานและวางแพลนให้ทำตามนั้นเขาก็หาว่าเราน่ารำคาณ(ถ้าไม่จี้งานจะออกมาไม่โอเคเลยครับเพราะเขาคิดกันว่า ทำเพื่อส่งๆ ส่วนผมทำเพื่อให้ดีครับ จนทำให้เกิดปัญหาอยู่บ่อยครั้ง) และการพูดครับผมมักเป็นคนสื่อสารความรู้สึกออกมาไม่ค่อยเก่ง(เก็บความรู้สึกนั้นเอง) และเป็นคนยอมคนครับ แบบเออออไปตลอดครับ เช่น เวลาเราเศร้ากับคำพูดบางอย่างกับเพื่อนผมก็จะเก็บมันไว้ในก้นบึ้ง หรือในบางครั้งเราเจอการแสดงสิ่งที่ไม่ดีของเพื่อนผมต้องเป็นฝ่ายยอมเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมา คือการทะเลาะครับ เพราะผมยิ่งไม่ค่อยมีเพื่อน และก็ปัญหาการพูดภาษาไทยและใช้ภาษาไทยครับผมมักจะผิดพลาดกับการพิมพ์หรือการพูดที่ผิดๆถูกๆเสมอจนเพื่อนล้อเลียน และผมเป็นพวกมีแนวคิดเชิงทฤษฎีสูงครับ พอเราพูดอะไรวิชาการหน่อยเพื่อนก็จะไม่ค่อยอยากคุย(ตอนมัธยม)... -3-ผมก็ไม่รู้จะชวนคุยแบบไหนดีนิ
และประการสำคัญที่ทำให้ผมมาตั้งกระทู้ถามคือ เพราะผมเป็นคนคิดมาก คิดห่วงคนอื่นมากกว่าตนเองเสมอ คิดเพื่อเพื่อน คิดเล็กจุกจิกมากครับ..ไม่อยากเป็นแบบนี้เหมือนกัน น้อยใจก็มีบ่อยมาก(แต่ก็ต้องเก็บเอาไว้)
หลังจากเล่านิสัยและบุคลิกลักษณะผมคล่าวๆแล้ว....ขอเล่าถึงปัญหาและเหตุการณ์ที่ผมเจอเพื่อเป็นบทวิเคราะห์ของผู้อ่านให้เป็นข้อคิดข้อเตือนและชี้นำให้ผมด้วยนะครับ ...................
ผมตั้งแต่ยังเด็ก..ปู่ ย่า แม่ พ่อเคยเล่าว่า ผมมักจะยอมคนอื่นเสมอและให้คนอื่นแกล้งตั้งแต่เด็ก แม้โตขึ้นประถมก็ไม่แพ้กันก็โดนเอาเปรียบประจำ
พอโตขึ้นมาหน่อย มัธยมต้น ก็จะมีกลุ่มที่สนิทบ้างไม่สนิทบ้างสลับไปตามชั้นม1 2 3 แต่สุดท้ายก็หาเพื่อนแท้ได้ไม่กี่คนจากทั้งหมด แต่เพื่อนแท้ก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกันบ่อยนัก
พอโตขึ้นข้ามมามัธยมปลาย(ปัญหาที่เกิดมากที่สุด)
คือหลังจากจบม3ผมก็เรียนที่โรงเรียนเดิมนี้ล่ะครับ ต่อม4เข้าเรียนได้ห้องระดับ1ของโรงเรียนแต่เหมือนโชคดีอย่างมากด้วยการที่เพื่อนเก่าจากม3ไปเจอกันที่ห้องเดิมตอนม4ก็ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่เพื่อนที่ไปส่วนมากจะเป็นผญสัก90เปอร์เซ็น และจากจำนวนในห้องสัดส่วนผู้หญิงมากกว่าผู้ชายถ้าเทียบผู้หญิง4:1 ด้วยเป็นสายวิทย์การเรียนก็หนักหน่วงครับ แต่ความหนักหน่วงของการเรียนไม่ค่อยเป็นผลนักเท่าเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน
คือ ผมจะอยู่กับกลุ่มผญเป็นส่วนมากกว่าผช เพราะผมเคยคบเพื่อนผชตอนมต้น แม้งไม่ได้เรื่องสักคนทั้งงานและนิสัย(ผิดหวัง) เลยตัดสินใจคบเพื่อนผญลองดูบ้าง ทำให้ผมมารู้จักกับเพื่อนผญจากห้องเดิมตอนมต้นทั้ง7คน ผมก็กึ่งดีใจนะครับที่เออ..มีเพื่อนจากห้องเดิมตั้งเยอะแยะแต่ด้วยความที่เราเป็นผชคนเดียวในกลุ่มของเขาด้วยมั้งทำให้เราอาจจะมีเส้นอะไรกั้นอยู่ระหว่างความเป็นชาย กับหญิง แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลยครับว่าเส้นนั้นมันจะใช่เส้นดั่งกล่าวที่ทำให้เขาทำกับเราเหมือนเราไม่ใช่เพื่อนของเขาอย่างจริงๆ
จากความรู้สึกที่ผมเกิดในช่วงมปลายนั้นเกิดจาก ณ เวลานั้นน่ะครับ เช่น การที่เวลาเขาไปเที่ยวไหน เขาจะไม่ค่อยชวนเราครับ หรือเวลากินข้าวหรืออะไรไม่ค่อยชวนเราสักเท่าไหร และที่จี๊ดที่สุดคือเวลามีการถ่ายรูปหรือร่วมกิจกรรมจับคู่ เรามักจะไม่ค่อยได้เลือกจากพวกเขาครับ แต่ก็จะมีคนหนึ่ง นามสมมุติว่า blueละกันครับเป็นผญน่ะ เธอจะนิสัยและการสนทนาเข้ากับผมได้หน่อยทำให้ผมสนิทกับเธอที่สุดในกลุ่ม แต่ก็นะครับผญเขาก็จะกลับไปกลุ่มผญของเขาเวลารวมพลังกัน แต่เราก็จะกลับเป็นคนหงอยๆอยู่คนเดียว....ถ้าถามว่าแล้วกลุ่มผชในห้องหละทำไมไม่คบ..ก็จะคบไงครับเขาสนิทกันไปหมดแล้วผ่านมาปี1พึ่งทำให้รู้สึกว่าเราโดนถอยห่าง ผมก็ไม่รู้จะเข้ายังไงกับเพื่อนผชด้วยครับเขาก็มีสังคมของเขาไปแล้ว
ทำให้เวลาช่วงจบม6ผม..กึ่งสุขกึ่งดิบ เห่ยไม่ใช่ กึ่งทุกข์กึ่งสุขปนเปไปตามกัน ทั้งรู้สึกว่าช่วงเวลาที่เขาบอกว่าสุขที่สุดหาเพื่อนได้ดีที่สุดในช่วงมปลายกลับกลายเป็นผมไม่มีช่วงเวลานั้นในชีวิต ผมเสียดายมากเลยครับ! "มันทำให้ผม..กลับมาคิดอีกว่า เห้ยมหาลัยคงดีกว่านี้แน่ๆ ผมถึงกับขอพรเลยเหลาะครับ55"
พอเข้ามหาลัยได้ ก็มาเจอสังคมอีกรูปแบบหนึ่งที่แปลกตาไป หลายคนรวย หลายคนปานกลาง และอีกบางคนไม้มีอันจะกิน และด้วยต่างโรงเรียนต่างการหล่อหลอมมากคนละพิมพ์ ทำให้ผมเริ่มตื่นเต้นกับการเลือกเพื่อนในมหาลัยแล้วซิครับ
หลังจากที่วันประกาศผลไรเสร็จเข้าเรียนได้อาทิตย์ ผมเจอกับเพื่อน2คน ทั้งคู่มีคำขึ้นหน้าเหมือนกันทั้งคู่แต่ต่างกันที่เพศสถาณะ คนหนึ่งชื่อ(นามสมมุติ)ปาน เธอเป็นผู้หญิงที่แปลก แต่ก็จริงใจ อีกคนชื่อ(นามสมมุติ)ปิ๊ก เป็นคนที่เหมือนผมมากนิสัยอย่างกับฝาแฝดทำให้ผมรู้จักคำว่า คนเหมือนกันมีอยู่จริงทั้งความคิดและจิตใจ หลังจากนั้นผมก็ได้พบกับเพื่อนอีก 4-5คน ดังนี้ สน บอส แบ๊ค ซึ่งเป็นกลุ่มที่พบเจอกันมาตอนเริ่มแรกๆ ก็เป็นกลุ่มที่ดีนะครับแต่แตกกระเชิงจากการเกิดเหตุดังนี้
(เป็นเรื่องที่ผมไม่เคยเล่าให้ใครฟังเลยครับ) คือผมแอบชอบเพื่อนคนหนึ่งชื่อ ปิ๊กเขาก็น่ารักนะครับแต่ข้อนั้นอาจจะไม่ใช่สเป็คการเลือกของผม แต่สิ่งที่เหมือนกันของเขาจนทำให้ผมประหลาดใจ เช่น เราคิดว่าจะกินอาหารประเภทใน ผมก็จะพูดว่าจะกินA เขาก็คิดไว้แล้วว่าจะกินA หรือจะดุหนังเราจะบอกตรงใจเขาเสมอ หรือหลายๆอย่างครับ จนเราเป็นเหมือนแฝดทางความคิดเลยก็ว่าได้ ผ่านมา1-2เดือนผมก็ปกติจะไปหอเขาทุกเสาร์อาทิตย์ เพราะเมทผมที่ชื่อแบ๊คเขากลับบ้านประจำทำให้ผมต้องมานอนที่ห้องปิ๊กที่มีเมทเหมือนกันชื่อว่า เกมครับ ผมก็อยู่แบบนั้นไปเกือบเดือนเขาก็เทคแคร์ อะไรประสาเพื่อนดีน่ะครับ และผมก็นอนข้างเขาประจำเขาก็กอดก่ายผมประจำด้วย(ไม่คิดอะไรมาก) และตอนนั้นเขาก็คุยกับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ด้วยครับ
หลังจากเหตุการณ์สุขผ่านไป เกิดการต้องมีเปลี่ยนห้องเนื่องจากมีเพื่อนคนหนึ่งเขาขอมาร่วมเมทกับ เพื่อนผมทำให้ต้องย้ายขนาดห้องเล็กไปห้องใหญ่ และทำให้มันเป็นจุดเริ่มต้นความเศร้าในอนาคตของผม เนื่องด้วยอย่างที่บอกครับว่าเพื่อนผมมีอีกชื่อ บอส และสนแต่สนไม่ค่อยจะมายุ่งเกี่ยวแบบสภาพเด็กหอแบบพวกผม คนชื่อบอสเขามักจะไปกลับบ่อยๆทำให้ต้องฝากของไว้ที่หอผมครับ แต่แล้วมีวันหนึ่งปกติจากที่ผมมักไปนอนหอเพื่อนคนนั้น ก็มีสมาชิกมาเพิ่มโดยการชวนของเพื่อนผมครับว่ามาอยู่ด้วยกันไหม บอสเขาเป็นคนที่สะอาดมากกก(ตอนแรก) คือหลังจากนั้นเพื่อนผมก็เริ่มเปลี่ยนไปเขาไปสนิทกับบอสมากขึ้นๆ จนทำให้ผมเริ่มรู้สึกถึงการจะเสียเพื่อนคนนี้ไป เลยมาอยู่หอกับเพื่อนคนนี้เกือบเดือนอยู่เหมือนกันครับ ช่วงเวลาที่เขาสนิทกันทำให้ผมกลายเป็นไม่ค่อยมีตัวตนในสายตาเขา แล้วทำให้ผมไปเจอเพื่อนอีกกลุ่มแต่เป็นผญล้วน ชื่(นามสมมุติ) ก้อย กับโนผมก็เริ่มสนิทกับเขา คุยกันได้แต่ผมจะสนิทกับโนมากกว่าก้อยเพราะก้อยเขาติดแฟนอยู่เหมือนกัน แต่โนโสด55 ผมก็ปรึกษาโนตลอดเกี่ยวกับเรื่องปิ๊ก ว่าทำอย่างไงดีช่วงนั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นปัญหาทางใจกับผมแล้วครับ
หลังจากที่เกิดปัญหาศึกแย้งเพื่อนระหว่าง บอสกับผม(เพราะผมปกติจะไปไหนกับปิ๊ก แต่พอปิ๊กมีบอสเขาก็ไม่ค่อยไปไหนกับผมเลย)
ทำให้มีการเครียเกิดขึ้น ผมก็ถามตรงๆว่า"นายจะแย้งเพื่อนเราเหรอ" โดยการเครียผ่านทั้งทางโนเป็นส่วนมาก เนื่องจากผมก็บอกตรงๆว่าไม่ค่อยพอใจกับการกระทำของปิ๊กสักเท่าไหร ปิ๊กเขาก็รู้นะครับเขาก็บอกแค่ว่าไม่รู้จะทำอย่างไร ผมก็เริ่มไม่ชอบบอสเข้าแล้วด้วยซิครับ
พอผ่านไปความห่างเหินระหว่างผมกับปิ๊กเริ่มลดน้อยลงจนผมทนไม่ไหวก็ขอเครีย และทำให้ผมยอมเออออไปกับเขา2คนว่าบอสไม่ได้มาแย้งเพื่อนผมจริงๆ แต่อยากจะบอกว่าวันแรกที่ผมชวนบอสมาเป็นเพือนในกลุ่มรู้ไหมครับเขาพูดว่าอย่างไร บอส:"เขาจะเป็นเพื่อน(สนิท)กับปิ๊กเพื่อนผมให้ได้" มันทำให้ผมเริ่มคิดหนักเข้าไปอีก
จากเหตุการณ์ดังกล่าวก็คลี่คลายลงด้วยการตกลงเครียกัน แต่นี้แค่จุดเริ่มต้นของปัญหา!
ตอนที่อยู่ที่หอปิ๊ก ปิ๊กก็ปฏิบัติมานอนเป็นเพื่อนผมน้อยลงปกติจะนอนข้างล่างเนื่องจากเตียงไม่พอนอนทั้ง5คน ผมกับปิ๊กเลยมานอนล่าง มันเริ่มน้อยลงเวลาแบบนั้นก็เริ่มหายไป จนมีวันหนึ่งเกิดขึ้นระหว่างอ่านหนังสือเพื่อนเตรียมตัวสอบวิชาหนึ่งเพื่อนสนิทผมปิ๊กเขาเดินชวนผมไปด้านนอกห้องหอเพื่อนชื่อโน เขาบอกผมว่ามีอะไรจะบอกให้ผมรู้เป็นคนแรก ผมก็ติ่นเต้นอะไรนะเขาจะบอกอะไร ผมก็แอบหวังอยู่เล็กๆ 55 พอนั้งลงเขาก็บอกผมว่าห้ามไปบอกใคร เดี่ยวเขาเป้นคนบอกคนอื่นเอง ผมก็เริ่มติ่นเต้นใจสั่น เขาก็เอยปากว่า
....
.
.
..
.
เขาคบกับ....................................................................................บอส
ตอนวินาทีนั้นผมอึ้ง ตกใจทำไรไม่ถูก แค่มีอย่างเดียวบอกแทนความรู้สึกนั้นคือ น้ำตา มันรินออกมาแทนความรู้สึกแบบบอกไม่ถูก
กว่าจะผ่านช่วงเวลาที่เห็นเขาอยู่ด้วยกันอะไรในห้องผมก็เริ่มรู้สึกอยากจะตาย เหมือนผมโดนแย้งไปจริงๆจากบอส
ทำให้ผมเริ่มเกลียดคนชื่อบอส แล้วก็ไม่อยากได้ยินและคิดว่าเขาคือเพื่อนผมอีกเลย...ผมเคยบอกแล้วว่าอย่าเอาเขาไป แต่ดันเอาไปทั้งตัวและหัวใจจริงๆ
หลังจากวันนั้นเราก็ย้ายหอไปหอใหม่ที่สะดวกกว่าโดยก่อนจะเกิดเรื่องได้ตกลงกันจะย้ายไปที่ใหม่เพราะปัญหาที่หอเพื่อนผมให้คนมานอนได้แค่3 ก็ย้ายไปแต่การย้ายไม่ใช่จะจางหายปัญหาไปกลับมีปัญหายิ่งกว่าเดิมคือ "ความเจ็บปวดทั้งผมและเขา"
ผมก็เริ่มทำใจได้เล็กน้อยจากการเห็นทั้งคู่เดินผ่านตาไม่ได้ ก็เริ่มดีขึ้น แต่ส่งที่จะทำให้ผมรู้สึกแย่ลงไปเพราะเขาได้เหมือนเปิดโอกาสให้ผมเช่น การเข้ามากอด เข้ามาหอมแก้ม เข้ามาบอกว่าคิดถึง เทคแคร์เรามากกว่าเดิมเพราะเขารู้ว่าเราเศร้าเพราะเขา และจนถึงขั้นเรามี..กัน(ภายนอกน่ะครับ) ขอโทษน่ะครับที่มีฉากแบบนี้ 55 แต่ก็ต้องบอกเพื่อบอกถึงว่าทำไมผมถึงเป็นขั้นหนัก ผมเป็นคนที่จะไม่ยอมทำแบบนี้กับใครถ้าไม่ใช่รักจริงๆ และด้วยจากเจอแบบนั้นจากเขา เขาก็แบบนี้ไม่ใช่ครั้ง2ครั้งแต่ก็หลายครั้งอยู่ครับจนทำให้ผมเริ่มคิดที่จะ เอาสิ่งของเดิมของเรากลับคืนมา ตอนนั้นผมคิดว่า"เรารักเขาก่อน เราซิต้องมีสิทธิ์มากกว่า"
จากความเศร้าเริ่มเป็นควาเกลียดชังเข้าขลุกรุ่น ทำทุกทางเพื่อเขา และทำทุกทางเพื่อทำลายบอสเหมือนกับที่เขาทำผม.. ผมแย้งเวลาที่เขาอยู่ด้วยกัน จนทำให้เขาสองคนทะเลาะกันบ้าง
******เดี่ยวมาเล่าต่อนะครับ********
ว่าจะถามแต่ต้องเล่าปลีกย่อยก่อนครับ ว่าทำไม อย่างไร ใครจะเสนอแนะการกระทำที่ผมทำหรือยังไงก็บอกได้นะครับ
ผมคิดมากไปไหมครับกับเรื่องเพื่อน
และ เป็นในเชิงตั้งคำถามเพื่อหาคำตอบจากการวิเคราะห์จากที่ผมพิมพ์ไป ว่า "ผมคิดมากไปไหมครับกับเรื่องเพื่อน"
ขอเกริ่นก่อนนะครับว่า...ตั้งแต่มัธยมมาผมก็มักมีปัญหากับคำว่า "เพื่อน" มาเสมอครับก็ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุอะไรเหมือนกัน...ผมรักเพื่อนนะครับ แต่ผลตอบรับมักไม่สวยงามดั่งเราจินตนาการไว้เสมอ
ขอพูดลักษณะตัวผมก่อน...
ผมเป็นบุคคลที่ก็ปกติแต่เพื่อนมักมองว่าไม่ปกติจากแนวคิด คำพูด หรือวิธีการทำงาน นึกภาพน่ะครับอย่างเช่นเวลาถ้าผมจะทำงานซักชิ้นในกลุ่ม ผมจะเป็นคนจัดการ(หัวงาน)ตลอด และเพื่อนในกลุ่มที่ทำงานก็จะเป็นจำพวกเลื่อยๆมาเรียงๆครับ พอเราจู้จี้ใช้บทสั่งงานและวางแพลนให้ทำตามนั้นเขาก็หาว่าเราน่ารำคาณ(ถ้าไม่จี้งานจะออกมาไม่โอเคเลยครับเพราะเขาคิดกันว่า ทำเพื่อส่งๆ ส่วนผมทำเพื่อให้ดีครับ จนทำให้เกิดปัญหาอยู่บ่อยครั้ง) และการพูดครับผมมักเป็นคนสื่อสารความรู้สึกออกมาไม่ค่อยเก่ง(เก็บความรู้สึกนั้นเอง) และเป็นคนยอมคนครับ แบบเออออไปตลอดครับ เช่น เวลาเราเศร้ากับคำพูดบางอย่างกับเพื่อนผมก็จะเก็บมันไว้ในก้นบึ้ง หรือในบางครั้งเราเจอการแสดงสิ่งที่ไม่ดีของเพื่อนผมต้องเป็นฝ่ายยอมเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมา คือการทะเลาะครับ เพราะผมยิ่งไม่ค่อยมีเพื่อน และก็ปัญหาการพูดภาษาไทยและใช้ภาษาไทยครับผมมักจะผิดพลาดกับการพิมพ์หรือการพูดที่ผิดๆถูกๆเสมอจนเพื่อนล้อเลียน และผมเป็นพวกมีแนวคิดเชิงทฤษฎีสูงครับ พอเราพูดอะไรวิชาการหน่อยเพื่อนก็จะไม่ค่อยอยากคุย(ตอนมัธยม)... -3-ผมก็ไม่รู้จะชวนคุยแบบไหนดีนิ
และประการสำคัญที่ทำให้ผมมาตั้งกระทู้ถามคือ เพราะผมเป็นคนคิดมาก คิดห่วงคนอื่นมากกว่าตนเองเสมอ คิดเพื่อเพื่อน คิดเล็กจุกจิกมากครับ..ไม่อยากเป็นแบบนี้เหมือนกัน น้อยใจก็มีบ่อยมาก(แต่ก็ต้องเก็บเอาไว้)
หลังจากเล่านิสัยและบุคลิกลักษณะผมคล่าวๆแล้ว....ขอเล่าถึงปัญหาและเหตุการณ์ที่ผมเจอเพื่อเป็นบทวิเคราะห์ของผู้อ่านให้เป็นข้อคิดข้อเตือนและชี้นำให้ผมด้วยนะครับ ...................
ผมตั้งแต่ยังเด็ก..ปู่ ย่า แม่ พ่อเคยเล่าว่า ผมมักจะยอมคนอื่นเสมอและให้คนอื่นแกล้งตั้งแต่เด็ก แม้โตขึ้นประถมก็ไม่แพ้กันก็โดนเอาเปรียบประจำ
พอโตขึ้นมาหน่อย มัธยมต้น ก็จะมีกลุ่มที่สนิทบ้างไม่สนิทบ้างสลับไปตามชั้นม1 2 3 แต่สุดท้ายก็หาเพื่อนแท้ได้ไม่กี่คนจากทั้งหมด แต่เพื่อนแท้ก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกันบ่อยนัก
พอโตขึ้นข้ามมามัธยมปลาย(ปัญหาที่เกิดมากที่สุด)
คือหลังจากจบม3ผมก็เรียนที่โรงเรียนเดิมนี้ล่ะครับ ต่อม4เข้าเรียนได้ห้องระดับ1ของโรงเรียนแต่เหมือนโชคดีอย่างมากด้วยการที่เพื่อนเก่าจากม3ไปเจอกันที่ห้องเดิมตอนม4ก็ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่เพื่อนที่ไปส่วนมากจะเป็นผญสัก90เปอร์เซ็น และจากจำนวนในห้องสัดส่วนผู้หญิงมากกว่าผู้ชายถ้าเทียบผู้หญิง4:1 ด้วยเป็นสายวิทย์การเรียนก็หนักหน่วงครับ แต่ความหนักหน่วงของการเรียนไม่ค่อยเป็นผลนักเท่าเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน
คือ ผมจะอยู่กับกลุ่มผญเป็นส่วนมากกว่าผช เพราะผมเคยคบเพื่อนผชตอนมต้น แม้งไม่ได้เรื่องสักคนทั้งงานและนิสัย(ผิดหวัง) เลยตัดสินใจคบเพื่อนผญลองดูบ้าง ทำให้ผมมารู้จักกับเพื่อนผญจากห้องเดิมตอนมต้นทั้ง7คน ผมก็กึ่งดีใจนะครับที่เออ..มีเพื่อนจากห้องเดิมตั้งเยอะแยะแต่ด้วยความที่เราเป็นผชคนเดียวในกลุ่มของเขาด้วยมั้งทำให้เราอาจจะมีเส้นอะไรกั้นอยู่ระหว่างความเป็นชาย กับหญิง แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลยครับว่าเส้นนั้นมันจะใช่เส้นดั่งกล่าวที่ทำให้เขาทำกับเราเหมือนเราไม่ใช่เพื่อนของเขาอย่างจริงๆ
จากความรู้สึกที่ผมเกิดในช่วงมปลายนั้นเกิดจาก ณ เวลานั้นน่ะครับ เช่น การที่เวลาเขาไปเที่ยวไหน เขาจะไม่ค่อยชวนเราครับ หรือเวลากินข้าวหรืออะไรไม่ค่อยชวนเราสักเท่าไหร และที่จี๊ดที่สุดคือเวลามีการถ่ายรูปหรือร่วมกิจกรรมจับคู่ เรามักจะไม่ค่อยได้เลือกจากพวกเขาครับ แต่ก็จะมีคนหนึ่ง นามสมมุติว่า blueละกันครับเป็นผญน่ะ เธอจะนิสัยและการสนทนาเข้ากับผมได้หน่อยทำให้ผมสนิทกับเธอที่สุดในกลุ่ม แต่ก็นะครับผญเขาก็จะกลับไปกลุ่มผญของเขาเวลารวมพลังกัน แต่เราก็จะกลับเป็นคนหงอยๆอยู่คนเดียว....ถ้าถามว่าแล้วกลุ่มผชในห้องหละทำไมไม่คบ..ก็จะคบไงครับเขาสนิทกันไปหมดแล้วผ่านมาปี1พึ่งทำให้รู้สึกว่าเราโดนถอยห่าง ผมก็ไม่รู้จะเข้ายังไงกับเพื่อนผชด้วยครับเขาก็มีสังคมของเขาไปแล้ว
ทำให้เวลาช่วงจบม6ผม..กึ่งสุขกึ่งดิบ เห่ยไม่ใช่ กึ่งทุกข์กึ่งสุขปนเปไปตามกัน ทั้งรู้สึกว่าช่วงเวลาที่เขาบอกว่าสุขที่สุดหาเพื่อนได้ดีที่สุดในช่วงมปลายกลับกลายเป็นผมไม่มีช่วงเวลานั้นในชีวิต ผมเสียดายมากเลยครับ! "มันทำให้ผม..กลับมาคิดอีกว่า เห้ยมหาลัยคงดีกว่านี้แน่ๆ ผมถึงกับขอพรเลยเหลาะครับ55"
พอเข้ามหาลัยได้ ก็มาเจอสังคมอีกรูปแบบหนึ่งที่แปลกตาไป หลายคนรวย หลายคนปานกลาง และอีกบางคนไม้มีอันจะกิน และด้วยต่างโรงเรียนต่างการหล่อหลอมมากคนละพิมพ์ ทำให้ผมเริ่มตื่นเต้นกับการเลือกเพื่อนในมหาลัยแล้วซิครับ
หลังจากที่วันประกาศผลไรเสร็จเข้าเรียนได้อาทิตย์ ผมเจอกับเพื่อน2คน ทั้งคู่มีคำขึ้นหน้าเหมือนกันทั้งคู่แต่ต่างกันที่เพศสถาณะ คนหนึ่งชื่อ(นามสมมุติ)ปาน เธอเป็นผู้หญิงที่แปลก แต่ก็จริงใจ อีกคนชื่อ(นามสมมุติ)ปิ๊ก เป็นคนที่เหมือนผมมากนิสัยอย่างกับฝาแฝดทำให้ผมรู้จักคำว่า คนเหมือนกันมีอยู่จริงทั้งความคิดและจิตใจ หลังจากนั้นผมก็ได้พบกับเพื่อนอีก 4-5คน ดังนี้ สน บอส แบ๊ค ซึ่งเป็นกลุ่มที่พบเจอกันมาตอนเริ่มแรกๆ ก็เป็นกลุ่มที่ดีนะครับแต่แตกกระเชิงจากการเกิดเหตุดังนี้
(เป็นเรื่องที่ผมไม่เคยเล่าให้ใครฟังเลยครับ) คือผมแอบชอบเพื่อนคนหนึ่งชื่อ ปิ๊กเขาก็น่ารักนะครับแต่ข้อนั้นอาจจะไม่ใช่สเป็คการเลือกของผม แต่สิ่งที่เหมือนกันของเขาจนทำให้ผมประหลาดใจ เช่น เราคิดว่าจะกินอาหารประเภทใน ผมก็จะพูดว่าจะกินA เขาก็คิดไว้แล้วว่าจะกินA หรือจะดุหนังเราจะบอกตรงใจเขาเสมอ หรือหลายๆอย่างครับ จนเราเป็นเหมือนแฝดทางความคิดเลยก็ว่าได้ ผ่านมา1-2เดือนผมก็ปกติจะไปหอเขาทุกเสาร์อาทิตย์ เพราะเมทผมที่ชื่อแบ๊คเขากลับบ้านประจำทำให้ผมต้องมานอนที่ห้องปิ๊กที่มีเมทเหมือนกันชื่อว่า เกมครับ ผมก็อยู่แบบนั้นไปเกือบเดือนเขาก็เทคแคร์ อะไรประสาเพื่อนดีน่ะครับ และผมก็นอนข้างเขาประจำเขาก็กอดก่ายผมประจำด้วย(ไม่คิดอะไรมาก) และตอนนั้นเขาก็คุยกับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ด้วยครับ
หลังจากเหตุการณ์สุขผ่านไป เกิดการต้องมีเปลี่ยนห้องเนื่องจากมีเพื่อนคนหนึ่งเขาขอมาร่วมเมทกับ เพื่อนผมทำให้ต้องย้ายขนาดห้องเล็กไปห้องใหญ่ และทำให้มันเป็นจุดเริ่มต้นความเศร้าในอนาคตของผม เนื่องด้วยอย่างที่บอกครับว่าเพื่อนผมมีอีกชื่อ บอส และสนแต่สนไม่ค่อยจะมายุ่งเกี่ยวแบบสภาพเด็กหอแบบพวกผม คนชื่อบอสเขามักจะไปกลับบ่อยๆทำให้ต้องฝากของไว้ที่หอผมครับ แต่แล้วมีวันหนึ่งปกติจากที่ผมมักไปนอนหอเพื่อนคนนั้น ก็มีสมาชิกมาเพิ่มโดยการชวนของเพื่อนผมครับว่ามาอยู่ด้วยกันไหม บอสเขาเป็นคนที่สะอาดมากกก(ตอนแรก) คือหลังจากนั้นเพื่อนผมก็เริ่มเปลี่ยนไปเขาไปสนิทกับบอสมากขึ้นๆ จนทำให้ผมเริ่มรู้สึกถึงการจะเสียเพื่อนคนนี้ไป เลยมาอยู่หอกับเพื่อนคนนี้เกือบเดือนอยู่เหมือนกันครับ ช่วงเวลาที่เขาสนิทกันทำให้ผมกลายเป็นไม่ค่อยมีตัวตนในสายตาเขา แล้วทำให้ผมไปเจอเพื่อนอีกกลุ่มแต่เป็นผญล้วน ชื่(นามสมมุติ) ก้อย กับโนผมก็เริ่มสนิทกับเขา คุยกันได้แต่ผมจะสนิทกับโนมากกว่าก้อยเพราะก้อยเขาติดแฟนอยู่เหมือนกัน แต่โนโสด55 ผมก็ปรึกษาโนตลอดเกี่ยวกับเรื่องปิ๊ก ว่าทำอย่างไงดีช่วงนั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นปัญหาทางใจกับผมแล้วครับ
หลังจากที่เกิดปัญหาศึกแย้งเพื่อนระหว่าง บอสกับผม(เพราะผมปกติจะไปไหนกับปิ๊ก แต่พอปิ๊กมีบอสเขาก็ไม่ค่อยไปไหนกับผมเลย)
ทำให้มีการเครียเกิดขึ้น ผมก็ถามตรงๆว่า"นายจะแย้งเพื่อนเราเหรอ" โดยการเครียผ่านทั้งทางโนเป็นส่วนมาก เนื่องจากผมก็บอกตรงๆว่าไม่ค่อยพอใจกับการกระทำของปิ๊กสักเท่าไหร ปิ๊กเขาก็รู้นะครับเขาก็บอกแค่ว่าไม่รู้จะทำอย่างไร ผมก็เริ่มไม่ชอบบอสเข้าแล้วด้วยซิครับ
พอผ่านไปความห่างเหินระหว่างผมกับปิ๊กเริ่มลดน้อยลงจนผมทนไม่ไหวก็ขอเครีย และทำให้ผมยอมเออออไปกับเขา2คนว่าบอสไม่ได้มาแย้งเพื่อนผมจริงๆ แต่อยากจะบอกว่าวันแรกที่ผมชวนบอสมาเป็นเพือนในกลุ่มรู้ไหมครับเขาพูดว่าอย่างไร บอส:"เขาจะเป็นเพื่อน(สนิท)กับปิ๊กเพื่อนผมให้ได้" มันทำให้ผมเริ่มคิดหนักเข้าไปอีก
จากเหตุการณ์ดังกล่าวก็คลี่คลายลงด้วยการตกลงเครียกัน แต่นี้แค่จุดเริ่มต้นของปัญหา!
ตอนที่อยู่ที่หอปิ๊ก ปิ๊กก็ปฏิบัติมานอนเป็นเพื่อนผมน้อยลงปกติจะนอนข้างล่างเนื่องจากเตียงไม่พอนอนทั้ง5คน ผมกับปิ๊กเลยมานอนล่าง มันเริ่มน้อยลงเวลาแบบนั้นก็เริ่มหายไป จนมีวันหนึ่งเกิดขึ้นระหว่างอ่านหนังสือเพื่อนเตรียมตัวสอบวิชาหนึ่งเพื่อนสนิทผมปิ๊กเขาเดินชวนผมไปด้านนอกห้องหอเพื่อนชื่อโน เขาบอกผมว่ามีอะไรจะบอกให้ผมรู้เป็นคนแรก ผมก็ติ่นเต้นอะไรนะเขาจะบอกอะไร ผมก็แอบหวังอยู่เล็กๆ 55 พอนั้งลงเขาก็บอกผมว่าห้ามไปบอกใคร เดี่ยวเขาเป้นคนบอกคนอื่นเอง ผมก็เริ่มติ่นเต้นใจสั่น เขาก็เอยปากว่า
....
.
.
..
.
เขาคบกับ....................................................................................บอส
ตอนวินาทีนั้นผมอึ้ง ตกใจทำไรไม่ถูก แค่มีอย่างเดียวบอกแทนความรู้สึกนั้นคือ น้ำตา มันรินออกมาแทนความรู้สึกแบบบอกไม่ถูก
กว่าจะผ่านช่วงเวลาที่เห็นเขาอยู่ด้วยกันอะไรในห้องผมก็เริ่มรู้สึกอยากจะตาย เหมือนผมโดนแย้งไปจริงๆจากบอส
ทำให้ผมเริ่มเกลียดคนชื่อบอส แล้วก็ไม่อยากได้ยินและคิดว่าเขาคือเพื่อนผมอีกเลย...ผมเคยบอกแล้วว่าอย่าเอาเขาไป แต่ดันเอาไปทั้งตัวและหัวใจจริงๆ
หลังจากวันนั้นเราก็ย้ายหอไปหอใหม่ที่สะดวกกว่าโดยก่อนจะเกิดเรื่องได้ตกลงกันจะย้ายไปที่ใหม่เพราะปัญหาที่หอเพื่อนผมให้คนมานอนได้แค่3 ก็ย้ายไปแต่การย้ายไม่ใช่จะจางหายปัญหาไปกลับมีปัญหายิ่งกว่าเดิมคือ "ความเจ็บปวดทั้งผมและเขา"
ผมก็เริ่มทำใจได้เล็กน้อยจากการเห็นทั้งคู่เดินผ่านตาไม่ได้ ก็เริ่มดีขึ้น แต่ส่งที่จะทำให้ผมรู้สึกแย่ลงไปเพราะเขาได้เหมือนเปิดโอกาสให้ผมเช่น การเข้ามากอด เข้ามาหอมแก้ม เข้ามาบอกว่าคิดถึง เทคแคร์เรามากกว่าเดิมเพราะเขารู้ว่าเราเศร้าเพราะเขา และจนถึงขั้นเรามี..กัน(ภายนอกน่ะครับ) ขอโทษน่ะครับที่มีฉากแบบนี้ 55 แต่ก็ต้องบอกเพื่อบอกถึงว่าทำไมผมถึงเป็นขั้นหนัก ผมเป็นคนที่จะไม่ยอมทำแบบนี้กับใครถ้าไม่ใช่รักจริงๆ และด้วยจากเจอแบบนั้นจากเขา เขาก็แบบนี้ไม่ใช่ครั้ง2ครั้งแต่ก็หลายครั้งอยู่ครับจนทำให้ผมเริ่มคิดที่จะ เอาสิ่งของเดิมของเรากลับคืนมา ตอนนั้นผมคิดว่า"เรารักเขาก่อน เราซิต้องมีสิทธิ์มากกว่า"
จากความเศร้าเริ่มเป็นควาเกลียดชังเข้าขลุกรุ่น ทำทุกทางเพื่อเขา และทำทุกทางเพื่อทำลายบอสเหมือนกับที่เขาทำผม.. ผมแย้งเวลาที่เขาอยู่ด้วยกัน จนทำให้เขาสองคนทะเลาะกันบ้าง
******เดี่ยวมาเล่าต่อนะครับ********
ว่าจะถามแต่ต้องเล่าปลีกย่อยก่อนครับ ว่าทำไม อย่างไร ใครจะเสนอแนะการกระทำที่ผมทำหรือยังไงก็บอกได้นะครับ