สุภาพสตรีเทวพรหม

แรงบันดาลใจในการแต่งเรื่องนี้เกิดจาก
หัวใจ  ความคิดถึง ซีรีย์สุภาพบุรุษจุฑาเทพ  หัวใจ

แต่งจากความน่าจะเป็นตามความคิดของตัวเอง
ไม่มีเจตนา ละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใดนะคะ


คำมั่นสัญญา คือ หนึ่งในพันธะที่ศักสิทธิ์ เฉกเช่นเดียวกันกับสิ่งที่ราชสกุลจุฑาเทพได้ให้ไว้กับราชสกุลเทวพรหม
เรื่องการเกี่ยวดองของสองราชสกุล จากพันธะสัญญาอาจกลายเป็น "คำสาป"
"คำสาปแห่งรัก" ต้นเหตุแห่งความขัดแย้งและอุปสรรคครั้งใหญ่ที่ต้องเผชิญของทายาทแห่งราชสกุลจุฑาเทพ
เพียงเพื่อขอให้ได้เป็นเจ้าของ หญิงที่รักผู้เป็นดั่งดวงใจของเขา "หทัยกัญญา" ทายาทแห่งราชสกุลเทวพรหม


             ม.ล.วิไลรัมภา เทวพรหม เผลอตั้งท้องกับเพื่อนร่วมงานที่แอบหลงรักเธอ ในวันที่สุราทำให้สติเธอดับวูบไป อนุชิต ไม่อาจต้านทานความรู้สึกของตัวเองได้ ความผิดพลาดในครั้งนั้น ทำให้ ม.ล.วิไลรัมภา ต้องเก็บตัวอยู่แต่ในวังเทวพรหม พร้อมความเกลียดชังลูกในท้อง ม.ล.มารตี คอยยุให้วิไลรัมภาเอาลูกไปทิ้งไว้กับอนุชิตหลังจากคลอดแล้วเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดีกว่า

             อนุชิตยินดีเป็นอย่างมากที่ ม.ล.วิไลรัมภา ยื่นขอเสนอนี้ให้เขา ถึงแม้ว่าเด็กคนนี้เกิดขึ้นจากความไม่เต็มใจของผู้เป็นแม่ แต่เพราะความรักที่อนุชิตมีต่อ ม.ล.วิไลรัมภา มันปริ่มล้น ทำให้เขาพร้อมที่จะรับเด็กคนนี้ไว้ด้วยความรักอย่างมากมายเช่นกัน

             ในวันที่ อนุชิตมารับลูก เขาอุ้มลูกน้อยมานั่งที่สวนในโรงพบาบาลเพื่อนั่งรอรถเที่ยวต่อไป สวนกับ ม.ล.เกษรา ที่เดินจูงลูกสาว 2 ขวบ และลูกชาย วัย 4 ขวบ พร้อมกันคนรับใช้คนสนิท เพื่อที่มาจะเยี่ยมหลาน อนุชิตจำ ม.ล.เกษราได้ เขาจึงรีบหลบ ระหว่างที่ ม.ล.เกษรากำลังเดินผ่านไป เขาได้ยินบทสนทนาเกี่ยวกับลูกน้อยของเขา

        "คุณเกษ เตรียมชื่อไว้แล้วใช้ไหมคะ" ป้าแย้ม คนรับใช้ที่ ม.ล.เกษราไว้ใจมากเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องนี้ เอ่ยถามด้วยความสนใจ

        "หทัยกัญญาจ๊ะ ป้าแย้ม" มล.เกษราตอบด้วยรอยยิ้มที่อ่อนหวาน เธอตั้งใจว่าจะตั้งชื่อนี้ให้กับหลานคนแรกของเธอ

        "เพราะจังเลยค่ะคุณเกษ" ป้าแย้ม บอกตามความรู้สึกจากใจ

        "หทัยกัญญา ลูกมีชื่อแล้วนะ ลูกสาวของพ่อ" อนุชิตบอกกับทารกน้อยที่กำลังนอนหลับปุ๋ยในอ้อมอกของเขา

             ม.ล.เกษราจูงลูกกลับบ้านด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง จนชินกรสามีของเธอที่รออยู่รีบเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ม.ล.เกษราเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้สามีฟัง ถึงแม้ว่าเรื่องของหลานคนนี้ สังคมภายนอกจะไม่มีใครรู้เรื่อง ม.ล.รู้สึกเศร้าใจอย่างมากที่เธอเสียหลานคนนี้ไป

        "จะไปตกระกำลำบากที่ไหนก็ไม่รู้" ม.ล.เกษราบอกกับสามีของเธอทั้งน้ำตา

             อนุชิต เลี้ยงลูกสาวของเขาอย่างตามมีตามเกิดในห้องเช่าเล็กๆในตลาด ครอบครัวของเขามีอาชีพขายผักและผลไม้ที่เก็บได้จากสวนของเขา ด้วยความที่พ่อของเขาต้องไปที่สวนทุกวัน แม่ของเขาก็ต้องไปขายของที่ตลาด ทำให้อนุชิตต้องออกจากงานมาเลี้ยงลูกเอง เขาไม่เคยแม้จะปริปากบ่น เพราะเด็กคนนี้เกิดมาจากความรักของเขาอย่างแท้จริง

             สามปีผ่านไป เงินเก็บที่เขามีเริ่มหมดไปเรื่อยๆเพราะต้องใช้จุนเจือครอบครัว อนุชิตมองเงินในบัญชีอย่างใจหาย จนกระทั่งเหตุการไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น หทัยกัญญาลื่นล้มในสวนหัวฟาดกับตอไม้อย่างรุนแรง กว่าปู่จะกลับมาเห็น หลานสาวก็หมดสติไปนานมากแล้ว อนุชิตรู้เรื่องเขารีบพาลูกสาวไปโรงพยาบาลทันที ค่าใช้จ่ายในครั้งนี้สูงมากเพราะต้องผ่าตัดสมอง อนุชิตต้องการความช่วยเหลือ แม้เขาต้องผิดสัญญาที่ให้ไว้กับ ม.ล.วิไลรัมพา แต่ครั้งนี้เขาไม่มีทางเลือก เขาไปขอความช่วยเหลือจาก ม.ล.เกษรา แต่ ม.ล.เกษรา ยังไม่ค่อยเชื่อ

        "หลานของคุณชื่อ หทัยกัญญา ผมตั้งชื่อนี้ เพราะผมได้ยินมาจากคุณที่โรงพยาบาลเมื่อ 3 ปีก่อน" อนุชิตบอกตามความจริง

             ม.ล.เกษราแปลกใจมากที่เขารู้เรื่องนี้และรีบตามอนุชิตไปที่โรงพยาบาลทันที เมื่อเธอเห็นสภาพของหลาน เธอเผลอร้องไห้ออกมาอย่างไม่รู้ตัว สายสัมพันธ์แห่งสายเลือดไหลผ่านมือน้อยๆที่เธอกุมมืออยู่ การช่วยชีวิตหลานอย่างถึงที่สุดนั่นคือสิ่งที่เธอต้องรีบทำ อนุชิตร้องไห้ออกมาอย่างดีใจที่ลูกสาวของเขามีโอกาสที่จะรอดแล้ว

             ม.ล.เกษรารีบโทรไปหา ม.ร.ว.พุฒิภัทร เธออ้างว่าเป็นลูกของคนรับใช้ในบ้านเพราะไม่อยากให้ใครรู้เรื่องของ ม.ล.วิไลรัมภา เพราะเธอกำลังจะแต่งงานใหม่ในเร็วๆนี้ ม.ร.ว.พุฒิภัทร พอทราบเขารีบทำเรื่องการย้ายโรงพยาบาลของหทัยกัญญา มาที่โรงพยาบาลที่เขาดูแลอยู่ทันที

             ณ วังจุฑาเทพ กรองแก้วรอคอยการกลับมาของคุณชายหมอเหมือนปกติแต่ที่แปลกไปคงเป็นในครั้งนี้เธอมีลูกสาวคนโตและลูกชายคนเล็กมาอยู่เป็นเพื่อนด้วย

        "คุณแม่ครับ วันนี้ทำไมคุณพ่อกลับมาช้าจัง" ม.ล.พนธกร ลูกชายวัย 6 ขวบของเธอถามด้วยความสงสัย

        "ง่วงก็ไปนอนเถอะ เดี๋ยวพี่นั่งอยู่เป็นเพื่อนคุณแม่เอง" ม.ล.พจณิชา วัย 7 ขวบ บอกกับน้องชายด้วยความเอ็นดู

        "ไปนอนกันทั้งคู่เลย แม่นั่งรอคนเดียวได้จ๊ะ"

        "ไม่เป็นไรครับ กรรอเป็นเพื่อน" ม.ล.พนธกร ไม่บอกปล่าวเขาเดินเข้ามากอดกรองแก้วก่อนจะทิ้งตัวนอนลงบนตัก อาจเพราะเขาเป็นน้องคนเล็กของทายาทรุ่นนี้ทำให้เขากลายเป็นคนที่ขี้อ้อนที่สุด

        "ไปนอนเถอะณิชา" กรองแก้วบอกกับลูกสาว ก่อนที่คนรับใช้พาเดินขึ้นไปบนตึก

        "คุณพ่อมีผ่าตัดด่วนจ๊ะคืนนี้" กรองแก้วบอกกับลูกชายที่นอนอยู่บนตัก เธอลูบหัวช้าอย่างเอ็นดู

        "อาการหนักไหมครับ" ม.ล.พนธกร ถามอีกครั้ง กรองแก้วได้แต่มองหน้าแต่ก็ไม่ตอบอะไร

        "ผมขอให้เค้าปลอดภัย" ม.ล. พนธกร พูดออกอย่างไร้เดียงสา แต่น่าแปลกที่เขารู้สึกเช่นนั้นจริงๆ

             ในห้องผ่าตัด หทัยกัญญายังคงอาการโคม่าอยู่ ม.ล.เกษรายืนรอที่หน้าห้องพร้อมกับชินกร และอนุชิต ทั้งสามภาวนาให้การผ่าตัดในครั้งนี้ผ่านไปด้วยดี  ม.ร.ว.พุฒิภัทร ออกมาจากห้องผ่าตัด พร้อมกับข่าวดี ทั้งสามยิ้มอย่างดีใจ

             อนุชิต ต้องรีบกลับบ้านเพื่อไปเตรียมของมาเฝ้าลูกสาว ม.ล. เกษราและชินกรอาสาที่จะไปส่ง เมื่อทั้งคู่เห็นบ้านของอนุชิต ก็อดเป็นห่วงสภาพความเป็นอยู่ของหลานสาวไม่ได้
          
             ในคืนนั้น ที่โรงแรมหรูกลางกรุง ม.ล.วิไลรัมภา กำลังเข้าพิธีแต่งงานกับนักธุรกิจชาวต่างชาติ ม.ล.เกษราแวะเข้ามาดูอาการของหลานสาวที่โรงพยาบาลก่อน เธอรู้สึกเวทนาชะตากรรมของหทัยกัญญา ที่เป็นทายาทของเทวพรหมที่ไร้ตัวตน อนุชิตที่ยืนอยู่ห่างๆได้พูดถึงเจตนาของเขา

        "พอดวงใจหาย ผมจะรีบพาเธอกลับไปอยู่ในที่ของเราตามเดิม ไม่มายุ่งเกี่ยวกับทางคุณอีก เพราะผมไม่ต้องการให้ทางคุณและคุญวิไลรัมภาต้องเดือดร้อน และเรื่องค่ารักษาผมจะรีบหามาใช้คืนให้ครับ"

        "ฉันไม่ต้องการเงินจากคุณ แต่ฉันมีสิ่งที่ต้องการมากกว่านั้น คุณจะให้ฉันได้หรือเปล่า" ม.ล.เกษราเอ่ยถามตามตรง

        "อะไรหรือครับ" อนุชิตสงสัย

        "อนาคตของหทัยกัญญา"

             อนุชิตอึ้งที่ได้ยินอย่างนั้น เธอละอายใจเช่นกันที่เอ่ยขอตามตรง

        "ไม่ใช่ว่าฉันคิดว่าคุณเลี้ยงหลานฉันไม่ดีหรอกนะ แต่ฉันต้องการให้หลานของฉันได้รับสิทธ์ที่เขาสมควรจะได้รับ"

        "แต่ทางคุณวิไลรัมภา" อนุชิต อดที่กังวลไม่ได้

        "ไม่ต้องห่วงหรอก จะไม่มีใครรู้ฐานะที่แท้จริงของหทัยกัญญา"ม.ล.เกษราพูดได้แค่นั้นก็หยุด ก่อนที่จะถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจแล้วพูดต่อว่า

        "แค่เขาต้องอยู่อย่างไร้ตัวตน ฉันก็รู้สึกแย่มากอยู่แล้ว ฉันเลยอยากให้เขามีสิ่งที่ดีกว่านี้เพื่อชดเชยในสิ่งที่ทางเทวพรหมให้เขาไม่ได้"

             อนุชิต พอที่จะเดาทางถูกในสิ่งที่ ม.ล.เกษราจะขอจากเขา อนุชิตได้แต่ก้มหน้านิ่ง

        "ฉันคิดว่าคุณคงทราบแล้วนะว่าฉันต้องการอะไร"

        "ครับผมทราบครับ" อนุชิตก้มหน้าตอบ แต่เพราะอนาคตที่ดีของลูกสาวของเขา เขาจึงเลือกที่จะให้หทัยกัญญาไปอยู่กับครอบครัวของ ม.ล.เกษรา

             ม.ล.เกษรา มาที่งานแต่งงานของน้องสาวหลังจากเจรจากับอนุชิตเสร็จ เธอรู้แก่ใจดีว่า ที่น้องสาวของเธอแต่งงานในครั้งนี้เพราะกำลังตั้งท้อง แต่เพราะสามีชาวต่างชาติคนนี้เป็นนักธุรกิจที่รวยมาก ทำให้ม.ล.วิไลรัมภาใช้วิธีนี้เพื่อที่จะกลับมามีหน้ามีตาในวงสังคมอีกครั้ง
             ม.ล.เกษราได้แต่คิด ถ้าน้องสาวของเธอรู้เรื่องว่าลูกสาวที่เธอปกปิดไว้มาอยู่กับพี่สาวของตนเองคงเป็นเรื่องแน่ ยิ่ง ม.ล.มารตีที่ได้ประโยชน์จากงานแต่งงานครั้งนี้ คงไม่ปล่อยให้ หทัยกัญญาอยู่เป็นเสี้ยนหนามอย่างแน่นอน

             เมื่อถึงวันที่ อนุชิตพาลูกสาววัย 3 ขวบของเขามาส่งที่บ้านของ ม.ล.เกษรา เขาดึงลูกสาวที่รักเข้ามากอดแน่น พร้อมกับสั่งกำชับ

        "อย่าดื้อ อย่าซน อย่าเป็นคนพูดไม่รู้ความ อย่าตีตนเสมอท่าน อย่าทำให้ท่านต้องเดือดร้อนเข้าใจไหมลูก" หทัยกัญญาไม่เข้าใจความหมายที่พ่อเธอสั่งเพราะอายุยังน้อย เธอได้แต่พยักหน้ารับหลายครั้งพร้อมน้ำตาแทนคำตอบ

             อนุชิตพาลูกสาวเดินเข้ามาส่ง ที่ในบ้านม.ล.เกษรา พร้อมกับ ลูกชายและลูกสาว ชญานนท์ วัย 7 ขวบ และชญานี วัย 6 ขวบ คอยรับอยู่ อนุชิตหวังไว้อย่างยิ่งว่า นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาเลือกทางนี้ให้กับหทัยกัญญา

             หลายปีผ่านไป หทัยกัญญา ได้อยู่เป็นเพื่อนเล่นให้กับลูกชายและลูกสาวของ ม.ล.เกษรา แต่ด้วยอายุที่น้อยกว่า ชญานนท์ และ ชญานี ทำให้เธอดูเหมือนเป็นน้องคนสุดท้องของครอบครัวนี้ ไปทันที


             และแล้ววันแรกแห่งความทรงจำก็มาถึง

             เมื่อวังจุฑาเทพจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้กับครบรอบ 17 ปี ให้กับ ม.ล.พนธกร หลานชายคนเล็กของเหล่าคุณชายทั้ง 5 ในงานนี้ ครอบครัวคุณชายรัชชานนท์ และคุณชายปวรรุจไม่สามารถมาร่วมงานได้ เพราะอยู่ต่างประเทศ
             ครอบครัวของชินกรมาพร้อมกับลูกๆทั้ง 2 แต่ที่แปลกไปคงเป็นชญานีที่วันนี้เธอแต่งตัวหน้ารักผิดปกติ เพราะต้องการให้ ม.ล.พนธกรรู้สึกประทับใจ หทัยญัญญาที่ถูก ม.ล.เกษราบังคับมาด้วย เธอใส่ชุดเก่าของ ชญานี แต่สำหรับเธอแล้วถึงเป็นชุดเก่าแต่ก็สวยมากมายเหลือเกิน

        "ดวงใจจะเข้าไปในวังหรือเปล่า" ชญานนท์ถาม

        "ไม่ดีกว่าค่ะคุณนนท์ คุณนนท์เข้าไปกับคุณนีเถอะค่ะ" หทัยกัญญาตอบก่อนจะส่งของขวัญของคุณนี คืนให้เพราะระหว่างทางที่เดินมาเธอถือให้อยู่

        "ขอบใจนะ ดวงใจ" ชญานีตอบก่อนที่จะเดินเข้าไปในวังด้วยใบหน้าที่แช่มชื่น

        "ทายาทรุ่นต่อไปของจุฑาเทพ มีชื่อว่า ม.ล.ธีรไนย ม.ล.วชิรวิทย์ ม.ล.พนธกร ม.ล.พจณิชา ม.ล.สุรีย์นิภา และ ม.ล.กันต์รพี"
            
             หทัยกัญญาได้แต่นึกถึงเรื่องที่ คุณชญานนท์ เล่าให้เธอฟังเมื่อคืน ขณะที่เธอกำลังนั่งถักผ้าพันคอผืนแรกที่ ม.ล.เกษราสอนให้เธอ หทัยกัญญาเห็นว่าถักเสร็จในคืนนั้นพอดี เธอจึงเลือกให้ผ้าพันคอผืนนั้นเป็นของขวัญ

เป็นของขวัญที่มอบให้คนที่เธอไม่รู้จัก เป็นของขวัญที่เธอต้องให้เขาตามมารยาท


             เพราะเธอได้มาร่วมงานวันเกิดในครั้งนี้ด้วย ในฐานะคนดูแลคุณชญานี   หทัยกัญญาวางถุงกระดาษที่เธอใส่ผ้าพันคอผืนนั้นลง เพราะเธอกำลังสนใจสิ่งที่เธอกำลังได้เห็นอยู่ตรงหน้า

        "ต้นมะม่วงนี่" หทัยกัญญายืนละล้าละลังอยู่ใต้ต้นมะม่วงนั้น เพื่อดูลูกที่สุก เธอรู้ดีว่านี่คือผลไม้โปรดที่ ม.ล.เกษรา ชอบ

        "ใครน่ะ" คนสวนของวังจุฑาเทพถามด้วยความสงสัย

        "ดวงใจจ๊ะ เป็นคนของบ้านคุณชินกร" หทัยกัญญาตอบ

        "ไม่เข้าไปข้างในหละครับ งานกำลังเริ่ม" คนสวนบอกกับเธอ

        "ไม่ดีกว่าค่ะ ปล่อยให้พวกคุณๆเค้าสนุกกันดีกว่า" หทัยกัญญาตอบพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะมองไปทีต้นมะมวงอีกครั้ง

        "อยากได้มะม่วงหรอ" คนสวนถาม หทัยกัญญาได้แต่ยิ้มเพราะไม่กล้าบอกตามตรง

        "เอาสิ เจ้านายที่นี่ไม่หวงหรอก ลูกสุกก็เยอะอยู่ เดี่ยวน้าไปเอาตะกร้อมาสอยให้นะ" คนสวนบอกก่อนจะเดินไปหาตะกร้อมาสอยมะม่วง หทัยกัญญามองอย่างเกรงใจ ก่อนจะตัดสินใจบอกกับลุงคนสวนว่า
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่