ดิฉันกับแฟนเราอยู่ด้วยกันมา6ปีแล้วคะ แต่เพิ่งจดทะเบียนไปเมื่อ2ปีก่อน คือยอมรับคะว่ามีแฟนตั้งแต่ยังเด็ก ตอนนั้นครอบครัวมีปัญหา นึกย้อนไปตอนนั้นทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดี ขอแค่หนีปัญหาไปจากตรงนี้ก็พอ
ตอนนี้ดิฉันอายุ22ปีคะ แฟน25ปี ดิฉันทำงานตั้งแต่16 17 เรา2คนช่วยกันทำงานหาเงิน ใช้ชีวิตด้วยกันปกติสุขดี เขาเป็นคนดีนะคะ ทำงานทำการ ไม่เคยทุบตี เป็นฝ่ายยอมดิฉันแทบจะทุกอย่าง แต่ก่อนตอนเริ่มทำงานเงินเดือนดิฉันได้ไม่ถึง7000 จนตอนนี้ได้หมื่นกว่าบาท แฟนดิฉันรายได้ก็พอกัน หมื่นกลางๆ จนเมื่อเดือนที่แล้วแฟนดิฉันลาออกจากงานมาขายของ ดิฉันไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรก เพราะเงินเก็บตอนนั้นมีแค่หมื่นนึง แต่เขาอยากขายของจริงๆเลยเอาเงินนั้นไปลงทุน ดิฉันยอมคะเห็นเขาอยากจะทำจริงๆ เบ็ดเสร็จลงทุนไปหมื่นกว่าบาทซึ่งรวมเงินปีใหม่ที่ดิฉันได้มาไปด้วย ขายของก็หวังอยากได้กำไร ได้เงินมากกว่าค่าแรงในแต่ละวัน ซึ่งกำไรก็พอได้บ้าง แต่กลับกลายเป็นว่าหักต้นทุนในแต่ละวันได้ไม่ถึงค่าแรงขั้นต่ำ แล้วเงินลงทุนในการซื้อของมาขายยังต้องดึงเงินเดือนดิฉันออกมา ซึ่งตอนแรกแพลนกันไว้ว่าจะเก็บเงินเดือนดิฉันเป็นค่าห้อง ค่าน้ำค่าไฟช่วงสิ้นเดือน เหลือเงินเก็บบ้างเดือนละพันสองพันก็ยังดี แต่สุดท้ายเงินจ่ายค่าห้องแทบจะไม่พอ ของอะไรที่ดิฉันอยากจะซื้อก็ไม่ได้ซื้อ กลัวเงินจ่ายค่าห้องไม่พอ เลยบอกเขากลับไปทำงานเถอะ ซักปีสองปีพอเงินเยอะกว่านี้ อยากทำอะไรก็ค่อยทำ ทำอะไรที่มันต่อยอดได้ คุยกันเหมือนจะเข้าใจยอมจะกลับไปทำงาน แต่ยังถามดิฉันตลอดว่าจะขายอะไรดีถ้าจะเปลี่ยนที่ขาย คือดิฉันไม่มีเงินเหลือแล้วตอนนี้ หมดทุกบาททุกสตางค์ จนเมื่อวานคุยกันใหม่เรื่องเดิมว่า ทำไมต้องทำให้ตัวเองกลับไปลำบากแบบ5-6ปีก่อนด้วย เราเลือกได้นินา ถ้าขายแล้วไม่ดีก็เลิกขาย ภาระดิฉันก็ไม่มี ลูกก็ไม่มี ช่วยกันเก็บเงินดีกว่าไหม แต่เขากลับขึ้นสเตตัสเฟสบุ๊คว่า "อะไรๆก็เงินๆ คนข้างสำคัญไม่สำคัญเลยรึไง" ดิฉันจุกคะ ใช่คะดิฉันเห็นแก่เงิน ไม่อยากให้ทั้งเขาทั้งดิฉันลำบาก อยากจะมีอนาคตด้วยกัน อยากมีครอบครัวที่ดี มีลูกก็ไม่อยากให้ลูกลำบาก แต่ดิฉันกลายเป็นคนหิวเงินในสายตาเขา เสียใจคะ ไม่คิดว่าจะมองเราแบบนี้ ดิฉันเป็นอย่างที่เขาพูดจริงๆใช่ไหมคะ?
ดิฉันเป็นผู้หญิงเห็นแก่เงินใช่ไหมคะ?
ตอนนี้ดิฉันอายุ22ปีคะ แฟน25ปี ดิฉันทำงานตั้งแต่16 17 เรา2คนช่วยกันทำงานหาเงิน ใช้ชีวิตด้วยกันปกติสุขดี เขาเป็นคนดีนะคะ ทำงานทำการ ไม่เคยทุบตี เป็นฝ่ายยอมดิฉันแทบจะทุกอย่าง แต่ก่อนตอนเริ่มทำงานเงินเดือนดิฉันได้ไม่ถึง7000 จนตอนนี้ได้หมื่นกว่าบาท แฟนดิฉันรายได้ก็พอกัน หมื่นกลางๆ จนเมื่อเดือนที่แล้วแฟนดิฉันลาออกจากงานมาขายของ ดิฉันไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรก เพราะเงินเก็บตอนนั้นมีแค่หมื่นนึง แต่เขาอยากขายของจริงๆเลยเอาเงินนั้นไปลงทุน ดิฉันยอมคะเห็นเขาอยากจะทำจริงๆ เบ็ดเสร็จลงทุนไปหมื่นกว่าบาทซึ่งรวมเงินปีใหม่ที่ดิฉันได้มาไปด้วย ขายของก็หวังอยากได้กำไร ได้เงินมากกว่าค่าแรงในแต่ละวัน ซึ่งกำไรก็พอได้บ้าง แต่กลับกลายเป็นว่าหักต้นทุนในแต่ละวันได้ไม่ถึงค่าแรงขั้นต่ำ แล้วเงินลงทุนในการซื้อของมาขายยังต้องดึงเงินเดือนดิฉันออกมา ซึ่งตอนแรกแพลนกันไว้ว่าจะเก็บเงินเดือนดิฉันเป็นค่าห้อง ค่าน้ำค่าไฟช่วงสิ้นเดือน เหลือเงินเก็บบ้างเดือนละพันสองพันก็ยังดี แต่สุดท้ายเงินจ่ายค่าห้องแทบจะไม่พอ ของอะไรที่ดิฉันอยากจะซื้อก็ไม่ได้ซื้อ กลัวเงินจ่ายค่าห้องไม่พอ เลยบอกเขากลับไปทำงานเถอะ ซักปีสองปีพอเงินเยอะกว่านี้ อยากทำอะไรก็ค่อยทำ ทำอะไรที่มันต่อยอดได้ คุยกันเหมือนจะเข้าใจยอมจะกลับไปทำงาน แต่ยังถามดิฉันตลอดว่าจะขายอะไรดีถ้าจะเปลี่ยนที่ขาย คือดิฉันไม่มีเงินเหลือแล้วตอนนี้ หมดทุกบาททุกสตางค์ จนเมื่อวานคุยกันใหม่เรื่องเดิมว่า ทำไมต้องทำให้ตัวเองกลับไปลำบากแบบ5-6ปีก่อนด้วย เราเลือกได้นินา ถ้าขายแล้วไม่ดีก็เลิกขาย ภาระดิฉันก็ไม่มี ลูกก็ไม่มี ช่วยกันเก็บเงินดีกว่าไหม แต่เขากลับขึ้นสเตตัสเฟสบุ๊คว่า "อะไรๆก็เงินๆ คนข้างสำคัญไม่สำคัญเลยรึไง" ดิฉันจุกคะ ใช่คะดิฉันเห็นแก่เงิน ไม่อยากให้ทั้งเขาทั้งดิฉันลำบาก อยากจะมีอนาคตด้วยกัน อยากมีครอบครัวที่ดี มีลูกก็ไม่อยากให้ลูกลำบาก แต่ดิฉันกลายเป็นคนหิวเงินในสายตาเขา เสียใจคะ ไม่คิดว่าจะมองเราแบบนี้ ดิฉันเป็นอย่างที่เขาพูดจริงๆใช่ไหมคะ?