4 ปี 10 เมษาฯ 53 ความยุติธรรมที่ยังคงต้องรอต่อไป

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

รายงานพิเศษ '4 ปี 10 เมษาฯ 53: ความยุติธรรมที่ยังคงต้องรอต่อไป'

เหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อวันที่ 10 เมษายน ปี 2553 วันนี้ (10 เม.ย.2557) ผ่านมาครบรอบ 4 ปีแล้ว แต่กระบวนการหาความจริงและความยุติธรรม ในสายตาของผู้สูญเสียและผู้เกี่ยวข้อง ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ยังคงไม่เป็นไปในทิศทางที่น่าพอใจนัก

เป็นเวลากว่า 4 ปีแล้ว ที่กระสุนสังหารลูกแรก ได้ถูกลั่นออกมาจากปลายกระบอกปืนของเจ้าหน้าที่ทหาร ระหว่างการสลายชุมนุมของเสื้อแดงในเดือนเมษายน 2553 และตามมาด้วยเหตุการณ์สลายชุมนุมเดือนพฤษภาคม ในปีเดียวกัน เป็นเหตุการณ์ที่ใครหลายคน ไม่มีวันจะลืมลงได้

สิ่งที่เป็นปัญหามากที่สุด คือการติดตามหาความจริง และหาความยุติธรรมให้แก่ผู้สูญเสียในทั้งสองฝั่ง ซึ่งจนถึงขณะนี้ คดีความตาย 27 ราย ที่มีคำสั่งศาลออกมา จากทั้งหมด 98 ราย ส่วนใหญ่ศาลได้ชี้ให้เห็นไปในทิศทางเดียวกันแล้ว ว่าเกิดขึ้นจากปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ทหาร ภายใต้คำสั่งของรัฐบาลในขณะนั้น แต่สำหรับกลุ่มภาคประชาชน ที่ติดตามคดีความตายในปี 2553 อย่างศูนย์ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุมเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 หรือ ศปช. ที่ยุติบทบาทลงไปแล้วหลังการจัดทำรายงานฉบับสมบูรณ์ออกมา พวกเขายังไม่พอใจต่อผลความคืบหน้าของความยุติธรรม และการค้นหาความจริงที่ออกมามากนัก

เช่นเดียวกับอดีตประธานสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย หรือ FCCT ระหว่างเหตุการณ์ปี 2553 ในฐานะหัวหน้าขององค์กรแม่ ที่ต้องสูญเสียช่างภาพมือดีอย่างฮิโรยูกิ มูราโมโต้ ช่างภาพรอยเตอร์ไปในเหตุการณ์นี้ และยังตามมาด้วยฟาบิโอ โปเลงกี ช่างภาพอิสระในเดือนต่อมา แม้เขาจะมองเห็นพัฒนาการที่เกิดขึ้น ในการแสวงหาความจริง แต่ทว่ากระบวนการยุติธรรมในการเอาผิด ก็ยังไม่ได้ก่อให้เกิดผลที่น่าพอใจนัก

ความด้อยประสิทธิภาพจากกระบวนการแสวงหาความจริงและความยุติธรรม เป็นเพียงปัญหาหลักอย่างหนึ่งเท่านั้น เมื่อบวกเข้ากับวิกฤติการณ์ทางการเมือง ซึ่งเกิดขึ้นจากการออก พรบ.นิรโทษกรรมแบบเหมาเข่ง ที่กลายเป็นการเคลื่อนไหวล้มรัฐบาลยืดเยื้อยาวนาน ก็ได้ทำให้กระบวนการทุกอย่าง ต้องชะงักงันลงเช่นกัน ซึ่งในส่วนของผู้เฝ้ารอให้ความจริงและความยุติธรรมปรากฏ อย่างญาติวีรชน และผู้ที่เกี่ยวข้อง ก็ยังคงจะต้องเฝ้ารอต่อไป

4 ปีผ่านมาแล้วหลังจากวิกฤติการณ์ในปี 2553 ความคืบหน้าของความจริง และความยุติธรรม เดินมาได้ไม่ถึงครึ่งทางเท่านั้น ท่ามกลางสภาพการณ์เช่นนี้ จึงเป็นไปได้ว่าประชาชนคนไทย รวมถึงคนนอกที่ต้องอยู่ในภาคสนามอีกหลายชีวิต อาจต้องจำทน อยู่กับความอยุติธรรมและความสูญเสียต่อไป โดยที่ไม่มีทางรู้ได้เลย ว่าเมื่อไหร่ จะถึงคราวของพวกเขาเองบ้าง

ที่มา : http://news.voicetv.co.th/thailand/102611.html
         10 เมษายน 2557
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่