แชร์ประสบการณ์ และขอให้กำลังใจ ... น้อง ๆ วิศวกรที่จะจบใหม่ทุกท่าน

จากกระทู้ด้านล่าง ผมรู้สึกแปลก ๆ บางอย่าง ... อ่านแล้วมันพาให้ผมนึกถึงวันแรกที่จบออกมาใหม่ ๆ จากมหาลัยเหมือนกันนะครับ

เพราะอะไรที่ทำให้ผมถึงนึกแบบนั้น ?

เพราะเด็กคนที่โดนด่า เค้าเจอคล้าย ๆ กับผมสมัยที่ผมเริ่มทำงานใหม่ ๆ นะครับ

--------------------------------------------------

... ชีวิตการทำงานผม ผมเริ่มจากเด็กติดเกมส์ที่ไม่มีความรู้อะไรเลย ในตอนนั้นความรู้อย่างเดียวที่มีก็คือ จะหาขยะราคาแพงไปขายให้รวยเป็นล้าน ต้องไปที่บาบิลันชั้น 4 ... ต้องเอาไนท์ VIT ไปลาก ปลามาทั้งแมป แล้วโบลิ่งแบช .... อ่ะ ใครไม่รู้จักข้ามไปนะครับ อิอิ (ไม่เฉลยด้วยว่าอะไร ^^')

นั่นแหละครับ ขนาดเกมส์ยังรู้แค่นี้เลย ทำอะไรไม่ค่อยจะเป็นชิ้นเป็นอัน ... จะทำงานก็ไม่กล้า ทั้งกลัวทั้งอาย

กลัวเพราะรู้ว่าตัวเองไม่มีความรู้

อายเพราะไม่เคยทำอย่างอื่นนอกจากขอตังแม่ ... เล่นเกมส์

ชีวิตก็ไม่ได้ต่างจากเด็กแวนส์ ติดยาเลยสักนิด

กว่าจะรู้ตัวอีกที เพื่อน ๆ ทิ้งหายไปกันหมดแล้ว

จนกระทั่ง ฟ้าบันดาลให้ผมทำงานกับบริษัทแห่งหนึ่ง เค้าตำแหน่ง "ช่างเขียนแบบ" พอดีมีเพื่อนผมคนนึงที่ทำงานที่นั่น มาชวนซึ่งตอนนั้นผมอยู่กับเพื่อนใหม่ที่เล่นเกมส์ด้วยกันอยู่อีกคน คนนี้เป็นช่างเขียนแบบตัวจริง จบตรงมา ... และผมก็ไม่รู้หรอกครับว่าเค้ารับแค่คนเดียว แต่อยากเสนอหน้าไปด้วย

เพราะว่าในใจเราอยากทำงานมานานแล้ว แต่อย่างที่บอก กลัว อาย อะไรไม่รู้บ้าบอ (มองย้อนไปนะครับ)

ครั้งนี้โอกาสดีน่าจะได้ทำกับเพื่อน เลยไปด้วย ... แต่ปรากฏว่า เค้ารับคนเดียว !! เค้าจะรับใครละครับ คนนึงจบสายตรง คนนึงจบเกมส์ศาสตร์

แม่เจ้า ! ... แต่ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ผมไม่ยอม ตอนนั้นพูดอะไรโง่ ๆ ออกไปบอกคนรับสมัครว่า ... "ผมขอทำฟรีครับ"

สิ้นประโยค ทั้งห้อง ร้อง "เฮ้ย !!" แล้วก็ฮากันลั่นห้อง แต่มีพี่ที่เป็นวิศวกรหัวหน้างานแก ยิ้ม ๆ แล้วพูดว่า ...

"เอ้า ลองดูละกัน ... พี่ให้มาทำสโตร์ละกัน ขาดผู้ช่วยพอดี"

ผมก็ดีใจ รับคำทันที

"พี่ให้เดือนละ 7,000 นะ ทำ ๆ ไปก่อน"

ผมอยากจะบอกว่า นั่นคือคำพูดที่ผมจำได้ไม่ลืม ผมภูมิใจ และมีความสุขที่ได้เล่าเรื่องนี้ซ้ำไป ซ้ำมาให้รุ่นน้อง ๆ ได้ฟัง ความดีงาม และการให้โอกาสของวิศวกรคนหนึ่ง

จนผมได้เลื่อนจาก สโตร์ มาเป็น ช่างเขียนแบบ เต็มตัวด้วยคำสั่งจากฟ้า เพราะพอดีคอมเสีย ไม่มีใครซ่อมเป็น แต่ผมแงะเครื่องที่บ้านเล่นบ่อย เลยพอทำได้ (แม่ซื้อให้ pentium 100 เครื่องละ 65,000 เอามาแงะเล่น ... เพราะไม่เห็นค่ามัน แต่ดันเป็นโอกาสให้เราซะงั้น)

วันนึงผมโดนช่างถามว่า "ทำไมแบบนี้ต้องใช้ Nut M8 ละ" ...

ผมตอบไม่ได้ !! เครื่องมือ อุปกรณ์เครื่องกล ผมยังรู้จักชื่อมันไม่หมดเลย ผมจะรู้ได้ไงว่าอะไรเป็นอะไร ... ผมเลยวิ่งไปถามพี่ที่เป็นวิศวกร เค้าก็ตอบว่า "มันก็ใช้ได้นะ แต่ว่ามัน Over Spec ไป แต่งานแค่นี้มันไม่เท่าไหร่หรอก แต่ถ้าเป็นเครื่องจักรใหญ่ ๆ หรือเครื่องบินเค้ามี Nut เป็นล้าน ๆ ตัว มันก็เปลืองมหาศาล แค่ M6 ก็พอ..." พี่เค้าอธิบายเป็นฉาก ๆ

ผมก็เฮ้ย ! พี่เค้ารู้หมดเลยอ่ะ เราจะทำไงถึงจะรู้มั่ง ?

ตกเย็นผมวิ่งไปร้าน Se-ed หาหนังสือเล่มไหนมันพอจะบอกผมได้ว่า ผมต้องใช้ Nut ขนาดไหนออกแบบ ... คิดว่ามีมั๊ยครับ ?

ไม่มีหรอกครับ !!

ผมเลย เอาวะ ... "กุต้องเรียนวิศวะ" ให้ได้ !!

จนกระทั่งผมขอเจ้าของโรงงานเรียน เข้าศึกษาที่ "มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร"

เก็บเงินส่งตัวเองเรียนมาตลอด แต่ปี 1 เทอม 2 เงินผมไม่พอ  ผมต้องขออนุญาตลาออก เพื่อไปทำในสิ่งที่ทำไม่เป็นก็คือ CNC แต่ตอนผมไปสัมภาษณ์ ดันเผือกบอกไปว่าทำเป็น !

ผมมีเวลา 1 เดือน ในการเตรียมตัว ผมหาข้อมูลทุกอย่าง ฝึกฝนตัวเองจนเขียน ... ไม่สิ ... ผมทำยังไงก็ได้ให้ได้โปรแกรม G-Code ออกมา ดีว่าเจ้าของก็ไม่เป็นเหมือนกัน เค้าเลยให้ "โอกาส" ผมลองถูไถไป 3 เดือนก็ผ่านโปรทำออกมาได้ดี

จนได้ทำงานมาอีกหลาย ๆ ที่ ทั้งสร้าง ออกแบบเครื่องจักร (ผมชอบมากงานนี้) , งานไฮดรอลิค

งานสุดท้ายของผม เป็นอีกงานที่ผมเรียกว่า "รัก" ดีกว่า

คืองานเป็นอาจารย์ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้โปรแกรมเขียนแบบ (ตามโลโก้ผมนั่นแหละครับ)

ผมมีความสุขที่ได้แนะนำสิ่งดี ๆ สิ่งที่ผม "เคยโง่" มาก่อน ผมถึงรู้ว่าคนที่เค้าไม่รู้ เค้าไม่รู้อะไร

ผมมีความสุขที่ผมสอนเด็ก ม.2 เขียนแบบวิศวกรรมได้ สิ่งที่ผมสอน ทัศนคติต่าง ๆ ดูเค้าตื่นเต้นมากที่ได้ฟัง เค้าแสดงความคิดเห็นออกมาได้ อย่างที่ไม่กล้าแสดงความเห็นกับใครมาก่อน เค้ามีความสุขที่เค้าถามคำถามยาก ๆ แปลก ๆ แล้วมีคนอธิบายให้เค้าได้ ... ผมเองก็ดีใจมาก

จากวันที่ผมได้รับโอกาส ... จนมาถึงวันที่ผมได้มีโอกาสที่จะส่งมอบ "โอกาส" ให้กับคนอื่น ๆ และคนรุ่นต่อ ๆ ไป ผมภูมิใจมาก

วันนี้ผมลาจากงานประจำออกมาทำสิ่งที่ตัวเองฝัน ทำสิ่งที่ยากขึ้น ผมเหมือนคนไม่รู้เรื่อง ทำอะไรไม่เป็นอีกครั้ง ยังล้มลุกคลุกคลานอยู่ ยังคลานเตาะแตะอยู่ ... แต่ "ทัศนคติ" ของผมจะยังคงเหมือนเดิม และผมเชื่อว่า สิ่งที่ผมเชื่อ สิ่งที่ผมทำในวันนี้ สักวันมันต้องดีแน่ ๆ ...

เพิ่มเติม :
- แนวทางการทำงานของผม ผมจำอะไรไม่เก่ง ผมจำแต่หลักการ คือผมจำไม่ด้หรอกครับว่า 957+873 ได้เท่าไหร่ แต่ผมจำแค่ ว่า A+B=C
- ผมไม่เคยหือกับช่าง เพราะผมถือว่าหน้างานเค้าเก่งกว่า เค้าแก้ไขงานได้ดีกว่า ... แต่ผมตัดสินใจได้ดีกว่า ผมรู้หลักทางวิศวกรรมมากกว่า แต่ผมทำงานร่วมกับเค้าได้ เพราะผมอ่อนน้อม ไม่คิดว่าผมคือ องค์วิศวกรที่แตะไม่ได้ และ เราพึ่งพากัน ... ยิ้มให้กัน
- ผมยึดหลักวิศวกรต้องเป็นคนที่คิด ออกแบบ สิ่งที่ง่ายที่สุด ปลอดภัยที่สุด ราคาถูกที่สุด และถูกใจให้ใกล้เคียงกับคามถูกต้องมากที่สุด (ฮ่า)
- สนุกกับมัน
------------------------------------------------
สุดท้าย ...

ผมในฐานะวิศวกรคนหนึ่ง ผมอยากบอก น้อง ๆ จบใหม่ว่า

วิศวกรที่ดี คือ วิศวกรที่มีทัศนคติที่ดี ต่อตัวเอง ต่ออาชีพ และต่อผู้อื่น

คุณมีทัศนคติดี คุณก็เป็นยอดวิศวกรได้
แต่ทัศนคติ คุณแย่ ... คุณก็เป็นได้แค่คนที่ "อยากเป็น" วิศวกร เท่านั้น

และเมื่อวันนึงปีกคุณใหญ่ ความสามารถคุณล้นเหลือ คุณรู้สึกแล้วว่าคุณได้เป็น "วิศวกร" เต็มตัว

ขอให้ถ่ายทอดมันไปยังผู้อื่น ให้โอกาส ให้ความรู้ และแบ่งปันประสบการณ์ดี ๆ

เล่าให้เค้าฟัง ว่าคุณภูมิใจยังไง กับความเป็น "วิศวกร"

I am Engineer ...

ปล.ผมเล่าเรื่องไม่เก่ง ขออภัยด้วยนะครับ
ปล.ผมเคยเล่าไปแล้ว แต่หายไปแล้วมั้ง

ขอบคุณ Pantip ที่ได้ให้ "โอกาส" ผมได้แบ่งปันเรื่องราว

ขอบคุณครับ ^^
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่