อู้ดูหนัง: THE LEGO MOVIE [REVIEW]

THE LEGO MOVIE (2014/Chris Miller, Phil Lord/USA)



*เปิดเผยเนื้อหาสำคัญของเรื่อง*

ใครจะนึกว่าเลโก้จะกลายเป็นหนัง?

ใช่ ผมหมายถึงอย่างั้นจริงๆ ถึงเลโกัจะมีผลิตภัณฑ์มากมาย มีวีดีโอเกมหรืออะไรแต่คงไม่มีใครคิดว่ามันจะกลายเป็นหนังได้ หนังแบบที่เรียกได้ว่าเป็นหนังแอนิเมชั่นขนาดยาวจริงๆ ไม่ใช่การ์ตูนสั้นตอนพิเศษที่เอาไว้ฉายคั่นเวลาในวันหยุด

เนื้อเรื่องของ THE LEGO MOVIE ว่าด้วยลอร์ดบิสซิเนสวางแผนที่จะแช่แข็งทุกโลกในเลโก้เพื่อความเป็นระเบียบให้หมด แต่เหล่ามาสเตอร์บิลเดอร์ ผู้ที่สามารถเนรมิตสิ่งของต่างๆ ได้จากชิ้นส่วนใกล้ตัวก็ได้พยายามหา “ชิ้นส่วนต่อต้านเ” พื่อยับยั้งแผนการร้าย แต่แล้วชิ้นส่วนที่ว่านั้นก็ถูกค้นพบโดยแอมเน็ต พนักงานก่อสร้างผู้แสนจะธรรมดาไม่มีอะไรเป็นพิเศษโดยบังเอิญ และนั่นก็ทำให้เค้ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างหลีกหนีไม่ได้

ตามตำนาน ว่ากันว่าผู้ที่ค้นพบชิ้นส่วนต่อต้านจะเป็นที่ถูกคนเบื้องบนเลือก เป็นคนพิเศษ เป็นคนที่มีเพียงคนเดียวในโลกแต่น่าเสียดายที่แอมเน็ตเป็นคนธรรมดาที่ไม่มีอะไรให้น่าจดจำ ใช้ชีวิตตามกรอบคู่มือที่สังคมจัดเอาไว้ใหั ไร้ความคิดสร้างสรรค์ และไม่สามารถสร้างอะไรได้เองแม้แต่อย่างเดียว และนั่นก็ทำให้ไวล์สไตล์ หญิงสาวที่เป็นมาสเตอร์บิลเดอร์และร่วมเดินทางกับเอลเม็ตนั้นคลางแคลงใจอยู่บ้าง แต่ถึงกระนั้นโลกก็ยังสำคัญกว่าและการเดินทางนี้จะทำใ้พวกเขาพบกับ่งที่คาดไม่ถึง

จุดเด่นที่น่าประทับใจเป็นอย่างแรกก็คือภาพและองค์ประกอบต่างๆ ในเรื่องที่ใช้ชิ้นส่วนเลโก้สร้างมาทั้งหมด ตั้งแต่ตัวคน อาคาร ท้องฟ้า ผืนน้ำ กลุ่มควัน หรือกระทั่งเปลวไฟ นั่นทำให้เราได้เห็นงานภาพที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อนปละความเป็นเอหลักษณ์นี้ก็ไม่ได้มีไว้เพื่อความเก๋ไก่สวยงามเพียงอย่างเดียว มันยังสอดคล้องไปถึงความน่าเชื่อถือของโลกที่หนังต้องการจะสร้างรวมถึงยังเชื่อมโยงไปยังประเด็นสำคัญที่หนังต้องการจะสื่อท้ายเรีองอีกด้วย

การดำเนินเรื่องก็ทำได้อย่างไม่น่าเบื่อ เพราะว่ามันมีลู่นและมุกตลกอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าจะไม่ใช่มุกตลกที่เด็กอาจจะเข้าใจ เพราะสิ่งที่มันพูดถึงคือการเสียดสีสิ่งแวดล้อมของเหตุการณ์ในเรื่องและพาดพิงถึงความเป็นผู้ใหญ่ได้อย่างเจ็บแสบ และไม่จำเป็นต้องใช้ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมที่แตกต่างเพื่อที่จะเข้าใจ

การดำเนินเรื่องก็เป็นไปอย่างสนุกสนาน มีลูกเล่นอันเป็นเอกลักษณ์อยู่ตลอด และที่สำคัญทุกอย่างคือเสน่ห์ที่มีเพียงเลโก้เท่านั้นที่สามารถทำได้ มันไม่สามารถเอาตัวละครจากเรื่องอื่นมาทำอะไรเช่นนี้ได้

แม้ว่าจริงๆ THE LEGO MOVIE จะมีพลอตเรื่องที่เรียบง่ายไม่มีอะไรซับซ้อน แต่มันเปี่ยมไปด้วยประเด็นที่หนักแน่น ตัวละครที่มีเอกลักษณ์ บทสนทนาที่สนุกสนาน องค์ประกอบเหล่านี้ช่วงส่งเสริมซึ่งกันและกันและช่วยกันผลักดันให้ทุกอย่างโดดเด่น

แต่ที่สำคัญที่สุดสิ่งที่ดีงามของหนังจริงๆ ก็คือประเด็นหลักที่มันต้องการพูดถึงคือเรื่องของคนพิเศษ คนธรรมดา จินตนาการและความเป็นจริง

ดูแล้วเหมือนกับว่ามันจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย แต่เมื่อเราได้ดูไปจนถึงช่วงท้ายของเรื่องฉากสำคัญก็ปรากฏขึ้น เมื่อแอมเม็ตหลุดร่วงลงไปจากยอดตึกสูงเข้าสู่หลุมมิติแล้วก็พบว่าตัวเองได้หลุดออกมาที่โลกแห่งความจริงที่ที่เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นที่เมืองเลโก้ในใต้ถุนบ้านหลังหนึ่งที่เด็กชายคนหนึ่งแอบพ่อผู้เจ้าระเบียบมาต่อเลโก้เล่นตามใจชอบเป็นประจำ

หากลอร์ดบิสซิเนสคือตัวแทนของพ่อ นักธุรกิจผู้จริงจังที่ต้องเห็นทุกอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยแอมเน็ตก็คงเป็นลูกชายตัวจ้อยที่ได้แต่ทำอะไรในกรอบระเบียบที่ถูกบังคับเอาไว้ เขาอาจจะเป็นแค่เด็กธรรมดาที่ไม่มีอะไรโดดเด่น แต่เมื่อใดที่เขาสามารถถ่ายทอดจินตนาการออกมาได้ เมื่อนั้นเราก็จะกลายเป็นคนพิเศษ

คำว่าคนพิเศษในหนังเรื่องนี้เองก็ถ่ายทอดออกมาในอีกมุมมองหนึ่ง โดยปกติแล้วคำว่าคนพิเศษมักจะใช้กับคนใดคนหนึ่งคนที่สำคัญมาก คนที่โดดเด่นกว่าใครๆ ใช่แล้วใครๆ ก็อยากเป็นคนคนนั้นแล้วคนคนนั้นจำเป็นต้องมีคนเดียวอย่างนั้นหรือ ในสื่อที่เราเห็นมักจะเห็นคนใดคนหนึ่งที่เป็นคนพิเศษที่เป็นคนดำเนินเรื่อง จัดการคลี่คลายปัญหา ใช่แล้ว ใครๆ ก็อยากเป็นคนพิเศษกันทั้งนั้นเพราะเท่ โดดเด่น ทุกคนให้ความรักความสนใจ แต่คนที่พิเศษเหนือใครๆ มีได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วหากว่าเราไม่ได้กลายเป็นคนพิเศษขึ้นมา มันจะไม่กลับกลายเป็นว่าทำให้เราทุกข์ใจแสนสาหัสอย่างนั้นเหรอ

ไม่หรอก เพราะจริงๆ แล้วพวกเราต่างมีพลังอยู่ในตัว พลังที่สามารถที่จะสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ พลังที่จะสามารถทำอะไรก็ได้และทำตามความต้องการของตนเองโดยที่ไม่จำเป็นต้องยึดติดตามกรอบกฏระเบียบถูกกำหนดเอาไว้ เมื่อนั้นเองสิ่งใหม่ๆ ก็จะถือกำเนิด มันไม่ได้บอกว่าแท้ที่จริงแล้วพวกเราคือ “คนพิเศษ” แต่บอกว่าพวกเราสามารถที่จะทำได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องเป็นคนพิเศษก็ตาม

ความสัมพันธ์ของพ่อกับลูกในช่วงโลกแห่งความจริงเองก็เป็นพลอตย่อยที่ขยายเรื่องราวได้ดี ถึงแม้ว่าเมื่อหนังแยกโลกทั้งสองออกมาแล้วจะทำให้เรารู้สึกไม่สนิทใจอยู่บ้างแต่การที่มันสามารถจบเรื่องราวเคลียร์ปมปัญหาของเนื้อเรื่องทั้งสองฝั่งได้ก็เรียกได้ว่าทำได้ไม่เลว

โดยรวมแล้ว THE LEGO MOVIE เป็นหนังที่สนุกเกินกว่าที่คาดหวังไว้เยอะพอสมควร อีกทั้งมันยังทำให้เราได้สัมผัสกับประสบการณ์ดูหนังอีกรูปแบบที่ไม่ได้สัมผัสมานานแล้ว อีกทั้งความจริงใจที่หนังสื่อออกมาทั้งหมดนั้นทำให้ช่วงเวลาในการดูหนังเรื่องนี้พิเศษไม่เหมือนใคร

##############
หากชอบใจหรือสนใจรีวิวอื่นเพิ่มเติมสามารถติดตามได้ที่เพจนะครับ


https://www.facebook.com/filmseal/
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่