หลายๆ คนที่เป็นนักลงทุนธรรมดาเหมือนผมหรือเป็นนักลงทุนแบบเน้นคุณค่า สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในการหากิจการที่ดีเพื่อการลงทุนนั้นคือการดูสิ่งที่เรียกว่า "งบการเงิน" โดยส่วนใหญ่แล้วนักลงทุนอาจจะดูแค่งบดุล (BS) และงบกำไรขาดทุน (PL) เท่านั้น โดยงบดุลจะบ่งบอกถีงภาพรวมของบริษัทว่ามีหนี้สินเท่าไหร่ ส่วนของผู้ถือหุ้นเท่าไหร่ และทรัพย์สินเป็นอย่างไร ส่วนงบกำไรขาดทุนคืองบที่บ่งบอกถึงรายได้และการทำกำไรของบริษัท แต่สิ่งหนึ่งที่หลายคนอาจจะไม่ค่อยสนใจนัก (รวมทั้งผมเองในแต่ก่อน) คืองบที่เรียกว่า "งบกระแสเงินสด" (CF)
งบกระแสเงินสดจะเป็นสิ่งที่คอยบ่งบอกว่าเงินไหลเข้าไหลออกผ่านจุดใดบ้าง โดยจะแบ่งเป็นสามหัวข้อใหญ่คือเงินสดจากกิจกรรมการดำเนินงาน เงินสดจากกิจกรรมการลงทุน (เช่นสร้างโรงงาน) และเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน (เช่นการเพิ่มทุน) โดยงบกระแสเงินสดที่เป็นปกติควรจะมีเงินสดจากกิจกรรมการดำเนินงานเป็นบวกเพราะย่อมหมายถึงมีเงินเข้ามาในบริษัท ในขณะที่เงินลงทุนและเงินจากกิจกรรมการจัดหาเงินควรติดลบ เพราะหากสองตัวนี้เป็นค่าบวก ในเงินลงทุนการเป็นบวกจะหมายถึงมีการขายสินทรัพย์หรือขายเงินลงทุนทิ้งไปอาจทำให้กำไรบริษัทลดลง (เพราะการขายสินทรัพย์ทิ้งบางครั้งอาจหมายถึงการขายโรงงานทำให้การผลิตลดลงได้) ส่วนในกิจกรรมจัดหาเงินหากเป็นบวกแสดงว่ากิจการอาจมีการกู้เงินมาหรืออาจเพิ่มทุน ซึ่งต่างก็เป็นผลเสียหากบริษัทนั้นไม่มีศักยภาพพอในการจัดการเงินให้เกิดประโยชน์สูงสุด
แล้วมันสำคัญยังไง ยกตัวอย่างเช่น ผมเองคือบริษัทนึงที่ชื่อว่า Dragonglass ในตอนนี้บริษัทนี้ใครๆ ก็มองว่ามีเงิน ! ทั้งที่ความจริงอาจไม่ใช่ และที่เลวร้ายกว่านั้น ถึงบริษัทนี้จะมีทรัพย์สินและไม่มีหนี้สินเลย แต่ในตอนนี้บริษัท Dragonglass ไม่มีรายได้ใดๆ และมีแต่รายจ่าย ! นั่นเท่ากับว่าเงินสดสุทธิจากการดำเนินงานเป็นลบ และเงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุนในตอนนี้ติดลบทุกเดือนเนื่องจากบริษัทนี้ซื้อหนังสืออ่านเรื่อยๆ จนทำให้เงินสดในบริษัทร่อยหรอ และเมื่อเงินสดร่อยหรอบวกกับรายจ่ายที่มีเรื่อยๆ ในท้ายที่สุดงบในส่วนของเงินสดสุทธิจากกิจกรรมจัดหาเงินอาจเป็นบวกเพราะบริษัท Dragonglass อาจต้องขายเงินลงทุนเพื่อนำมาใช้หมุนเวียนในบริษัท (ประทังชีวิต) ในขณะที่เมื่อสามเดือนก่อนที่ยังไม่ได้ปิดเทอม บริษัท Dragonglass ได้รับเงินอุดหนุนจากภาครัฐ (พ่อแม่) นั่นเท่ากับว่าตอนนี้พื้นฐานบริษัทกำลังเปลี่ยนและเสี่ยงล้มได้ง่ายๆ เพราะบริษัทขาดเงินในการหมุนเวียน ซึ่งหากต้องขายเงินลงทุนทิ้งจริงๆ นั่นเท่ากับว่าผลกำไรของบริษัทย่อมลดลงเช่นกัน
เห็นหรือยังว่ากระแสเงินสดสำคัญไฉน
กระแสเงินสดนั้นสำคัญไฉน
งบกระแสเงินสดจะเป็นสิ่งที่คอยบ่งบอกว่าเงินไหลเข้าไหลออกผ่านจุดใดบ้าง โดยจะแบ่งเป็นสามหัวข้อใหญ่คือเงินสดจากกิจกรรมการดำเนินงาน เงินสดจากกิจกรรมการลงทุน (เช่นสร้างโรงงาน) และเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน (เช่นการเพิ่มทุน) โดยงบกระแสเงินสดที่เป็นปกติควรจะมีเงินสดจากกิจกรรมการดำเนินงานเป็นบวกเพราะย่อมหมายถึงมีเงินเข้ามาในบริษัท ในขณะที่เงินลงทุนและเงินจากกิจกรรมการจัดหาเงินควรติดลบ เพราะหากสองตัวนี้เป็นค่าบวก ในเงินลงทุนการเป็นบวกจะหมายถึงมีการขายสินทรัพย์หรือขายเงินลงทุนทิ้งไปอาจทำให้กำไรบริษัทลดลง (เพราะการขายสินทรัพย์ทิ้งบางครั้งอาจหมายถึงการขายโรงงานทำให้การผลิตลดลงได้) ส่วนในกิจกรรมจัดหาเงินหากเป็นบวกแสดงว่ากิจการอาจมีการกู้เงินมาหรืออาจเพิ่มทุน ซึ่งต่างก็เป็นผลเสียหากบริษัทนั้นไม่มีศักยภาพพอในการจัดการเงินให้เกิดประโยชน์สูงสุด
แล้วมันสำคัญยังไง ยกตัวอย่างเช่น ผมเองคือบริษัทนึงที่ชื่อว่า Dragonglass ในตอนนี้บริษัทนี้ใครๆ ก็มองว่ามีเงิน ! ทั้งที่ความจริงอาจไม่ใช่ และที่เลวร้ายกว่านั้น ถึงบริษัทนี้จะมีทรัพย์สินและไม่มีหนี้สินเลย แต่ในตอนนี้บริษัท Dragonglass ไม่มีรายได้ใดๆ และมีแต่รายจ่าย ! นั่นเท่ากับว่าเงินสดสุทธิจากการดำเนินงานเป็นลบ และเงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุนในตอนนี้ติดลบทุกเดือนเนื่องจากบริษัทนี้ซื้อหนังสืออ่านเรื่อยๆ จนทำให้เงินสดในบริษัทร่อยหรอ และเมื่อเงินสดร่อยหรอบวกกับรายจ่ายที่มีเรื่อยๆ ในท้ายที่สุดงบในส่วนของเงินสดสุทธิจากกิจกรรมจัดหาเงินอาจเป็นบวกเพราะบริษัท Dragonglass อาจต้องขายเงินลงทุนเพื่อนำมาใช้หมุนเวียนในบริษัท (ประทังชีวิต) ในขณะที่เมื่อสามเดือนก่อนที่ยังไม่ได้ปิดเทอม บริษัท Dragonglass ได้รับเงินอุดหนุนจากภาครัฐ (พ่อแม่) นั่นเท่ากับว่าตอนนี้พื้นฐานบริษัทกำลังเปลี่ยนและเสี่ยงล้มได้ง่ายๆ เพราะบริษัทขาดเงินในการหมุนเวียน ซึ่งหากต้องขายเงินลงทุนทิ้งจริงๆ นั่นเท่ากับว่าผลกำไรของบริษัทย่อมลดลงเช่นกัน
เห็นหรือยังว่ากระแสเงินสดสำคัญไฉน