เราอยากจะมาเล่าประสบการณ์จริงให้ฟัง ขอย้ำนะค่ะว่าเป็นเรื่องจริง
เรากับเพื่อนๆ 8 คน วางแผนกันว่าจะไปเที่ยวที่เกาะล้าน 2 วัน 1 คืน พากันหารีสอร์ทอ่านอย่างรอบคอบทุกอย่าง ถูกใจหลายรีสอร์ท พอโทรไปส่วนมากก็จะเต็ม จนไปเจอในกระทู้ในพันทิปที่บอกว่าคุณลุงเจ้าของแน่งน้อยรีสอร์ทใจดีมาก เรากับเพื่อนก็ไม่ได้คิดอะไรเลยลองโทรไปจอง ครั้งแรกโทรติดแต่สัญญานไม่ค่อยมีสายเลยตัด แต่คนที่รับโทรศัพท์ก็โทรกลับมา (เราโทรไปบางรีสอร์ทพูดเหมือนไม่แคร์ลูกค้าเลยแถมบางทีก็โทรไม่ติด) เราจองห้องพัก 3 ห้อง มีทั้งห้องเล็กและห้องไหญ่ซึ่งราคาห้องพักรวมทั้งหมดจริงๆคือ 5,400 บาท แต่คุณป้าที่รับโทรศัพท์ก็ลดให้เหลือ 5,000 บาท
พอถึงวันไปเรากับเพื่อนตื่นเต้นมากไปหน่อย ไปกันตั้งแต่เช้า ไปถึงท่าหน้าบ้านตั้งแต่ 10 โมง พอถึงเราเลยโทรหารีสอร์ทให้เค้าเอารถมารับแล้วเราก็ถามเค้าว่าขอเช็คอินเข้าก่อนเวลาได้ไหม ลุงเค้าก็บอกได้เพราะห้องที่พวกเราจอง มันไม่มีคนพักพอดี (ซึ่งจริงๆทุกรีสอร์ทจะอนุญาตให้เช็คอินเข้าห้องพักหลังเที่ยงเท่านั้น) พอถึงรีสอร์ทเราเข้าห้องไป แม่บ้านเปิดแอร์รอ เย็นเจี๊ยบเลยค่ะ หายเหนื่อยเลย ที่นอนนุ่มสะอาดห้องน้ำสะอาดมีเครื่องทำน้ำอุ่นมีสบู่และยาสระผมซองเล็กๆให้ในตู้มีน้ำสองขวด สัญญาณทีวีคมชัด(ตรงข้ามรีสอร์ทเป็นคล้ายๆลานเบียร์ มีบารากุ เหล้าปั่น แล้วก้อร้านอาหารด้วย) พอหายเหนื่อยเรากับเพื่อนก็เอาของไปเก็บที่ห้องเตรียมตัวออกไปเที่ยว เช่ามอเตอร์ไซค์ที่รีสอร์ทคันละ 300 บาทน้ำมันเต็มถัง แม่บ้านที่รีสอร์ทก็มาบอกพวกเราว่าถ้าตอนเย็นจะซื้ออาหารทะเลมาปิ้งย่างกิน ก็ซื้อมาได้เลยนะค่ะ เดี๋ยวที่รีสอร์ทจะจัดการล้างและเตรียมของอุปกรณ์ปิ้งย่างทุกอย่างไว้ให้เองไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจากปิ้งแล้วก้อกิน หลังจากนั้นประมาณ 11 โมง เรากับเพื่อนๆก็ขับมอเตอร์ไซค์ไปที่จุดชมวิวบนเขา แต่อยากจะบอกว่าทางที่เกาะล้านคดโค้งและชัน อยากให้ทุกคนที่ไปขับรถอย่างระมัดระวังนะค่ะ แต่เพื่อนเราประมาททำให้เกิดอุบัติเหตุตรงทางโค้งป้อมตำรวจ ซึ่งทางตรงนี้เกิดอุบัติเหตุบ่อยมาก พอเกิดเหตุรถพยาบาลก็มารับคนเจ็บไป ซึ่งเป็นผู้ชาย 2 คน คนที่เหลือต้องขับรถตามไปเอง แต่ทุกคนมือสั่นไปหมดพวกเราจึงโทรแจ้งทางรีสอร์ท คุณลุงเจ้าของรีสอร์ทรีสอร์ทก็เอารถใหญ่มารับพวกเราตามเพื่อนที่เจ็บไปที่อนามัยแล้วให้คนที่รีสอร์ทมาเอามอเตอร์ไซค์ทั้งหมดไปเก็บให้ ระหว่างทางที่มาเราก็ถามลุงว่าเรื่องรถพวกเราต้องทำยังไง ลุงเค้าบอกว่าพวกหนูก็คงต้องเสียค่าซ่อมนะ แต่ลุงว่าเรื่องนี้เอาไว้ก่อนอย่าพึ่งคิดมาก ไปดูอาการเพื่อนก่อนดีกว่า พอไปถึงที่อนามัยก็มีแฟนกับลูกของคุณลุงเจ้าของรีสอร์ท มาดูอาการเพื่อนเราว่าเป็นยังไงบ้าง (เราประทับใจนะ เค้ามาไวมาก ดูแลเหมือนลูกหลานเลย) ผลปรากฏว่า คางแตก 1 คนแล้วก็มีแผลถลอก ส่วนอีก 1 คนหัวโนและปูดมากเท่าลูกส้มเลย แต่หัวไม่แตกไม่มีเลือด อนามัยจึงให้ประคบน้ำแข็งไว้ แต่พอสักพักมีเลือดออกมาที่หัวทางอนามัยจึงส่งไปฝั่งให้ไปเอ็กซเรย์ให้แน่นอน แต่ให้เพื่อนตามไปได้แค่ 2 คน เพราะไปสปีดโบ๊ทนั่งไม่พอ ที่เหลือต้องนั่งเรือตามไปเอง เราและเพื่อนที่เหลือจึงขอกลับไปตั้งหลักที่รีสอร์ท คุณลุงก็พูดให้กำลังใจแล้วก็บอกว่าพักผ่อนกันก่อน แล้วถ้ายังอยากไปให้เห็นทะเลบอกลุงเดี๋ยวลุงพาไป เพราะเรามายังไม่ทันจะได้ลงน้ำทะเลเลย เกิดเรื่องซ่ะก่อน พอไปถึงรีสอร์ทเราก็มานั่งคุยกันอยู่ที่หน้าห้องว่าเราจะเอาไงกันต่อ พี่ๆที่เป็นแม่บ้าน เค้าก็คอยถามตลอดว่าน้องๆกินข้าวกันไหม เดี๋ยวพี่สั่งให้ อยากได้อะไรบอกพี่นะ
ที่รีสอร์ทนี้มี Wifi ให้ด้วยไวมาก ทำให้เราติดต่อเพื่อนได้เร็วขึ้น พอบ่ายๆเราก็โทรถามอาการเพื่อน เพื่อนบอกว่าเอ็กซเรย์แล้วไม่มีอะไร ปลอดภัยแล้ว ทำให้เรากับเพื่อนสบายใจขึ้นมาก จึงขอให้ลุงเค้าพาไปที่หาดหน่อย ไปให้เห็นทะเล ไหนๆก็มาแล้ว พอตอนที่ลุงมารับกลับรีสอร์ทเราเลยถามเรื่องรถว่าค่าซ่อมเท่าไหร่ ลุงบอกว่า 12,000 เพราะล้อแม็กแตกและตัวเครื่องพังเยอะ พอกลับมาถึงห้องเราเลยโทรคุยกะเพื่อนที่อยู่โรงพยาบาล แล้วพ่อกับแม่ของเพื่อนที่เจ็บ เค้าบอกว่าเดี๋ยวพ่อกับแม่จะรับผิดชอบเอง แต่ขอเวลาทำเรื่องที่นี่ให้เสร็จก่อน สักวันสองวัน เดี๋ยวพ่อกับแม่จะข้ามไปที่เกาะ ลุงเค้าก็บอกไม่มีปัญหา ลุงไม่ซีเรียส ให้รักษาอาการเพื่อนที่เจ็บก่อน
พอตกเย็นเราโทรถามอาการเพื่อนอีก เพื่อนที่ไปด้วยก็บอกว่าคนที่เจ็บมีอาการผิดปกติ โรงพยาบาลจึงเอ็กซเรย์เครื่องใหญ่แล้ว ผลคือกระโหลกชั้นในแตก แต่ชั้นนอกไม่แตก มีเลือดคลั่ง กระดูกทิ่มสมองต้องรีบผ่าตัดด่วนต้องย้ายโรงพยาบาล แล้วพ่อกับแม่ของคนที่เจ็บก็บอกให้เราไปขอ พรบ รถเพื่อที่จะเอาไปแจ้งความว่าเกิดอุบัติเหตุ แต่ พรบ รถคันนั้นอยู่ที่ฝั่งพัทยา คุณลุงก็รีบโทรให้คนที่ฝั่งส่งแฟ็กซ์ไปให้ แต่ตอนนั้นร้านแฟ็กซ์ปิดหมดแล้ว เราเลยต้องรอ และนอนที่รีสอร์ทเพื่อที่ตอนเช้าจะได้ไปแจ้งความที่ป้อม คืนนั้นลุงก็คอยถามตลอดว่าเพื่อนเป็นไงบ้างเข้าห้องผ่าตัดยัง พี่ที่เป็นคนทำความสะอาดก็สั่งข้าวให้พวกเรา หาให้ทุกอย่าง ดูแลทุกสิ่งจิงกะเบล แม้กระทั่งยากันยุง อยากได้อะไรขอให้บอกนะ
พอดึกๆในระหว่างที่เรากำลังสวดมนต์นั่งสมาธิส่งผลบุญไปให้เพื่อน พี่เค้าก้อเอาผ้าห่มมาให้เพิ่มกลัวไม่พอ เอายาแก้ปวดหัวมาให้ด้วย แล้วก็มาคอยถามอีกว่าขาดเหลืออะไรไหม แต่พอเที่ยงคืนเพื่อนเราก็ได้ผ่าตัดเสร็จ และปลอดภัยดี แล้วก็ฟื้นขึ้นมาคุยได้แล่ว พวกเราและทุกคนในรีสอร์ทจึงวางใจและนอนกัน ก่อนนอนเรานัดลุงไว้ว่าถ้าเป็นไปได้เราจะกลับฝั่งให้ทันเรือรอบแรก นั่นก็คือ 7 โมงครึ่ง ขอให้ลุงไปว่งตั้งแต่เช้าที่ท่าเรือได้ไหม ลุงตกลง
พอตอนเช้า ลุงมารอตั้งแต่ 6 โมงเช้า แต่เราก็ยังกลับไม่ได้เพราะเราต้องไปปริ้นใบขับขี่และบัตรประชาชนของคนที่เจ็บก่อน เพื่อนที่จะนำไปแจ้งความ แต่ร้านปริ้นบนเกาะเปิด 8 โมงเกือบ 9 โมงทุกร้าน เราจึงต้องรอ เช้ามาคนทำความสะอาดจะมาปัดกวาดเช็ดถูทุกที่ในรีสอร์ท แม้กระทั่งห้องที่ไม่มีคนพัก เค้าก้อทำความสะอาดทุกซอกทุกมุม เราก็คุยกะพี่ที่ทำความสะอาด เค้าบอกว่ารีสอร์ทนี้สร้างมานานมากแล้ว แต่คุณลุงเป็นคนรักสะอาดมาก รีสอร์ทเลยยังดูใหม่ๆ สะอาดตลอด แล้วที่รีสอร์ทก็มีกาแฟนโอวัลตินขนมปังปิ้งไว้บริการแบบไม่อั้นเลยแหล่ะ เราจึงกินรองท้องไปก่อนแล้วก็มานั่งคุยกะลุง ลุงก็ถามอาการเพื่อนที่เจ็บ แล้วลุงก็ถามว่าเค้าเสียค่ารักษาพยาบาลเยอะไหม เราก็บอกลุงเค้าไปตามความจริงว่ามันก็หลักแสน หลายแสนอยู่ จากนั้นลุงก็ขับมอเตอร์ไซค์ไปนู่นไปนี่เพื่อเอา พรบ รถมาให้ พาเราไปปริ้นใบขับขี่ของเพื่อนด้วย แล้วลุงก็ขอคุยกะพ่อเพื่อนเรา เค้าบอกกับพ่อว่าเค้าลุงเค้าขอช่วยในเบื่องต้น ลุงเค้าจะไม่เอาค่าซ่อมรถ 12,000 เค้าถือว่าเค้าช่วยเรา จากนนั้นเราก็กลับไปที่รีสอร์ทกัน ก็มีอาหารเช้ารอเรา พี่ที่รีสอร์ททำไว้รอแล้ว แต่เราต้องไปแจ้งความที่ฝั่งพัทยา เพราะที่เกาะเค้าไม่รับแจ้งความ แล้วลุงก็รีบพาไปส่งที่ท่าเรือ เราเกือบไม่ทันเรือ แต่ลุงขับรถไปส่งถึงที่ขึ้นเรือเลยกลัวว่าพวกเราจะไม่ทันเรือ
สิ่งที่อยากจะบอก ทางที่ดีอะเช่ารถของทางรีสอร์ทดีกว่าเหมาไปเลยเพาะจะปลอดภัยกว่ากันเยอะค่ะ คนขับเค้าจะรู้เส้นทาง หาดตาแหวนที่นิยมเล่นน้ำ มีเค้าเตอร์รับฝากของด้วย ถ้าหากลงเล่นน้ำกันหมดก็เอาของไปฝากได้นะค่ะ แต่จะปิดรับฝากประมาณ 5 โมงเย็น
ปล.ที่เขียนรีวิวนี้ขึ้นเพื่อเป็นเล่าประสบการณ์ให้เพื่อนๆฟัง จะได้ระมัดระวังกัน แล้วก็อยากให้ทุกคนที่ไปเที่ยวเกาะล้านไปพักที่แน่งน้อยรีสอร์ทเพราะรู้สึกว่าเค้าดูแลเราดีมาก เหมือนเป็นลูกหลานของเค้าเลย ถ้าเขียนผิดหรือเขียนไม่เข้าใจผิดพลาดประการใดขออภัยนะค่ะ
[CR] รีวิว แน่งน้อยรีสอร์ท(เกาะล้าน) คุณลุงใจดีมากจริงๆ
เรากับเพื่อนๆ 8 คน วางแผนกันว่าจะไปเที่ยวที่เกาะล้าน 2 วัน 1 คืน พากันหารีสอร์ทอ่านอย่างรอบคอบทุกอย่าง ถูกใจหลายรีสอร์ท พอโทรไปส่วนมากก็จะเต็ม จนไปเจอในกระทู้ในพันทิปที่บอกว่าคุณลุงเจ้าของแน่งน้อยรีสอร์ทใจดีมาก เรากับเพื่อนก็ไม่ได้คิดอะไรเลยลองโทรไปจอง ครั้งแรกโทรติดแต่สัญญานไม่ค่อยมีสายเลยตัด แต่คนที่รับโทรศัพท์ก็โทรกลับมา (เราโทรไปบางรีสอร์ทพูดเหมือนไม่แคร์ลูกค้าเลยแถมบางทีก็โทรไม่ติด) เราจองห้องพัก 3 ห้อง มีทั้งห้องเล็กและห้องไหญ่ซึ่งราคาห้องพักรวมทั้งหมดจริงๆคือ 5,400 บาท แต่คุณป้าที่รับโทรศัพท์ก็ลดให้เหลือ 5,000 บาท
พอถึงวันไปเรากับเพื่อนตื่นเต้นมากไปหน่อย ไปกันตั้งแต่เช้า ไปถึงท่าหน้าบ้านตั้งแต่ 10 โมง พอถึงเราเลยโทรหารีสอร์ทให้เค้าเอารถมารับแล้วเราก็ถามเค้าว่าขอเช็คอินเข้าก่อนเวลาได้ไหม ลุงเค้าก็บอกได้เพราะห้องที่พวกเราจอง มันไม่มีคนพักพอดี (ซึ่งจริงๆทุกรีสอร์ทจะอนุญาตให้เช็คอินเข้าห้องพักหลังเที่ยงเท่านั้น) พอถึงรีสอร์ทเราเข้าห้องไป แม่บ้านเปิดแอร์รอ เย็นเจี๊ยบเลยค่ะ หายเหนื่อยเลย ที่นอนนุ่มสะอาดห้องน้ำสะอาดมีเครื่องทำน้ำอุ่นมีสบู่และยาสระผมซองเล็กๆให้ในตู้มีน้ำสองขวด สัญญาณทีวีคมชัด(ตรงข้ามรีสอร์ทเป็นคล้ายๆลานเบียร์ มีบารากุ เหล้าปั่น แล้วก้อร้านอาหารด้วย) พอหายเหนื่อยเรากับเพื่อนก็เอาของไปเก็บที่ห้องเตรียมตัวออกไปเที่ยว เช่ามอเตอร์ไซค์ที่รีสอร์ทคันละ 300 บาทน้ำมันเต็มถัง แม่บ้านที่รีสอร์ทก็มาบอกพวกเราว่าถ้าตอนเย็นจะซื้ออาหารทะเลมาปิ้งย่างกิน ก็ซื้อมาได้เลยนะค่ะ เดี๋ยวที่รีสอร์ทจะจัดการล้างและเตรียมของอุปกรณ์ปิ้งย่างทุกอย่างไว้ให้เองไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจากปิ้งแล้วก้อกิน หลังจากนั้นประมาณ 11 โมง เรากับเพื่อนๆก็ขับมอเตอร์ไซค์ไปที่จุดชมวิวบนเขา แต่อยากจะบอกว่าทางที่เกาะล้านคดโค้งและชัน อยากให้ทุกคนที่ไปขับรถอย่างระมัดระวังนะค่ะ แต่เพื่อนเราประมาททำให้เกิดอุบัติเหตุตรงทางโค้งป้อมตำรวจ ซึ่งทางตรงนี้เกิดอุบัติเหตุบ่อยมาก พอเกิดเหตุรถพยาบาลก็มารับคนเจ็บไป ซึ่งเป็นผู้ชาย 2 คน คนที่เหลือต้องขับรถตามไปเอง แต่ทุกคนมือสั่นไปหมดพวกเราจึงโทรแจ้งทางรีสอร์ท คุณลุงเจ้าของรีสอร์ทรีสอร์ทก็เอารถใหญ่มารับพวกเราตามเพื่อนที่เจ็บไปที่อนามัยแล้วให้คนที่รีสอร์ทมาเอามอเตอร์ไซค์ทั้งหมดไปเก็บให้ ระหว่างทางที่มาเราก็ถามลุงว่าเรื่องรถพวกเราต้องทำยังไง ลุงเค้าบอกว่าพวกหนูก็คงต้องเสียค่าซ่อมนะ แต่ลุงว่าเรื่องนี้เอาไว้ก่อนอย่าพึ่งคิดมาก ไปดูอาการเพื่อนก่อนดีกว่า พอไปถึงที่อนามัยก็มีแฟนกับลูกของคุณลุงเจ้าของรีสอร์ท มาดูอาการเพื่อนเราว่าเป็นยังไงบ้าง (เราประทับใจนะ เค้ามาไวมาก ดูแลเหมือนลูกหลานเลย) ผลปรากฏว่า คางแตก 1 คนแล้วก็มีแผลถลอก ส่วนอีก 1 คนหัวโนและปูดมากเท่าลูกส้มเลย แต่หัวไม่แตกไม่มีเลือด อนามัยจึงให้ประคบน้ำแข็งไว้ แต่พอสักพักมีเลือดออกมาที่หัวทางอนามัยจึงส่งไปฝั่งให้ไปเอ็กซเรย์ให้แน่นอน แต่ให้เพื่อนตามไปได้แค่ 2 คน เพราะไปสปีดโบ๊ทนั่งไม่พอ ที่เหลือต้องนั่งเรือตามไปเอง เราและเพื่อนที่เหลือจึงขอกลับไปตั้งหลักที่รีสอร์ท คุณลุงก็พูดให้กำลังใจแล้วก็บอกว่าพักผ่อนกันก่อน แล้วถ้ายังอยากไปให้เห็นทะเลบอกลุงเดี๋ยวลุงพาไป เพราะเรามายังไม่ทันจะได้ลงน้ำทะเลเลย เกิดเรื่องซ่ะก่อน พอไปถึงรีสอร์ทเราก็มานั่งคุยกันอยู่ที่หน้าห้องว่าเราจะเอาไงกันต่อ พี่ๆที่เป็นแม่บ้าน เค้าก็คอยถามตลอดว่าน้องๆกินข้าวกันไหม เดี๋ยวพี่สั่งให้ อยากได้อะไรบอกพี่นะ
ที่รีสอร์ทนี้มี Wifi ให้ด้วยไวมาก ทำให้เราติดต่อเพื่อนได้เร็วขึ้น พอบ่ายๆเราก็โทรถามอาการเพื่อน เพื่อนบอกว่าเอ็กซเรย์แล้วไม่มีอะไร ปลอดภัยแล้ว ทำให้เรากับเพื่อนสบายใจขึ้นมาก จึงขอให้ลุงเค้าพาไปที่หาดหน่อย ไปให้เห็นทะเล ไหนๆก็มาแล้ว พอตอนที่ลุงมารับกลับรีสอร์ทเราเลยถามเรื่องรถว่าค่าซ่อมเท่าไหร่ ลุงบอกว่า 12,000 เพราะล้อแม็กแตกและตัวเครื่องพังเยอะ พอกลับมาถึงห้องเราเลยโทรคุยกะเพื่อนที่อยู่โรงพยาบาล แล้วพ่อกับแม่ของเพื่อนที่เจ็บ เค้าบอกว่าเดี๋ยวพ่อกับแม่จะรับผิดชอบเอง แต่ขอเวลาทำเรื่องที่นี่ให้เสร็จก่อน สักวันสองวัน เดี๋ยวพ่อกับแม่จะข้ามไปที่เกาะ ลุงเค้าก็บอกไม่มีปัญหา ลุงไม่ซีเรียส ให้รักษาอาการเพื่อนที่เจ็บก่อน
พอตกเย็นเราโทรถามอาการเพื่อนอีก เพื่อนที่ไปด้วยก็บอกว่าคนที่เจ็บมีอาการผิดปกติ โรงพยาบาลจึงเอ็กซเรย์เครื่องใหญ่แล้ว ผลคือกระโหลกชั้นในแตก แต่ชั้นนอกไม่แตก มีเลือดคลั่ง กระดูกทิ่มสมองต้องรีบผ่าตัดด่วนต้องย้ายโรงพยาบาล แล้วพ่อกับแม่ของคนที่เจ็บก็บอกให้เราไปขอ พรบ รถเพื่อที่จะเอาไปแจ้งความว่าเกิดอุบัติเหตุ แต่ พรบ รถคันนั้นอยู่ที่ฝั่งพัทยา คุณลุงก็รีบโทรให้คนที่ฝั่งส่งแฟ็กซ์ไปให้ แต่ตอนนั้นร้านแฟ็กซ์ปิดหมดแล้ว เราเลยต้องรอ และนอนที่รีสอร์ทเพื่อที่ตอนเช้าจะได้ไปแจ้งความที่ป้อม คืนนั้นลุงก็คอยถามตลอดว่าเพื่อนเป็นไงบ้างเข้าห้องผ่าตัดยัง พี่ที่เป็นคนทำความสะอาดก็สั่งข้าวให้พวกเรา หาให้ทุกอย่าง ดูแลทุกสิ่งจิงกะเบล แม้กระทั่งยากันยุง อยากได้อะไรขอให้บอกนะ
พอดึกๆในระหว่างที่เรากำลังสวดมนต์นั่งสมาธิส่งผลบุญไปให้เพื่อน พี่เค้าก้อเอาผ้าห่มมาให้เพิ่มกลัวไม่พอ เอายาแก้ปวดหัวมาให้ด้วย แล้วก็มาคอยถามอีกว่าขาดเหลืออะไรไหม แต่พอเที่ยงคืนเพื่อนเราก็ได้ผ่าตัดเสร็จ และปลอดภัยดี แล้วก็ฟื้นขึ้นมาคุยได้แล่ว พวกเราและทุกคนในรีสอร์ทจึงวางใจและนอนกัน ก่อนนอนเรานัดลุงไว้ว่าถ้าเป็นไปได้เราจะกลับฝั่งให้ทันเรือรอบแรก นั่นก็คือ 7 โมงครึ่ง ขอให้ลุงไปว่งตั้งแต่เช้าที่ท่าเรือได้ไหม ลุงตกลง
พอตอนเช้า ลุงมารอตั้งแต่ 6 โมงเช้า แต่เราก็ยังกลับไม่ได้เพราะเราต้องไปปริ้นใบขับขี่และบัตรประชาชนของคนที่เจ็บก่อน เพื่อนที่จะนำไปแจ้งความ แต่ร้านปริ้นบนเกาะเปิด 8 โมงเกือบ 9 โมงทุกร้าน เราจึงต้องรอ เช้ามาคนทำความสะอาดจะมาปัดกวาดเช็ดถูทุกที่ในรีสอร์ท แม้กระทั่งห้องที่ไม่มีคนพัก เค้าก้อทำความสะอาดทุกซอกทุกมุม เราก็คุยกะพี่ที่ทำความสะอาด เค้าบอกว่ารีสอร์ทนี้สร้างมานานมากแล้ว แต่คุณลุงเป็นคนรักสะอาดมาก รีสอร์ทเลยยังดูใหม่ๆ สะอาดตลอด แล้วที่รีสอร์ทก็มีกาแฟนโอวัลตินขนมปังปิ้งไว้บริการแบบไม่อั้นเลยแหล่ะ เราจึงกินรองท้องไปก่อนแล้วก็มานั่งคุยกะลุง ลุงก็ถามอาการเพื่อนที่เจ็บ แล้วลุงก็ถามว่าเค้าเสียค่ารักษาพยาบาลเยอะไหม เราก็บอกลุงเค้าไปตามความจริงว่ามันก็หลักแสน หลายแสนอยู่ จากนั้นลุงก็ขับมอเตอร์ไซค์ไปนู่นไปนี่เพื่อเอา พรบ รถมาให้ พาเราไปปริ้นใบขับขี่ของเพื่อนด้วย แล้วลุงก็ขอคุยกะพ่อเพื่อนเรา เค้าบอกกับพ่อว่าเค้าลุงเค้าขอช่วยในเบื่องต้น ลุงเค้าจะไม่เอาค่าซ่อมรถ 12,000 เค้าถือว่าเค้าช่วยเรา จากนนั้นเราก็กลับไปที่รีสอร์ทกัน ก็มีอาหารเช้ารอเรา พี่ที่รีสอร์ททำไว้รอแล้ว แต่เราต้องไปแจ้งความที่ฝั่งพัทยา เพราะที่เกาะเค้าไม่รับแจ้งความ แล้วลุงก็รีบพาไปส่งที่ท่าเรือ เราเกือบไม่ทันเรือ แต่ลุงขับรถไปส่งถึงที่ขึ้นเรือเลยกลัวว่าพวกเราจะไม่ทันเรือ
สิ่งที่อยากจะบอก ทางที่ดีอะเช่ารถของทางรีสอร์ทดีกว่าเหมาไปเลยเพาะจะปลอดภัยกว่ากันเยอะค่ะ คนขับเค้าจะรู้เส้นทาง หาดตาแหวนที่นิยมเล่นน้ำ มีเค้าเตอร์รับฝากของด้วย ถ้าหากลงเล่นน้ำกันหมดก็เอาของไปฝากได้นะค่ะ แต่จะปิดรับฝากประมาณ 5 โมงเย็น
ปล.ที่เขียนรีวิวนี้ขึ้นเพื่อเป็นเล่าประสบการณ์ให้เพื่อนๆฟัง จะได้ระมัดระวังกัน แล้วก็อยากให้ทุกคนที่ไปเที่ยวเกาะล้านไปพักที่แน่งน้อยรีสอร์ทเพราะรู้สึกว่าเค้าดูแลเราดีมาก เหมือนเป็นลูกหลานของเค้าเลย ถ้าเขียนผิดหรือเขียนไม่เข้าใจผิดพลาดประการใดขออภัยนะค่ะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น