เหลียวหลังมองคนในตระกูลชินวัตร ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ฝั่งรากลึก และมีการสืบทอดอำนาจกันชนิดไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม จนถูกกระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์ถึงความชั่วร้าย และกลายเป็นเรื่องน่าสะพึงกลัวคน “ชินวัตร” และเป็นที่มาให้มวลมหาประชาชนต้องออกมาขับไล่ เผยเรื่องเน่าๆ ที่หลายคนในชินวัตรทำไว้ เริ่มตั้งแต่ตัว “พ่อ” อย่างทักษิณ ไปจนถึงรุ่นลูก ชี้หากยังปล่อยให้ระบอบทักษิณเรืองอำนาจต่อไป เราอาจจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่คนไทยไม่อยากเห็น
เรื่องเน่าๆ ที่คนในตระกูลชินวัตรก่อไว้
ในสมัยที่พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร เรืองอำนาจนับตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้นมา นโยบายของพรรคไทยรักไทยในขณะนั้นถือว่าเป็นนโยบายที่ตรงใจคนไทยไม่น้อย โดยเฉพาะ 30 บาทรักษาทุกโรค ที่นับเป็นจุดเริ่มต้นของนโยบายประชานิยมอย่างจริงจัง ประกอบกับการปรับเปลี่ยนวิธีการบริหารประเทศให้เป็นในรูปแบบบริษัท ทุกอย่างคล่องตัว ฉับไว สลัดภาพความล่าช้าของระบบข้าราชการไทยไปอย่างสิ้นเชิง
ยิ่งวลี “รวยแล้วไม่โกง” ได้ดูดเอาความชื่นชอบของประชาชนแปรมาเป็นคะแนนเสียงให้พรรคไทยรักไทยอย่างมากมาย ทำให้ทักษิณกลายเป็นผู้มีอำนาจเบ็ดเสร็จในการบริหารประเทศ พรรคอื่นๆ ที่เข้ามาร่วมรัฐบาลจึงเป็นเพียงไม้ประดับเท่านั้น
แต่เมื่อบริหารประเทศนานเข้า หลายนโยบายที่ทักษิณนำมาใช้กลับกลายเป็นนโยบายที่เอื้อต่อประโยชน์ต่อกิจการของคนในตระกูลชินวัตร ใครหน้าไหนที่กล้ามาขวางนโยบายของทักษิณสุดท้ายก็ถูกสกัดออกไปจนพ้นเส้นทาง เรื่องของหลักคุณธรรม จริยธรรม สื่อสัตย์ สุจริตหรือมีความรู้ความสามารถ ทักษิณเก็บสิ่งเหล่านี้ไว้ในลิ้นชักแล้วล็อกกุญแจ
วิธีการที่จะทำให้การบริหารประเทศมีความเด็ดขาด ทักษิณไม่รอช้า ในภาคธุรกิจมีการควบรวมกิจการได้ ในทางการเมืองทักษิณก็ควบรวมพรรคการเมืองได้เช่นกัน คนในพรรคความหวังใหม่แทบทั้งหมดย้ายเข้ามาอยู่กับไทยรักไทย หรือดูดผู้แทนจากพรรคอื่นๆ เข้ามาไว้ที่ไทยรักไทย เมื่อสามารถกุมเสียงข้างมากในรัฐสภาได้ พรรคฝ่ายค้านอย่างประชาธิปัตย์ก็ไม่มีความหมาย ลงมติกันครั้งใดก็แพ้ทุกครั้ง
พรรคไทยรักไทยนับเป็นพรรคแรกที่สามารถเป็นรัฐบาลมาได้ครบ 4 ปี ไม่ต้องประสบปัญหาเรื่องงูเห่าเหมือนกับรัฐบาลในอดีต และเมื่อเลือกตั้งครั้งใหม่ในปี 2548 ไทยรักไทยก็ได้คะแนนเสียงอย่างท่วมท้น ตั้งรัฐบาลได้โดยพรรคเดียว
ชัยชนะในครั้งนี้ทำให้ทักษิณเผยตัวตนของตัวเองมากยิ่งขึ้น ออกนโยบายที่เอื้อต่อธุรกิจของตระกูลชินวัตรมากยิ่งขึ้น และที่คนไทยจำนวนไม่น้อยรับไม่ได้กับพฤติกรรมของเขาคือการกระทำที่หมิ่นเหม่ หรือเทียบเคียงกับสถาบันอันเป็นที่เคารพรักของคนไทยทั้งประเทศ
จนเกิดการรวมตัวกันของผู้คนที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าวของรัฐบาลไทยรักไทย ก่อเกิดขึ้นในนามของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ออกมาประท้วงและขับไล่รัฐบาลของทักษิณออกไป ขณะเดียวกันการตอบโต้ของทักษิณก็ได้ปลุกมวลชนที่สนับสนุนตนเองเข้ามาในนามของคนเสื้อแดงตอบโต้ โดยในช่วงนี้ได้มีคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งได้ออกมาโจมตีสถาบันเบื้องสูงอย่างเปิดเผย
ท้ายที่สุดเมื่อสถานการณ์พัฒนาการไปจึงมีการนัดหมายของมวลชน 2 ฝ่ายที่เตรียมจะปะทะกัน ฝ่ายทหารโดยพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก จึงได้ทำการยึดอำนาจจากรัฐบาลทักษิณเมื่อ 19 กันยายน 2549
เมื่อรัฐบาลที่มาจากอำนาจทหารได้คืนอำนาจให้ประชาชนได้เลือกตั้งครั้งใหม่ พรรคของทักษิณที่แปลงร่างมาในนามพรรคพลังประชาชนได้รับการเลือกกลับเข้ามาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง โดยครั้งนี้ทักษิณได้ทาบทามนายสมัคร สุนทรเวช เข้ามารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อลดความไม่ไว้วางใจจากฝ่ายทหาร
สุดท้าย สมัคร สุนทรเวช ก็ต้องมีอันพ้นสภาพไปจากการเข้าไปทำรายการชิมไปบ่นไป คราวนี้ได้ตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่ขึ้นมาทำหน้าที่แทน โดยทักษิณจิ้มไปที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขย สามีของเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งเป็นน้องสาวของทักษิณ
แต่สมชายก็ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีได้ไม่นานเมื่อมีการยุบพรรคพลังประชาชน พร้อมๆ กับการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองที่กลุ่มของนายเนวิน ชิดชอบ หันมาร่วมมือกับพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี
เมื่อขั้วตรงข้ามขึ้นมาเป็นรัฐบาล ทักษิณเลือกที่จะใช้คนเสื้อแดงเข้ามาเคลื่อนไหวกดดันการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์ในปี 2552 แต่ถูกเจ้าหน้าที่ทหารกดดันจนต้องยอมแพ้ จากนั้นในปีถัดมาคนเสื้อแดงได้ปรับยุทธวิธีใหม่ คราวนี้มีกองกำลังติดอาวุธเข้ามาประจำการและปะทะกับเจ้าหน้าที่ทหารจนมีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก แม้จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อีกครั้ง แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการเผาสถานที่หลายแห่งในกรุงเทพมหานคร
แม้ฝ่ายคนเสื้อแดงจะพ่ายแพ้ มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก นั่นก็เพียงพอที่ทำให้ทักษิณหยิบฉวยผลของการปะทะกันในครั้งนี้นำไปขยายต่อ เพื่อสร้างตราบาปให้กับพรรคคู่แข่งและสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเอง จนพรรคประชาธิปัตย์ต้องยุบสภาแล้วให้มีการเลือกตั้งครั้งใหม่ในปี 2554
ครั้งนี้ทักษิณวางหมากให้น้องสาวอย่างยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้ามานำทัพในนามของพรรคเพื่อไทย ด้วยนโยบายกระชากใจคนรากหญ้าทั้งโครงการรับจำนำข้าว 15,000 บาท สำหรับข้าวขาว และ 20,000 บาทสำหรับข้าวหอมมะลิ รวมถึงการชูค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ทำให้พรรคเพื่อไทยกลับเข้ามาเป็นรัฐบาลได้อีกครั้งพร้อมด้วยนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย
คราวนี้ไม่ต้องเหนียมอายกันอีกต่อไป หลายโครงการมีการทุจริตคอร์รัปชันกันมโหฬาร ด้วยฐานเสียงที่มีทั้งสภาล่างและสภาสูงที่มีคนของทักษิณพร้อมจะยกมือสนับสนุนตลอดเวลา โดยไม่สนใจความไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสม จนทำให้เกิดการออกมาต่อต้านของภาคประชาชนครั้งใหญ่ในนามของ กปปส.จนทำให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ต้องยุบสภาเมื่อ 9 ธันวาคม 2556 แต่ยังคงอยู่ในตำแหน่งรักษาการมาจนถึงปัจจุบัน
เมื่อย้อนกลับไปในช่วงที่ทักษิณโดดลงมาเล่นการเมืองเต็มตัว คนในตระกูลชินวัตรเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว 3 คนคือทักษิณ เป็นนายกฯคนที่ 23 สมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขย เป็นนายกฯ คนที่ 26 และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ คนที่ 28 เห็นได้ชัดเจนว่าทักษิณไม่ไว้ใจคนอื่นนอกจากคนในตระกูลชินวัตร เว้นแต่ช่วงที่ดึงเอานายสมัคร สุนทรเวช เข้ามาคั่นกลางในช่วงที่ฝ่ายทหารยังไม่ไว้วางใจตระกูลชินวัตรเท่านั้น
เรื่องเน่าๆ ที่คนในตระกูลชินวัตรก่อไว้
พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร
ทักษิณเขี้ยวตัวพ่อ
เช่นเดียวกันในช่วงที่คนในตระกูลชินวัตรเข้ามาบริหารประเทศ แต่ละคนล้วนมีข้อครหาต่างๆ มากมาย แต่สุดท้ายก็ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนเลือกคนในตระกูลนี้กลับเข้ามาบริหารประเทศกันทุกครั้ง
เริ่มต้นที่ทักษิณ ชินวัตร ที่ได้เตรียมการตั้งแต่ก่อนลงสนามการเมือง โดยเขาได้โอนหุ้นในกิจการชินคอร์ปไปไว้ในชื่อลูก ด้วยกลวิธีที่ส่อเจตนาจะหลบเลี่ยงการตรวจสอบ จนกระทั่งมีการขายหุ้นออกไปให้กับเทมาเส็กจากสิงคโปร์เมื่อต้นปี 2549 ที่ไม่ต้องเสียภาษี จนเป็นต้นเหตุความไม่พอใจของผู้คนและนำไปสู่การยึดอำนาจ
ในช่วงที่ทักษิณบริหารประเทศอยู่ได้มีการลดค่าสัมปทานให้ AIS และมีการแปลงค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต นับเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัท AIS ซึ่งเป็นบริษัทลูกของชินคอร์ป ทำให้ราคาหุ้นของทั้งเครือชินคอร์ปเพื่อสูงขึ้นจนสามารถขายได้สูงถึง 7.6 หมื่นล้านบาท
รัฐบาลทักษิณยังให้รัฐบาลพม่ากู้เงินรัฐบาลไทย 4 พันล้านบาท โดยมีเงื่อนไขให้ซื้อสินค้าซื้อสินค้าชินคอร์ป คดีหวยบนดิน คดีจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิด CTX คดีทุจริตธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้บริษัท กฤษดามหานคร
ส่วนคดีที่ตัดสินแล้วคือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินจำคุกเขาเป็นเวลา 2 ปี จากคดีทุจริตประมูลซื้อที่ดินรัชดาภิเษกเมื่อปี 2551 รวมไปถึงคำสั่งให้ยึดทรัพย์ของพันตำรวจโท ทักษิณ และคนใกล้ชิด มูลค่าราว 46,000 ล้านบาท จากที่ 76,000 ล้านบาท ตกเป็นของแผ่นดินเมื่อ 2553
ไม่เพียงแค่ส่วนที่เป็นคดีความเท่านั้น ทักษิณในช่วงแรกที่หนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ ยังมีเรื่องการเข้าซื้อสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี ที่มองกันว่าเป็นการฟอกเงินของทักษิณ มีการนำนักร้องดังของไทยหลายคนที่เดินทางไปสร้างความบันเทิงให้ นอกจากนี้ยังมีการกล่าวหากันว่าเขามีส่วนสำคัญในการสังหารชาวมุสลิมที่มัสยิดกรือเซะ
ในส่วนที่การบริหารงานในพรรคไทยรักไทยขณะนั้น ทักษิณนับได้ว่ามีอำนาจเต็ม ชี้เป็นชี้ตาย ส.ส.ในพรรคได้ทุกคน โดยไม่สนใจว่าภาพลักษณ์ของคนเหล่านั้นจะเป็นอย่างไร หากทำงานให้กับทักษิณแล้วย่อมได้รับการตอบแทนในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งหรือทรัพย์สินเงินทอง
ทักษิณยังเป็นผู้ที่วางแผนที่วางตัวบุคคลลงในหน่วยงานราชการสำคัญต่างๆ จนทำให้หน่วยงานเหล่านี้ตอบสนองนโยบายของทักษิณอย่างเต็มที่ และพร้อมที่จะเฉื่อยฉากับรัฐบาลอื่น เห็นได้ชัดว่าข้าราชการในกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลัง เมื่อเกษียณแล้วได้กลับเข้ามาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการ ทั้งที่กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลัง
แม้กระทั่งการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงทั้งในปี 2552 และ 2553 และครั้งนั้นมีคนในตระกูลชินวัตรไปให้กำลังใจคนเสื้อแดงด้วย ในทุกครั้งทักษิณจะเป็นผู้ที่เข้ามากระตุ้นให้คนเหล่านี้ต่อสู้เพื่อตน ด้วยการแอบอ้างว่าสู้เพื่อประชาธิปไตย และกำจัดอำมาตย์
นอกจากนี้คนเสื้อแดงที่สนับสนุนทักษิณยังได้กล่าวโจมตีสถาบันเบื้องสูงกันทุกช่องทางการสื่อสาร ทั้งเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก และในวิทยุในอินเทอร์เน็ต แต่ทักษิณไม่เร่งรีบในการดำเนินการกับคนเหล่านั้น แม้กระทั่งตัวของทักษิณเองก็กระทำการที่หมิ่นเหม่เสียเอง
ถึงวันนี้แม้ทักษิณจะต้องระหกระเหินในต่างประเทศ แต่การบงการทุกอย่างก็ยังทำได้เสมือนกับมานั่งสั่งการในพรรคได้ด้วยตัวเอง เลือกได้แม้กระทั่งตัวนายกฯ รัฐมนตรีต่างๆ ใครไม่เข้าตาโละทิ้ง หรือแม้กระทั่งแผนในการรับมือกับฝ่ายตรงข้าม การเดินเกมทั้งรุกและรับล้วนแล้วแต่มาจากการสั่งการของทักษิณทั้งสิ้น จึงไม่แปลกที่เหตุการณ์ความรุนแรงหลายครั้งที่เกิดขึ้นทักษิณจึงถูกมองว่าอยู่เบื้องหลังในเหตุการณ์เหล่านี้
เรื่องเน่าๆ ที่คนในตระกูลชินวัตรก่อไว้
คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร
“พจมาน” มาเฟียในพรรค
ขณะที่คุณหญิงพจมาน ชินวัตร อดีตภรรยาของทักษิณ ก็ยังคงมีบทบาทสำคัญในพรรคเพื่อไทย เธอทำหน้าที่เป็นแม่บ้านในการจัดการด้านการเงินและคนในพรรค รวมถึงแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น เช่น เป็นตัวประสานความไม่เข้าใจกันระหว่างพรรคเพื่อไทยกับคนเสื้อแดง หรือเป็นตัวประสานกับผู้ใหญ่ในบ้านเมือง เป็นผู้จัดสรรผลประโยชน์ด้านต่างๆ ภายในพรรค ถือเป็นบุคคลที่มีความสำคัญต่อพรรคเป็นอย่างมาก ชี้เป็นชี้ตายทุกเรื่องในพรรคได้
แม้พจมานจะถูกศาลอาญาพิพากษาจำคุกพร้อมพี่ชายบุญธรรม บรรณพจน์ ดามาพงศ์ คนละ 3 ปี ในคดีร่วมกันจงใจหลีกเลี่ยงภาษีหุ้น บริษัท ชินวัตร คอมพิวเตอร์ สุดท้ายพจมานก็รอดคดีดังกล่าวมาได้โดยไม่มีมลทินใดๆ
เช่นเดียวกับคดีซื้อที่ดินรัชดาจนศาลพิพากษาจำคุกทักษิณ 2 ปี ส่วนพจมานนั้นรอดโดยศาลให้คืนที่ดิน คืนเงิน 1,800 ล้านบาท จากนั้นกองทุนฟื้นฟูฯ ได้ประมูลขายที่ดินรัชดาฯ แปลงดังกล่าวอีกครั้ง คราวนี้พจมานเข้าไปซื้อได้ในราคาที่ต่ำกว่า 800 ล้านบาท
ส่วนการหย่าร้างกับทักษิณ ชินวัตร ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นเพียงในนาม เพื่อผลในทางกฎหมายที่หากเกิดอะไรขึ้นเรื่องยุ่งๆ จะไม่เขามาถึงตัวเธอ และทักษิณยังไว้วางใจให้คุญหญิงพจนมานยังคงมีบทบาทสำคัญในพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างยิ่ง สามารถเรียกประชุมพรรคได้โดยที่ไม่มีตำแหน่งในพรรค
ใครที่คิดจะแตะต้องหลังบ้านของทักษิณ ต้องเจอกับผลลัพธ์ที่จะตามมาอันน่าสะพรึงกลัว อย่างการที่นายณัฏฐพล และทยา ทีปสุวรรณ หนึ่งในแกนนำ กปปส.เป่านกหวีดใส่คุณหญิงพจมานในห้างดัง
เรื่องเน่าๆ ที่คนในตระกูลชินวัตรก่อไว้
เรื่องเน่าๆ ที่คนในตระกูลชินวัตรก่อไว้
ในสมัยที่พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร เรืองอำนาจนับตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้นมา นโยบายของพรรคไทยรักไทยในขณะนั้นถือว่าเป็นนโยบายที่ตรงใจคนไทยไม่น้อย โดยเฉพาะ 30 บาทรักษาทุกโรค ที่นับเป็นจุดเริ่มต้นของนโยบายประชานิยมอย่างจริงจัง ประกอบกับการปรับเปลี่ยนวิธีการบริหารประเทศให้เป็นในรูปแบบบริษัท ทุกอย่างคล่องตัว ฉับไว สลัดภาพความล่าช้าของระบบข้าราชการไทยไปอย่างสิ้นเชิง
ยิ่งวลี “รวยแล้วไม่โกง” ได้ดูดเอาความชื่นชอบของประชาชนแปรมาเป็นคะแนนเสียงให้พรรคไทยรักไทยอย่างมากมาย ทำให้ทักษิณกลายเป็นผู้มีอำนาจเบ็ดเสร็จในการบริหารประเทศ พรรคอื่นๆ ที่เข้ามาร่วมรัฐบาลจึงเป็นเพียงไม้ประดับเท่านั้น
แต่เมื่อบริหารประเทศนานเข้า หลายนโยบายที่ทักษิณนำมาใช้กลับกลายเป็นนโยบายที่เอื้อต่อประโยชน์ต่อกิจการของคนในตระกูลชินวัตร ใครหน้าไหนที่กล้ามาขวางนโยบายของทักษิณสุดท้ายก็ถูกสกัดออกไปจนพ้นเส้นทาง เรื่องของหลักคุณธรรม จริยธรรม สื่อสัตย์ สุจริตหรือมีความรู้ความสามารถ ทักษิณเก็บสิ่งเหล่านี้ไว้ในลิ้นชักแล้วล็อกกุญแจ
วิธีการที่จะทำให้การบริหารประเทศมีความเด็ดขาด ทักษิณไม่รอช้า ในภาคธุรกิจมีการควบรวมกิจการได้ ในทางการเมืองทักษิณก็ควบรวมพรรคการเมืองได้เช่นกัน คนในพรรคความหวังใหม่แทบทั้งหมดย้ายเข้ามาอยู่กับไทยรักไทย หรือดูดผู้แทนจากพรรคอื่นๆ เข้ามาไว้ที่ไทยรักไทย เมื่อสามารถกุมเสียงข้างมากในรัฐสภาได้ พรรคฝ่ายค้านอย่างประชาธิปัตย์ก็ไม่มีความหมาย ลงมติกันครั้งใดก็แพ้ทุกครั้ง
พรรคไทยรักไทยนับเป็นพรรคแรกที่สามารถเป็นรัฐบาลมาได้ครบ 4 ปี ไม่ต้องประสบปัญหาเรื่องงูเห่าเหมือนกับรัฐบาลในอดีต และเมื่อเลือกตั้งครั้งใหม่ในปี 2548 ไทยรักไทยก็ได้คะแนนเสียงอย่างท่วมท้น ตั้งรัฐบาลได้โดยพรรคเดียว
ชัยชนะในครั้งนี้ทำให้ทักษิณเผยตัวตนของตัวเองมากยิ่งขึ้น ออกนโยบายที่เอื้อต่อธุรกิจของตระกูลชินวัตรมากยิ่งขึ้น และที่คนไทยจำนวนไม่น้อยรับไม่ได้กับพฤติกรรมของเขาคือการกระทำที่หมิ่นเหม่ หรือเทียบเคียงกับสถาบันอันเป็นที่เคารพรักของคนไทยทั้งประเทศ
จนเกิดการรวมตัวกันของผู้คนที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าวของรัฐบาลไทยรักไทย ก่อเกิดขึ้นในนามของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ออกมาประท้วงและขับไล่รัฐบาลของทักษิณออกไป ขณะเดียวกันการตอบโต้ของทักษิณก็ได้ปลุกมวลชนที่สนับสนุนตนเองเข้ามาในนามของคนเสื้อแดงตอบโต้ โดยในช่วงนี้ได้มีคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งได้ออกมาโจมตีสถาบันเบื้องสูงอย่างเปิดเผย
ท้ายที่สุดเมื่อสถานการณ์พัฒนาการไปจึงมีการนัดหมายของมวลชน 2 ฝ่ายที่เตรียมจะปะทะกัน ฝ่ายทหารโดยพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก จึงได้ทำการยึดอำนาจจากรัฐบาลทักษิณเมื่อ 19 กันยายน 2549
เมื่อรัฐบาลที่มาจากอำนาจทหารได้คืนอำนาจให้ประชาชนได้เลือกตั้งครั้งใหม่ พรรคของทักษิณที่แปลงร่างมาในนามพรรคพลังประชาชนได้รับการเลือกกลับเข้ามาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง โดยครั้งนี้ทักษิณได้ทาบทามนายสมัคร สุนทรเวช เข้ามารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อลดความไม่ไว้วางใจจากฝ่ายทหาร
สุดท้าย สมัคร สุนทรเวช ก็ต้องมีอันพ้นสภาพไปจากการเข้าไปทำรายการชิมไปบ่นไป คราวนี้ได้ตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่ขึ้นมาทำหน้าที่แทน โดยทักษิณจิ้มไปที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขย สามีของเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งเป็นน้องสาวของทักษิณ
แต่สมชายก็ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีได้ไม่นานเมื่อมีการยุบพรรคพลังประชาชน พร้อมๆ กับการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองที่กลุ่มของนายเนวิน ชิดชอบ หันมาร่วมมือกับพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี
เมื่อขั้วตรงข้ามขึ้นมาเป็นรัฐบาล ทักษิณเลือกที่จะใช้คนเสื้อแดงเข้ามาเคลื่อนไหวกดดันการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์ในปี 2552 แต่ถูกเจ้าหน้าที่ทหารกดดันจนต้องยอมแพ้ จากนั้นในปีถัดมาคนเสื้อแดงได้ปรับยุทธวิธีใหม่ คราวนี้มีกองกำลังติดอาวุธเข้ามาประจำการและปะทะกับเจ้าหน้าที่ทหารจนมีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก แม้จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อีกครั้ง แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการเผาสถานที่หลายแห่งในกรุงเทพมหานคร
แม้ฝ่ายคนเสื้อแดงจะพ่ายแพ้ มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก นั่นก็เพียงพอที่ทำให้ทักษิณหยิบฉวยผลของการปะทะกันในครั้งนี้นำไปขยายต่อ เพื่อสร้างตราบาปให้กับพรรคคู่แข่งและสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเอง จนพรรคประชาธิปัตย์ต้องยุบสภาแล้วให้มีการเลือกตั้งครั้งใหม่ในปี 2554
ครั้งนี้ทักษิณวางหมากให้น้องสาวอย่างยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้ามานำทัพในนามของพรรคเพื่อไทย ด้วยนโยบายกระชากใจคนรากหญ้าทั้งโครงการรับจำนำข้าว 15,000 บาท สำหรับข้าวขาว และ 20,000 บาทสำหรับข้าวหอมมะลิ รวมถึงการชูค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ทำให้พรรคเพื่อไทยกลับเข้ามาเป็นรัฐบาลได้อีกครั้งพร้อมด้วยนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย
คราวนี้ไม่ต้องเหนียมอายกันอีกต่อไป หลายโครงการมีการทุจริตคอร์รัปชันกันมโหฬาร ด้วยฐานเสียงที่มีทั้งสภาล่างและสภาสูงที่มีคนของทักษิณพร้อมจะยกมือสนับสนุนตลอดเวลา โดยไม่สนใจความไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสม จนทำให้เกิดการออกมาต่อต้านของภาคประชาชนครั้งใหญ่ในนามของ กปปส.จนทำให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ต้องยุบสภาเมื่อ 9 ธันวาคม 2556 แต่ยังคงอยู่ในตำแหน่งรักษาการมาจนถึงปัจจุบัน
เมื่อย้อนกลับไปในช่วงที่ทักษิณโดดลงมาเล่นการเมืองเต็มตัว คนในตระกูลชินวัตรเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว 3 คนคือทักษิณ เป็นนายกฯคนที่ 23 สมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขย เป็นนายกฯ คนที่ 26 และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ คนที่ 28 เห็นได้ชัดเจนว่าทักษิณไม่ไว้ใจคนอื่นนอกจากคนในตระกูลชินวัตร เว้นแต่ช่วงที่ดึงเอานายสมัคร สุนทรเวช เข้ามาคั่นกลางในช่วงที่ฝ่ายทหารยังไม่ไว้วางใจตระกูลชินวัตรเท่านั้น
เรื่องเน่าๆ ที่คนในตระกูลชินวัตรก่อไว้
พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร
ทักษิณเขี้ยวตัวพ่อ
เช่นเดียวกันในช่วงที่คนในตระกูลชินวัตรเข้ามาบริหารประเทศ แต่ละคนล้วนมีข้อครหาต่างๆ มากมาย แต่สุดท้ายก็ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนเลือกคนในตระกูลนี้กลับเข้ามาบริหารประเทศกันทุกครั้ง
เริ่มต้นที่ทักษิณ ชินวัตร ที่ได้เตรียมการตั้งแต่ก่อนลงสนามการเมือง โดยเขาได้โอนหุ้นในกิจการชินคอร์ปไปไว้ในชื่อลูก ด้วยกลวิธีที่ส่อเจตนาจะหลบเลี่ยงการตรวจสอบ จนกระทั่งมีการขายหุ้นออกไปให้กับเทมาเส็กจากสิงคโปร์เมื่อต้นปี 2549 ที่ไม่ต้องเสียภาษี จนเป็นต้นเหตุความไม่พอใจของผู้คนและนำไปสู่การยึดอำนาจ
ในช่วงที่ทักษิณบริหารประเทศอยู่ได้มีการลดค่าสัมปทานให้ AIS และมีการแปลงค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต นับเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัท AIS ซึ่งเป็นบริษัทลูกของชินคอร์ป ทำให้ราคาหุ้นของทั้งเครือชินคอร์ปเพื่อสูงขึ้นจนสามารถขายได้สูงถึง 7.6 หมื่นล้านบาท
รัฐบาลทักษิณยังให้รัฐบาลพม่ากู้เงินรัฐบาลไทย 4 พันล้านบาท โดยมีเงื่อนไขให้ซื้อสินค้าซื้อสินค้าชินคอร์ป คดีหวยบนดิน คดีจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิด CTX คดีทุจริตธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้บริษัท กฤษดามหานคร
ส่วนคดีที่ตัดสินแล้วคือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินจำคุกเขาเป็นเวลา 2 ปี จากคดีทุจริตประมูลซื้อที่ดินรัชดาภิเษกเมื่อปี 2551 รวมไปถึงคำสั่งให้ยึดทรัพย์ของพันตำรวจโท ทักษิณ และคนใกล้ชิด มูลค่าราว 46,000 ล้านบาท จากที่ 76,000 ล้านบาท ตกเป็นของแผ่นดินเมื่อ 2553
ไม่เพียงแค่ส่วนที่เป็นคดีความเท่านั้น ทักษิณในช่วงแรกที่หนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ ยังมีเรื่องการเข้าซื้อสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี ที่มองกันว่าเป็นการฟอกเงินของทักษิณ มีการนำนักร้องดังของไทยหลายคนที่เดินทางไปสร้างความบันเทิงให้ นอกจากนี้ยังมีการกล่าวหากันว่าเขามีส่วนสำคัญในการสังหารชาวมุสลิมที่มัสยิดกรือเซะ
ในส่วนที่การบริหารงานในพรรคไทยรักไทยขณะนั้น ทักษิณนับได้ว่ามีอำนาจเต็ม ชี้เป็นชี้ตาย ส.ส.ในพรรคได้ทุกคน โดยไม่สนใจว่าภาพลักษณ์ของคนเหล่านั้นจะเป็นอย่างไร หากทำงานให้กับทักษิณแล้วย่อมได้รับการตอบแทนในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งหรือทรัพย์สินเงินทอง
ทักษิณยังเป็นผู้ที่วางแผนที่วางตัวบุคคลลงในหน่วยงานราชการสำคัญต่างๆ จนทำให้หน่วยงานเหล่านี้ตอบสนองนโยบายของทักษิณอย่างเต็มที่ และพร้อมที่จะเฉื่อยฉากับรัฐบาลอื่น เห็นได้ชัดว่าข้าราชการในกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลัง เมื่อเกษียณแล้วได้กลับเข้ามาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการ ทั้งที่กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลัง
แม้กระทั่งการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงทั้งในปี 2552 และ 2553 และครั้งนั้นมีคนในตระกูลชินวัตรไปให้กำลังใจคนเสื้อแดงด้วย ในทุกครั้งทักษิณจะเป็นผู้ที่เข้ามากระตุ้นให้คนเหล่านี้ต่อสู้เพื่อตน ด้วยการแอบอ้างว่าสู้เพื่อประชาธิปไตย และกำจัดอำมาตย์
นอกจากนี้คนเสื้อแดงที่สนับสนุนทักษิณยังได้กล่าวโจมตีสถาบันเบื้องสูงกันทุกช่องทางการสื่อสาร ทั้งเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก และในวิทยุในอินเทอร์เน็ต แต่ทักษิณไม่เร่งรีบในการดำเนินการกับคนเหล่านั้น แม้กระทั่งตัวของทักษิณเองก็กระทำการที่หมิ่นเหม่เสียเอง
ถึงวันนี้แม้ทักษิณจะต้องระหกระเหินในต่างประเทศ แต่การบงการทุกอย่างก็ยังทำได้เสมือนกับมานั่งสั่งการในพรรคได้ด้วยตัวเอง เลือกได้แม้กระทั่งตัวนายกฯ รัฐมนตรีต่างๆ ใครไม่เข้าตาโละทิ้ง หรือแม้กระทั่งแผนในการรับมือกับฝ่ายตรงข้าม การเดินเกมทั้งรุกและรับล้วนแล้วแต่มาจากการสั่งการของทักษิณทั้งสิ้น จึงไม่แปลกที่เหตุการณ์ความรุนแรงหลายครั้งที่เกิดขึ้นทักษิณจึงถูกมองว่าอยู่เบื้องหลังในเหตุการณ์เหล่านี้
เรื่องเน่าๆ ที่คนในตระกูลชินวัตรก่อไว้
คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร
“พจมาน” มาเฟียในพรรค
ขณะที่คุณหญิงพจมาน ชินวัตร อดีตภรรยาของทักษิณ ก็ยังคงมีบทบาทสำคัญในพรรคเพื่อไทย เธอทำหน้าที่เป็นแม่บ้านในการจัดการด้านการเงินและคนในพรรค รวมถึงแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น เช่น เป็นตัวประสานความไม่เข้าใจกันระหว่างพรรคเพื่อไทยกับคนเสื้อแดง หรือเป็นตัวประสานกับผู้ใหญ่ในบ้านเมือง เป็นผู้จัดสรรผลประโยชน์ด้านต่างๆ ภายในพรรค ถือเป็นบุคคลที่มีความสำคัญต่อพรรคเป็นอย่างมาก ชี้เป็นชี้ตายทุกเรื่องในพรรคได้
แม้พจมานจะถูกศาลอาญาพิพากษาจำคุกพร้อมพี่ชายบุญธรรม บรรณพจน์ ดามาพงศ์ คนละ 3 ปี ในคดีร่วมกันจงใจหลีกเลี่ยงภาษีหุ้น บริษัท ชินวัตร คอมพิวเตอร์ สุดท้ายพจมานก็รอดคดีดังกล่าวมาได้โดยไม่มีมลทินใดๆ
เช่นเดียวกับคดีซื้อที่ดินรัชดาจนศาลพิพากษาจำคุกทักษิณ 2 ปี ส่วนพจมานนั้นรอดโดยศาลให้คืนที่ดิน คืนเงิน 1,800 ล้านบาท จากนั้นกองทุนฟื้นฟูฯ ได้ประมูลขายที่ดินรัชดาฯ แปลงดังกล่าวอีกครั้ง คราวนี้พจมานเข้าไปซื้อได้ในราคาที่ต่ำกว่า 800 ล้านบาท
ส่วนการหย่าร้างกับทักษิณ ชินวัตร ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นเพียงในนาม เพื่อผลในทางกฎหมายที่หากเกิดอะไรขึ้นเรื่องยุ่งๆ จะไม่เขามาถึงตัวเธอ และทักษิณยังไว้วางใจให้คุญหญิงพจนมานยังคงมีบทบาทสำคัญในพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างยิ่ง สามารถเรียกประชุมพรรคได้โดยที่ไม่มีตำแหน่งในพรรค
ใครที่คิดจะแตะต้องหลังบ้านของทักษิณ ต้องเจอกับผลลัพธ์ที่จะตามมาอันน่าสะพรึงกลัว อย่างการที่นายณัฏฐพล และทยา ทีปสุวรรณ หนึ่งในแกนนำ กปปส.เป่านกหวีดใส่คุณหญิงพจมานในห้างดัง