เมื่อคราวเป็นเด็ก สิ่งของที่วัยรุ่นคนหนึ่งอยากได้คงเป็นเหมือนหลายๆคนอยากได้คือ สิ่งที่ขับเคลื่อนได้ และมี 2 ล้อ เราบังคับเองได้ ลมโดนหน้าให้รู้สึกมีอิสระ ผมก็เป็นคนหนึ่งที่บ้านไม่ได้มีสถานะดีอะไรมากมาย ตั้งแต่จำความได้ รถ 2ล้อที่สามารถมีไว้ในครอบครองได้คือ จักรยาน 2ล้อใหญ่ และล้อเล็กๆพ่วงล้อหลังอีกหน่อยนึงเพื่อไม่ไห้ล้มไป ซึ่งแน่นอนเด็กๆใครจะมีเงินไปซื้อ ผมได้ขอคุณปู่ ในวันคล้ายวันเกิดของผมเอง (ซึ่งตอนนี้ท่านเสียไปนานมากแล้ว) ซื้อให้จำไม่ผิดน่าจะ 200 - 300 บาท และเป็นเรื่องน่าแปลก เด็กๆจะจำความไม่ค่อยได้ แต่ไอ้เรื่องนี้จำแม่นมาก วันแรกที่ซื้อมา ไม่หลับไม่นอนครับผม ขับอย่างเดียว ใช่แล้วมันไม่ล้มนี่น่า เพราะว่ามี 4 ล้อ ไปเห็นเด็กแถวบ้านทำไมเค้าขี่ได้วะ 2 ล้อ ไม่เห็นล้ม นั้นคือจุดเริ่มต้นของแววช่างรื้อของผมเอง บอกแม่เลยครับ เอาประแจมา ขันล้อเล็กด้านหลังออก แล้วไปขับออกไป เป็นที่แน่นอนอยู่แล้ว "โครม" แผลเต็มตัว ยังไม่เข็ดก็ขับอีกไปเรื่อยๆ ซัก 5-6 วัน ก็ปลิวลมละที่นี้ นั้นคือครั้งแรกกับ รถที่ใช้ได้ 2 ล้อ การทรงตัว การเบรกสองมือ จุดเริ่มต้นอยู่ที่นี้ ครั้งล่าสุดที่เห็นจักรยานคันนี้ (ตอนนี้หายไปไหนแล้วไม่รู้) บิด ๆ เบี้ยวๆ งอๆ ไปหมด น่าจะโดนขายเป็นเศษเหล็กไปแล้วเนื่องจากย้ายบ้านหลายครั้ง
รูปแทนนะครับเพื่อให้นึกภาพออก
เป็นที่รู้กันว่าเด็กๆ โตเร็ว กินเยอะเลยโตเร็ว จักยานที่มีอยู่ก็เลยไม่พอขาที่นี้ ขับไม่ได้ละครับ ก็เลยทำเรื่องของแม่ใหม่ จากที่เล่าไปแล้วว่าสถานะที่บ้านไม่ค่อยสู่ดีนั้น ก็เลยอดครับ ความฝันของผมก็เลยหยุดอยู่ แต่อย่างพึ่งหมดหวัง เด็กๆยังมีวันสำคัญนั้นคือ วันเกิดนั่นเอง ผมก็ขอคุณปู่อีก และผลก็เหมือนเดิม ได้ครับ ที่นี้ไปร้านจักยานแถวบ้านเลย เลือกไอ้คันใหญ่หน่อยเอาแบบ ขาไม่ถึงซิเพื่อโตเลย แต่ก็ยังไม่ใข่ที่ใหญ่ที่สุด (ปัจุจุบันร้านนี้ยังอยู่ที่เดิม) จำได้ว่ายี่ห้อเฟสสันแน่นอน ราคา 900 - 1200 นี่แหละ ตอนนั้นมียี่ห้อเดียวที่ตีตลาดไทย คันนี้ผมขับได้ไม่นาน มีอันต้องย้ายบ้านไปไกล จักรยานก็เลยไม่ต้องเอาไป ตอนนี้ก็ไม่รู้อยู่ไหนจำไม่ได้
ชีวิตสองล้อของผมนั้นได้ถูกเว้นไปเป็นระยะเวลานานมากจน ได้ย้ายบ้านมาไกลจากที่เดิมเยอะมาก เวลาจะไปซื้อของอะไรตามปากซอยรู้สึกว่าลำบากมาก เดินไกล ร้อน ก็เลยเก็บเงินจากค่าขนมไปโรงเรียนเพื่อซื้อจักรยานของตัวเองเป็นคันแรก ในหมู่บ้านที่อยู่นั้นเพื่อนๆ จะใช้จักรยานกันค่อนข้างดีเนื่องจากมีฐานะดีกัน วัยรุ่นตอนนั้นจะใช้พวก BMX เราไม่มีเงินซื้อหรอก เลยไปซื้อจักรยานธรรมดาคัน 800 บาท เป็นแบบเบาะเดียว แฮนด์ตรงๆ มาขับไป ละด้วยความชอบรื้อมัน เครื่องมืออะไรก็มี ซ่อมเองครับ ซ่อมทั้งๆที่ซ่อมไม่เป็นหรอก รื้อไปรื้อมา ผมว่าดูแย่กว่าเดิมอีก มีการพ่นสีเองด้วย เละไปทั้งคันละที่นี้ แต่รถก็ยังพอขับได้ไม่เป็นไร ง่อนแง่นหน่อย นี่คือประสบการณ์ในการมั่วของผมเอง ครั้งล่าสุดที่เจอสภาพไม่ต่างจากรูปเท่าไรครับ
รูปนี้ที่เพื่อนๆเล่นกันตอนเด็กๆ ราคา 2500 up แพงมากครับ
ต่อมาที่บ้านบริษัทได้ให้รถมอไซ์ทมาใช้ฟรีหนึ่งคัน ช่วงนั้นไม่มีสี่จังหวะหรอกนะครับ หมวกกันน็อกก็ไม่ต้องใส่ตำรวจไม่จับ กฎหมายพึ่งจะออกมาที่หลังให้ใส่ รถที่ฮิตๆกันก็ตามหนังเรื่องผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ ใครมีรถถังหน้าโครตเท่ รถที่เค้าให้มาใช้คือ Yamaha TZM ผมไม่กล้าขับหรอกนะครับ เพราะว่ารู้สึกว่ามันใหญ่มาก ล้มไปละซวยเลย แต่มาวันนึงที่บ้านใช้ให้ไปซื้อของปากซอย จักยานผมรื้อออกมาซะเละขับไม่ได้ เค้าก็เลยให้ผมขับ TZM ไป อ้าวจะขับยังไงละขับไม่เป็น มีการมาบอกว่าขับเหมือนจักรยานอีก เกียร์ 1 ตบลง เกียร์ต่อไปงัดขึ้น และก็เป็นเรื่องปกติครับ ออกตัวดับ ควันขโมงเต็มหน้าบ้านเลยกว่าจะไปได้ พอขับไปซักรอบ สองรอบก็เออ ไปได้นี่หว่า ที่นี้สนุกใหญ่เลยครับ ใช้ไปไหนไปหมด ใบขับขี่ไม่มี ขับไปเรื่อยเลย ผมเป็นคนไม่ชอบเรื่องผิดกฎหมายหรืออะไร พออายุถึง รีบบอกแม่ให้พาไปสอบใบขับขี่ทันที ตอนนั้นขนส่งระบบยังห่วยอยู่ ทำไรทีนึงก็ต้องโดน 3 วัน 7 วัน กว่าจะได้นานมาก บัตรก็เป็นกระดาษด้วย แต่ก็ได้มาจนได้ ประสบกราณ์ไม่ดีกับรถคันนี้คือ จอดแล้วล้มครับ ล้มมันหน้าบ้านเลย เท้าไปโดนพักเท้า หนังลอกหมด เจ็บมากเข็ดไปนานเลย หลังๆผมก็ขับไปโรงเรียนด้วย คนมองเพียบเท่มาก รถคันนี้ผมไม่ได้รู้สึกว่าใหญ่อะไรมากมาย รถไม่หนัก ขับสบายดี แต่รถก็ยังไม่ใช่ของผมอยู่ดีคันนี้
และแล้วบริษัทก็เอามอเตอร์ไซ์ทคืนไป คงน่าจะรู้ว่าไม่ได้นำไปใช้ประโยชน์อะไรให้กับบริษัท ผมก็ไม่มีปัญหาอะไรเพราะว่า รร อยู่ใกล้ พอย้ายโรงเรียนไปอยู่ ปวส เท่านั้นแหละ ไกลมาก ตื่นไป รร ทีนึงต้องตีห้า ไม่เช่นนั้นไม่ทันแน่นอน เลยขอแม่อีกครั้ง ขอซื้อมอเตอร์ไซ์ท ก็เป็นปกติที่เราต้องดูเพื่อนๆด้วยว่าเค้ามีอะไรกันเราก็ต้องซื้อตามๆเค้าไป ยุคนั้นเริ่มเป็นยุคผลัดเปลี่ยนจาก 2จังหวะเป็น 4จังหวะ ครึ่งๆกลางอยู่ เค้าจะเล่นพวก Dash LS tena Leo กัน เราไม่ค่อยชอบพวกรถ 2จังหวะเสียงดังไม่ไหว เลยจะเล่นรถ 4จังหวะแทน เลือกอยู่หลายคันไปตกลงที่ Honda Nice 110 cc มีครัสด้วย แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่คือไอ้รุ่นที่ต้องการนี้ เค้าตกรุ่นไปแล้ว ร้านก็ไม่มีจำหน่ายซิ เราก็คว้านหาละครับ ไปได้แถววงเวียนใหญ่ ไปซุกอยู่ในโกดังฝุ่นเพียบซื้อรถใหม่หรือรถเก่าละนี่ นี่คือรถที่ใช้อยู่จนถึงทุกวันนี้
ขอใช้รูปแทนเพื่อให้นึกออกครับ
เดียวมาเล่าต่อครับยังไม่จบ
2 ล้อเครื่อง กับเด็กชายคนหนึ่ง
รูปแทนนะครับเพื่อให้นึกภาพออก
เป็นที่รู้กันว่าเด็กๆ โตเร็ว กินเยอะเลยโตเร็ว จักยานที่มีอยู่ก็เลยไม่พอขาที่นี้ ขับไม่ได้ละครับ ก็เลยทำเรื่องของแม่ใหม่ จากที่เล่าไปแล้วว่าสถานะที่บ้านไม่ค่อยสู่ดีนั้น ก็เลยอดครับ ความฝันของผมก็เลยหยุดอยู่ แต่อย่างพึ่งหมดหวัง เด็กๆยังมีวันสำคัญนั้นคือ วันเกิดนั่นเอง ผมก็ขอคุณปู่อีก และผลก็เหมือนเดิม ได้ครับ ที่นี้ไปร้านจักยานแถวบ้านเลย เลือกไอ้คันใหญ่หน่อยเอาแบบ ขาไม่ถึงซิเพื่อโตเลย แต่ก็ยังไม่ใข่ที่ใหญ่ที่สุด (ปัจุจุบันร้านนี้ยังอยู่ที่เดิม) จำได้ว่ายี่ห้อเฟสสันแน่นอน ราคา 900 - 1200 นี่แหละ ตอนนั้นมียี่ห้อเดียวที่ตีตลาดไทย คันนี้ผมขับได้ไม่นาน มีอันต้องย้ายบ้านไปไกล จักรยานก็เลยไม่ต้องเอาไป ตอนนี้ก็ไม่รู้อยู่ไหนจำไม่ได้
ชีวิตสองล้อของผมนั้นได้ถูกเว้นไปเป็นระยะเวลานานมากจน ได้ย้ายบ้านมาไกลจากที่เดิมเยอะมาก เวลาจะไปซื้อของอะไรตามปากซอยรู้สึกว่าลำบากมาก เดินไกล ร้อน ก็เลยเก็บเงินจากค่าขนมไปโรงเรียนเพื่อซื้อจักรยานของตัวเองเป็นคันแรก ในหมู่บ้านที่อยู่นั้นเพื่อนๆ จะใช้จักรยานกันค่อนข้างดีเนื่องจากมีฐานะดีกัน วัยรุ่นตอนนั้นจะใช้พวก BMX เราไม่มีเงินซื้อหรอก เลยไปซื้อจักรยานธรรมดาคัน 800 บาท เป็นแบบเบาะเดียว แฮนด์ตรงๆ มาขับไป ละด้วยความชอบรื้อมัน เครื่องมืออะไรก็มี ซ่อมเองครับ ซ่อมทั้งๆที่ซ่อมไม่เป็นหรอก รื้อไปรื้อมา ผมว่าดูแย่กว่าเดิมอีก มีการพ่นสีเองด้วย เละไปทั้งคันละที่นี้ แต่รถก็ยังพอขับได้ไม่เป็นไร ง่อนแง่นหน่อย นี่คือประสบการณ์ในการมั่วของผมเอง ครั้งล่าสุดที่เจอสภาพไม่ต่างจากรูปเท่าไรครับ
รูปนี้ที่เพื่อนๆเล่นกันตอนเด็กๆ ราคา 2500 up แพงมากครับ
ต่อมาที่บ้านบริษัทได้ให้รถมอไซ์ทมาใช้ฟรีหนึ่งคัน ช่วงนั้นไม่มีสี่จังหวะหรอกนะครับ หมวกกันน็อกก็ไม่ต้องใส่ตำรวจไม่จับ กฎหมายพึ่งจะออกมาที่หลังให้ใส่ รถที่ฮิตๆกันก็ตามหนังเรื่องผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ ใครมีรถถังหน้าโครตเท่ รถที่เค้าให้มาใช้คือ Yamaha TZM ผมไม่กล้าขับหรอกนะครับ เพราะว่ารู้สึกว่ามันใหญ่มาก ล้มไปละซวยเลย แต่มาวันนึงที่บ้านใช้ให้ไปซื้อของปากซอย จักยานผมรื้อออกมาซะเละขับไม่ได้ เค้าก็เลยให้ผมขับ TZM ไป อ้าวจะขับยังไงละขับไม่เป็น มีการมาบอกว่าขับเหมือนจักรยานอีก เกียร์ 1 ตบลง เกียร์ต่อไปงัดขึ้น และก็เป็นเรื่องปกติครับ ออกตัวดับ ควันขโมงเต็มหน้าบ้านเลยกว่าจะไปได้ พอขับไปซักรอบ สองรอบก็เออ ไปได้นี่หว่า ที่นี้สนุกใหญ่เลยครับ ใช้ไปไหนไปหมด ใบขับขี่ไม่มี ขับไปเรื่อยเลย ผมเป็นคนไม่ชอบเรื่องผิดกฎหมายหรืออะไร พออายุถึง รีบบอกแม่ให้พาไปสอบใบขับขี่ทันที ตอนนั้นขนส่งระบบยังห่วยอยู่ ทำไรทีนึงก็ต้องโดน 3 วัน 7 วัน กว่าจะได้นานมาก บัตรก็เป็นกระดาษด้วย แต่ก็ได้มาจนได้ ประสบกราณ์ไม่ดีกับรถคันนี้คือ จอดแล้วล้มครับ ล้มมันหน้าบ้านเลย เท้าไปโดนพักเท้า หนังลอกหมด เจ็บมากเข็ดไปนานเลย หลังๆผมก็ขับไปโรงเรียนด้วย คนมองเพียบเท่มาก รถคันนี้ผมไม่ได้รู้สึกว่าใหญ่อะไรมากมาย รถไม่หนัก ขับสบายดี แต่รถก็ยังไม่ใช่ของผมอยู่ดีคันนี้
และแล้วบริษัทก็เอามอเตอร์ไซ์ทคืนไป คงน่าจะรู้ว่าไม่ได้นำไปใช้ประโยชน์อะไรให้กับบริษัท ผมก็ไม่มีปัญหาอะไรเพราะว่า รร อยู่ใกล้ พอย้ายโรงเรียนไปอยู่ ปวส เท่านั้นแหละ ไกลมาก ตื่นไป รร ทีนึงต้องตีห้า ไม่เช่นนั้นไม่ทันแน่นอน เลยขอแม่อีกครั้ง ขอซื้อมอเตอร์ไซ์ท ก็เป็นปกติที่เราต้องดูเพื่อนๆด้วยว่าเค้ามีอะไรกันเราก็ต้องซื้อตามๆเค้าไป ยุคนั้นเริ่มเป็นยุคผลัดเปลี่ยนจาก 2จังหวะเป็น 4จังหวะ ครึ่งๆกลางอยู่ เค้าจะเล่นพวก Dash LS tena Leo กัน เราไม่ค่อยชอบพวกรถ 2จังหวะเสียงดังไม่ไหว เลยจะเล่นรถ 4จังหวะแทน เลือกอยู่หลายคันไปตกลงที่ Honda Nice 110 cc มีครัสด้วย แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่คือไอ้รุ่นที่ต้องการนี้ เค้าตกรุ่นไปแล้ว ร้านก็ไม่มีจำหน่ายซิ เราก็คว้านหาละครับ ไปได้แถววงเวียนใหญ่ ไปซุกอยู่ในโกดังฝุ่นเพียบซื้อรถใหม่หรือรถเก่าละนี่ นี่คือรถที่ใช้อยู่จนถึงทุกวันนี้
ขอใช้รูปแทนเพื่อให้นึกออกครับ
เดียวมาเล่าต่อครับยังไม่จบ