เปิดปูมตำนาน โครงการประกันสุขภาพ 30 บาท แท้จริงแล้วเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา

วันนี้ 1 เมษายน 2557 เป็นวันดีที่ผมจะมาเล่าเกี่ยวกับโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ เรียกกันว่า 30 บาทรักษาทุกโรค ที่เกือบทุกท่านในพันทิปราชดำเนินมองว่าเป็นนโยบายที่ดีมาก สำหรับผู้มีรายได้น้อย ทั้งสองพรรคใหญ่ทั้ง 2 พรรคต่างพยายามแอบอ้างโครงการดังกล่าว โดยรัฐบาลชวนพยายามแอบอ้างว่านโยบายดังกล่าว ถูกริเริ่มขึ้นในสมัยตน ในขณะที่รัฐบาลทักษิณอ้างว่ารัฐบาลตนทำให้นโยบายนี้ เป็นจริง

แต่แท้จริงแล้วไม่ได้ถูกคิดค้นขึ้นในสมัยรัฐบาลทักษิณ รัฐบาลชวน แต่แนวคิดดังกล่าวมีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาและมิได้เกิดขึ้นในแผ่นดินสยามแต่อย่างใด หากแต่เป็นที่แผ่นดินกัมพูชาธิบดี

ในปีพุทธศักราชที่ 2123 บนดินแดนอาณาจักรเขมรละแวก มีบาทหลวงชาวสเปนผู้หนึ่งที่ได้เดินทางมากับ บาสรุย เฮอร์นาน กอนซาเลส กัปตันเรือสเปน ที่เข้ามารับใช้สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 หรือที่คนไทยเรียกกันว่าพระยาละแวกโดยบาทหลวงผู้นั้นได้ทำหน้าที่เป็นแพทย์คอยรักษาทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากการทำศึก เขาได้มีโอกาสออกเดินทางไปยังชนบทและพื้นที่ทุรกันดาร จึงพบว่าชาวบ้านในพื้นที่ชนบทนั้น เวลาเจ็บป่วยทำได้แค่ต้มยากินจากสมุนไพรตามมีตามเกิด ไม่ก็ต้องไปหาหมอผี ไม่มีโอกาสที่จะได้เข้าถึงการรักษาที่มีประสิทธิภาพได้เพราะไม่มีเงิน เขาจึงได้ตั้งโรงหมอรักษาคนไข้ด้วยวิชาความรู้บวกกับเครื่องไม้เครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยจากโลกตะวันตกในราคาเพียง 30 อัฐ ไม่ว่าจะป่วยเป็นโรคอะไรมา ก็รักษาในราคาเท่ากันหมด ทำให้ผู้คนพากันสรรเสริญยกย่องและทำให้ชื่อเสียงของบาทหลวงสเปนผู้นี้ขจรขยายออกไปจนในที่สุดเรื่องทราบไปถึงหูของพระยาละแวก ซึ่งขณะนั้นกำลังมีดำริปรับปรุงการสาธารณะสุขโดยได้ทำการฝึกหมอหลวงเพิ่มเพื่อกระจายไปทั่วราชอาณาจักร

พระยาละแวกได้เรียกบาทหลวงสเปนเข้าเฝ้าและได้ฟังแนวคิดดังกล่าวก็เกิดสนพระทัยเป็นอันมาก จึงได้รับแนวคิดดังกล่าวมาใช้ โดยประกาศให้หมอหลวงทุกคนรักษาประชาชนทุกโรคทุกชนชั้น ในราคา 30 อัฐ เท่ากันหมด ทำให้ชาวบ้านพากันสรรเสริญพระยาละแวกเป็นอันมาก และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้มีประชาชนสนับสนุนเพิ่มมากขึ้นอย่างล้นหลาม อย่างไรก็ตามพระยาละแวกหาได้ให้ความดีความชอบแก่บาทหลวงชาวสเปนผู้คิดค้นไม่ นอกจากนี้ยังทำประหนึ่งว่าแนวคิดดังกล่าวนั้นออกมาจากสมองของตัวพระยาละแวกเอง

ในกาลต่อมา พระยาละแวกได้ทำการทุรยศต่อพระเจ้ากรุงอโยธยา ยกทัพมารุกรานหัวเมืองของอโยธยาทุกครั้งที่ติดศึกกับหงสาวดี พระเจ้ากรุงอโยธยาจึงยกกองทัพมากำราบกรุงละแวก เพื่อมิให้กำเริบเสิบสานได้อีกต่อไป

ด้วยความเข้มแข็งของทหารอโยธยาบวกกับพระปรีชาสามารถด้านการรบของสมเด็จพระนเรศวร กองทัพละแวกจึงมิอาจต้านทานได้ พ่ายแพ้ยับเยินจนต้องหลบอยู่ในกำแพงเมือง ในภาวะสงครามทำให้มีผู้บาดเจ็บเยอะขึ้นในขณะที่กำลังคนรักษาไม่เพียงพอ ทำให้การรักษาเกิดการผิดพลาดบ่อยขึ้นจนชาวบ้านร้องเรียนต่อโรงหมอเหล่านี้เป็นอันมาก บวกกับค่าต้นทุนค่าเครื่องมือ ค่ายาที่สูงกว่าค่ารักษา ทางการจึงต้องแบกรับค่าใช้จ่ายเหล่านี้ นอกจากนี้นโยบายประชานิยมอื่นๆเช่น การรับซื้อข้าวจากชาวนาในราคาที่สูง กองทุนหมู่บ้าน ที่พระยาละแวกรับมาจากพ่อค้าชาวโปรตุเกสนามว่าดิเอโก เบโลโซ และโครงการสร้างเส้นทางเกวียนเชื่อมต่อไปยังล้านช้างและญวน ทำให้ทางการไม่อาจแบกรับค่าใช้จ่ายเกินตัวจากนโยบายเหล่านี้ได้อีกต่อไป ส่งผลให้เศรษฐกิจล้มละลาย ผู้คนอดอยากปากแห้ง อ่อนแอ จนในที่สุดกองทัพอโยธยาก็บุกเข้าเมืองมาได้สำเร็จและจับพระยาละแวกไว้ได้

พระยาละแวก มีความคับแค้นในความพ่ายแพ้ครั้งนี้เป็นอันมากก่อนที่พระยาละแวกจะถูกประหารในพิธีปฐมกรรม ในเขียนบันทึกลงในใบลาน เอาไว้ก่อนตาย โดยมีใจความว่า


" แม้ตัวข้านี้จะต้องลงไปสู่ยมโลกในเพลาอีกไม่กี่ครานี้แล้ว แต่เจตนารมณ์ที่จะแก้แค้นต่อสยามประเทศจักมิหมดสิ้นไปจนกว่าสยามประเทศจักพินาศเป็นผุยผง ข้าขออธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์หากชาติหน้ามีจริงแล้วไซร์ จักขอเกิดในแผ่นดินสยาม มียศฐาบรรดาศักดิ์เป็นเจ้าพระยา มีบริวารทรัพย์สมบัติมากมายกองเป็นภูเขา ยิ่งไปกว่านั้น ข้าขอสาบานว่าข้าและครอบครัวจะขอจดจำความแค้นนี้ไว้ หากเกิดมาในแผ่นดินสยามเมื่อใดข้าจักค่อยๆทำลายสยามประเทศจากข้างในไปทีละน้อย ข้าจักก่อความวุ่นวาย ยุยงสร้างความแตกแยกให้ชาวสยามต้องฆ่าฟันกันเองจนบ้านเมืองลุกเป็นไฟ ไม่มีวันสงบ และจักกอบโกยผลประโยชน์ทุกอย่างเท่าที่ตัวข้านั้นจักทำได้ เพื่อเป็นการล้างแค้นอย่างสาสมและเลือดเย็นที่สุด นอกจากนี้ ข้าขอให้บริวารทั้งหลายของข้าในภพนี้ ได้มาเกิดเป็นบริวารของข้าอีกในชาติหน้า เมื่อถึงเพลา พวกเจ้าจักจดจำข้าได้ จากสิ่งที่ข้าเคยทำ"


หลังจากเขียนข้อความสาปแช่งเสร็จพระยาละแวกก็ถูกประหาร พร้อมกับขุนพลคู่ใจ ประกอบด้วย ท้าวจตุพร พระยาปลอด ท้าวไพรพนาสาระคำ โดยหลังจากสิ้นพระยาละแวก และบาทหลวงสเปนได้กลับประเทศ แนวคิดนี้ก็ได้หายสาบสูญไป

พ.ศ.2544 แนวคิดนี้ได้ถูกค้นพบอีกครั้งได้ถูกส่งต้อไปยัง ผู้ที่มียศถาบรรดาศักดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี มีทรัพย์สมบัติมากมายกองเป็นภูเขา จากธุรกิจโทรคมนาคม นโยบายนี้ได้กลับมาอีกครั้ง ในชื่อของนโยบาย "30บาท รักษาทุกโรค" เมื่อนโยบายนี้ได้ถูกนำมาใช้ จึงเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า คำสาบจากจารึกใบลาน ได้ตื่นขึ้นแล้ว ตามที่เขียนไว้ว่า"บรรดาบริวารทั้งหลายจักจดจำข้าได้ ในสิ่งที่ข้าได้เคยทำ" บัดนี้ บริวารของพระยาละแวกได้ละรึกชาติและตื่นขึ้นแล้ว พระยาละแวกได้อวตาลกลับมาอีกครั้ง ในนามของอดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 แห่งสยามประเทศ

ในนามของ "พันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชิณวัตร"
.
.
.
.
.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่