คาด ปชช.นับหมื่นร่วม

3 จังหวัดชายแดนภาคใต้น่าจะเยือนท่องเที่ยวไม่แพ้หลายจังหวัดของไทย ทั้งในแง่ประวัติ ศาสตร์ วัฒนธรรม ชาติพันธุ์ อัตลักษณ์ ความหลากหลายในวิถีชีวิตของผู้คน ทั้งมลายูมุสลิม พุทธ และจีน ผสมผสานกันอย่างกลมกลืน
รวมไปถึงธรรมชาติป่าเขา ทะเลก็สวยงาม อาคารบ้านเรือนก็มีสถาปัตยกรรมเฉพาะ ยังไม่นับอาหารการกินอุดมสมบูรณ์ แสนอร่อยชวนลิ้ม
เพื่อกระตุ้นตลาดการท่องเที่ยว ประชาสัมพันธ์เชื่อมโยงพื้นที่ประวัติศาสตร์ และร่องรอยโบราณสถานอิสลามในอดีต ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
โดยเฉพาะกลุ่มตลาดมุสลิมในกรุงเทพฯ และพื้นที่ใกล้เคียง รวมทั้งสร้างความรู้ความเข้าใจในศิลปวัฒนธรรม ภูมิ ปัญญาท้องถิ่นที่งดงาม และโดดเด่นของชาวมุสลิมในพื้นที่ 3 จังหวัด ตลอดจนส่งเสริมสินค้าและผลิตภัณฑ์ของมุสลิมในพื้นที่ เพื่อสร้างอาชีพและรายได้ให้กับพี่น้องมุสลิม
ที่สำคัญคือเพื่อต้องการกระตุ้นให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนภาคประชาชนหันมาสนใจ และให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยว และปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนราธิวาส ร่วมกับ สมาคมศิษย์เก่า อิสลามวิทยาลัยแห่งประเทศไทย (อ.ว.ท.) ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้ องค์กรมุสลิมทุกแขนง ร่วมกันจัดงาน "มหกรรมท่องเที่ยวชายแดนใต้"ครั้งที่ 3 ขึ้นที่สนามกีฬา อิสลามวิทยาลัย แห่งประเทศไทย (ทุ่งครุ) กรุงเทพฯ ในวันที่ 2-3 พ.ค.ที่จะถึงนี้
นายอะหมาน หมัดอะดัม ผอ.ททท.สำนักงานนราธิวาส กล่าวว่า เพื่อต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวที่จะเดินลงไปในพื้นที่ เพื่อให้รู้ว่าคนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว
"การจัดงานในครั้งนี้ เพื่อต้องการกระตุ้น และสร้างการรับรู้ให้นักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางมาเที่ยวในพื้นที่มากขึ้น เพื่อสัมผัสกับวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ในดินแดนของอาณาจักรลังกาสุกะ ที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน "
"มีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ทั้งมัสยิดกรือเซะ จ.ปัตตานี มัสยิดแห่งแรกในพื้นที่ รวมไปถึงวังต่างๆ ที่ถูกสร้างขึ้นตามการแบ่งการปกครองเป็นหัวเมือง เช่น วังยะหริ่ง จ.ปัตตานี วังจะบังติกอ อ.เมือง จ.ปัตตานี ที่ยังมีอยู่ในปัจจุบัน รวมไปถึงสุสานต่างๆ ของเจ้าเมือง"ผอ.ททท.สำนักงานนราธิวาสกล่าว
กรณีการจัดงาน ที่ อิสลามวิทยาลัยแห่งประเทศไทย (ทุ่งครุ) ผอ.ททท.นราธิวาส เผยว่า บริเวณย่านทุ่งครุ เป็นนับว่าเป็นชุมชนขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ย่านฝั่งธน ซึ่งในบริเวณดังกล่าว มีมัสยิดกว่า 10 แห่ง พร้อมกันนั้น มีมุสลิมพักอาศัยหลายหมืนคน
พร้อมกันนั้น ทางสมาคมศิษย์เก่า อิสลามวิทยาลัย ก็พร้อมเป็นกำลังขับเคลื่อนในการประชาสัมพันธ์การจัดงานในครั้งนี้ได้เป็นอย่างดี โดยคาดหวังเป็นอย่างยิ่งการการจัดงานในครั้งนี้จะมีผู้มาเที่ยวชมงานไม่ต่ำกว่า 20,000 คนตลอดระยะเวลาดังกล่าว
นอกจากนี้ภายในงานยังประกอบไปด้วยกิจกรรมต่างๆ อาทิ การจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าหัตถกรรม อาหารพื้นบ้านที่หากินได้ยาก การแสดงดิเกร์ฮูลู การแสดงสีละ การบรรเลงดนตรีพื้นเมืองมลายู เป็นการรวบรวมเอาสิ่งที่น่าสนใจ ที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์ของความเป็นพื้นถิ่นมลายู ที่ไม่สามารถหาชมจากที่อื่นได้
สำหรับผู้สนใจร่วมกิจกรรมออกร้านค้า สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ 080-284-8000 หรือ www.muslimthaipost.com
สัมผัสถิ่น มลายู ในงานท่องเที่ยวชายแดนใต้ ครั้งที่ 3
3 จังหวัดชายแดนภาคใต้น่าจะเยือนท่องเที่ยวไม่แพ้หลายจังหวัดของไทย ทั้งในแง่ประวัติ ศาสตร์ วัฒนธรรม ชาติพันธุ์ อัตลักษณ์ ความหลากหลายในวิถีชีวิตของผู้คน ทั้งมลายูมุสลิม พุทธ และจีน ผสมผสานกันอย่างกลมกลืน
รวมไปถึงธรรมชาติป่าเขา ทะเลก็สวยงาม อาคารบ้านเรือนก็มีสถาปัตยกรรมเฉพาะ ยังไม่นับอาหารการกินอุดมสมบูรณ์ แสนอร่อยชวนลิ้ม
เพื่อกระตุ้นตลาดการท่องเที่ยว ประชาสัมพันธ์เชื่อมโยงพื้นที่ประวัติศาสตร์ และร่องรอยโบราณสถานอิสลามในอดีต ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
โดยเฉพาะกลุ่มตลาดมุสลิมในกรุงเทพฯ และพื้นที่ใกล้เคียง รวมทั้งสร้างความรู้ความเข้าใจในศิลปวัฒนธรรม ภูมิ ปัญญาท้องถิ่นที่งดงาม และโดดเด่นของชาวมุสลิมในพื้นที่ 3 จังหวัด ตลอดจนส่งเสริมสินค้าและผลิตภัณฑ์ของมุสลิมในพื้นที่ เพื่อสร้างอาชีพและรายได้ให้กับพี่น้องมุสลิม
ที่สำคัญคือเพื่อต้องการกระตุ้นให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนภาคประชาชนหันมาสนใจ และให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยว และปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนราธิวาส ร่วมกับ สมาคมศิษย์เก่า อิสลามวิทยาลัยแห่งประเทศไทย (อ.ว.ท.) ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้ องค์กรมุสลิมทุกแขนง ร่วมกันจัดงาน "มหกรรมท่องเที่ยวชายแดนใต้"ครั้งที่ 3 ขึ้นที่สนามกีฬา อิสลามวิทยาลัย แห่งประเทศไทย (ทุ่งครุ) กรุงเทพฯ ในวันที่ 2-3 พ.ค.ที่จะถึงนี้
นายอะหมาน หมัดอะดัม ผอ.ททท.สำนักงานนราธิวาส กล่าวว่า เพื่อต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวที่จะเดินลงไปในพื้นที่ เพื่อให้รู้ว่าคนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว
"การจัดงานในครั้งนี้ เพื่อต้องการกระตุ้น และสร้างการรับรู้ให้นักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางมาเที่ยวในพื้นที่มากขึ้น เพื่อสัมผัสกับวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ในดินแดนของอาณาจักรลังกาสุกะ ที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน "
"มีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ทั้งมัสยิดกรือเซะ จ.ปัตตานี มัสยิดแห่งแรกในพื้นที่ รวมไปถึงวังต่างๆ ที่ถูกสร้างขึ้นตามการแบ่งการปกครองเป็นหัวเมือง เช่น วังยะหริ่ง จ.ปัตตานี วังจะบังติกอ อ.เมือง จ.ปัตตานี ที่ยังมีอยู่ในปัจจุบัน รวมไปถึงสุสานต่างๆ ของเจ้าเมือง"ผอ.ททท.สำนักงานนราธิวาสกล่าว
กรณีการจัดงาน ที่ อิสลามวิทยาลัยแห่งประเทศไทย (ทุ่งครุ) ผอ.ททท.นราธิวาส เผยว่า บริเวณย่านทุ่งครุ เป็นนับว่าเป็นชุมชนขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ย่านฝั่งธน ซึ่งในบริเวณดังกล่าว มีมัสยิดกว่า 10 แห่ง พร้อมกันนั้น มีมุสลิมพักอาศัยหลายหมืนคน
พร้อมกันนั้น ทางสมาคมศิษย์เก่า อิสลามวิทยาลัย ก็พร้อมเป็นกำลังขับเคลื่อนในการประชาสัมพันธ์การจัดงานในครั้งนี้ได้เป็นอย่างดี โดยคาดหวังเป็นอย่างยิ่งการการจัดงานในครั้งนี้จะมีผู้มาเที่ยวชมงานไม่ต่ำกว่า 20,000 คนตลอดระยะเวลาดังกล่าว
นอกจากนี้ภายในงานยังประกอบไปด้วยกิจกรรมต่างๆ อาทิ การจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าหัตถกรรม อาหารพื้นบ้านที่หากินได้ยาก การแสดงดิเกร์ฮูลู การแสดงสีละ การบรรเลงดนตรีพื้นเมืองมลายู เป็นการรวบรวมเอาสิ่งที่น่าสนใจ ที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์ของความเป็นพื้นถิ่นมลายู ที่ไม่สามารถหาชมจากที่อื่นได้
สำหรับผู้สนใจร่วมกิจกรรมออกร้านค้า สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ 080-284-8000 หรือ www.muslimthaipost.com