กลับมาพบกันเป็นสัปดาห์ที่ 6 แล้วนะคะ หวังว่าจะยังต้อนรับกระทู้ให้คึกคักกันอยู่นะ อิอิ สำหรับวีคนี้ส่งท้ายกันอีกนิดกับงานสัปดาห์หนังสือค่ะ ใครที่ไปงานหนังสือมาอย่าลืมเอาหนังสือที่ซื้อมาอวดกันนะ ส่วนใครที่ไปมาแล้วอวดไปแล้วหรือไม่ได้ไป ก็ยังคงมาแชร์หนังสือที่อ่านไปในรอบสัปดาห์ได้เหมือนเคยค่ะ ไม่ให้เสียเวลาเราเริ่มเลยก็แล้วกันเนาะ วันนี้มีมาแชร์หลายเล่มเลยละจ้า
Bon En France: บองเต่า
สำหรับเล่มนี้เราได้ข้อมูลมาจากกระทู้ abaw แรกสุดของเราเลย เห็นมีเพื่อนๆหลายคนอ่านและชอบกัน ส่วนตัวเราเป็นคนชอบประเทศฝรั่งเศสมากอยู่แล้วด้วย หนังท่องเที่ยวที่เกี่ยวกับประเทศนี้เราต้องตามซื้อเก็บไว้หมด และเล่มนี้ก็เช่นกัน แต่ว่า Bon En France ไม่ใช่หนังสือแนวท่องเที่ยวซะทีเดียวค่ะ มันเป็นบันทึกประสบการณ์ของคุณบองเต่า ที่ไปเป็นนักเรียนป.โทที่ฝรั่งเศส เนื้อเรื่องเหมือนจะไม่มีอะไรมากนะ แต่จุดเด่นอยู่ที่สำนวนการบรรยายต่างๆที่ออกจะแสบๆคันๆมันๆ ประมาณว่าเพื่อนสาวเม้าท์ชีวิตนักเรียนนอกมันฮาให้ฟังน่ะค่ะ รูปประกอบอะไรก็โอเคดีอยู่ เราอ่านรวดเดียวไม่วางมือเลยค่ะ คิดไม่ผิดเลยจริงๆที่ซื้อไว้
Babyji: Abha Dawesar
แปลโดย : วัฒนิจ คงธนารัตน์
Babyji เป็นนิยายจากนักเขียนอินเดียค่ะ เป็นเล่มที่ราตั้งความหวังไว้สูงมาก แต่ก็ ... ไม่อยากจะใช้คำว่าผิดหวังเลยจริงๆ แต่เอาเป็นว่าใกล้เคียงแล้วกัน เพราะอะไรเดี๋ยวจะสาธยายให้ฟังค่ะ โดยปกติประมาณสองก่อนจะมีงานหนังสือ เราก็จะชอบหาดูว่ามีหนังสืออะไรที่เราต้องการซื้อหรือเปล่า แล้วเราก็ไปเจอเข้ากับเล่มนี้ค่ะ เป็นงานแปลของสำนักพิมพ์สันสกฤต ในเวบให้คำบรรยายเนื้อหาของนิยายเล่มนี้ไว้อย่างน่าสนใจมากๆว่า ...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เรื่องราวของสาวรุ่นวรรณะสูงในอินเดีย ที่โรงเรียนเธอคือประธานนักเรียน แต่ที่บ้านเธอแอบอ่าน“กามสูตร” ขนบประเพณีกับการแบ่งชั้นวรรณะ ทำให้เธอต้องค้นหาอิสรภาพในสิ่งที่ตัวเอง ‘อยากทำ’ไม่ใช่สิ่งที่เธอ ‘ต้องทำ’ เธอผูกสัมพันธ์กับรุ่นพี่ เธอมีสาวใช้คู่ใจยามกลางคืน เธอเป็นที่ปรารถนาของเพื่อนผู้ชายทั้งชั้น แม้กระทั่งพ่อของเพื่อน! เบบี้จี จะพาคุณไปรู้จักสังคมอินเดียวันนี้
อ่านแล้วเป็นยังไงคะ น่าสนใจรึเปล่า แต่สำหรับเราเนื้อหาอะไรประมาณนี้เป็นแนวที่เราชอบมาก การไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง การที่ต้องใช้ชีวิตตามกรอบสังคมประเพณีทั้งที่ใจอยากแหกกรอบใจจะขาด ยิ่งตรงที่บอกว่ามีสาวใช้คู่ใจยามกลางคืน ทำให้เรานึกไปว่านี่คงจะเป็นนิยายเลสเบี้ยนหรือไบเซ็กช่วลแน่ๆ หน้าปกที่มีขาเรียวสวยกับกำไลข้อเท้าแสนเย้ายวนก็ทำให้คิดแบบนั้นเหมือนกัน เลสเบี้ยน/ไบฯมั่วเซ็กซ์ในสังคมอนุรักษ์นิยมแบบอินเดีย อาห์ แค่คิดก็แซ่บแล้ว ยิ่งทำให้เราอยากอ่านและยิ่งตั้งความหวังไว้มาก
แต่พอได้อ่านจริงๆมันไม่ใช่อะกิฟ ยัยเด็กตัวเอกนี่ภาพเลือนลางมากในความรู้สึกเรา บุคลิกไม่ชัดเจนเลยว่าเป็นคนสูงต่ำดำขาวรึอ้วนผอมยังไง จากคำโปรยในเวบทำให้คิดไปเองว่าเด็กนี่เป็นเลสเบี้ยน แต่การพรรณาถึงบุคลิกรูปร่างหน้าตาที่ไม่ชัดเจนที่แค่บอกว่าผมสั้นใส่แว่น บวกกับบทพูดและพฤติกรรมหลายๆอย่างที่แสดงความคิดว่าอยากเป็นผู้ชายทำให้คนอ่านอย่างรู้สึกว่าเป็นทอมซะมากกว่าที่จะเป็นเลสฯ ซึ่งภาพทอมก็ไม่ชัดอีกอย่างที่บอก เป็นทอมกรังๆแบบเด็กเรียนหรือทอมเท่ระดับเนทไอดอลหรืออะไร นอกจากนั้นตัวละครอื่นๆก็ไม่มีภาพที่ชัดเจนเหมือนกัน หนำซ้ำแล้วยัยเด็กทอมนี่มีอะไรกับคนง่ายมาก โดยไม่มีการอธิบายถึงเหตุผลที่ชัดเจนมารองรับเท่าที่ควร มันเลยทำให้เสียคุณค่าของแมสเสจจริงๆที่คนแต่งต้องการจะสื่อสาร จากคำโปรยที่เราอ่านในเวบก็ดีหรือหลังปกก็ดี เรารู้สึกว่าแก่นของเรื่องดีมากนะ น่าสนใจมากๆ ออกจะเป็นวรรณกรรมแนวเฟมินิสต์หรืออะไรทำนองนั้นเลย แต่ยัง ... ความรู้สึกแย่ยังไม่หมดแค่ตรงนี้จ้า คือมันจบแบบปาหมอนมากอะ อ่านแล้วงงมากๆว่าคำพูดสุดท้ายมันแปลว่าอะไร สื่อถึงอะไร ทันทีที่อ่านจบเราสงสัยว่ามันพิมพ์หน้าขาดไปรึเปล่าวะ น่าจะมีอีกอย่างน้อย 2-3 หน้าปะวะ เราเลยเข้าไปเช็ครีวิวใน goodreads ดู เจอฝรั่งคนนึงบ่นเหมือนเราเด๊ะเลยว่าทันทีที่นางอ่านจบ สิ่งที่ทำคือเข้ามาในเวบเพื่อดูรีวิวให้หายสงสัยว่าหน้าหนังสือไม่ได้ขาดหายไป จบได้หงุดหงิดมาก จนเราแทบจะไปโพสต์ที่เพจของสำนักพิมพ์ให้ช่วยอธิบายตอนจบแล้วนะ คือมันไม่ใช่การจบแบบปลายเปิดด้วยนะ มันเป็นคำพูดคำนึงของเด็กทอมนั่นที่เป็นภาษาอังกฤษแบบอินเดีย แล้วเขียนมันทับศัพท์เป็นภาษาไทยอีก ใครไม่งงก็แปลกแล้ว
Slumdog Millionair: Vikas Swarup (aka. Q&A)
ความจริงไม่ได้กะจะต้องไปซื้อเล่มนี้ในงานหนังสือเลย แต่พอดีแวะร้านมือสองร้านนึงแล้วเจอพอดี พลิกไปดู โอ้ววว 80 บาท ของใหม่ด้วย ใหม่แต่เก่าเก็บน่ะนะ ไม่ซื้อไว้ก็ตลกเต็มที เราเองไม่เคยรู้มาก่อนว่าจริงๆมันมีชื่อเดิมว่า Q&A ตอนแรกเห็นที่หน้าปกก็ไม่ได้เอะใจอะไร จนแฟนเราบอกว่านั่นแหละคือชื่อเดิมก่อนจะเอาไปทำเป็นหนัง ส่วนหนังสือฉบับนี้เป็น tie-in paperback ก็เลยเปลี่ยนชื่อตามให้เข้ากันกับหน้าปก
เนื้อหาก็อย่างที่รู้ๆกันถ้าเคยดูหนัง แต่ก็ยังมีจุดที่ต่างออกไปพอสมควร ถ้าเราจำไม่ผิดอะนะ หนังสือใช้ภาษาที่อ่านง่าย ศัพท์ไม่ยาก ส่วนตัวเราชอบอินเดียมากอยู่แล้ว เลยทำให้พลอยชอบหนังและหนังสือเล่มนี้ไปด้วย เสียดายตอนหนังเข้าโรงเราไม่ได้ดู ยังเสียดายมาจนวันนี้
โอยยย พิมพ์ยาวๆเมื่อยมือ จบแล้วสำหรับ 3 เล่มที่อ่านไปในวีคที่ผ่านมา จริงๆอ่านมากกว่านี้นะ แต่ว่าอ่านเล่มนะนิดละหน่อย ไม่ถึง 20 หน้าเลย ก็เลยไม่ได้นับรวมด้วย อันนี้คัดมาแต่ที่อ่านจบแล้วจริงๆกับจวนจบเท่านั้นจ้า ยังไงวีคหน้าก็มาแชร์หนังสือประจำวีคกันได้อีกเช่นเคยนะ เราจะตั้งกระทู้ให้ดึกขึ้นกว่าเดิมนิดนึงคือราวๆ 2 ทุ่มค่ะ
อิอิ มีเพิ่มเติมเล็กน้อย คือพอดีเราไปได้ของเล่นใหม่มาสักพักแล้วละ มันเป็นเกม reading bingo อะค่ะ เป็นตารางที่กำหนดมาให้ว่ามีหนังสือเกี่ยวอะไรบ้าง ถ้าเราอ่านเล่มไหนที่มีคุณสมบัติตามนั้นจบเราก็กาออก เหมือนเวลาขานตัวเลขแล้วกาออกเวลาเล่นบิงโกนี่ละจ้า ใครครบ 5 แถวก่อนชนะ ฮ่าๆ แต่หนังสือเล่มนึงใช้สิทธิ์ได้แค่ช่องเดียวเท่านั้นนะ เราจะลงของเราให้ดูเป็นตัวอย่างก่อนนะ ถ้าใครอยากได้ก็ไปโหลดในเวบที่เราจะแนบลิงก์ไว้ให้จ้า
ป.ล. ใครที่ชอบอ่านหนังสือภาษาอังกฤษก็ไปเข้ากรุ๊ป A book a week ในเฟซบุคได้นะคะ ยินดีต้อนรับทุกคน >>
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/groups/756406884377437/
*** A book A week: ส่งท้ายงานหนังสือ ใครจะเห่อใครจะแชร์ เชิญเลยจ้า #6 ***
Bon En France: บองเต่า
สำหรับเล่มนี้เราได้ข้อมูลมาจากกระทู้ abaw แรกสุดของเราเลย เห็นมีเพื่อนๆหลายคนอ่านและชอบกัน ส่วนตัวเราเป็นคนชอบประเทศฝรั่งเศสมากอยู่แล้วด้วย หนังท่องเที่ยวที่เกี่ยวกับประเทศนี้เราต้องตามซื้อเก็บไว้หมด และเล่มนี้ก็เช่นกัน แต่ว่า Bon En France ไม่ใช่หนังสือแนวท่องเที่ยวซะทีเดียวค่ะ มันเป็นบันทึกประสบการณ์ของคุณบองเต่า ที่ไปเป็นนักเรียนป.โทที่ฝรั่งเศส เนื้อเรื่องเหมือนจะไม่มีอะไรมากนะ แต่จุดเด่นอยู่ที่สำนวนการบรรยายต่างๆที่ออกจะแสบๆคันๆมันๆ ประมาณว่าเพื่อนสาวเม้าท์ชีวิตนักเรียนนอกมันฮาให้ฟังน่ะค่ะ รูปประกอบอะไรก็โอเคดีอยู่ เราอ่านรวดเดียวไม่วางมือเลยค่ะ คิดไม่ผิดเลยจริงๆที่ซื้อไว้
Babyji: Abha Dawesar
แปลโดย : วัฒนิจ คงธนารัตน์
Babyji เป็นนิยายจากนักเขียนอินเดียค่ะ เป็นเล่มที่ราตั้งความหวังไว้สูงมาก แต่ก็ ... ไม่อยากจะใช้คำว่าผิดหวังเลยจริงๆ แต่เอาเป็นว่าใกล้เคียงแล้วกัน เพราะอะไรเดี๋ยวจะสาธยายให้ฟังค่ะ โดยปกติประมาณสองก่อนจะมีงานหนังสือ เราก็จะชอบหาดูว่ามีหนังสืออะไรที่เราต้องการซื้อหรือเปล่า แล้วเราก็ไปเจอเข้ากับเล่มนี้ค่ะ เป็นงานแปลของสำนักพิมพ์สันสกฤต ในเวบให้คำบรรยายเนื้อหาของนิยายเล่มนี้ไว้อย่างน่าสนใจมากๆว่า ...
อ่านแล้วเป็นยังไงคะ น่าสนใจรึเปล่า แต่สำหรับเราเนื้อหาอะไรประมาณนี้เป็นแนวที่เราชอบมาก การไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง การที่ต้องใช้ชีวิตตามกรอบสังคมประเพณีทั้งที่ใจอยากแหกกรอบใจจะขาด ยิ่งตรงที่บอกว่ามีสาวใช้คู่ใจยามกลางคืน ทำให้เรานึกไปว่านี่คงจะเป็นนิยายเลสเบี้ยนหรือไบเซ็กช่วลแน่ๆ หน้าปกที่มีขาเรียวสวยกับกำไลข้อเท้าแสนเย้ายวนก็ทำให้คิดแบบนั้นเหมือนกัน เลสเบี้ยน/ไบฯมั่วเซ็กซ์ในสังคมอนุรักษ์นิยมแบบอินเดีย อาห์ แค่คิดก็แซ่บแล้ว ยิ่งทำให้เราอยากอ่านและยิ่งตั้งความหวังไว้มาก
แต่พอได้อ่านจริงๆมันไม่ใช่อะกิฟ ยัยเด็กตัวเอกนี่ภาพเลือนลางมากในความรู้สึกเรา บุคลิกไม่ชัดเจนเลยว่าเป็นคนสูงต่ำดำขาวรึอ้วนผอมยังไง จากคำโปรยในเวบทำให้คิดไปเองว่าเด็กนี่เป็นเลสเบี้ยน แต่การพรรณาถึงบุคลิกรูปร่างหน้าตาที่ไม่ชัดเจนที่แค่บอกว่าผมสั้นใส่แว่น บวกกับบทพูดและพฤติกรรมหลายๆอย่างที่แสดงความคิดว่าอยากเป็นผู้ชายทำให้คนอ่านอย่างรู้สึกว่าเป็นทอมซะมากกว่าที่จะเป็นเลสฯ ซึ่งภาพทอมก็ไม่ชัดอีกอย่างที่บอก เป็นทอมกรังๆแบบเด็กเรียนหรือทอมเท่ระดับเนทไอดอลหรืออะไร นอกจากนั้นตัวละครอื่นๆก็ไม่มีภาพที่ชัดเจนเหมือนกัน หนำซ้ำแล้วยัยเด็กทอมนี่มีอะไรกับคนง่ายมาก โดยไม่มีการอธิบายถึงเหตุผลที่ชัดเจนมารองรับเท่าที่ควร มันเลยทำให้เสียคุณค่าของแมสเสจจริงๆที่คนแต่งต้องการจะสื่อสาร จากคำโปรยที่เราอ่านในเวบก็ดีหรือหลังปกก็ดี เรารู้สึกว่าแก่นของเรื่องดีมากนะ น่าสนใจมากๆ ออกจะเป็นวรรณกรรมแนวเฟมินิสต์หรืออะไรทำนองนั้นเลย แต่ยัง ... ความรู้สึกแย่ยังไม่หมดแค่ตรงนี้จ้า คือมันจบแบบปาหมอนมากอะ อ่านแล้วงงมากๆว่าคำพูดสุดท้ายมันแปลว่าอะไร สื่อถึงอะไร ทันทีที่อ่านจบเราสงสัยว่ามันพิมพ์หน้าขาดไปรึเปล่าวะ น่าจะมีอีกอย่างน้อย 2-3 หน้าปะวะ เราเลยเข้าไปเช็ครีวิวใน goodreads ดู เจอฝรั่งคนนึงบ่นเหมือนเราเด๊ะเลยว่าทันทีที่นางอ่านจบ สิ่งที่ทำคือเข้ามาในเวบเพื่อดูรีวิวให้หายสงสัยว่าหน้าหนังสือไม่ได้ขาดหายไป จบได้หงุดหงิดมาก จนเราแทบจะไปโพสต์ที่เพจของสำนักพิมพ์ให้ช่วยอธิบายตอนจบแล้วนะ คือมันไม่ใช่การจบแบบปลายเปิดด้วยนะ มันเป็นคำพูดคำนึงของเด็กทอมนั่นที่เป็นภาษาอังกฤษแบบอินเดีย แล้วเขียนมันทับศัพท์เป็นภาษาไทยอีก ใครไม่งงก็แปลกแล้ว
Slumdog Millionair: Vikas Swarup (aka. Q&A)
ความจริงไม่ได้กะจะต้องไปซื้อเล่มนี้ในงานหนังสือเลย แต่พอดีแวะร้านมือสองร้านนึงแล้วเจอพอดี พลิกไปดู โอ้ววว 80 บาท ของใหม่ด้วย ใหม่แต่เก่าเก็บน่ะนะ ไม่ซื้อไว้ก็ตลกเต็มที เราเองไม่เคยรู้มาก่อนว่าจริงๆมันมีชื่อเดิมว่า Q&A ตอนแรกเห็นที่หน้าปกก็ไม่ได้เอะใจอะไร จนแฟนเราบอกว่านั่นแหละคือชื่อเดิมก่อนจะเอาไปทำเป็นหนัง ส่วนหนังสือฉบับนี้เป็น tie-in paperback ก็เลยเปลี่ยนชื่อตามให้เข้ากันกับหน้าปก
เนื้อหาก็อย่างที่รู้ๆกันถ้าเคยดูหนัง แต่ก็ยังมีจุดที่ต่างออกไปพอสมควร ถ้าเราจำไม่ผิดอะนะ หนังสือใช้ภาษาที่อ่านง่าย ศัพท์ไม่ยาก ส่วนตัวเราชอบอินเดียมากอยู่แล้ว เลยทำให้พลอยชอบหนังและหนังสือเล่มนี้ไปด้วย เสียดายตอนหนังเข้าโรงเราไม่ได้ดู ยังเสียดายมาจนวันนี้
โอยยย พิมพ์ยาวๆเมื่อยมือ จบแล้วสำหรับ 3 เล่มที่อ่านไปในวีคที่ผ่านมา จริงๆอ่านมากกว่านี้นะ แต่ว่าอ่านเล่มนะนิดละหน่อย ไม่ถึง 20 หน้าเลย ก็เลยไม่ได้นับรวมด้วย อันนี้คัดมาแต่ที่อ่านจบแล้วจริงๆกับจวนจบเท่านั้นจ้า ยังไงวีคหน้าก็มาแชร์หนังสือประจำวีคกันได้อีกเช่นเคยนะ เราจะตั้งกระทู้ให้ดึกขึ้นกว่าเดิมนิดนึงคือราวๆ 2 ทุ่มค่ะ
อิอิ มีเพิ่มเติมเล็กน้อย คือพอดีเราไปได้ของเล่นใหม่มาสักพักแล้วละ มันเป็นเกม reading bingo อะค่ะ เป็นตารางที่กำหนดมาให้ว่ามีหนังสือเกี่ยวอะไรบ้าง ถ้าเราอ่านเล่มไหนที่มีคุณสมบัติตามนั้นจบเราก็กาออก เหมือนเวลาขานตัวเลขแล้วกาออกเวลาเล่นบิงโกนี่ละจ้า ใครครบ 5 แถวก่อนชนะ ฮ่าๆ แต่หนังสือเล่มนึงใช้สิทธิ์ได้แค่ช่องเดียวเท่านั้นนะ เราจะลงของเราให้ดูเป็นตัวอย่างก่อนนะ ถ้าใครอยากได้ก็ไปโหลดในเวบที่เราจะแนบลิงก์ไว้ให้จ้า
โหลดตารางบิงโกได้ที่นี่ >>> [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ป.ล. ใครที่ชอบอ่านหนังสือภาษาอังกฤษก็ไปเข้ากรุ๊ป A book a week ในเฟซบุคได้นะคะ ยินดีต้อนรับทุกคน >> [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้