ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -กลายเป็นที่ถกเถียง กลายเป็นประเด็น กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์
กันทั้งบ้านทั้งเมืองสำหรับความเคลื่อนไหวใหม่ล่าสุดของ “นายสุเทพ เทือกสุบรรณ” เลขาธิการ
“คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมี
พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”หรือ กปปส.ที่ประกาศจะสถาปนา “รัฏฐาธิปัตย์” หลังรัฐบาล
รักษาการยิ่งลักษณ์ ชินวัตรต้องมีอันเป็นไปในการประชุมแกนนำ กปปส.ครั้งแรกเมื่อวันที่ 5
เมษายน 2557
“การเดินทางมาครั้งนี้เราจะยึดอำนาจประเทศไทย เพราะอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนชาวไทย
ดังนั้น วันที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยรัฐบาลจะไม่สามารถกอดอำนาจไว้อีกต่อไป ซึ่ง กปปส.จะประกาศว่า
อำนาจอธิปไตยกลับมาเป็นของประชาชนแล้ว และจะถือเป็นวันที่เราจะประกาศความเป็น รัฏฐาธิปัตย์
ได้อย่างเหมาะสม และคำสั่งของคนเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ก็จะถือเป็นกฎหมาย ซึ่งเรายืนยันว่า เมื่อเป็น
รัฏฐาธิปัตย์ เราจะสั่งยึดทรัพย์คนในตระกูลชินวัตร และห้ามคนในตระกูลชินวัตร รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง
ออกนอกประเทศ และให้มารายงานตัวกับประชาชน อีกทั้งเราจะออกคำสั่งแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี และ
รัฐมนตรีที่เป็นของประชาชน จากนั้นจะนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อให้ได้รัฐบาลของประชาชน โดยตน
จะเป็นผู้ลงนามสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีด้วยตนเอง จากนั้นจะมีการตั้งสภา
นิติบัญญัติที่เป็นสภาของประชาชน และจะนำไปสู่การปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ ตามที่ได้ระบุไว้ก่อน
ที่จะเดินหน้าสู่การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยต่อไป”
รัฏฐาธิปัตย์คืออะไร
โอกาสที่จะเกิดขึ้นจริงมีมากน้อยเพียงไร
และถ้าจริงเป็นรัฏฐาธิปัตย์ที่เกิดขึ้นโดยนายสุเทพมีวัตถุประสงค์อะไร เพื่อทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไป
ในช่วงที่เกิดสุญญากาศทางการเมือง แล้วก็กลับไปเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย เหมือนเช่นที่
คณะรัฐประหารโดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลินดำเนินการและได้มาซึ่งรัฐบาลสุรยุทธ์ จุลานนท์ ใน
ปี 2549
หรือเพื่อโค่นล้มและกวาดล้างระบอบทักษิณแล้วเดินหน้าปฏิรูปประเทศก่อนที่จะมีการเลือกตั้งครั้งใหม่
เหมือนเช่นที่มวลมหาประชาชนตั้งความหวังเอาไว้
รัฏฐาธิปัตย์ เป็นศัพท์แสงทางการเมือง มาจากภาษาอังกฤษว่า “sovereignty” ซึ่งสามารถสรุปรวม
ความได้ว่าหมายถึง อำนาจสูงสุดในการปกครองรัฐหรือการปกครองประเทศ(อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ได้ในบทสัมภาษณ์ “คมสัน โพธิ์คง”)
ดังนั้น การประกาศสถาปนาอำนาจรัฏฐาธิปัตย์ของนายสุเทพจึงมิอาจตีความเป็นอย่างอื่นได้ว่าคือ
การประกาศตนเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในประเทศไทย เฉกเช่นเดียวกับการทำรัฐประหารเพื่อยึดอำนาจ
การปกครองประเทศ โดยหัวหน้าคณะคือผู้มีอำนาจสูงสุดซึ่งสามารถกระทำการใดๆ ก็ได้ในบ้านนี้
เมืองนี้
และส่วนใหญ่การประกาศความเป็นรัฏฐาธิปัตย์จะกระทำก็ต่อเมื่อกระทำการสำเร็จแล้วเท่านั้น มิใช่มา
บอกกล่าวล่วงหน้าเหมือนเช่นที่นายสุเทพทำอยู่ในเวลานี้
<
<
<
9 เมษายน 2557
พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ชัดเจนที่กองการบิน กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) ก่อนเดินทาง
ไปติดตามสถานการณ์ภาคใต้หลังเกิดเหตุระเบิดที่จังหวัดยะลาว่า “เขาตั้งได้หรือยัง ถ้ายังไม่ได้
ก็อย่าไปคิด และสื่อบอกเอกว่าผิดกฎหมายและตั้งไม่ได้ จะมาถามให้เสียสมองทำไม”
<
<
<
“ผมไม่ได้เข้าข้างสุเทพหรือณัฐวุฒิหรือจตุพร หรือใครทั้งนั้น ทหารต้องทำหน้าที่ไป แต่ในวันนี้
ไม่ใช่หน้าที่ของทหาร ซึ่งทหารก็ต้องมาทำ”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เป็นอันว่า การประกาศรัฏฐาธิปัตย์และความหวังที่จะให้ทหารยืนอยู่ข้าง กปปส.ของนายสุเทพถูก
ปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยจากพล.อ.ประยุทธ์มหามิตรของลุงกำนัน
คำถามมีอยู่ว่า แล้วนายสุเทพจะทำอย่างไรกับ พล.อ.ประยุทธ์
คำถามมีอยู่ว่า แล้วมวลมหาประชาชน กปปส.จะทำอย่างไรกับ พล.อ.ประยุทธ์
นายสุเทพและมวลชน กปปส.ยอมไม่ได้กับระบอบทักษิณและรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แล้วทำไมถึง
อดทนแล้วอดทนเล่ากับผู้ชายที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์
<
<
<
แต่ที่แน่ๆ คือความฝันในการปฏิรูปประเทศ ไม่ว่าจะใช้ช่องทางของวุฒิสภาหรือนายสุเทพเป็นอันจบลง
เพราะทุกเส้นทางพิสูจน์มีเป้าประสงค์เดียวกันคือตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลเพื่อให้ประเทศได้เดินหน้าต่อไป
ส่วนการปฏิรูป....เอาไว้ค่อยว่ากันในภายหลัง
ขณะที่กล่าวสำหรับตัวนายสุเทพก็คงต้องหนีไม่พ้นที่จะถูกดำเนินคดีจากฝีมือของขี้ข้าระบอบทักษิณ
ซึ่งเวลานี้ร้องเจี๊ยวจ๊าวแย่งกันสร้างผลงานให้เข้าตานายใหญ่กันอย่างละหวั่น ส่วนจะมีจุดจบเช่นเดียว
กับนายประเสริฐ ทรัพย์สุนทร พลเรือนคนแรกที่กล้าประกาศสถาปนารัฏฐาธิปัตย์หรือไม่นั้น อีกไม่
นานคงรู้กัน
และนาทีนี้ คำว่า “เงิบ” คงเป็นคำที่ให้นิยามสำหรับความรู้สึกของนายสุเทพที่เหมาะสมและลงตัวที่สุด
http://www.manager.co.th/AstvWeekend/ViewNews.aspx?NewsID=9570000041121
แตกคอกันแบบนี้ งานใหญ่จะสำเร็จได้อย่างไร ตาไปอ่านกันเต็มๆจาก link ด้วย
แถมคอลัมน์ "หมัดเหล็ก" จาก "ไทยรัฐ" ด้วยก็แล้วกัน "รัฏฐาธิปัตย์"
เส้นยาแดงผ่าแปดโดย หมัดเหล็ก
วันมหา สงกรานต์ ปีนี้ตรงกับ วันจันทร์ที่ 14 เมษายน เวลา 8 นาฬิกา 11 นาที 24 วินาที
นางสงกรานต์นามว่า โคราคะเทวี ทรงพาหุรัด ทัดดอกปีบ อาภรณ์แก้วมุกดาหาร ภักษาหาร
น้ำมัน หัตถ์ขวาทรงขรรค์ หัตถ์ซ้ายทรงไม้เท้า เสด็จยืน มาเหนือหลังพยัคฆ์เป็นพาหนะ
พยากรณ์ตามท้องเรื่อง เอามาผูกโยงกับ วิกฤติการเมืองในระยะนี้ คงจะตีความได้ว่า ระหว่าง
การเจรจาด้วยสันติ กับสงครามกลางเมือง ห่างกันแค่เส้นยาแดงผ่าแปด
การที่ กปปส.นำโดย สุเทพ เทือกสุบรรณ นำม็อบไปเจรจา กับกองทัพ ที่ พล.อ.นิพัทธ์
ทองเล็ก ปลัดกลาโหม เปิดบ้านต้อนรับ ปูทางไปถึงรัฐบาล ปฏิเสธสถาปนา รัฏฐาธิปัตย์
ปากคอสั่น อ้างเป็นแค่แนวคิดโยนหินถามทาง
ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น
เพราะทหารเองก็ยืนยัน รับไม่ได้กับแนวคิดการตั้ง รัฏฐาธิปัตย์ รับไม่ได้กับแนวทางที่นอก
รัฐธรรมนูญ ทหารมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย และเป็นตัวกลางให้ทั้งรัฐบาลและกปปส.
มีทางลงร่วมกันเท่านั้น
เมื่อ กองทัพ ยังต้องประคองสถานะไม่ให้เอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง ไม่ให้ลำเอียง โอกาสที่
คู่กรณีจะพบปะพูดจากันเป็นโต๊ะเจรจายังเป็นเรื่องยาก
กองทัพทำได้แค่ลดแรงปะทะจากทั้งสองฝ่าย ยื้อเวลา สถาน– การณ์ ม็อบชนม็อบไปได้
ชั่วคราวเท่านั้น สถานะกองทัพอยู่ในระหว่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ยืนอยู่บนจุดกึ่งกลาง
ระหว่างปฏิวัติกับปฏิรูป
เป้าหมายรัฐบาลคือ การเลือกตั้ง มีรัฐบาลที่มาจากประชาชนตามรัฐธรรมนูญ เป้าหมายของ
กปปส. คือการ แต่งตั้งนายกฯคนกลาง เข้ามาทำหน้าที่บริหารประเทศชั่วคราว
เป็นวิธีการที่แตกต่างกัน หน้ามือเป็นหลังมือ ในที่สุดแล้วจะตั้ง นายกฯคนกลางได้ ก็ต่อเมื่อ
มีการ ฉีกรัฐธรรมนูญเท่านั้น ไม่มีทางออก แม้จะเกิด ตุลาการภิวัฒน์ ขึ้นอีกครั้งในประเทศไทย
ก็ตาม
และถ้าทหารตัดสินใจ ฉีกรัฐธรรมนูญ ก็จะมีปัญหาและเงื่อนไขตามมาอีกมากมาย ไม่ใช่แค่
การปฏิรูปประเทศ เท่านั้น แต่หมายถึงการเปลี่ยนแปลงการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
ไปอีกขั้น
ว่ากันว่าหลังสงกรานต์บ้านเมืองจะถึง กลียุค จะเกิดเหตุการณ์ นองเลือด ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับ
สถานการณ์เป็นตัวกำหนด อย่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. เคยเกริ่นเอาไว้แล้ว
สถานะของ นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ ครม. ไม่ใช่ตัวแปรของการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
อีกต่อไป แต่อยู่ที่ว่า จะก้าวข้ามความขัดแย้งที่ถึงจุดแตกหักระหว่าง สองขั้วอำนาจ อย่างไรมากกว่า
ตัวกลาง คนกลาง จะเกิดขึ้นอยู่ที่เงื่อนไขจากกองทัพและองค์กรอิสระ การประกาศกฎอัยการศึก
จะเป็นสัญญาณชี้ถึง คำว่าสถานการณ์เป็นตัวกำหนดของ ผบ.ทบ. ที่จะไปไกลกว่านั้น หรือหยุด
อยู่แค่นั้น.
หมัดเหล็ก
http://www.thairath.co.th/content/415951
รัฎฐาธิปัตย์ จาก ผู้จัดการ และ ไทยรัฐ เอามาฝาก "น้องเสือ" และ
คุณ First Touch ช่วยประนาม ทั้ง 2 สื่อเหมือนที่ประนาม สาวเหลือน้อย ...
ที่บอกว่า ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย
แปะอะไรให้อ่าน ไม่เคยวิจารณ์ คนเขียน แต่คนแปะโดนทุกที ไม่รู้เป็นไง
รัฏฐาธิปัตย์ “ลุงกำนัน” เงิบบบบบบบ โดย ASTVผู้จัดการรายวัน
กันทั้งบ้านทั้งเมืองสำหรับความเคลื่อนไหวใหม่ล่าสุดของ “นายสุเทพ เทือกสุบรรณ” เลขาธิการ
“คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมี
พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”หรือ กปปส.ที่ประกาศจะสถาปนา “รัฏฐาธิปัตย์” หลังรัฐบาล
รักษาการยิ่งลักษณ์ ชินวัตรต้องมีอันเป็นไปในการประชุมแกนนำ กปปส.ครั้งแรกเมื่อวันที่ 5
เมษายน 2557
“การเดินทางมาครั้งนี้เราจะยึดอำนาจประเทศไทย เพราะอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนชาวไทย
ดังนั้น วันที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยรัฐบาลจะไม่สามารถกอดอำนาจไว้อีกต่อไป ซึ่ง กปปส.จะประกาศว่า
อำนาจอธิปไตยกลับมาเป็นของประชาชนแล้ว และจะถือเป็นวันที่เราจะประกาศความเป็น รัฏฐาธิปัตย์
ได้อย่างเหมาะสม และคำสั่งของคนเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ก็จะถือเป็นกฎหมาย ซึ่งเรายืนยันว่า เมื่อเป็น
รัฏฐาธิปัตย์ เราจะสั่งยึดทรัพย์คนในตระกูลชินวัตร และห้ามคนในตระกูลชินวัตร รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง
ออกนอกประเทศ และให้มารายงานตัวกับประชาชน อีกทั้งเราจะออกคำสั่งแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี และ
รัฐมนตรีที่เป็นของประชาชน จากนั้นจะนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อให้ได้รัฐบาลของประชาชน โดยตน
จะเป็นผู้ลงนามสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีด้วยตนเอง จากนั้นจะมีการตั้งสภา
นิติบัญญัติที่เป็นสภาของประชาชน และจะนำไปสู่การปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ ตามที่ได้ระบุไว้ก่อน
ที่จะเดินหน้าสู่การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยต่อไป”
รัฏฐาธิปัตย์คืออะไร
โอกาสที่จะเกิดขึ้นจริงมีมากน้อยเพียงไร
และถ้าจริงเป็นรัฏฐาธิปัตย์ที่เกิดขึ้นโดยนายสุเทพมีวัตถุประสงค์อะไร เพื่อทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไป
ในช่วงที่เกิดสุญญากาศทางการเมือง แล้วก็กลับไปเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย เหมือนเช่นที่
คณะรัฐประหารโดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลินดำเนินการและได้มาซึ่งรัฐบาลสุรยุทธ์ จุลานนท์ ใน
ปี 2549
หรือเพื่อโค่นล้มและกวาดล้างระบอบทักษิณแล้วเดินหน้าปฏิรูปประเทศก่อนที่จะมีการเลือกตั้งครั้งใหม่
เหมือนเช่นที่มวลมหาประชาชนตั้งความหวังเอาไว้
รัฏฐาธิปัตย์ เป็นศัพท์แสงทางการเมือง มาจากภาษาอังกฤษว่า “sovereignty” ซึ่งสามารถสรุปรวม
ความได้ว่าหมายถึง อำนาจสูงสุดในการปกครองรัฐหรือการปกครองประเทศ(อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ได้ในบทสัมภาษณ์ “คมสัน โพธิ์คง”)
ดังนั้น การประกาศสถาปนาอำนาจรัฏฐาธิปัตย์ของนายสุเทพจึงมิอาจตีความเป็นอย่างอื่นได้ว่าคือ
การประกาศตนเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในประเทศไทย เฉกเช่นเดียวกับการทำรัฐประหารเพื่อยึดอำนาจ
การปกครองประเทศ โดยหัวหน้าคณะคือผู้มีอำนาจสูงสุดซึ่งสามารถกระทำการใดๆ ก็ได้ในบ้านนี้
เมืองนี้
และส่วนใหญ่การประกาศความเป็นรัฏฐาธิปัตย์จะกระทำก็ต่อเมื่อกระทำการสำเร็จแล้วเท่านั้น มิใช่มา
บอกกล่าวล่วงหน้าเหมือนเช่นที่นายสุเทพทำอยู่ในเวลานี้
<
<
<
9 เมษายน 2557
พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ชัดเจนที่กองการบิน กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) ก่อนเดินทาง
ไปติดตามสถานการณ์ภาคใต้หลังเกิดเหตุระเบิดที่จังหวัดยะลาว่า “เขาตั้งได้หรือยัง ถ้ายังไม่ได้
ก็อย่าไปคิด และสื่อบอกเอกว่าผิดกฎหมายและตั้งไม่ได้ จะมาถามให้เสียสมองทำไม”
<
<
<
“ผมไม่ได้เข้าข้างสุเทพหรือณัฐวุฒิหรือจตุพร หรือใครทั้งนั้น ทหารต้องทำหน้าที่ไป แต่ในวันนี้
ไม่ใช่หน้าที่ของทหาร ซึ่งทหารก็ต้องมาทำ”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เป็นอันว่า การประกาศรัฏฐาธิปัตย์และความหวังที่จะให้ทหารยืนอยู่ข้าง กปปส.ของนายสุเทพถูก
ปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยจากพล.อ.ประยุทธ์มหามิตรของลุงกำนัน
คำถามมีอยู่ว่า แล้วนายสุเทพจะทำอย่างไรกับ พล.อ.ประยุทธ์
คำถามมีอยู่ว่า แล้วมวลมหาประชาชน กปปส.จะทำอย่างไรกับ พล.อ.ประยุทธ์
นายสุเทพและมวลชน กปปส.ยอมไม่ได้กับระบอบทักษิณและรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แล้วทำไมถึง
อดทนแล้วอดทนเล่ากับผู้ชายที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์
<
<
<
แต่ที่แน่ๆ คือความฝันในการปฏิรูปประเทศ ไม่ว่าจะใช้ช่องทางของวุฒิสภาหรือนายสุเทพเป็นอันจบลง
เพราะทุกเส้นทางพิสูจน์มีเป้าประสงค์เดียวกันคือตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลเพื่อให้ประเทศได้เดินหน้าต่อไป
ส่วนการปฏิรูป....เอาไว้ค่อยว่ากันในภายหลัง
ขณะที่กล่าวสำหรับตัวนายสุเทพก็คงต้องหนีไม่พ้นที่จะถูกดำเนินคดีจากฝีมือของขี้ข้าระบอบทักษิณ
ซึ่งเวลานี้ร้องเจี๊ยวจ๊าวแย่งกันสร้างผลงานให้เข้าตานายใหญ่กันอย่างละหวั่น ส่วนจะมีจุดจบเช่นเดียว
กับนายประเสริฐ ทรัพย์สุนทร พลเรือนคนแรกที่กล้าประกาศสถาปนารัฏฐาธิปัตย์หรือไม่นั้น อีกไม่
นานคงรู้กัน
และนาทีนี้ คำว่า “เงิบ” คงเป็นคำที่ให้นิยามสำหรับความรู้สึกของนายสุเทพที่เหมาะสมและลงตัวที่สุด
http://www.manager.co.th/AstvWeekend/ViewNews.aspx?NewsID=9570000041121
แตกคอกันแบบนี้ งานใหญ่จะสำเร็จได้อย่างไร ตาไปอ่านกันเต็มๆจาก link ด้วย
แถมคอลัมน์ "หมัดเหล็ก" จาก "ไทยรัฐ" ด้วยก็แล้วกัน "รัฏฐาธิปัตย์"
เส้นยาแดงผ่าแปดโดย หมัดเหล็ก
วันมหา สงกรานต์ ปีนี้ตรงกับ วันจันทร์ที่ 14 เมษายน เวลา 8 นาฬิกา 11 นาที 24 วินาที
นางสงกรานต์นามว่า โคราคะเทวี ทรงพาหุรัด ทัดดอกปีบ อาภรณ์แก้วมุกดาหาร ภักษาหาร
น้ำมัน หัตถ์ขวาทรงขรรค์ หัตถ์ซ้ายทรงไม้เท้า เสด็จยืน มาเหนือหลังพยัคฆ์เป็นพาหนะ
พยากรณ์ตามท้องเรื่อง เอามาผูกโยงกับ วิกฤติการเมืองในระยะนี้ คงจะตีความได้ว่า ระหว่าง
การเจรจาด้วยสันติ กับสงครามกลางเมือง ห่างกันแค่เส้นยาแดงผ่าแปด
การที่ กปปส.นำโดย สุเทพ เทือกสุบรรณ นำม็อบไปเจรจา กับกองทัพ ที่ พล.อ.นิพัทธ์
ทองเล็ก ปลัดกลาโหม เปิดบ้านต้อนรับ ปูทางไปถึงรัฐบาล ปฏิเสธสถาปนา รัฏฐาธิปัตย์
ปากคอสั่น อ้างเป็นแค่แนวคิดโยนหินถามทาง
ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น
เพราะทหารเองก็ยืนยัน รับไม่ได้กับแนวคิดการตั้ง รัฏฐาธิปัตย์ รับไม่ได้กับแนวทางที่นอก
รัฐธรรมนูญ ทหารมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย และเป็นตัวกลางให้ทั้งรัฐบาลและกปปส.
มีทางลงร่วมกันเท่านั้น
เมื่อ กองทัพ ยังต้องประคองสถานะไม่ให้เอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง ไม่ให้ลำเอียง โอกาสที่
คู่กรณีจะพบปะพูดจากันเป็นโต๊ะเจรจายังเป็นเรื่องยาก
กองทัพทำได้แค่ลดแรงปะทะจากทั้งสองฝ่าย ยื้อเวลา สถาน– การณ์ ม็อบชนม็อบไปได้
ชั่วคราวเท่านั้น สถานะกองทัพอยู่ในระหว่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ยืนอยู่บนจุดกึ่งกลาง
ระหว่างปฏิวัติกับปฏิรูป
เป้าหมายรัฐบาลคือ การเลือกตั้ง มีรัฐบาลที่มาจากประชาชนตามรัฐธรรมนูญ เป้าหมายของ
กปปส. คือการ แต่งตั้งนายกฯคนกลาง เข้ามาทำหน้าที่บริหารประเทศชั่วคราว
เป็นวิธีการที่แตกต่างกัน หน้ามือเป็นหลังมือ ในที่สุดแล้วจะตั้ง นายกฯคนกลางได้ ก็ต่อเมื่อ
มีการ ฉีกรัฐธรรมนูญเท่านั้น ไม่มีทางออก แม้จะเกิด ตุลาการภิวัฒน์ ขึ้นอีกครั้งในประเทศไทย
ก็ตาม
และถ้าทหารตัดสินใจ ฉีกรัฐธรรมนูญ ก็จะมีปัญหาและเงื่อนไขตามมาอีกมากมาย ไม่ใช่แค่
การปฏิรูปประเทศ เท่านั้น แต่หมายถึงการเปลี่ยนแปลงการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
ไปอีกขั้น
ว่ากันว่าหลังสงกรานต์บ้านเมืองจะถึง กลียุค จะเกิดเหตุการณ์ นองเลือด ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับ
สถานการณ์เป็นตัวกำหนด อย่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. เคยเกริ่นเอาไว้แล้ว
สถานะของ นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ ครม. ไม่ใช่ตัวแปรของการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
อีกต่อไป แต่อยู่ที่ว่า จะก้าวข้ามความขัดแย้งที่ถึงจุดแตกหักระหว่าง สองขั้วอำนาจ อย่างไรมากกว่า
ตัวกลาง คนกลาง จะเกิดขึ้นอยู่ที่เงื่อนไขจากกองทัพและองค์กรอิสระ การประกาศกฎอัยการศึก
จะเป็นสัญญาณชี้ถึง คำว่าสถานการณ์เป็นตัวกำหนดของ ผบ.ทบ. ที่จะไปไกลกว่านั้น หรือหยุด
อยู่แค่นั้น.
หมัดเหล็ก
http://www.thairath.co.th/content/415951
รัฎฐาธิปัตย์ จาก ผู้จัดการ และ ไทยรัฐ เอามาฝาก "น้องเสือ" และ
คุณ First Touch ช่วยประนาม ทั้ง 2 สื่อเหมือนที่ประนาม สาวเหลือน้อย ...
ที่บอกว่า ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย
แปะอะไรให้อ่าน ไม่เคยวิจารณ์ คนเขียน แต่คนแปะโดนทุกที ไม่รู้เป็นไง