สวัสดีค่ะ เราได้มีโอกาสสมัครวีซ่าอเมริกาให้น้องชายและเพื่อน ๆ ของน้องชายอีก 2 คน เราได้ทำให้น้อง ๆ เกือบทุกขั้นตอนในการสมัครวีซ่า ต้องลองผิดลองถูกตั้งแต่ต้นจนจบ เพราะเด็ก ๆ สมัครหลังวันที่ 7 ก.พ. 2557 ซึ่งใช้ระบบใหม่ในการสมัคร เราได้ความรู้จากกระทู้เก่า ๆ ใน pantip บ้าง ตั้งกระทู้สอบถามเพื่อน ๆ ใน pantip บ้าง แต่เราคิดว่ามันยังไม่ค่อยเพียงพอสำหรับคนที่อยากจะสมัครวีซ่าด้วยตนเอง เราจึงอยากแบ่งปันประสบการณ์ในครั้งนี้ให้กับเพื่อน ๆ ค่ะ ถ้าผิดพลาดประการใดแย้งได้เต็มที่เลยนะคะ
ปล. ยังไงก็ต้องขอขอบคุณทุก ๆ ท่านทุก ๆ กระทู้ที่กรุณาให้ข้อมูล ณ ที่นี้เลยนะคะ
มาเริ่มกันเลยนะคะ...
ในการสมัครขอวีซ่าประเภทนักเรียนจากสถานทูตอเมริกานั้น สิ่งแรกที่จำเป็นต้องเตรียมไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ คือ I-20 ซึ่งเจ้าตัว I-20 นี้เป็นเอกสารรับรองจากสถานศึกษาที่เราต้องการจะเข้าไปศึกษาต่อ ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนสอนภาษา ไฮสคูล หรือมหาวิทยาลัย การที่สถานศึกษาจะมี I-20 ได้นั้นก็เพราะเป็นสถานศึกษาที่น่าเชื่อถือ ได้รับการรับรองจากทางการสหรัฐอเมริกา
ทำอย่างไรถึงจะได้ I-20 ?
ก่อนที่เราจะได้ I-20 เราก็ต้องเสาะหาสถานศึกษาที่เราต้องการจะเข้าไปศึกษาต่อ เมื่อได้สถาบันที่เราถูกใจแล้วก็ทำการติดต่อกับสถาบันนั้น ของน้องชายเราสมัครกับ AAE ที่ San Francisco สถาบันนี้ให้เรากรอกใบสมัครออนไลน์ เค้าให้เลือกคอร์สที่เราจะเรียนและกรอกข้อมูลส่วนตัวบางประการพร้อมทั้งข้อมูลบัตรเครดิตเพื่อหักค่าธรรมเนียมการสมัคร หลังจากสมัครไปแล้ว 2-3 วัน ทางสถาบันจะให้เราส่ง
ใบรับรองเงินฝากจากธนาคารที่เรามีเงินฝาก (ภาษาอังกฤษ) ใบรับรองสถานภาพการเป็นนักเรียน, นักศึกษา หรือเอกสารรับรองวุฒิการศึกษา (ภาษาอังกฤษ) สำเนา passport หน้าที่มีรูปของเรา เมื่อส่งเอกสารทั้งหมดไปแล้ว ก็รอสถาบันส่งอีเมลกลับมาว่าเอกสารที่เราส่งไปเพียงพอหรือไม่ สถานะทางการเงินของเราเหมาะสมที่จะไปเรียนที่นั่นหรือไม่ หากทุกอย่างผ่านเกณฑ์ เราก็รอรับ I-20 ที่บ้านได้เลย ส่วนใหญ่ก็ใช้เวลาส่งมาจากอเมริกา 15-20 วันเท่านั้นค่ะ
มาเตรียมเอกสารสมัครวีซ่ากันเถอะ!!!
ระหว่างที่เรารอการมาถึงของ I-20 เราก็ไปเตรียมเอกสารอย่างอื่นกันดีกว่าค่ะ เอกสารที่ต้องเตรียมในการสมัครวีซ่ามีดังนี้ค่ะ...
1. Passport ตัวจริง บางท่านก็บอกว่าต้องทำมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 เดือน แต่ข้อนี้เราไม่ทราบว่าที่ถูกต้องคืออะไร เพราะ passport ของน้อง ๆ มีอายุเกิน 3 เดือนกันแล้วทุกคนค่ะ
2. รูปถ่าย 2*2 นิ้ว พื้นขาว ให้เห็นใบหูเยอะ ๆ หน่อยนะคะ ทางที่ดีไปถ่ายรูปกับร้านถ่ายรูปที่มีประสบการณ์ในการถ่ายรูปทำวีซ่าอเมริกาจะดีกว่านะคะ อย่าลืมขอไฟล์รูปเค้ามาด้วยนะคะ จำเป็นมาก ๆ ค่ะ (น้องเราถ่ายที่ร้านโฟโต้ มา... แถวท่าพระจันทร์ ถ่ายดีมาก ๆ ไม่มีปัญหาเลย แต่เราไม่บอกชื่อหมดเดี๋ยวหาว่าโฆษณาแฝงค่ะ)
3. ใบรับรองสถานภาพการเป็นนักศึกษาที่เป็นภาษาอังกฤษ หรือถ้าเรียนจบแล้วก็นำใบรับรองวุฒิการศึกษาที่สูงที่สุดที่จบมา
4. Transcript เทอมล่าสุดที่มี ถ้าใครทำงานแล้วก็ติดใบรับรองการทำงานมาด้วยก็ดีค่ะ
5. ใบรับรองเงินฝากของผู้ที่จะออกค่าใช้จ่ายในการเรียนให้เรา เช่น พ่อ แม่ หรือญาติ ๆ แต่ก็ต้องมั่นใจว่าเงินฝากที่มีจะเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายในการเรียนทั้งหมด แต่ถ้าสถาบันออกใบ I-20 ให้เราแล้ว ก็แสดงว่าสถานะทางการเงินของเราน่าเชื่อถือในระดับหนึ่งแล้ว อันนี้ก็โล่งใจไปได้อีกนิดนึงค่ะ
6. I-20 ที่ส่งมาจากสถาบันที่เราจะเข้าเรียน
7. หากเป็นผู้ชายให้เตรียมเอกสารที่แสดงว่าเราไม่ได้ติดภาระในการเกณฑ์ทหาร เช่น สด.8 สด.9 หรือ สด.43 เอาไว้ด้วยนะคะ
จ่ายค่าธรรมเนียม SEVIS กันเถอะ!!!
เมื่อเราได้ใบ I-20 มาแล้ว พร้อมทั้งได้ตระเตรียมเอกสารด้านบนเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่เราจะไปสมัครวีซ่าเราต้องไปจ่ายค่าธรรมเนียม SEVIS ก่อนนะคะ เข้าไปที่
https://www.fmjfee.com/i901fee/index.jsp
SEVIS เป็นฐานข้อมูลออนไลน์เพื่อบันทึกข้อมูลของนักเรียนต่างชาติที่เข้ามาในอเมริกา ค่าธรรมเนียมในการสมัคร 200 เหรียญ ของน้องเราใช้ตัดเงินจากบัตรเครดิตค่ะ เราไม่ทราบว่ามีช่องทางการจ่ายเงินอื่น ๆ มั้ย ถ้ามีรบกวนท่านผู้รู้มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมนะคะ
ในการกรอกข้อมูล SEVIS เราต้องนำข้อมูลที่มีอยู่ใน I-20 กรอกเข้าไปค่ะ เพราะฉะนั้นต้องมี I-20 ก่อนนะคะถึงจะมาทำในขั้นตอนนี้ได้
เมื่อกรอกข้อมูลเสร็จ จ่ายเงินเรียบร้อย ก็จะมีใบเสร็จรับรองการจ่ายเงินขึ้นมาค่ะ เราก็เซฟเก็บเอาไว้แล้วก็ปริ้นออกมาเพื่อเอาไปใช้กรอกข้อมูลในการสมัครวีซ่า และนำไปในวันสัมภาษณ์ด้วยค่ะ
ไปกรอกข้อมูลในการขอวีซ่ากัน!!!
เอาล่ะค่ะ เรามาถึงครึ่งทางแล้ว อย่าเพิ่งท้อนะคะ เมื่อเรามีเอกสารทั้งหมดมาอยู่ในมือเราแล้ว เราก็ไปกรอกข้อมูลในการขอวีซ่ากันค่ะ เข้าไปที่
https://ceac.state.gov/genniv/ ก่อนอื่นเค้าก็จะมีให้เราเลือกภาษา ถ้าเราเลือกภาษาไทย เวลาเรากรอกข้อมูลก็จะมีคำแปลภาษาไทยมาให้ค่ะ แล้วก็จะมีช่องให้เราเลือกว่าเราจะสมัครทำวีซ่าที่ไหนถ้าในประเทศไทยก็มี 2 ที่ คือที่กรุงเทพและเชียงใหม่
ในกรณีที่สมัครเชียงใหม่ เมื่อก่อนเค้าจะระบุว่าคนที่จะทำที่เชียงใหม่ได้ต้องมีภูมิลำเนาอยู่ในภาคเหนือ ถ้าไม่ก็ต้องทำที่กรุงเทพ บางเสียงบอกว่าถึงมีทะเบียนบ้านอยู่ภาคเหนือแต่เรียนหรือทำงานที่กรุงเทพหรือจังหวัดที่ไม่ใช่ภาคเหนือก็ต้องทำที่กรุงเทพ แต่ล่าสุดน้องเรามีทะเบียนบ้านในภาคเหนือแต่เรียนที่กรุงเทพก็ยังไปได้วีซ่ามาจากที่เชียงใหม่ค่ะ แต่เราไม่แน่ใจว่าถ้าไม่มีทะเบียนบ้านอยู่ภาคเหนือนี่ยังจะไปสมัครที่เชียงใหม่ได้หรือเปล่านะคะ (มีท่านนึงอีเมล์ไปถามว่าอยู่ขอนแก่นสมัครที่เชียงใหม่ได้มั้ย ทางสถานทูตบอกว่าได้ค่ะ)
อ่ะ จบ ๆๆๆ ค่ะเรื่องเชียงใหม่กับกรุงเทพเนี่ย พอเราเลือกที่ที่เราจะไปสัมภาษณ์ได้ มันก็จะมีคำถามเพื่อความปลอดภัยให้เราตอบค่ะ เช่น คุณยายของคุณชื่ออะไร พอผ่านตรงนี้ก็เริ่มกรอกข้อมูลได้ค่ะ อย่าลืมจดหมายเลขยืนยัน DS-160 ที่มุมขวาบนไว้ด้วยนะคะเผื่อว่าเราใช้เวลากรอกนานไปหน่อย ระบบมันก็จะตัดไปอัตโนมัติค่ะ ถ้าเรามีหมายเลขยืนยันเราก็เข้าไปที่ RETRIEVE AN APPLICATION และตอบคำถามเพื่อความปลอดภัยที่ตั้งไว้ แล้วกรอกข้อมูลต่อได้ค่ะ ถ้าไม่มีก็ต้องไปเริ่มกรอกใหม่ตั้งแต่ต้นเลยนะคะ
ข้อมูลที่เราจะต้องกรอกมันก็มาจากเอกสารทั้งหมดที่เรามีอยู่ในมือนั่นแหละค่ะ จะมีนอกเหนือจากนี้ก็คือ ที่อยู่ในอเมริกาที่เราตั้งใจจะไปอยู่, แผนการเดินทาง (ถ้ามี), ชื่อบุคคลที่เราจะเดินทางไปด้วย, ข้อมูลของผู้ที่จะรับรองเรา 2 คนที่อยู่ในไทย, ข้อมูลของคนรู้จักที่อยู่ที่อเมริกา หรือถ้าใครจำข้อมูลของคุณพ่อคุณแม่ไม่ได้ก็ให้เตรียมไว้ด้วยนะคะ จะได้กรอกไปได้อย่างราบรื่น ไม่ต้องโทรถามข้อมูลกันให้จ้าละหวั่นไปหมด (เราก็เป็นน่ะค่ะ แฮ่ๆๆๆ)
พอกรอกข้อมูลเสร็จเราก็อัพโหลดไฟล์รูปที่เราได้มาจากร้านถ่ายรูปนะคะ ส่วนใหญ่เค้าจะรู้ค่ะว่าต้องมีขนาดเท่าไหร่ เราก็ไม่แน่ใจเพราะร้านทำให้ค่ะ พออัพโหลดภาพเสร็จก็จะเสร็จสิ้นขั้นตอนการกรอกข้อมูลแล้วค่ะ เค้าก็จะให้เราปริ๊น ใบ Confirmation (มี 2 หน้า) ซึ่งใบนี้สำคัญมาก ต้องใช้ในวันสัมภาษณ์นะคะ และอีกอย่างที่ควรจะปริ๊นคือข้อมูลทั้งหมดที่เรากรอกไปน่ะค่ะ เพราะเราจะได้เอาไว้อ่านว่าเรากรอกอะไรไปบ้าง เวลาตอบคำถามท่านกงสุลก็จะได้ตอบตรงกับที่เรากรอกไปนะคะ (ใบนี้ไม่ต้องเอาไปในวันสัมภาษณ์นะคะ)
เมื่อกรอกข้อมูลเสร็จแล้วก็อย่าเพิ่งดีใจนะคะ ยังเหลืออีกตั้งครึ่งทางค่ะ ไป ๆๆๆๆ ไปต่อกัน
ต่อในความเห็นถัดไปนะคะ
แก้ไขคำผิดค่ะ
รีวิวการสมัครวีซ่าอเมริการะบบใหม่ ประเภทนักเรียน (F1) อย่างละเอียด
ปล. ยังไงก็ต้องขอขอบคุณทุก ๆ ท่านทุก ๆ กระทู้ที่กรุณาให้ข้อมูล ณ ที่นี้เลยนะคะ
มาเริ่มกันเลยนะคะ...
ในการสมัครขอวีซ่าประเภทนักเรียนจากสถานทูตอเมริกานั้น สิ่งแรกที่จำเป็นต้องเตรียมไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ คือ I-20 ซึ่งเจ้าตัว I-20 นี้เป็นเอกสารรับรองจากสถานศึกษาที่เราต้องการจะเข้าไปศึกษาต่อ ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนสอนภาษา ไฮสคูล หรือมหาวิทยาลัย การที่สถานศึกษาจะมี I-20 ได้นั้นก็เพราะเป็นสถานศึกษาที่น่าเชื่อถือ ได้รับการรับรองจากทางการสหรัฐอเมริกา
ทำอย่างไรถึงจะได้ I-20 ?
ก่อนที่เราจะได้ I-20 เราก็ต้องเสาะหาสถานศึกษาที่เราต้องการจะเข้าไปศึกษาต่อ เมื่อได้สถาบันที่เราถูกใจแล้วก็ทำการติดต่อกับสถาบันนั้น ของน้องชายเราสมัครกับ AAE ที่ San Francisco สถาบันนี้ให้เรากรอกใบสมัครออนไลน์ เค้าให้เลือกคอร์สที่เราจะเรียนและกรอกข้อมูลส่วนตัวบางประการพร้อมทั้งข้อมูลบัตรเครดิตเพื่อหักค่าธรรมเนียมการสมัคร หลังจากสมัครไปแล้ว 2-3 วัน ทางสถาบันจะให้เราส่งใบรับรองเงินฝากจากธนาคารที่เรามีเงินฝาก (ภาษาอังกฤษ) ใบรับรองสถานภาพการเป็นนักเรียน, นักศึกษา หรือเอกสารรับรองวุฒิการศึกษา (ภาษาอังกฤษ) สำเนา passport หน้าที่มีรูปของเรา เมื่อส่งเอกสารทั้งหมดไปแล้ว ก็รอสถาบันส่งอีเมลกลับมาว่าเอกสารที่เราส่งไปเพียงพอหรือไม่ สถานะทางการเงินของเราเหมาะสมที่จะไปเรียนที่นั่นหรือไม่ หากทุกอย่างผ่านเกณฑ์ เราก็รอรับ I-20 ที่บ้านได้เลย ส่วนใหญ่ก็ใช้เวลาส่งมาจากอเมริกา 15-20 วันเท่านั้นค่ะ
มาเตรียมเอกสารสมัครวีซ่ากันเถอะ!!!
ระหว่างที่เรารอการมาถึงของ I-20 เราก็ไปเตรียมเอกสารอย่างอื่นกันดีกว่าค่ะ เอกสารที่ต้องเตรียมในการสมัครวีซ่ามีดังนี้ค่ะ...
1. Passport ตัวจริง บางท่านก็บอกว่าต้องทำมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 เดือน แต่ข้อนี้เราไม่ทราบว่าที่ถูกต้องคืออะไร เพราะ passport ของน้อง ๆ มีอายุเกิน 3 เดือนกันแล้วทุกคนค่ะ
2. รูปถ่าย 2*2 นิ้ว พื้นขาว ให้เห็นใบหูเยอะ ๆ หน่อยนะคะ ทางที่ดีไปถ่ายรูปกับร้านถ่ายรูปที่มีประสบการณ์ในการถ่ายรูปทำวีซ่าอเมริกาจะดีกว่านะคะ อย่าลืมขอไฟล์รูปเค้ามาด้วยนะคะ จำเป็นมาก ๆ ค่ะ (น้องเราถ่ายที่ร้านโฟโต้ มา... แถวท่าพระจันทร์ ถ่ายดีมาก ๆ ไม่มีปัญหาเลย แต่เราไม่บอกชื่อหมดเดี๋ยวหาว่าโฆษณาแฝงค่ะ)
3. ใบรับรองสถานภาพการเป็นนักศึกษาที่เป็นภาษาอังกฤษ หรือถ้าเรียนจบแล้วก็นำใบรับรองวุฒิการศึกษาที่สูงที่สุดที่จบมา
4. Transcript เทอมล่าสุดที่มี ถ้าใครทำงานแล้วก็ติดใบรับรองการทำงานมาด้วยก็ดีค่ะ
5. ใบรับรองเงินฝากของผู้ที่จะออกค่าใช้จ่ายในการเรียนให้เรา เช่น พ่อ แม่ หรือญาติ ๆ แต่ก็ต้องมั่นใจว่าเงินฝากที่มีจะเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายในการเรียนทั้งหมด แต่ถ้าสถาบันออกใบ I-20 ให้เราแล้ว ก็แสดงว่าสถานะทางการเงินของเราน่าเชื่อถือในระดับหนึ่งแล้ว อันนี้ก็โล่งใจไปได้อีกนิดนึงค่ะ
6. I-20 ที่ส่งมาจากสถาบันที่เราจะเข้าเรียน
7. หากเป็นผู้ชายให้เตรียมเอกสารที่แสดงว่าเราไม่ได้ติดภาระในการเกณฑ์ทหาร เช่น สด.8 สด.9 หรือ สด.43 เอาไว้ด้วยนะคะ
จ่ายค่าธรรมเนียม SEVIS กันเถอะ!!!
เมื่อเราได้ใบ I-20 มาแล้ว พร้อมทั้งได้ตระเตรียมเอกสารด้านบนเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่เราจะไปสมัครวีซ่าเราต้องไปจ่ายค่าธรรมเนียม SEVIS ก่อนนะคะ เข้าไปที่ https://www.fmjfee.com/i901fee/index.jsp
SEVIS เป็นฐานข้อมูลออนไลน์เพื่อบันทึกข้อมูลของนักเรียนต่างชาติที่เข้ามาในอเมริกา ค่าธรรมเนียมในการสมัคร 200 เหรียญ ของน้องเราใช้ตัดเงินจากบัตรเครดิตค่ะ เราไม่ทราบว่ามีช่องทางการจ่ายเงินอื่น ๆ มั้ย ถ้ามีรบกวนท่านผู้รู้มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมนะคะ
ในการกรอกข้อมูล SEVIS เราต้องนำข้อมูลที่มีอยู่ใน I-20 กรอกเข้าไปค่ะ เพราะฉะนั้นต้องมี I-20 ก่อนนะคะถึงจะมาทำในขั้นตอนนี้ได้
เมื่อกรอกข้อมูลเสร็จ จ่ายเงินเรียบร้อย ก็จะมีใบเสร็จรับรองการจ่ายเงินขึ้นมาค่ะ เราก็เซฟเก็บเอาไว้แล้วก็ปริ้นออกมาเพื่อเอาไปใช้กรอกข้อมูลในการสมัครวีซ่า และนำไปในวันสัมภาษณ์ด้วยค่ะ
ไปกรอกข้อมูลในการขอวีซ่ากัน!!!
เอาล่ะค่ะ เรามาถึงครึ่งทางแล้ว อย่าเพิ่งท้อนะคะ เมื่อเรามีเอกสารทั้งหมดมาอยู่ในมือเราแล้ว เราก็ไปกรอกข้อมูลในการขอวีซ่ากันค่ะ เข้าไปที่ https://ceac.state.gov/genniv/ ก่อนอื่นเค้าก็จะมีให้เราเลือกภาษา ถ้าเราเลือกภาษาไทย เวลาเรากรอกข้อมูลก็จะมีคำแปลภาษาไทยมาให้ค่ะ แล้วก็จะมีช่องให้เราเลือกว่าเราจะสมัครทำวีซ่าที่ไหนถ้าในประเทศไทยก็มี 2 ที่ คือที่กรุงเทพและเชียงใหม่
ในกรณีที่สมัครเชียงใหม่ เมื่อก่อนเค้าจะระบุว่าคนที่จะทำที่เชียงใหม่ได้ต้องมีภูมิลำเนาอยู่ในภาคเหนือ ถ้าไม่ก็ต้องทำที่กรุงเทพ บางเสียงบอกว่าถึงมีทะเบียนบ้านอยู่ภาคเหนือแต่เรียนหรือทำงานที่กรุงเทพหรือจังหวัดที่ไม่ใช่ภาคเหนือก็ต้องทำที่กรุงเทพ แต่ล่าสุดน้องเรามีทะเบียนบ้านในภาคเหนือแต่เรียนที่กรุงเทพก็ยังไปได้วีซ่ามาจากที่เชียงใหม่ค่ะ แต่เราไม่แน่ใจว่าถ้าไม่มีทะเบียนบ้านอยู่ภาคเหนือนี่ยังจะไปสมัครที่เชียงใหม่ได้หรือเปล่านะคะ (มีท่านนึงอีเมล์ไปถามว่าอยู่ขอนแก่นสมัครที่เชียงใหม่ได้มั้ย ทางสถานทูตบอกว่าได้ค่ะ)
อ่ะ จบ ๆๆๆ ค่ะเรื่องเชียงใหม่กับกรุงเทพเนี่ย พอเราเลือกที่ที่เราจะไปสัมภาษณ์ได้ มันก็จะมีคำถามเพื่อความปลอดภัยให้เราตอบค่ะ เช่น คุณยายของคุณชื่ออะไร พอผ่านตรงนี้ก็เริ่มกรอกข้อมูลได้ค่ะ อย่าลืมจดหมายเลขยืนยัน DS-160 ที่มุมขวาบนไว้ด้วยนะคะเผื่อว่าเราใช้เวลากรอกนานไปหน่อย ระบบมันก็จะตัดไปอัตโนมัติค่ะ ถ้าเรามีหมายเลขยืนยันเราก็เข้าไปที่ RETRIEVE AN APPLICATION และตอบคำถามเพื่อความปลอดภัยที่ตั้งไว้ แล้วกรอกข้อมูลต่อได้ค่ะ ถ้าไม่มีก็ต้องไปเริ่มกรอกใหม่ตั้งแต่ต้นเลยนะคะ
ข้อมูลที่เราจะต้องกรอกมันก็มาจากเอกสารทั้งหมดที่เรามีอยู่ในมือนั่นแหละค่ะ จะมีนอกเหนือจากนี้ก็คือ ที่อยู่ในอเมริกาที่เราตั้งใจจะไปอยู่, แผนการเดินทาง (ถ้ามี), ชื่อบุคคลที่เราจะเดินทางไปด้วย, ข้อมูลของผู้ที่จะรับรองเรา 2 คนที่อยู่ในไทย, ข้อมูลของคนรู้จักที่อยู่ที่อเมริกา หรือถ้าใครจำข้อมูลของคุณพ่อคุณแม่ไม่ได้ก็ให้เตรียมไว้ด้วยนะคะ จะได้กรอกไปได้อย่างราบรื่น ไม่ต้องโทรถามข้อมูลกันให้จ้าละหวั่นไปหมด (เราก็เป็นน่ะค่ะ แฮ่ๆๆๆ)
พอกรอกข้อมูลเสร็จเราก็อัพโหลดไฟล์รูปที่เราได้มาจากร้านถ่ายรูปนะคะ ส่วนใหญ่เค้าจะรู้ค่ะว่าต้องมีขนาดเท่าไหร่ เราก็ไม่แน่ใจเพราะร้านทำให้ค่ะ พออัพโหลดภาพเสร็จก็จะเสร็จสิ้นขั้นตอนการกรอกข้อมูลแล้วค่ะ เค้าก็จะให้เราปริ๊น ใบ Confirmation (มี 2 หน้า) ซึ่งใบนี้สำคัญมาก ต้องใช้ในวันสัมภาษณ์นะคะ และอีกอย่างที่ควรจะปริ๊นคือข้อมูลทั้งหมดที่เรากรอกไปน่ะค่ะ เพราะเราจะได้เอาไว้อ่านว่าเรากรอกอะไรไปบ้าง เวลาตอบคำถามท่านกงสุลก็จะได้ตอบตรงกับที่เรากรอกไปนะคะ (ใบนี้ไม่ต้องเอาไปในวันสัมภาษณ์นะคะ)
เมื่อกรอกข้อมูลเสร็จแล้วก็อย่าเพิ่งดีใจนะคะ ยังเหลืออีกตั้งครึ่งทางค่ะ ไป ๆๆๆๆ ไปต่อกัน
ต่อในความเห็นถัดไปนะคะ
แก้ไขคำผิดค่ะ