1) ก็กะแล้วว่าต้องมีดี เลยฉายรอบพิเศษก่อนฉายจริงเรียกกระแส ก็เรียกว่ามีดีตามคาดจริงๆ หนังสนุกมากๆทั้งๆที่มีหลายส่วนที่ตะหงิดๆ แต่พอถึงฉากแข่งรถ แบบว่าลืมไปเลยครับว่า รำคาญอะไรบ้าง (ทั้งๆที่มีช่องโหว่ก็เยอะ แต่ก็ลืมมันเกือบทั้งหมดเวลาดูหนังจบออกจากโรงแล้ว)
2) เด่นที่สุดคือฉากแข่งรถ สามารถจำลองมุมมองของนักขับ และคนดู ให้รู้สึกตื่นเต้น ระทึกตามได้ แม้ว่าจะีมีหลายมุมมอง ค่อนข้าง "เชย" และดูช้าๆชอบกลทั้งๆที่เป็นหนังรถแข่ง รู้สึกเหมือนดูหนังยุคเก่าๆก็ตาม แต่พอตัดมาอีกมุม โอ้โห ตื่ื่นเต้นเลยครับพี่ หรืออาจจะเรียกว่าเป็นเทคนิคเป็นการลดระดับ เพื่อเตรียมเพิ่มอาดินารีนให้สูบฉีดมากกว่าเดิมกับช็อตถัดไปรึเปล่าหนอ ไม่แน่ใจ
3) ส่วนของเรื่องราว โดยเฉพาะต้นเรื่องไม่รู่ว่าจะพรรณาถึงความทุกลำบากชวน build อารมณ์คนดูให้เศร้าและทุกข์ตามรึเปล่า แต่กลับเป็นส่วนทดลองใจผู้ชมให้ไม่ลุกหนีออกไปจากโรงเสียก่อน หรือเผื่อเวลาไว้สำหรับคนที่เข้าโรงหนังช้าก็ไม่รู้ แต่ที่รู้แน่ๆ คือดูไม่ค่อยรู้เรื่องเลย เพราะตัวละครโผล่ออกมาโครมเดียวเกือบทุกตัว และแย่งๆกันพูดเยอะแยะซะเกือบจับใจความไม่ได้ คนดูได้แต่ งงๆกันไป แต่อย่างว่า...หนังแบบนี้เนื้อหาจะสำคัญอะไร เดี๋ยวดูๆไปก็เข้าใจไปเองนั่นแหละ (หรือไม่เข้าใจก็ช่างมันเถอะ อย่าได้แคร์ เพราะที่สนุกสุดๆคือฉากแอ็คชั่นต่างหาก)
4) ดารานักแสดง Aaron Paul นักแสดงหนุ่มเจ้าของรางวัลโกลเด้นโกลบ จากซีรีส์ breaking bad
พระเอกก็หล่อดีนะ...เวลากล้องซูมโพกัสเฉพาะตาจมูกปาก แต่ถ้าซูมไกลๆจะเห็นชัดว่ายังไม่เท่าไหร่ เครื่องหน้ากระจุกตรงกลาง (เอ๊ะ ไปดูรูปอื่นๆก็เท่นี่นา แต่ทำไมในเรื่องนี้มันดูหล่อน้อยลงนะ รู้แล้ว...สงสัยเรื่องนี้ไว้เคราน้อยไปกรอบหน้าเลยกว้างกว่าปกติสินะ) แถมเสียงแหบๆทำเท่ (รึเปล่าไม่รู้) แต่อย่างว่า คงเลือกมาเพราะความสามารถเป็นหลักนะ ที่สวยหล่อเท่จริงๆกลับจะเป็นกลุ่มเพื่อนพระเอก ตัวร้าย และนางเอกซะมากกว่า แถมโชว์กันแบบมั่นใจมาก (ในตัวอย่างหนัง เพื่อนพระเอกถอดทุกอย่างเดินโท่งๆในออฟฟิต นึกว่าจะแป๊ปๆ แต่เอาเข้าจริงเดินโตงเตงกันร่วม 5 นาทีเลย มั่นใจโชว์มากๆ แต่ฉากนี้ฮาใ้ช้ได้เลยนะ สาวแก่ในลิฟต์เดินลั่นล้าออกมาเลย 555)
5) เพลงประกอบ เพื่อนผมบ่นว่าเอาเพลงช้ามาประกอบทำไม ก็จริงนะครับ...แต่เข้าใจว่าผู้กำกับอาจจะต้องการให้อารมณ์ประมาณสรรเสริญวีรบุรุษรึเปล่า เพลงเลยออกจะเป็นสไตล์หนังฮีโร่ซุปเปอร์แมนสมัยก่อนยังไงไม่รู้ แต่ดูๆไปก็ ok นะครับ ไม่ได้แย่อะไร (แต่พอถึงเวลาแข่งรถ เสียงบิด ล้อบดถนนกระหึ่มโรงเลย สะใจและลุ้นมากๆ) หรือนี่จะเป็นอีกวิธี build คนดู ให้เพลินๆมึนๆสักนิด ก่อนขยี้ให้มันส์ตามหนังหนอ...
6) ชอบนักบินเฮลิคอปเตอร์มากๆ ไม่รู้โผล่มาได้ยังไงไม่รู้กับสารพัดฮอลหลา่ยๆเครื่อง แต่ก็เป็นส่วนสำคัญ ทำให้หนังสามารถเวอร์ได้อย่างมีเหตุผล (รึเปล่า) ช่วยเสริมให้พระเอกขี่ได้ซิ่งสะใจมากๆ / ดีเจก็เป็นตาแก่ปริศนาอีกคนหนึ่งที่ตอนแรกจัดรายการแบบโบราณพิลึกๆ โผล่มาทำไมไม่รู้ แต่กลับเป็นส่วนที่เสริมให้หนังมันส์ขึ้นได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้เหมือนกัน (แต่็ก็สงสัย ทำไมท่านสามารถทำอะไรได้อลังการโดยที่ไม่เห็นทีมงานก็ไม่รู้เช่นเดิม)
7) ชอบเทคโนโลยีในรถจัง อย่างว่ารถคันละ 20-30 ล้านบาทก็เลยใส่ gps และระบบคอมที่ดีมากๆ จะทำอะไรก็ได้ จะอยู่ในหุบเขายังไง เน็ตก็ไม่หลุด สุดยอด..ดมาก (อันนี้เขียนแซวเฉยๆนะ ในหนังก็แบบดู ok ดีอยู่ แต่พอนึกย้อนกลับไป ก็รู้สึกจริงๆว่าเทคโนโลยีในรถและในเรื่อง สุดยอดมาก) ลืมบอกไป ชอบรถที่เอามาแข่งในเรื่องมากๆครับ สวยสุดๆเลย
8) จริงๆอยากเล่าฉากแข่งรถมากๆ และจริงๆในตัวอย่างหนังก็มีตัวอย่างใส่มาเยอะแยะ แต่ตอนดูในตัวอย่างหนัง ทำไมไม่เห็นตื่นเต้นอะไรเท่าไหร่เลยนะ ดูเชยๆด้วยซ้ำ...พอดูในเรื่องจริงๆ กว่าจะเป็นฉากสรุปสุดท้ายในตัวอย่างหนัง แบบว่ามันผ่านอะไรที่มันส์โคตรๆมาเยอะมากๆ ชนิดเวลาดูแทบจะลืมหายใจกันเลย อ้อ หนังไม่ได้มันส์อย่างเดียว ยังแอบใ่ส่ฉากฮาๆและฉาก "แฮ่" เข้าไปนิดหน่อย ตกใจใช่ได้เลยครับ
9) สรรสาระ...การทำงานอะไรก็ตาม นอกจากฝีมือของเราแล้ว จำเป็นต้องมีทีมงานที่ดีและไว้ใจได้รองรับ ไม่งั้นเป้าหมายที่เราตั้งใจไว้ คงสำเร็จได้โดยยากและอาจมีข้อผิดพลาดที่เราควบคุมไม่ได้ (ถ้าคิดย้อนไป ช่วงไหนของเรื่องที่วิบัติ ก็มักจะไม่มีทีมงานอยู่ข้างๆเสมอๆ)
10) สรุป เป็นอีกเรื่องทีที่แนะนำให้ดูในโรงหนังจะสนุกกว่าครับ เพราะกับจอยักษ์ที่สามารถดูรายละเอียดภาพได้เยอะกว่า (บางฉาก) และระบบเสียงที่แบบกระหึ่มสะใจมากเวลาแข่งรถ มันทำให้หนังมันส์มากๆ จะเรียกว่าเป็นอีกรสชาติที่ไม่เห็นใน Fast & Furious ก็ได้ อันนั้นจะแอ็คชั่นแบบหนังฮีโร่ แ่ต่เรื่องนี้เน้นดูแล้วรู้สึกเสี่ยงๆแอบเสียวตาม และระห่ำในแบบนักแข่งรถสุดบ้าบิ่น (ส่วนจุดอ่อนสารพัดในเส้นเรื่อง แม้จะรู้สึกได้ แต่ก็จะลืมๆไปเองพอตัดไปฉากแข่งรถครับ)
ปล. ฉากแถมท้ายเรื่อง มีฉากแอโรบิคอันเดียวนะครับ พอขำๆ จบแล้วก็ลุกออกได้เลยไ่ม่ต้องรอต่อก็ได้นะ (แต่ใครจะพักหายใจหลังดูหนังจบ นั่งดูเครดิตต่อ ก็ได้นะครับ)
ปล.2 (อันนี้มีสปอยนิดนึง)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แปลว่าพีท ยังเฝ้าดูพระเอกตอนจบเรื่องด้วยเหรอ จึงได้เห็นฉากแข่งรถซะละเอียดตอนท้ายเรื่องด้วย น่าสงสารจริงๆ
ปล.3 ลิงค์รูปประกอบสวยๆครับ จาก IMDB
http://www.imdb.com/media/rm3469789696/tt2369135?ref_=ttmd_md_nxt
++++++++++++++
สงสัยหรืออยากพูดคุยทักทาย เจอะกันได้ที่นี่เลยครับ
https://www.facebook.com/choord.k
อันนี้เป็นเฟชบุ๊ครวมข่าวหนัง โปรโมชั่น รีวิวต่างๆ ที่ผมทำเองครับ
https://www.facebook.com/tomyumtumnoir
[CR] need for speed หนังแข่งรถที่มันส์โคตรๆ แต่แอบแกล้งคนดูให้เซ็งนิดๆรึเปล่าไม่รู้
1) ก็กะแล้วว่าต้องมีดี เลยฉายรอบพิเศษก่อนฉายจริงเรียกกระแส ก็เรียกว่ามีดีตามคาดจริงๆ หนังสนุกมากๆทั้งๆที่มีหลายส่วนที่ตะหงิดๆ แต่พอถึงฉากแข่งรถ แบบว่าลืมไปเลยครับว่า รำคาญอะไรบ้าง (ทั้งๆที่มีช่องโหว่ก็เยอะ แต่ก็ลืมมันเกือบทั้งหมดเวลาดูหนังจบออกจากโรงแล้ว)
2) เด่นที่สุดคือฉากแข่งรถ สามารถจำลองมุมมองของนักขับ และคนดู ให้รู้สึกตื่นเต้น ระทึกตามได้ แม้ว่าจะีมีหลายมุมมอง ค่อนข้าง "เชย" และดูช้าๆชอบกลทั้งๆที่เป็นหนังรถแข่ง รู้สึกเหมือนดูหนังยุคเก่าๆก็ตาม แต่พอตัดมาอีกมุม โอ้โห ตื่ื่นเต้นเลยครับพี่ หรืออาจจะเรียกว่าเป็นเทคนิคเป็นการลดระดับ เพื่อเตรียมเพิ่มอาดินารีนให้สูบฉีดมากกว่าเดิมกับช็อตถัดไปรึเปล่าหนอ ไม่แน่ใจ
3) ส่วนของเรื่องราว โดยเฉพาะต้นเรื่องไม่รู่ว่าจะพรรณาถึงความทุกลำบากชวน build อารมณ์คนดูให้เศร้าและทุกข์ตามรึเปล่า แต่กลับเป็นส่วนทดลองใจผู้ชมให้ไม่ลุกหนีออกไปจากโรงเสียก่อน หรือเผื่อเวลาไว้สำหรับคนที่เข้าโรงหนังช้าก็ไม่รู้ แต่ที่รู้แน่ๆ คือดูไม่ค่อยรู้เรื่องเลย เพราะตัวละครโผล่ออกมาโครมเดียวเกือบทุกตัว และแย่งๆกันพูดเยอะแยะซะเกือบจับใจความไม่ได้ คนดูได้แต่ งงๆกันไป แต่อย่างว่า...หนังแบบนี้เนื้อหาจะสำคัญอะไร เดี๋ยวดูๆไปก็เข้าใจไปเองนั่นแหละ (หรือไม่เข้าใจก็ช่างมันเถอะ อย่าได้แคร์ เพราะที่สนุกสุดๆคือฉากแอ็คชั่นต่างหาก)
4) ดารานักแสดง Aaron Paul นักแสดงหนุ่มเจ้าของรางวัลโกลเด้นโกลบ จากซีรีส์ breaking bad
พระเอกก็หล่อดีนะ...เวลากล้องซูมโพกัสเฉพาะตาจมูกปาก แต่ถ้าซูมไกลๆจะเห็นชัดว่ายังไม่เท่าไหร่ เครื่องหน้ากระจุกตรงกลาง (เอ๊ะ ไปดูรูปอื่นๆก็เท่นี่นา แต่ทำไมในเรื่องนี้มันดูหล่อน้อยลงนะ รู้แล้ว...สงสัยเรื่องนี้ไว้เคราน้อยไปกรอบหน้าเลยกว้างกว่าปกติสินะ) แถมเสียงแหบๆทำเท่ (รึเปล่าไม่รู้) แต่อย่างว่า คงเลือกมาเพราะความสามารถเป็นหลักนะ ที่สวยหล่อเท่จริงๆกลับจะเป็นกลุ่มเพื่อนพระเอก ตัวร้าย และนางเอกซะมากกว่า แถมโชว์กันแบบมั่นใจมาก (ในตัวอย่างหนัง เพื่อนพระเอกถอดทุกอย่างเดินโท่งๆในออฟฟิต นึกว่าจะแป๊ปๆ แต่เอาเข้าจริงเดินโตงเตงกันร่วม 5 นาทีเลย มั่นใจโชว์มากๆ แต่ฉากนี้ฮาใ้ช้ได้เลยนะ สาวแก่ในลิฟต์เดินลั่นล้าออกมาเลย 555)
5) เพลงประกอบ เพื่อนผมบ่นว่าเอาเพลงช้ามาประกอบทำไม ก็จริงนะครับ...แต่เข้าใจว่าผู้กำกับอาจจะต้องการให้อารมณ์ประมาณสรรเสริญวีรบุรุษรึเปล่า เพลงเลยออกจะเป็นสไตล์หนังฮีโร่ซุปเปอร์แมนสมัยก่อนยังไงไม่รู้ แต่ดูๆไปก็ ok นะครับ ไม่ได้แย่อะไร (แต่พอถึงเวลาแข่งรถ เสียงบิด ล้อบดถนนกระหึ่มโรงเลย สะใจและลุ้นมากๆ) หรือนี่จะเป็นอีกวิธี build คนดู ให้เพลินๆมึนๆสักนิด ก่อนขยี้ให้มันส์ตามหนังหนอ...
6) ชอบนักบินเฮลิคอปเตอร์มากๆ ไม่รู้โผล่มาได้ยังไงไม่รู้กับสารพัดฮอลหลา่ยๆเครื่อง แต่ก็เป็นส่วนสำคัญ ทำให้หนังสามารถเวอร์ได้อย่างมีเหตุผล (รึเปล่า) ช่วยเสริมให้พระเอกขี่ได้ซิ่งสะใจมากๆ / ดีเจก็เป็นตาแก่ปริศนาอีกคนหนึ่งที่ตอนแรกจัดรายการแบบโบราณพิลึกๆ โผล่มาทำไมไม่รู้ แต่กลับเป็นส่วนที่เสริมให้หนังมันส์ขึ้นได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้เหมือนกัน (แต่็ก็สงสัย ทำไมท่านสามารถทำอะไรได้อลังการโดยที่ไม่เห็นทีมงานก็ไม่รู้เช่นเดิม)
7) ชอบเทคโนโลยีในรถจัง อย่างว่ารถคันละ 20-30 ล้านบาทก็เลยใส่ gps และระบบคอมที่ดีมากๆ จะทำอะไรก็ได้ จะอยู่ในหุบเขายังไง เน็ตก็ไม่หลุด สุดยอด..ดมาก (อันนี้เขียนแซวเฉยๆนะ ในหนังก็แบบดู ok ดีอยู่ แต่พอนึกย้อนกลับไป ก็รู้สึกจริงๆว่าเทคโนโลยีในรถและในเรื่อง สุดยอดมาก) ลืมบอกไป ชอบรถที่เอามาแข่งในเรื่องมากๆครับ สวยสุดๆเลย
8) จริงๆอยากเล่าฉากแข่งรถมากๆ และจริงๆในตัวอย่างหนังก็มีตัวอย่างใส่มาเยอะแยะ แต่ตอนดูในตัวอย่างหนัง ทำไมไม่เห็นตื่นเต้นอะไรเท่าไหร่เลยนะ ดูเชยๆด้วยซ้ำ...พอดูในเรื่องจริงๆ กว่าจะเป็นฉากสรุปสุดท้ายในตัวอย่างหนัง แบบว่ามันผ่านอะไรที่มันส์โคตรๆมาเยอะมากๆ ชนิดเวลาดูแทบจะลืมหายใจกันเลย อ้อ หนังไม่ได้มันส์อย่างเดียว ยังแอบใ่ส่ฉากฮาๆและฉาก "แฮ่" เข้าไปนิดหน่อย ตกใจใช่ได้เลยครับ
9) สรรสาระ...การทำงานอะไรก็ตาม นอกจากฝีมือของเราแล้ว จำเป็นต้องมีทีมงานที่ดีและไว้ใจได้รองรับ ไม่งั้นเป้าหมายที่เราตั้งใจไว้ คงสำเร็จได้โดยยากและอาจมีข้อผิดพลาดที่เราควบคุมไม่ได้ (ถ้าคิดย้อนไป ช่วงไหนของเรื่องที่วิบัติ ก็มักจะไม่มีทีมงานอยู่ข้างๆเสมอๆ)
10) สรุป เป็นอีกเรื่องทีที่แนะนำให้ดูในโรงหนังจะสนุกกว่าครับ เพราะกับจอยักษ์ที่สามารถดูรายละเอียดภาพได้เยอะกว่า (บางฉาก) และระบบเสียงที่แบบกระหึ่มสะใจมากเวลาแข่งรถ มันทำให้หนังมันส์มากๆ จะเรียกว่าเป็นอีกรสชาติที่ไม่เห็นใน Fast & Furious ก็ได้ อันนั้นจะแอ็คชั่นแบบหนังฮีโร่ แ่ต่เรื่องนี้เน้นดูแล้วรู้สึกเสี่ยงๆแอบเสียวตาม และระห่ำในแบบนักแข่งรถสุดบ้าบิ่น (ส่วนจุดอ่อนสารพัดในเส้นเรื่อง แม้จะรู้สึกได้ แต่ก็จะลืมๆไปเองพอตัดไปฉากแข่งรถครับ)
ปล. ฉากแถมท้ายเรื่อง มีฉากแอโรบิคอันเดียวนะครับ พอขำๆ จบแล้วก็ลุกออกได้เลยไ่ม่ต้องรอต่อก็ได้นะ (แต่ใครจะพักหายใจหลังดูหนังจบ นั่งดูเครดิตต่อ ก็ได้นะครับ)
ปล.2 (อันนี้มีสปอยนิดนึง) [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ปล.3 ลิงค์รูปประกอบสวยๆครับ จาก IMDB http://www.imdb.com/media/rm3469789696/tt2369135?ref_=ttmd_md_nxt
++++++++++++++
สงสัยหรืออยากพูดคุยทักทาย เจอะกันได้ที่นี่เลยครับ
https://www.facebook.com/choord.k
อันนี้เป็นเฟชบุ๊ครวมข่าวหนัง โปรโมชั่น รีวิวต่างๆ ที่ผมทำเองครับ
https://www.facebook.com/tomyumtumnoir