เทคโนโลยี HTC UltraPixel กับแนวคิดไม่เหมือนคู่แข่งทุกเจ้าด้วยการลดความละเอียดภาพถ่ายกล้องด้านหลังเหลือประมาณ 4MP เพราะ HTC มองว่าไม่มีความจำเป็นต้องใส่กล้องที่มีความละเอียดสูงถึง 8 - 13MP ตามคู่แข่ง เนื่องจากปัจจุบันผู้ใช้ถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟนเพื่อแชร์เข้าสู่โลกโซเชียลเน็ตเวิร์คหรือเก็บไว้บน CLOUD ส่วนตัวมากกว่าจะล้างอัดเป็นแผ่นกระดาษเหมือนสมัยก่อน
แนวคิดเหล่านี้ทำให้แบรนด์ HTC ถูกจับตาจากทั้งโลกในฐานะเป็นผู้คิดค้นเทคโนโลยี และ นวัตกรรมที่สร้างสรรค์ มีชั้นเชิง และ เป็นตัวของตัวเองซึ่งผู้อ่านทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย
“ ทำไม HTC ต้องใส่กล้องหลังมาถึงสองตัว ”
ในขณะที่คู่แข่งต่างพัฒนาสเปกของฮาร์ดแวร์กล้องบนสมาร์ทโฟนเน้นไปในเรื่องความละเอียดของภาพที่สูงขึ้นอย่างน่าตกใจ รวมถึงพยายามผลักดันให้กล้องบนสมาร์ทโฟนมาแทนกล้องถ่ายรูปตัวใหญ่ได้ แต่ HTC คิดต่างออกไปเพราะมองว่ากล้องบนสมาร์ทโฟนต้องสร้างสีสัน และ ประสบการณ์การใช้งานที่วิเศษ สนุก เข้าถึงได้ง่าย และ ใช้งานได้จริงมากกว่าจะพยายามพัฒนาฮาร์ดแวร์ขึ้นไปเบียดกับตลาดกล้องโดยตรง HTC จึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องของขนาดภาพหรือจำนวนพิกเซลนัก แต่กลับใส่ใจในเรื่องเซ็นเซอร์รับภาพที่เป็นหัวใจหลักของการถ่ายภาพ โดยพยายามพัฒนาให้รับแสงได้ทุกสภาพแสง ( HTC UltraPixel + HTC ImageChip 2 ) เพื่อให้กล้องบนสมาร์ทโฟนทำงานได้ตามใจผู้ใช้ต้องการ และ สามารถเป็นกล้องติดตัวไปถ่ายภาพได้ทุกที่ ทุกเวลา
ในขณะที่ความละเอียดของภาพ HTC เลือกให้มีความละเอียดสูงสุดแค่ 4MP เพราะมองว่ายุคนี้เป็นยุคที่ผู้ใช้นิยมถ่ายภาพลงเครือข่ายสังคมมากกว่าจะล้างอัดภาพใส่แผ่นกระดาษ ซึ่งความละเอียดแค่ 4MP ก็ถือว่าเพียงพอ และ ไม่กินความจุของพื้นที่เก็บข้อมูลในสมาร์ทโฟนมากเกินไป ในขณะที่จำนวนพิกเซลไม่มากยังทำให้การประมวลผลทำงานได้เร็วและต่อยอดไปถึงคุณภาพไฟล์ต่อหนึ่งไฟล์ภาพที่ HTC เลือกไม่บีบอัดคุณภาพไฟล์เหมือนไฟล์ภาพในสมาร์ทโฟนทั่วไป
และ ในปีนี้เมื่อ HTC One M8 เข้ามาทำตลาด HTC ก็ขอสร้างปรากฏการณ์ Magician Moment อีกครั้งด้วยการมาของกล้องถ่ายภาพด้านหลังสองตัว ( Duo Camera ) บนแนวคิดการเป็นกล้องถ่ายภาพในรูปแบบสามมิติแบบเดียวกับ HTC EVO 3D ที่เคยทำตลาดในไทยหลายปีก่อน แต่แตกต่างในเรื่องหลักการทำงานที่ไม่เน้นถ่ายภาพให้เป็นสามมิติเพราะจับต้องได้ยาก และ ใช้งานได้เฉพาะกลุ่ม แต่เน้นในเรื่องการใช้เลนส์สามมิติมาสร้างลูกเล่นให้กับซอฟต์แวร์กล้องภาพถ่ายที่ดีกว่าคู่แข่งพร้อมพยายามออกแบบให้ภาคส่วนซอฟต์แวร์เป็นมิตรแก่ผู้ใช้ทุกคนมากขึ้น
Duo Camera แนวคิดใหม่ ใช้ได้จริง
กล้องถ่ายภาพด้านหลังสองตัวของ HTC One M8 ใช้หลักการทำงานแทนตาซ้าย และ ขวาของผู้ใช้ในการถ่ายภาพ โดยออปชัน Duo Camera จะถูกเปิดใช้งานตลอดเวลาถ่ายภาพนิ่ง ( Always on ) เพราะภาพทุกภาพจะมีการนำข้อมูลของภาพทั้งสองมุมมาใช้ในการประมวลผลลัพท์ในส่วนเอ็ฟเฟ็กต์เพิ่มเติม โดยเฉพาะเรื่องการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ ( Depth of field ) ด้วยหลักการที่กล้องทั้ง 2 ตัวจะรับรู้ความตื้นลึกของวัตถุที่ถ่ายได้จากเลนส์กล้องก่อนที่จะส่งให้ซอฟต์แวร์ภายในจำลองระยะภาพที่หลุดโฟกัส ( หรือช่างภาพส่วนใหญ่เรียกว่า โบเก้ - Bokeh ) กับระยะโฟกัสจริง โดย HTC เรียกฟีเจอร์นี้ว่า UFocus ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกระยะชัดของภาพที่ต้องการได้ โดยถ้าเลือกส่วนไหนให้ชัด ส่วนที่เหลือทั้งหมดจะเบลอแบบเดียวกับถ่ายด้วยกล้อง DSLR ประกบเลนส์รูรับแสงกว้าง หรือ แม้แต่การใส่เอ็ฟเฟ็กต์ภาพต่างๆ เช่น การใส่สติ๊กเกอร์ให้วัตถุในภาพหรือความสามารถ คัดลอก และ วางเฉพาะวัตถุที่อยู่ในภาพเป็นส่วนๆ ได้ตามต้องการ
เมนู Duo Camera Effect ที่สามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ
นอกจากนั้น HTC ยังได้คิดค้นฟีเจอร์ใหม่เพื่อมาแทนการรับชมภาพ 3D แบบเดิมที่ไม่ประสบความสำเร็จบน HTC EVO 3D กับฟีเจอร์ Dimension Plus ที่ซอฟต์แวร์ภายใน M8 จะนำภาพจากกล้องทั้ง 2 ตัว 2 มุมมองมารวมกันจนเป็นภาพ 3D ที่ผู้ใช้สามารถเอียงสมาร์ทโฟนขึ้นลงซ้ายขวาเพื่อดูความลึกของภาพที่เกิดขึ้นได้แบบเป็นชั้นมิติโดยไม่ต้องพึ่งจอสามมิติใดๆ
Dimension Plus with HTC Zoe
และ ที่น่าสนใจอีกส่วนก็คือระบบออโต้โฟกัสของกล้องทั้ง 2 ตัวด้านหลังสามารถจับโฟกัสด้วยความเร็วถึง 300 มิลลิวินาทีเทียบจากรุ่นเดิม และ ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่จับโฟกัส ถ่ายภาพ และ ประมวลผลภาพได้รวดเร็วที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาดปัจจุบัน
สิ่งเหล่านี้คือนวัตกรรม และ เทคโนโลยีด้านการถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟนครั้งใหม่ที่เอชทีซีสร้างให้กลายเป็นจุดขายของสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของตนได้อย่างลงตัว และ น่าสนใจ จากสมาร์ทโฟน 3D ที่ค่อยไม่ประสบความสำเร็จ มาถึง HTC One M8 กับกล้องคู่บนแนวทางเดียวกันแต่ต่างในด้านวิธีการด้วยแนวคิดที่อยากทลายเงื่อนไข และ แหวกตลาดกล้องถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟนรูปแบบเดิมๆ ให้มีสีสัน และ จุดขายที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น และ HTC ทำสำเร็จแล้วกับ HTC One M8
ในส่วนบทความรีวิวฉบับเต็มติดตามต่อได้เร็วๆ นี้...
จาก Manager/Cyberbiz
" ไขความลับกล้องหลังสองตัวใน HTC 1 M8 และ ทำไมถึงให้ความละเอียดมา 4MP "
แนวคิดเหล่านี้ทำให้แบรนด์ HTC ถูกจับตาจากทั้งโลกในฐานะเป็นผู้คิดค้นเทคโนโลยี และ นวัตกรรมที่สร้างสรรค์ มีชั้นเชิง และ เป็นตัวของตัวเองซึ่งผู้อ่านทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย
“ ทำไม HTC ต้องใส่กล้องหลังมาถึงสองตัว ”
ในขณะที่คู่แข่งต่างพัฒนาสเปกของฮาร์ดแวร์กล้องบนสมาร์ทโฟนเน้นไปในเรื่องความละเอียดของภาพที่สูงขึ้นอย่างน่าตกใจ รวมถึงพยายามผลักดันให้กล้องบนสมาร์ทโฟนมาแทนกล้องถ่ายรูปตัวใหญ่ได้ แต่ HTC คิดต่างออกไปเพราะมองว่ากล้องบนสมาร์ทโฟนต้องสร้างสีสัน และ ประสบการณ์การใช้งานที่วิเศษ สนุก เข้าถึงได้ง่าย และ ใช้งานได้จริงมากกว่าจะพยายามพัฒนาฮาร์ดแวร์ขึ้นไปเบียดกับตลาดกล้องโดยตรง HTC จึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องของขนาดภาพหรือจำนวนพิกเซลนัก แต่กลับใส่ใจในเรื่องเซ็นเซอร์รับภาพที่เป็นหัวใจหลักของการถ่ายภาพ โดยพยายามพัฒนาให้รับแสงได้ทุกสภาพแสง ( HTC UltraPixel + HTC ImageChip 2 ) เพื่อให้กล้องบนสมาร์ทโฟนทำงานได้ตามใจผู้ใช้ต้องการ และ สามารถเป็นกล้องติดตัวไปถ่ายภาพได้ทุกที่ ทุกเวลา
ในขณะที่ความละเอียดของภาพ HTC เลือกให้มีความละเอียดสูงสุดแค่ 4MP เพราะมองว่ายุคนี้เป็นยุคที่ผู้ใช้นิยมถ่ายภาพลงเครือข่ายสังคมมากกว่าจะล้างอัดภาพใส่แผ่นกระดาษ ซึ่งความละเอียดแค่ 4MP ก็ถือว่าเพียงพอ และ ไม่กินความจุของพื้นที่เก็บข้อมูลในสมาร์ทโฟนมากเกินไป ในขณะที่จำนวนพิกเซลไม่มากยังทำให้การประมวลผลทำงานได้เร็วและต่อยอดไปถึงคุณภาพไฟล์ต่อหนึ่งไฟล์ภาพที่ HTC เลือกไม่บีบอัดคุณภาพไฟล์เหมือนไฟล์ภาพในสมาร์ทโฟนทั่วไป
และ ในปีนี้เมื่อ HTC One M8 เข้ามาทำตลาด HTC ก็ขอสร้างปรากฏการณ์ Magician Moment อีกครั้งด้วยการมาของกล้องถ่ายภาพด้านหลังสองตัว ( Duo Camera ) บนแนวคิดการเป็นกล้องถ่ายภาพในรูปแบบสามมิติแบบเดียวกับ HTC EVO 3D ที่เคยทำตลาดในไทยหลายปีก่อน แต่แตกต่างในเรื่องหลักการทำงานที่ไม่เน้นถ่ายภาพให้เป็นสามมิติเพราะจับต้องได้ยาก และ ใช้งานได้เฉพาะกลุ่ม แต่เน้นในเรื่องการใช้เลนส์สามมิติมาสร้างลูกเล่นให้กับซอฟต์แวร์กล้องภาพถ่ายที่ดีกว่าคู่แข่งพร้อมพยายามออกแบบให้ภาคส่วนซอฟต์แวร์เป็นมิตรแก่ผู้ใช้ทุกคนมากขึ้น
Duo Camera แนวคิดใหม่ ใช้ได้จริง
กล้องถ่ายภาพด้านหลังสองตัวของ HTC One M8 ใช้หลักการทำงานแทนตาซ้าย และ ขวาของผู้ใช้ในการถ่ายภาพ โดยออปชัน Duo Camera จะถูกเปิดใช้งานตลอดเวลาถ่ายภาพนิ่ง ( Always on ) เพราะภาพทุกภาพจะมีการนำข้อมูลของภาพทั้งสองมุมมาใช้ในการประมวลผลลัพท์ในส่วนเอ็ฟเฟ็กต์เพิ่มเติม โดยเฉพาะเรื่องการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ ( Depth of field ) ด้วยหลักการที่กล้องทั้ง 2 ตัวจะรับรู้ความตื้นลึกของวัตถุที่ถ่ายได้จากเลนส์กล้องก่อนที่จะส่งให้ซอฟต์แวร์ภายในจำลองระยะภาพที่หลุดโฟกัส ( หรือช่างภาพส่วนใหญ่เรียกว่า โบเก้ - Bokeh ) กับระยะโฟกัสจริง โดย HTC เรียกฟีเจอร์นี้ว่า UFocus ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกระยะชัดของภาพที่ต้องการได้ โดยถ้าเลือกส่วนไหนให้ชัด ส่วนที่เหลือทั้งหมดจะเบลอแบบเดียวกับถ่ายด้วยกล้อง DSLR ประกบเลนส์รูรับแสงกว้าง หรือ แม้แต่การใส่เอ็ฟเฟ็กต์ภาพต่างๆ เช่น การใส่สติ๊กเกอร์ให้วัตถุในภาพหรือความสามารถ คัดลอก และ วางเฉพาะวัตถุที่อยู่ในภาพเป็นส่วนๆ ได้ตามต้องการ
เมนู Duo Camera Effect ที่สามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ
นอกจากนั้น HTC ยังได้คิดค้นฟีเจอร์ใหม่เพื่อมาแทนการรับชมภาพ 3D แบบเดิมที่ไม่ประสบความสำเร็จบน HTC EVO 3D กับฟีเจอร์ Dimension Plus ที่ซอฟต์แวร์ภายใน M8 จะนำภาพจากกล้องทั้ง 2 ตัว 2 มุมมองมารวมกันจนเป็นภาพ 3D ที่ผู้ใช้สามารถเอียงสมาร์ทโฟนขึ้นลงซ้ายขวาเพื่อดูความลึกของภาพที่เกิดขึ้นได้แบบเป็นชั้นมิติโดยไม่ต้องพึ่งจอสามมิติใดๆ
Dimension Plus with HTC Zoe
และ ที่น่าสนใจอีกส่วนก็คือระบบออโต้โฟกัสของกล้องทั้ง 2 ตัวด้านหลังสามารถจับโฟกัสด้วยความเร็วถึง 300 มิลลิวินาทีเทียบจากรุ่นเดิม และ ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่จับโฟกัส ถ่ายภาพ และ ประมวลผลภาพได้รวดเร็วที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาดปัจจุบัน
สิ่งเหล่านี้คือนวัตกรรม และ เทคโนโลยีด้านการถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟนครั้งใหม่ที่เอชทีซีสร้างให้กลายเป็นจุดขายของสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของตนได้อย่างลงตัว และ น่าสนใจ จากสมาร์ทโฟน 3D ที่ค่อยไม่ประสบความสำเร็จ มาถึง HTC One M8 กับกล้องคู่บนแนวทางเดียวกันแต่ต่างในด้านวิธีการด้วยแนวคิดที่อยากทลายเงื่อนไข และ แหวกตลาดกล้องถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟนรูปแบบเดิมๆ ให้มีสีสัน และ จุดขายที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น และ HTC ทำสำเร็จแล้วกับ HTC One M8
ในส่วนบทความรีวิวฉบับเต็มติดตามต่อได้เร็วๆ นี้...
จาก Manager/Cyberbiz