>>Britain in Bloom มิสพีชวนมาเดินเล่นดูอังกฤษผลัดผ้า<<

กระทู้สนทนา
ในขณะที่ฝั่งอเมริกาโดนพายุหิมะถล่มเสียขาวโพลนช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมา ฝั่งอังกฤษกลับชื้นแฉะ เปียกแหยะตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ บางเมืองมีบุญหน่อยก็ได้เห็นหิมะหย่อมน้อยๆร่วงมานิดๆพอให้หายอยากแล้วก็หายไป แต่ส่วนใหญ่แล้วอย่างดีก็ได้เห็นแค่หิมะที่เคลือบตามพื้นหญ้าหรือทางเดินเท่านั้น มาให้เห็นเป็นเงาขาวๆได้เพียงไม่กี่วันก็หายไปหมด ใจจริงไม่อยากบ่น เพราะหิมะไม่ตกหมายถึงการคมนาคมที่สะดวก เดินทางไปไหนมาไหนก็ไม่ลำบากมาก แต่ฝนตกตลอดสี่เดือน เห็นแค่ฟ้าเทาๆ เมฆขุ่นๆ กับฝนตกตลอดเวลามันก็พาให้หดหู่เหมือนกันนะ

แต่ว่าข้อดีของการที่ฤดูหนาวปีนี้ไม่โหดมาก คือฤดูใบไม้ผลิดูเหมือนจะเริ่มเร็วกว่าปกติ หัวดอกไม้ที่เราปลูกไว้ในกระถางตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้วก็แทงยอดพ้นดินออกมาให้เห็นตั้งแต่เดือนมกราคม จนกระทั่งวันนี้ก็ดูเหมือนว่าอังกฤษจะเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดผ้าสักหลาดสีเทาดำน่าเบื่อมาเป็นสีสันสดใสต้อนรับฤดูใบไม้ผลิแล้ว แม้ฝนจะยังตกอยู่บ้างแต่อย่างน้อยอะไรๆก็ดูสวยงามขึ้นโขด้วยจุดสีต่างๆที่ทยอยแต้มไปทั่วเมือง

จริงๆมีงานที่ต้องทำให้เสร็จ แต่เนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านๆมาแทบไม่ได้ออกจากบ้านไปไหน ได้แต่งอก่องอขิงทำงานอยู่หน้าคอมจนอาการปวดหลังกำเริบนั่งนานๆเกิน 30 นาทีแทบไม่ได้ ประกอบกับวันนี้มีธุระต้องทำในเมือง จึงถือโอกาสพา FujiFilm HS10 ตัวเก่าที่แทบไม่ได้ใช้แล้วออกไปเดินเล่นด้วย นัยว่าจะได้ยืดเส้นยืดสายกันทั้งคนทั้งกล้อง

รูปถ่ายทั้งหมดนี้ถ่ายเพราะใจรัก ฝีมืออาจไม่ยอดเยี่ยมเหมือนช่างกล้องมือโปรแต่อยากแบ่งปันให้เพื่อนสมาชิกทุกท่านได้รับชมไปด้วยกัน และหากท่านใดมีคำแนะนำเรื่องการถ่ายภาพ ก็ขอรับฟังด้วยความยินดีค่ะ



วันนี้ตอนเช้าฝนตกเล็กน้อย ดีไปไม่ต้องรดน้ำต้นไม้ ปีที่แล้วหมดเงินไปเยอะอยู่กับบรรดากระถาง หัวดอกไม้ ดิน และอุปกรณ์ทำสวน



หลังบ้านเราเจ้าของบ้านเขาเทปูนหมดเลย ไม่เหลือที่ไว้ให้ปลูกต้นไม้ เราก็เลยต้องปลูกทุกอย่างใส่กระถางหมด ปีนี้ไฮยาซินธ์สีส้ม 'Gypsy Queen' บานสวยก่อนเป็นกระถางแรก หน้าซองบอกว่าดอกสีส้มแต่ทำไมออกมาแล้วมันดูชมพูโอลด์โรสมากกว่าก็ไม่รู้ สงสัยจะแดดไม่พอ



สุดยอดของความทนต้องยกให้ Grape Muscari กอนี้ เพราะปลูกในขวดโค้กตัดครึ่งแบบทิ้งๆ ขว้างๆ มากๆ แถมโดนพายุพัดหล่นจากกำแพงไปนอนเล่นอยู่บนพื้นตั้งนาน ปีนี้ก็ยังอุตส่าห์ออกดอกมาให้ชมอีก แม้ว่าจะเล็กลงมากก็ตาม



อีกหนึ่งเจ้าแห่งความอึดก็คือแดฟโฟดิลสีเหลืองดอกซ้อน แน่นอนว่าทิ้งไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วโดยไม่ได้ดูแลอะไรเลยแต่ก็ยังอุตส่าห์บาน ปีนี้เหมือนจะบานเยอะกว่าปีที่แล้ว แต่แน่นอนว่าดอกก็เล็กลง แลดูแกร็นมาก พันธุ์อะไรจำไม่ได้แน่ แต่คิดว่าน่าจะเป็น Occarino



ตอนที่เดินไปถึงสวนในเมืองนั้นโชคดีมากว่ามีแดดออก ทำให้ถ่ายรูปได้ง่ายขึ้น ที่สวนมีดอกแดฟโฟดิลและนาร์ซิสซัสอีกหลายสายพันธุ์ แต่ส่วนตัวรู้สึกว่าเจ้าสีขาวตาสีส้มพันธุ์ Pheasant's Eye แบบนี้มันสะดุดตากว่าดอกเหลืองๆธรรมดาเยอะ สีเหลืองถ่ายมาเหลืองเต็มไปหมดดูไม่ค่อยน่าตื่นเต้น



ทั้งสวนกรุ่นไปด้วยกลิ่นดอกไม้อ่อนๆ หอมหวานมากจริงๆ บวกกับอากาศที่ออกเย็นนิดๆ หายใจแล้วชุ่มปอดดีจัง เจ้าหน้าที่ผลิตกลิ่นหอมประจำสวนเห็นจะเป็นไฮยาซินธ์หลากสี ตรงไหนที่เขาปลูกไว้เป็นดงนี่ถึงกับหอมจนมึนได้เลยทีเดียว ไฮยาซินธ์สีนี้ชื่อ Woodstock



ส่วนกระถางนี้อย่าเรียกว่าบานดีกว่า เรียกว่าล้นเลยเหอะ ไฮยาซินธ์สีฟ้านี้เห็นได้บ่อย เดาเอาเองว่าน่าจะสายพันธุ์ Blue Jacket เพราะสีฟ้ากว่า Minos และ Dutch Blue ที่ออกอมม่วง



ดอกซากุระ/Cherry Blossom ก็เริ่มบานบ้างแล้ว



ต้นแมกโนเลีย (Star Magnolia) ก็บานด้วย ทั้งต้นมีแต่กิ่งโกร๋นไม่เหลือใจ เปิดโอกาสให้ดอกขาวได้ฉายความงามเต็มที่



ระหว่างที่กำลังถ่ายรูปดอกไม้อยู่ที่สวน ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินถือกล้องย่ำเข้าไปในส่วนที่เป็นแปลงปลูกดอกไม้เพื่อที่จะถ่ายรูปได้ใกล้ๆ เห็นแล้วเซ็ง แล้วยังมีนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มหนึ่งที่เดินลุยเข้าไปในส่วนที่เป็นแปลงแดฟโฟดิล เพื่อจะได้นั่งตรงกลางทุ่งดอกไม้ถ่ายรูปเก๋ๆ ดูจากร่องรอยแล้วไม่น่าใช่กลุ่มแรกที่ทำแบบนี้เพราะมีรอยกอแดฟโฟดิลโดนย่ำล้มอีกเพียบ น่าเสียดาย

ขากลับเดินผ่านต้น Cherry Blossom สีขาว ต้นที่เห็นในภาพถ่ายภาพแรกเลยนั่นแหละค่ะ กำลังบานฟูฟ่องเลย น่าเสียดายว่าไม่หอม แต่ภาพของกลีบดอกไม้สีขาวที่ปลิวลงบนพื้นหญ้าเรื่อยๆท่ามกลางแสงแดดยามบ่ายนี่เป็นอะไรที่ดูไม่รู้เบื่อดีจัง



ขออำลาด้วยทุ่งดอกแดฟโฟดิลสีเหลือง Dutch Master ที่ขึ้นรอบกำแพงเมือง น่าเสียดายว่าอีกอาทิตย์เดียวก็คงจะเริ่มโรยแล้ว



ขอขอบคุณที่ติดตามอ่านมาจนถึงตรงนี้นะคะ ถ้าอังกฤษเปลี่ยนสีอีกเมื่อไหร่จะเอาภาพมาลงให้ดูกันอีกค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่