เสียงเล็กๆ น้อยๆ ถึง... ช่อง 7

นานๆ จะได้มาเขียนอะไรถึงช่อง 7 ขอยาวหน่อยหละกัน

ไตรมาสแรกผ่านไปแล้ว ผลงานละครที่ออกอากาศมีทั้งบวก-ลบ
แต่ล่าสุด อะไรที่ไม่เคยเกิดมาก่อน ก็ต้องเกิด
ถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบประวัติศาตร์ช่องเลย ที่จะเรตติ้งน้อยกว่าช่องตรงข้ามยกชุดขนาดนี้
ผลจากการกระทำ จะผลงานของใครก็แล้วแต่ ชี้ให้เห็นแล้วว่า เฉยกว่านี้ไม่ได้แล้วนะ (ทั้งที่ทุกวันนี้ก้อนิ่งมากอยู่แล้ว)

เรื่องแรก การรับมือทีวีดิจิตอล

การทำธุรกิจระดับแนวหน้าขนาดนี้ การเปลี่ยนแปลงในวงการทีวีเป็นทีวีติจิตอล
ผู้ประกอบการรายใหม่ แต่ประสบการณ์ไม่เก่า แต่ละช่องแย่งซีนกันน่าดู --- แต่ช่อง 7 เงียบมาก T.T
ผู้ประกอบการช่องใหม่ ใช้สื่อพีอาร์เพื่อเกิดการรับรู้ เพื่อกระตุ้นความสนใจ -- ช่อง 7 ยังนิ่งอยู่
ผู้ประกอบการรายใหม่ พยายามใช้เครื่องมือเพื่อแย่งชิง จำนวนผู้ชม - ช่อง 7 ยังชิวๆๆ

ณ จุดนี้ ก็ยังไม่เข้าใจ ทำไมช่องไม่พีอาร์ความเป็นทีวีติจิตอลออกมาเลย เมื่อวันที่ 1 คนถามหาช่อง 7 กันให้แซ่ด
หลังจากดูไม่ได้ แต่ก่อนหน้านั้นทำไมไม่หาข้อมูล ไม่พีอาร์ ไม่คอนเท้น หรือเทสในกลุ่มผู้ชมทีวีเคเบิ้ล
นักแสดงในช่องก็มี ทำไมไม่ทำสปอร์ตโฆษณา ชวนคนดูช่อง 7 ทีวีดิจิตอล  ทำความเข้าใจในการรับชม
ช่องอื่นๆ เปิดตัวกันให้พรึบ โฆษณาป้ายบิลบอร์ด ยัง รถไฟฟ้า แต่ช่อง 7 เงียบมาก
นี่เขาก็ทดลองออกอากาศกันฟินไปแล้ว ช่อง 7 กว่าจะได้ทดลอง มันก็หมดความสดใหม่ ความตื่นตัวไปแล้ว

เรื่อง บริหารงานนักแสดง ละคร

จากปีที่แล้วเปิดกล้องละครช้า ทำให้ปีนี้การจะหยิบละครเรื่องไหนลงผังมันช่างตัดสินใจยากจริง  บางเรื่องเปิดกล้องนานแล้วแต่ถ่ายได้น้อย
เคยเข้าใจว่านักแสดงแต่ละคนจะมีงานในมืออย่างน้อยคนละ 2 เรื่อง ปีที่แล้วหายไปหลายคนเพื่อจะพยายามดันเด็กใหม่ขึ้นมา
แต่เอาจริงก็เกิดได้แค่สอง ไมค์ ภัทรเดช กับ ธันวา ส่วนคนอื่นๆ ยังเป็นตัวรอง เป็นพระเอกซิทคอม ละครเย็นกันไปก่อน ??
จึงจะเห็นได้ว่า ช่องขาดตัวนักแสดงชาย มันเลยทำให้ละครไม่สดใหม่ ขาดความหวือหวา

ยิ่งช่วงหลังเจอนโยบายเก่าดันใหม่ แล้วเจอการประกบกันแบบว่า คนรอดูเห็นแล้วร้อง ว้า... แทนที่การเปิดกล้อง ข่าวเปิดละครใหม่
คนรอคอย คนคาดหวัง จากฮือฮา หวือหวา กลายเป็น ฟีคแบคแย่ๆ กลับไป

ยกตัวอย่าง เรื่อง พราว หรือ ปีกมงกุฏ คือ คนต่างรอคอย ลุ้นและคาดหวัง พอตัวนักแสดงออกมาแล้วโดนใจ ถูกใจคนดู มันจะเป็นการสร้างกระแส
ความอยากดูเป็นปากต่อปาก เป็นไวรัสมาร์เก็ตติ้ง ที่ช่องไม่ต้องลงแรงสร้างเลย ผู้ชมคนรอคอยจะสร้างให้เอง

บางเรื่องที่ช่องอยากจะสร้างอยากจะผลิตแต่ต้องปิดเงียบเพราะอะไร เพราะรู้แต่ต้นใช่หรือเปล่าว่า
ตัวนักแสดงอาจจะไม่โดนใจแฟนละคร-แฟนช่อง จึงต้องพยายามปิดข่าวให้เงียบ มาอีกทีสรุปเปิดกล้องเลย
ข้อดี ตรงนี้ คือ ตัดสินใจง่าย ไม่ต้องเสียน้ำใจนักแสดงที่โดนวางตัว แต่ต้องควรระวังข้อบกพร่องตามมา
ว่าคุณวางตัวนักแสดงเหมาะสมไหม ??

เหมาะสมกับบทประพันธ์ แล้ว พระนางเข้ากันไหม คือ คนที่จะเล่นละครด้วยกันได้ มันต้องแบบแค่ยืนคู่กันคนก็ยิ้มแล้ว
่ไม่ใช่วางตัวมาแบบ พระเอกไปซ้าย นางเอกไปขวา  เพราะฉะนั้นคนที่บริหารนักแสดงและวางตัวนักแสดง
ขอเหอะ ให้ได้แบบว่า เห็นแล้ว เกิดความสนใจ เกิดความอยากดู ไม่ใช่เห็นแล้วก็จบไป ...


การวางคิวงานนักแสดง

ในเรื่องนี้ถ้าช่องไม่อยากให้เกิดข้อครหา น้องรัก ลูกรัก ลูกชัง ช่องควรจะมีความชัดเจน ถ้าไม่อยากบอกว่าจะให้เล่นเรื่องอะไร
ก็ควรให้นักแสดงออกมาบอกหรือช่องควรหาช่องทางปล่อยข่าวว่า มีละครรออยู่นะ เร็วๆนี้จะมีละครแล้ว
คือแฟนคลับใคร เขาก็อยากเห็นนักแสดงที่เขารักมีผลงาน หลายคน เป็นนักแสดงเรตติ้งดี กระแสดี แต่ผลงานน้อยและเงียบมาก
ยิ่งไม่มีงานประจำอย่างพิธีกรหรือรายการต่างๆ เขาจะหายหน้าไปเลย แล้วกว่าจะกลับมาสร้างกระแสอีกทีตอน ละครจะออนมันจะทันกินไหม

เข้าใจว่าตอนนี้หลายๆ คนยังคาใจกับการบริหารนักแสดงลงละคร เพราะหลายคนต้องใช้คำว่า หายไปจากจอจริงๆ
ถ้าช่องมีความบริสุทธ์ใจ ว่า ไม่มี ลูกรัก น้องรัก ลูกชัง ก็ควรมาบริหารจัดการตรงนี้ให้กระจ่างขึ้น

การอนุมัติละคร

ถือว่ามีการปรับดีขึ้น เพราะมีละครหลากหลาย มีโอกาสปล่อยให้ค่ายเล็ก ค่ายใหม่เข้ามาทำละคร
แต่ในส่วนค่ายใหญ่ ค่ายพี่ในช่อง ควรจะมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี
เพราะผลค่ายละคร ก็คือหน้าตาของช่อง ยกตัวอย่างเลย ค่ายพอดีคำ ค่ายนี้รู้จุดด้อยจุดเด่นของตัวเอง

เราไม่มั่นใจว่าการบริหารงานค่ายละครในยุคนี้เป็นแบบไหน เมื่อก่อนช่วงคุณแดงอยู่ จำได้ว่า
ช่วงแรก พอดีคำ จะมีปัญหาเรื่องเขียนบท คุณแดง ให้ คนเขียนบทช่องไปช่วย ค่ายพอดีคำ เขียนบท
จนปัจจุบัน พอดีคำ จะใช้คนเขียนบทฟรีแลนช์ ผสมกับคนของค่าย

ดาราวิดีโอ นี่หนักหน่อย เพราะค่ายนี้อยุ่ในช่วงถ่ายเลือด เข้าใจว่า โดนดึงคนทำงานไปเยอะ เราคิดว่าคงอีกพักใหญ่ค่ายถึงหายปกติ
แต่ยังไงเชื่อว่า ทุกคนพร้อมให้โอกาสค่ายนี้เสมอ

จากที่ทราบมาว่า ช่องจะอ่านบทโทรทัศน์ก่อนให้สร้าง และ ตรวจก่อนประมาณ 4-5 ตอนแรกก่อนออกอากาศ
แต่ตอนนี้เรางงกับละครเรื่องพายุเทวดา หางเครื่อง และ โก๊ะ มาก
อันนี้คืองานที่ผ่านการอนุมัติการตรวจก่อนฉายของช่องแล้วจริงหรือเปล่า
ถ้าจริงก็เริ่มจะเป็นห่วงกับวิสัยทัศน์หรือมุมมองการนำเสนอละครของทีมพิจารณาอนุมัติละครหละ .. T.T

การเพิ่ม ลด ขยายตอน อันนี้จะเห็นได้ว่า ยืดหยุ่นมากขึ้น แม้เรตติ้งน้อยช่องก็จะให้ฉายต่อ
ไม่มีการตัดจบ....แต่บางเรื่อง ขอเหอะ คือบทไม่ไปไหนวนไปมา แล้วเรตติ้งก็ต่ำกว่ามาตรฐานมาก ><
โปรดระวังหลุมถ้าลงไปลึกเรื่องต่อมาก็อาจจะดึงไม่ไหว
ฉะนั้นถ้าจะเพิ่มตอน ควรเพิ่มโดยการเขียนบทแบบมีประเด็นให้ติดตามด้วยเหอะ วนอยู่ในอ่างถ้าควรจะจบก็จบเหอะ

เราอยากให้ช่องมีทีมเเขียนบทโทรทัศน์ของช่อง ช่วยกันเขียนเป็นทีม ช่วยกันอ่านช่วยกันแก้ไข ดีกว่าปล่อยลงหนอง ลงทะเลไปคนเดียว
อีกอย่างเป็นการแลกเปลี่ยนเพิ่มแนวคิด ไอเดียงานเขียนด้วย

อีกอย่างเรื่องการอนุมัติละครที่ช้านี่ช้าตรงไหน ช้าที่ทีมผู้จัด ผู้อนุมัติ ทีมคณะผู้พิจารณา ช่วยๆ เร่งอ่านบท อนุมัตินักแสดงเหอะ
เพราะนี่จะเข้าครึ่งปีอีกแล้ว

ปัญหาใหญ่ๆ ของช่อง ตอนนี้ การประชาสัมพันธ์  การบริหารนักแสดง บทโทรทัศน์ โปรดักชั่นบางค่าย
ถ้าแก้จุดด้อยของตัวเอง  ไม่ต้องแก้ให้ดีเยี่ยมเพราะคิดว่าทุกอย่างใช้เวลา แต่ช่วยพัฒนาให้เห็นความเปลี่ยนแปลง
เชื่อว่า ช่อง 7 จะเป็นที่หนึ่งในใจหลายๆคนอีกต่อไป
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่