แยกทางกับสามมาสามเดือนกำลังเข้าเดือนที่สี่แล้วค่ะ
ซึ่งสามีก็ได้คบหากับผู้หญิงที่ทำให้เกิดปัญหาครอบครัวและยุติความสัมพันธ์กับเราอย่างถาวรไปแล้ว เธอเป็นสาวการบินไทย ที่รักสามีเราเท่าฟ้า 555+ ซึ่งแตกต่างจากสาวการบินไทยที่เรารู้จักทั่วๆไป ที่จะรักลูกค้าเท่าฟ้า 555+
ตอนนี้สามีก็ย้ายไปเช่าห้องหรูอยู่ย่านเอกมัย มีแอร์ มีทุกอย่างพร้อม ซื้อจักรยานคันละหมื่นมาปั่นเล่น ซื้อไอโฟนมาใช้ แต่ขอต่อรองค่าเลี้ยงดูลูกจากพันกลางๆ มาเป็นจำนวนเงินพันต้นๆ ด้วยเหตุผลที่ว่า ส่งได้แค่นี้ อยากมีเก็บ ต้องคิดเรื่องอนาคต และยายของลูก(แม่เรา)มีเงินเลี้ยงได้สบายๆ ไม่ลำบากเลย
ล่าสุดลูกเข้า รพ. ด้วยอาการไข้และอาหารเป็นพิษ หมอให้แอทมิทเพราะยังเป็นเด็กเล็ก(ขวบสี่เดือน) เราขอให้เค้ามาช่วยดูหน่อยเพราะเราต้องกลับไปเก็บของ และจัดการเรื่องเอกสารต่างๆ ซึ่งเขาบอกว่าให้นอนห้องพิเศษใหม่เลย คืนละ 2400 เขาจะจ่ายเอง เราก็แบบรู้สึกว่าโอเค เขารักลูกนะ แต่จากนั้นพอเราไปคุยเรื่องห้องตอนลูกเจาะสายน้ำเกลือ เขาก็โทรมาบอกว่า ไม่มีเงิน นอนห้องธรรมดาไปแหละ ซึ่งเราก็ถึงบางอ้อเลยว่า ตอนนั้นคงอยู่กับใครเลยพูดสร้างภาพตามประสา แต่เราก็ยังโอเคนะคะ เพราะอย่างน้อยเขาก็บอกว่าจะมาดูลูกให้ตอนลงมาทำเอกสาร
เรารอนานมากค่ะ และเขาก็มาค่ะ แต่ !!!! ต้องรีบไปรับแฟนใหม่ คือสาวการบินไทย และต้องพาไปกินข้าวกัน คือ ตอนนั้นอึ้งมาก อยากเอาส้น-ทีน กระโดดีบให้ปลิวเลยค่ะ สรุปห้องพิเศษเดี่ยวธรรมดาเต็มเลยให้นอนห้องรวมไป เพราะคืนละ2400 เราจ่ายไม่ไหว และไม่อยากกวนแม่มาก เพราะสามเดือนที่ผ่านมา ขอมาตลอด แม่เราก็ให้โดยไม่ถาม จนเราเพิ่งมาได้งานก่อนน้องเข้า รพ. 1สัปดาห์เองค่ะ ก็ลางานพาลูกไปหาหมอ ตามด้วยการลาออกมาดูลูกก่อน เพราะเลี้ยงคนเดียว รอลูกปรับร่างกาย ปรับตัว แล้วค่อยกลับไปเข้าเนิร์สและเริ่มหางานใหม่
ตลอดเวลาที่ลูกเข้า รพ. ไม่เคยมาเยี่ยมเลยค่ะ แม้ตอนกลับมาบ้าน สัญญาจะเอาของมาคืนเราก็ไม่มา เราโทรตาม ก็มาเอานะคะ แต่แบบไม่อยากมาเพราะเมื่อคืนไปเล่นเกมส์บ้านเพื่อนดึกเพลียมาก อ้าว!!!แล้วข้อมูลงานเราที่อยู่ในฮาร์ดดิสที่เขาเอาไปหล่ะ แต่สุดท้ายก็ยังยอมมา(หลังจากเราทนไม่ไหวด่าเรื่องสามัญสำนึกไป) เอาของมาคืนเรา มาหยิบของเค้าแล้วก็ไป บอกลูกว่าจะไปทำงานไม่เล่นด้วย ปล่อยลูกร้องไห้น้ำตาร่วง (วันอาทิตย์วันหยุด ห้าโมงกว่า ใส่เสื้อยืด กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ ไปทำงาน แหม่ มุกเดิมเลยเหมือนตอนมีนัดไปกินข้าว)
และจนถึงวันนี้ไม่มีการติดต่อโทรมาถามว่าลูกเป็นไง โอเคไหม หรือหายสนิทหรือยัง บวกกับพฤติกรรมโกหกซ้ำซาก ขาดความรับผิดชอบ ทั้งในเรื่องคำพูด และเรื่องการส่งเสียลูก ขนาดเราไม่ทำงาน เรายังจ่ายมากกว่าที่เขาให้เลย ยิ่งแม่เราไม่ต้องพูดถึงจ่ายให้เราเยอะมาก
ที่สำคัญเขาโทรพูดกับแม่เราว่า เค้ามีลูกใหม่ก็ได้ไม่เป็นไร แต่เขาสงสารเรา เราเป็นผู้หญิง ซึ่งแม่เราก็ไม่ได้พูดอะไร พูดแค่ นี่เป็นเรื่องของคนสองคน แม่เราไม่อยากจะพูด ให้ตกลงกันเอง แต่เขาบอกแม่เราว่า เขาคุยกับเราไม่รู้เรื่อง เราเลยคุยกับเขาอีกที เราพูดกับเขาว่า อยากส่งเท่าไรก็ส่งแล้วแต่ ทีนี้เราเป็นคนคุยรู้เรื่องทันทีเลยค่ะ ซึ่งเรานี่แบบ เอือมมาก
เราเลยจะบอกลูกไปตรงๆแล้ว ว่า พ่อเค้าไปมีครอบครัวใหม่แล้ว เขาทิ้งเราไว้ข้างหลัง เราไม่สามรถเรียกร้องอะไรจากเขาได้ โลกของหนูมีแค่แม่กับยายและหนูแล้วนะ เราคือ ครอบครัวที่เหลืออยู่
จริงๆมีป้าที่รู้จักกันแนะนำเราว่า บอกไปเถอะ ว่า พ่อตายไปแล้ว ตัดปัญหา แม้แต่เพื่อนก็บอกให้ย้ายบ้าน เปลี่ยน เปลี่ยนสกุล เพราะอดีตสามีเราเวลาที่เค้ามาเยี่ยมลูกเขาก็จะพูดไปเรื่อยจนมีคนมาพูดกับเราว่า เรากีดกันไม่ให้เขาเจอลูกบ้าง เราเป็นคนเห็นแก่ตัวบ้างที่ไม่ยอมอดทนเพื่อลูก เราเป็นคนที่ไม่เข้าใจโลกของผู้ชายเรื่องที่เขาไปกุ๊กกิ๊กกับผู้หญิงอื่นบ้าง คาดหวังว่าจะได้สามีบริสุทธิ์
ซึ่งบอกตรงๆเราเบื่อมาก เราแทบจะไม่เคยพูดถึงความชั่วเขาเลย ทั้งเรื่องนอกใจ เรื่องต่างๆนานา แม้เรื่องทำร้ายร่างกายที่พ่อเขาบอกว่าทำเล่นๆ ไม่ได้ทำจริง เรื่องที่เราแท้งจากการทำร้ายร่างกายตอนปีใหม่ที่เราจับได้ว่าเขานอกใจ และเขาเลือกเพื่อน และผู้หญิงคนอื่นมากกว่าเราและลูก จนต้องเลิกกัน
คือ วันนี้เราเหนื่อย เบื่อ และเจ็บลึกมาก เราไม่อยากให้ลูกเราต้องมาเห็น ซึมซับ ผูกพัน หรือได้ยินอะไรแบบนี้อีก ถ้าจะตัดใจบอกลูก สอนลูกแบบนี้ และเมื่อเขาโตหน่อยเราจะเล่าให้เขาฟังทั้งหมดที่เกิดขึ้น คงไม่เลวร้ายไปใช่ไหมคะ
สุดท้ายอยากเตือนวันใส วัยทำงาน ว่า ถ้าไม่พร้อมอย่ามีลูก ก่อนมีลูกถามใจตัวเองดีๆ ศึกษาเรื่องการมีลูกดีๆ อย่าคิดว่ามันง่าย ที่จะมีแล้วทิ้งๆขว้างๆ หรือยกเป็นภาระของคนเพียงคนเดียว หรือถ้ามีแล้ว ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ ก็ต้องกล้าที่จะรับผิดชอบ นึกถึงตอนสอดใส่และซอยนะคะ มันส์ไหม ฟินไหม มากแค่ไหนก็ตาม ขอให้มีความกล้ามากพอ และตระหนักรับรู้ด้วยว่า ต้องมีความรับผิดชอบให้มากเท่ากัน เพราะเด็กคนนึงเติบโตขึ้นมาก็จะเป็นพลังขับเคลื่อนในสังคมต่อไป ถ้าคุณแสดงความเห็นแก่ตนเอง แสดงความไม่ซื่อสัตย์ออกมา ผลผลิตที่ได้ ก็จะเป็นแบบที่คุณแสดง คุณอาจจะบอกได้ว่า อย่าทำนะ แต่ถ้าคุณทำ ลูกคุณจะเลียนแบบคุณค่ะ ขอให้คิดให้มากเมื่อยามมีลูก และมีเพศสัมพันธ์โดยมองเกินคำว่ามันส์ไปได้ค่ะ
มันดูเลวร้ายไปไหมที่จะบอกลูกเกี่ยวกับพ่อของเขาแบบนี้???
ซึ่งสามีก็ได้คบหากับผู้หญิงที่ทำให้เกิดปัญหาครอบครัวและยุติความสัมพันธ์กับเราอย่างถาวรไปแล้ว เธอเป็นสาวการบินไทย ที่รักสามีเราเท่าฟ้า 555+ ซึ่งแตกต่างจากสาวการบินไทยที่เรารู้จักทั่วๆไป ที่จะรักลูกค้าเท่าฟ้า 555+
ตอนนี้สามีก็ย้ายไปเช่าห้องหรูอยู่ย่านเอกมัย มีแอร์ มีทุกอย่างพร้อม ซื้อจักรยานคันละหมื่นมาปั่นเล่น ซื้อไอโฟนมาใช้ แต่ขอต่อรองค่าเลี้ยงดูลูกจากพันกลางๆ มาเป็นจำนวนเงินพันต้นๆ ด้วยเหตุผลที่ว่า ส่งได้แค่นี้ อยากมีเก็บ ต้องคิดเรื่องอนาคต และยายของลูก(แม่เรา)มีเงินเลี้ยงได้สบายๆ ไม่ลำบากเลย
ล่าสุดลูกเข้า รพ. ด้วยอาการไข้และอาหารเป็นพิษ หมอให้แอทมิทเพราะยังเป็นเด็กเล็ก(ขวบสี่เดือน) เราขอให้เค้ามาช่วยดูหน่อยเพราะเราต้องกลับไปเก็บของ และจัดการเรื่องเอกสารต่างๆ ซึ่งเขาบอกว่าให้นอนห้องพิเศษใหม่เลย คืนละ 2400 เขาจะจ่ายเอง เราก็แบบรู้สึกว่าโอเค เขารักลูกนะ แต่จากนั้นพอเราไปคุยเรื่องห้องตอนลูกเจาะสายน้ำเกลือ เขาก็โทรมาบอกว่า ไม่มีเงิน นอนห้องธรรมดาไปแหละ ซึ่งเราก็ถึงบางอ้อเลยว่า ตอนนั้นคงอยู่กับใครเลยพูดสร้างภาพตามประสา แต่เราก็ยังโอเคนะคะ เพราะอย่างน้อยเขาก็บอกว่าจะมาดูลูกให้ตอนลงมาทำเอกสาร
เรารอนานมากค่ะ และเขาก็มาค่ะ แต่ !!!! ต้องรีบไปรับแฟนใหม่ คือสาวการบินไทย และต้องพาไปกินข้าวกัน คือ ตอนนั้นอึ้งมาก อยากเอาส้น-ทีน กระโดดีบให้ปลิวเลยค่ะ สรุปห้องพิเศษเดี่ยวธรรมดาเต็มเลยให้นอนห้องรวมไป เพราะคืนละ2400 เราจ่ายไม่ไหว และไม่อยากกวนแม่มาก เพราะสามเดือนที่ผ่านมา ขอมาตลอด แม่เราก็ให้โดยไม่ถาม จนเราเพิ่งมาได้งานก่อนน้องเข้า รพ. 1สัปดาห์เองค่ะ ก็ลางานพาลูกไปหาหมอ ตามด้วยการลาออกมาดูลูกก่อน เพราะเลี้ยงคนเดียว รอลูกปรับร่างกาย ปรับตัว แล้วค่อยกลับไปเข้าเนิร์สและเริ่มหางานใหม่
ตลอดเวลาที่ลูกเข้า รพ. ไม่เคยมาเยี่ยมเลยค่ะ แม้ตอนกลับมาบ้าน สัญญาจะเอาของมาคืนเราก็ไม่มา เราโทรตาม ก็มาเอานะคะ แต่แบบไม่อยากมาเพราะเมื่อคืนไปเล่นเกมส์บ้านเพื่อนดึกเพลียมาก อ้าว!!!แล้วข้อมูลงานเราที่อยู่ในฮาร์ดดิสที่เขาเอาไปหล่ะ แต่สุดท้ายก็ยังยอมมา(หลังจากเราทนไม่ไหวด่าเรื่องสามัญสำนึกไป) เอาของมาคืนเรา มาหยิบของเค้าแล้วก็ไป บอกลูกว่าจะไปทำงานไม่เล่นด้วย ปล่อยลูกร้องไห้น้ำตาร่วง (วันอาทิตย์วันหยุด ห้าโมงกว่า ใส่เสื้อยืด กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ ไปทำงาน แหม่ มุกเดิมเลยเหมือนตอนมีนัดไปกินข้าว)
และจนถึงวันนี้ไม่มีการติดต่อโทรมาถามว่าลูกเป็นไง โอเคไหม หรือหายสนิทหรือยัง บวกกับพฤติกรรมโกหกซ้ำซาก ขาดความรับผิดชอบ ทั้งในเรื่องคำพูด และเรื่องการส่งเสียลูก ขนาดเราไม่ทำงาน เรายังจ่ายมากกว่าที่เขาให้เลย ยิ่งแม่เราไม่ต้องพูดถึงจ่ายให้เราเยอะมาก
ที่สำคัญเขาโทรพูดกับแม่เราว่า เค้ามีลูกใหม่ก็ได้ไม่เป็นไร แต่เขาสงสารเรา เราเป็นผู้หญิง ซึ่งแม่เราก็ไม่ได้พูดอะไร พูดแค่ นี่เป็นเรื่องของคนสองคน แม่เราไม่อยากจะพูด ให้ตกลงกันเอง แต่เขาบอกแม่เราว่า เขาคุยกับเราไม่รู้เรื่อง เราเลยคุยกับเขาอีกที เราพูดกับเขาว่า อยากส่งเท่าไรก็ส่งแล้วแต่ ทีนี้เราเป็นคนคุยรู้เรื่องทันทีเลยค่ะ ซึ่งเรานี่แบบ เอือมมาก
เราเลยจะบอกลูกไปตรงๆแล้ว ว่า พ่อเค้าไปมีครอบครัวใหม่แล้ว เขาทิ้งเราไว้ข้างหลัง เราไม่สามรถเรียกร้องอะไรจากเขาได้ โลกของหนูมีแค่แม่กับยายและหนูแล้วนะ เราคือ ครอบครัวที่เหลืออยู่
จริงๆมีป้าที่รู้จักกันแนะนำเราว่า บอกไปเถอะ ว่า พ่อตายไปแล้ว ตัดปัญหา แม้แต่เพื่อนก็บอกให้ย้ายบ้าน เปลี่ยน เปลี่ยนสกุล เพราะอดีตสามีเราเวลาที่เค้ามาเยี่ยมลูกเขาก็จะพูดไปเรื่อยจนมีคนมาพูดกับเราว่า เรากีดกันไม่ให้เขาเจอลูกบ้าง เราเป็นคนเห็นแก่ตัวบ้างที่ไม่ยอมอดทนเพื่อลูก เราเป็นคนที่ไม่เข้าใจโลกของผู้ชายเรื่องที่เขาไปกุ๊กกิ๊กกับผู้หญิงอื่นบ้าง คาดหวังว่าจะได้สามีบริสุทธิ์
ซึ่งบอกตรงๆเราเบื่อมาก เราแทบจะไม่เคยพูดถึงความชั่วเขาเลย ทั้งเรื่องนอกใจ เรื่องต่างๆนานา แม้เรื่องทำร้ายร่างกายที่พ่อเขาบอกว่าทำเล่นๆ ไม่ได้ทำจริง เรื่องที่เราแท้งจากการทำร้ายร่างกายตอนปีใหม่ที่เราจับได้ว่าเขานอกใจ และเขาเลือกเพื่อน และผู้หญิงคนอื่นมากกว่าเราและลูก จนต้องเลิกกัน
คือ วันนี้เราเหนื่อย เบื่อ และเจ็บลึกมาก เราไม่อยากให้ลูกเราต้องมาเห็น ซึมซับ ผูกพัน หรือได้ยินอะไรแบบนี้อีก ถ้าจะตัดใจบอกลูก สอนลูกแบบนี้ และเมื่อเขาโตหน่อยเราจะเล่าให้เขาฟังทั้งหมดที่เกิดขึ้น คงไม่เลวร้ายไปใช่ไหมคะ
สุดท้ายอยากเตือนวันใส วัยทำงาน ว่า ถ้าไม่พร้อมอย่ามีลูก ก่อนมีลูกถามใจตัวเองดีๆ ศึกษาเรื่องการมีลูกดีๆ อย่าคิดว่ามันง่าย ที่จะมีแล้วทิ้งๆขว้างๆ หรือยกเป็นภาระของคนเพียงคนเดียว หรือถ้ามีแล้ว ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ ก็ต้องกล้าที่จะรับผิดชอบ นึกถึงตอนสอดใส่และซอยนะคะ มันส์ไหม ฟินไหม มากแค่ไหนก็ตาม ขอให้มีความกล้ามากพอ และตระหนักรับรู้ด้วยว่า ต้องมีความรับผิดชอบให้มากเท่ากัน เพราะเด็กคนนึงเติบโตขึ้นมาก็จะเป็นพลังขับเคลื่อนในสังคมต่อไป ถ้าคุณแสดงความเห็นแก่ตนเอง แสดงความไม่ซื่อสัตย์ออกมา ผลผลิตที่ได้ ก็จะเป็นแบบที่คุณแสดง คุณอาจจะบอกได้ว่า อย่าทำนะ แต่ถ้าคุณทำ ลูกคุณจะเลียนแบบคุณค่ะ ขอให้คิดให้มากเมื่อยามมีลูก และมีเพศสัมพันธ์โดยมองเกินคำว่ามันส์ไปได้ค่ะ